ตอนที่ 12-35 เขี้ยวเล็บ
ขณะที่พวกเขาบินอยู่ในกลางอากาศลินลี่ย์เริ่มใช้สัมผัสเทพของเขาค้นหาโดยตรง
“ตะวันออกเฉียงใต้” ลินลี่ย์พบเซียนที่อยู่ใกล้ที่สุดได้โดยเร็ว “รัศมีเซียนผู้นี้มีความเป็นเอกลักษณ์มาก,และลักษณะของเขาแปลกประหลาดเช่นกัน เขาไม่ใช่มนุษย์”
“งั้นไปหาเขา” แววที่ดุร้ายและเย็นชาฉายผ่านดวงตาของเดลี่ “ฮึ่ม, มีโอกาสมากกว่า 90%ที่เซียนเหล่านี้ที่มาจากพิภพอื่นจะเชื่อฟังคำสั่งเทพที่ซ่อนเร้นผู้นั้น ถ้าพวกเขาไม่ได้เข้าร่วมในการเข่นฆ่า คงไม่มีทางที่พวกเขาจะมีชีวิตได้อย่างสุขสบายในจักรวรรดิโรฮอลท์เป็นแน่”
ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย
ถ้าคนผู้นี้ไม่ยินดีที่จะร่วมมือกับเทพตนนั้น มีแนวโน้มว่าเขาคงจะหนีไปนานแล้ว เขายังจะพำนักอยู่ในจักรวรรดิโรฮอลท์ได้อย่างไร?
ลินลี่ย์และเดลี่บินตรงไปหาเซียนจากต่างพิภพนั้นด้วยความเร็วสูง
บุรุษผิวดำร่างผอมโพกศีรษะรอบหัวนอนเอกเขนกอยู่บนเก้าอี้นวม ข้างตัวเขาเป็นสาวใช้งดงามกำลังถือถาดผลไม้ให้เขาด้วยความเคารพ บุรุษร่างผอมมีรอยยิ้มบนใบหน้า แต่หญิงรับใช้เหล่านี้มีแววกระวนกระวาย
พวกนางทุกคนรู้ว่าอารมณ์ของเจ้านายพวกนางแปลกประหลาดมาก แม้ว่าเขากำลังหัวเราะอย่างสนุกสนานอยู่ในตอนนี้ แต่บางครั้งเขาจะเริ่มหวดทำร้ายพวกนางอย่างรุนแรง
“ชีวิตแบบนี้ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ” บุรุษร่างผอมดำถอนหายใจพูด
เขามาถึงทวีปยูลานสี่ปีแล้วชีวิตของเขาในทวีปยูลานน่ารื่นรมย์ยิ่งกว่าการอยู่ในพิภพจองจำเกบาโดสเป็นพันเท่า ในสถานที่นั้น เขาเป็นคนระดับต่ำ แต่ในทวีปยูลานนี้ เขาควบคุมความเป็นความตายของคนอื่นได้อย่างง่ายดาย
“ข้ามาช้าไปเล็กน้อย สหายหลายคนมาถึงเมื่อหกปีที่แล้ว” บุรุษผอมรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย
ในเทือกเขาอสูรวิเศษที่หุบเขาหมอกเป็นที่ซึ่งไม่มั่นคงจริงๆกล่าวโดยทั่วไปเทพระดับต้นสามารถฉีกผ่านมิติและมาถึงที่ทวีปยูลานได้ แม้แต่เซียนเองก็ยังสามารถฉีกมิติและมาถึงทวีปยูลานได้ด้วยตนเองถ้าเพียงแต่ทั้งแปดคนร่วมกำลังกัน
“อืม, เจ้า..เข้ามานี่” สายตาของบุรุษผอมกวาดผ่านไปที่สาวใช้ใกล้ๆ
สาวใช้นั้นคุกเข่าด้วยความเคารพทันที ชูถาดผลไม้ขึ้นสูงตอนนี้บุรุษผอมหยิบผลไม้ชิ้นหนึ่งกินอย่างพอใจ ในใจของเขา เขาพูดกับตนเอง “ใครจะคิดว่าข้าบลูมจะสามารถสนุกกับสิ่งเหล่านี้ได้ ในพิภพจองจำเกบาโดสผลไม้คือสิ่งที่มีแต่เทพเท่านั้นจึงจะกินได้อย่างมีความสุข”
เพียงแต่เมื่อมีความชัดเจนขึ้น คนจะรู้ตัวว่าโชคดีเพียงไหน
เพียงแต่คนเราสูญเสียบางสิ่งไปเขาจะรู้ว่านั่นมันล้ำค่าเพียงไหน
บลูมตอนอยู่ในพิภพเดิมของเขาก็เป็นคนสำคัญเช่นกัน แต่เมื่อเขามีอำนาจ เขาไม่สนใจอะไรมากเกินไป
หลังจากถูกกักอยู่ในเกบาโดสมายาวนาน เขาเรียนรู้ว่าจะสำราญกับพลังอำนาจอย่างไร
“หือ?”ตาของบลูมตระหนักได้ทันทีว่ามีคนสองคนปรากฏตัวอยู่ที่หอโถงใหญ่ บลูมหวาดกลัวทันที เขาเป็นแค่เซียนสุดยอดคนหนึ่ง แต่สองคนนี้ปรากฏตัวในห้องโถงอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เขาจ้องมองดูพวกเขา ก็พบว่า...
บลูมลุกขึ้นยืนทันที
“ใต้เท้า, ท่านเป็นใคร?” มารยาทของบลูมแสดงออกว่ามีความเคารพมาก
บลูมมีความรู้สึกแปลกเหมือนกับว่าเขากลับไปยังเกบาโดสอีกครั้งหนึ่งนี่คือความรู้สึกตอนที่เขาเผชิญหน้ากับเทพที่เขาจำต้องยอมสยบ คนที่อยู่ข้างหน้าบลูมก็คือลินลี่ย์กับเดลี่
“นายท่านมีอะไร...” หญิงรับใช้ตกใจ พวกนางเห็นกับตาว่าเจ้านายของพวกนางทรงพลังเพียงไหน
“ให้พวกนางออกไป” เดลี่กล่าว
บลูมมองหญิงรับใช้เหล่านั้นทันที ใช้สายตากระตุ้นให้พวกนางออกไป พวกสาวใช้ออกไปอย่างระมัดระวังและกระวนกระวาย ขณะที่ออกไปพวกนางทุกคนลอบชำเลืองมองดูลินลี่ย์และเดลี่ด้วยความสงสัยและกลัว
คนที่สามารถทำให้เจ้านายพวกนางกลัวได้จะน่ากลัวมากมายขนาดไหน?
“เรามาจากพิภพยูลาน” ลินลี่ย์กล่าว
บลูมตะลึง
แต่ในขณะต่อมาเขาตระหนักว่าชุดสีฟ้าที่บุรุษผู้นี้สวมอยู่นั้นหมายความว่าอะไร เห็นได้ชัดเลยว่าพวกเขารู้แล้วว่าเขามาจากไหน
“เจ้าควรจะรู้ว่าอะไรทำให้เราต้องเดินทางมาที่นี่ใช่ไหม?” ลินลี่ย์และเดลี่มีสีหน้าเย็นชา
หัวใจบลูมสั่นสะท้าน เป็นไปได้ไหมว่า...?
บลูมฝืนยิ้ม “ใต้เท้า ข้าไม่รู้ว่าทำไม...”
“ฮึ่ม...” ลินลี่ย์แค่นเสียงเย็นชาและไม่พอใจ “อย่าบอกข้านะว่าเจ้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในช่วงเวลาอย่างนี้ในจักรวรรดิโรฮอลท์ พูดไป,เทพตนใดกำกับอยู่หลังฉากก่อให้เกิดความตายแก่ผู้คนร้อยล้าน?”
บลูมใจหวิวทันที เขาต้องการพูด แต่เขาไม่กล้าเขารู้ว่าเทพตนนั้นน่ากลัวเพียงไหน
“ใต้เท้า, ข้าเป็นเพียงเซียนชั้นสูง ข้าจะรู้ได้ยังไง...”
“ผัวะ!”
ฝ่ามือข้างหนึ่งตบใส่หน้าบลูมปลิวกระเด็นไปเหมือนกระสอบทรายเลือดกระจายไปทุกที่ แม้แต่ฟันหลายซี่ของเขาก็กระเด็นออกมา ร่างเขากลิ้งอยู่ในกลางอากาศหลายรอบก่อนจะกองลงกับพื้น
“ไวมาก” บลูมลอบทึ่งในใจ เขาไม่เห็นแม้แต่การเคลื่อนไหว
ลินลี่ย์ชำเลืองมอบลูมอย่างเย็นชา จากนั้นพูดอย่างใจเย็น “ถ้าเจ้าไม่บอกเรา เจ้าจะต้องตายตอนนี้ ถ้าเจ้าบอกเรา..เทพนั้นอาจไม่จำเป็นต้องฆ่าเจ้าก็ได้”
“ใต้เท้า, ข้าจะบอก ข้าจะบอกแล้ว” อยู่ต่อหน้าลินลี่ย์และเดลี่บลูมไม่กล้าเล่นลูกไม้อะไรแม้แต่น้อย เขาตอบทันที “เรื่องการฆ่ามนุษย์มากมายและรวบรวมวิญญาณพวกเขาเป็นการกำกับสั่งการโดยลอร์ดโบมอนต์
“โบมอนต์?” ลินลี่ย์และเดลี่ชำเลืองมองดูกัน
ยังเป็นชื่อประหลาดอีกชื่อหนึ่ง
ยังมีเทพอีกตนหนึ่งหรือนี่!
เดลี่พูดอย่างเย็นชา “โบมอนต์ข้าคาดว่าโบมอนต์ผู้นี้คงไม่ได้ไปฆ่ามนุษย์ด้วยตัวเองใช่ไหม?”
บลูมลังเลเล็กน้อย แต่เมื่อได้ยินเสียงแค่นเย็นชาของลินลี่ย์ เขารีบตอบ “แน่นอนลอร์ดโบมอนต์ไม่ได้ลงมือเอง เขาสั่งเซียนหลายคนให้ลงมือแทนเขา ทุกคนที่ช่วยลอร์ดโบมอนต์จะได้รับผลประโยชน์บางส่วน” บลูมในตอนนี้ตระหนักว่าบุรุษที่อยู่ต่อหน้าเขาเหล่านี้มีแนวโน้มหาความยุ่งยากให้โบมอนต์แน่
“เซียนหลายคน ข้าคาดว่าเจ้าก็เป็นหนึ่งในพวกเขา” เดลี่แค่นเสียง
“ไม่ ไม่ ไม่ใช่ข้า” บลูมรีบตอบ บลูมกลัวว่าคนเหล่านี้จะฆ่าเขาทันทีด้วยความโกรธ เขาจะกล้ายอมรับว่ามีส่วนร่วมได้ยังไง?
ลินลี่ย์หัวเราะเย็นชา ความจริงหัวข้อนี้ไม่มีประโยชน์อะไรเลย ที่สำคัญ พวกเขาไม่อยู่แล้ว
“ก็ได้ ข้าขอถามเจ้า โบมอนต์อยู่ที่ไหน?” ลินลี่ย์ตะคอก
บลูมส่ายศีรษะโดยไม่รู้ตัว
“หืม?”ลินลี่ย์สีหน้าเปลี่ยนและเขาเริ่มจ้องบลูมอย่างเย็นชา “ดูเหมือนเจ้าจะมีความภักดีต่อโบมอนต์จริงๆ”
บลูมสีหน้าเปลี่ยนทันที เขารีบกล่าว “ข้าไม่รู้จริงๆ ใต้เท้า ข้ากำลังพูดความจริงข้ารู้อยู่อย่างเดียว ลอร์ดโบมอนต์ไม่ค่อยได้อยู่ในทวีปยูลาน เขาอยู่ในทะเลไร้ขอบเขต”
ลินลี่ย์และเดลี่จ้องมองกัน ทั้งสองคนรู้สึกว่าสถานการณ์เป็นปริศนามากขึ้น
ทะเล?
แม้ว่าลินลี่ย์จะดูดกลืนแก่นวิญญาณถึงยี่สิบล้านดวงและสัมผัสเทพของเขาจะทรงพลังก็ตาม แต่สัมผัสเทพของลินลี่ย์ก็ยังครอบคลุมพื้นที่ระยะหมื่นกิโลเมตร ในทวีปยูลานถือว่ามีขนาดค่อนข้างใหญ่ แต่ในทะเลไร้ขอบเขตนั่นแทบไม่มีอะไรแม้แต่น้อย นอกจากนี้ใครจะรู้ว่าโบมอนต์อยู่บนผิวทะเลหรือก้นทะเล?
“ปกติเจ้าสื่อสารกันได้ยังไง?” เดลี่ตะคอกใส่
“เราไม่ได้สื่อสารกัน...” บลูมรีบพูด
“เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว” ลินลี่ย์พูดเย็นชา “เจ้าสามารถพักอยู่ในจักรวรรดิโรฮอลท์แล้วเจ้าจะไม่มีการสื่อสารกับโบมอนต์ได้ยังไง? ถ้าเจ้ายังโกหกเราต่อไป, คงจะรู้สินะว่าผลจะลงเอยเช่นใด” ลินลี่ย์โกรธจริงๆ เขาสามารถบอกได้ว่าบลูมผู้นี้ไม่บอกความจริงแก่เขาทั้งหมด
วิธีที่ดีในการโกหกก็คือพูดจริงปนเท็จ
บลูหวาดกลัว เขาตอบตามความสัตย์ทันที “ใต้เท้า, ลอร์ดโบมอนต์ระมัดระวังตัวมาก ปกติเขาแค่หาเราโดยใช้สำนึกเทพของเขาแต่ละครั้งเขาจะจัดการให้เราทำงานให้เขา เขาสัญญากับเราว่าหลังจากกลั่นมุกวิญญาณทองเสร็จเราจะได้ประโยชน์ส่วนหนึ่ง”
มุกวิญญาณทอง?
ลินลี่ย์เริ่มเข้าใจ การกลั่นแก่นวิญญาณไม่จำเป็นต้องกำหนดจำนวนที่แน่นอนของวิญญาณ
ตัวอย่างเช่นแก่นวิญญาณยี่สิบล้านดวงสามารถกลั่นเป็นมุกวิญญาณทองขนาด 2-3 เซนติเมตรได้ แต่แก่นวิญญาณล้านดวงสามารถกลั่นเป็นมุกวิญญาณทองที่มีขนาดเล็กกว่า
“โบมอนต์ผู้นี้ยังสามารถกลั่นวิญญาณได้หรือนี่?” ในที่สุดลินลี่ย์ก็ถามถึงปัญหาที่เขาต้องการถามได้
ก็ควรจะเป็นเทพชั้นต้นเพียงไม่กี่คนที่ฝึกในวิถีมรณะ
“ลอร์ดโบมอนต์ไม่สามารถกลั่นวิญญาณได้”บลูมกล่าวด้วยความมั่นใจ “เราทุกคนรู้เรื่องนี้ดี เราได้ยินว่าบรรดาเทพชั้นต้นมีเพียงพ่อมดผู้วิเศษที่สามารถกลั่นวิญญาณได้ แต่ข้าได้ยินมาว่าพ่อมดผู้วิเศษตายไปเมื่อสามปีก่อน”บลูมอยู่ในคุกเกบาโดสมานาน เขารู้อยู่หลายเรื่อง
ลินลี่ย์เข้าใจทันทีว่าพ่อมดผู้วิเศษนี้คือคนที่เขาได้ฆ่าตายไปแล้ว
“ถ้าเขาไม่สามารถกลั่นวิญญาณได้ ทำไมเขาถึงรวบรวมวิญญาณ?” เดลี่ถามตรงๆ
“ข้าเองก็ไม่รู้คำตอบเรื่องนั้นเหมือนกัน” บลูมตอบ
“โบมอนต์ไปหาพวกเจ้าบ่อยแค่ไหน?” ลินลี่ย์ถามเย็นชา
บลูมรีบตอบ “กล่าวโดยทั่วไปทุกสี่ถึงห้าวัน” เขาไม่กล้าบอกความจริงทั้งหมด เหตุผลที่เป็นทุกสี่หรือห้าวันเป็นเพราะโบมอนต์จะสั่งพวกเขาให้ส่งมอบผลึกกักวิญญาณด้วยการส่งมอบกับมือ
“โบมอนต์ผู้นี้มีพลังมากแค่ไหน,เทียบกับพ่อมดผู้วิเศษนั้น?” ลินลี่ย์ถาม
บลูมฝืนหัวเราะ “พวกเขาเป็นเทพกันทั้งนั้น สำหรับคนอย่างเรา พวกเขาเป็นระดับที่เหนือเราอย่างห่างไกล ข้าไม่แน่ใจ แต่ข้าได้ยินมาว่าลอร์ดโบมอนต์มีพลังมากกว่า”
ลินลี่ย์และเดลี่มองหน้ากันเองและสื่อสารถึงกัน
“ก็ดี” ลินลี่ย์พูดกับบลูม “จำเอาไว้ ครั้งต่อไปที่โบมอนต์ติดต่อเจ้าบอกเขาให้มาพบข้าที่ปราสาทเลือดมังกร ข้าคาดว่า.. เขาสามารถคาดเดาได้ว่าใครกำลังตามหาเขา” ลินลี่ย์ไม่พยายามปกปิดสถานะต่อไป
ที่สำคัญ....
เทพทั้งหมดในปัจจุบันรู้กันดีแล้วในตอนนี้ มีเทพมนุษย์ในยูลานเพียงสองคนในตอนนี้คือลินลี่ย์กับเดลี่ ไม่จำเป็นต้องพูดมากความ
“ได้, ข้าจะจำเอาไว้แน่นอน” บลูกก้มหัวอย่างหวาดกลัวและนับถือ
แต่เวลาผ่านไปเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นลินลี่ย์กับเดลี่ก็หายไปจากโถงใหญ่แล้ว ถึงตอนนี้บลูมจึงกล้าระบายลมหายใจ “ชีวิตของข้าปลอดภัยแล้ว อย่างน้อยก็ช่วงนี้”
โบมอนต์ซ่อนตัวอยู่ในทะเลไร้ขอบเขตจริงๆ หรือ? เป็นเรื่องยากที่จะหาตำแหน่งเขา ลินลี่ย์และเดลี่ถูกบังคับให้ต้องกลับไปชั่วคราว ลินลี่ย์เดลี่ทั้งสองคนรู้สึกคลุมเครือกับข้อสงสัยในการจัดการกับโบมอนต์
“ลินลี่ย์, เจ้าบอกว่าเราควรจะฆ่าเขาใช่ไหม?” เดลี่มองดูลินลี่ย์ “ที่สำคัญที่สุดคือโบมอนต์แข็งแกร่งมากว่าคนที่เรียกกันว่าพ่อมดผู้วิเศษ แต่เราเป็นเทพที่เพิ่งเข้าถึงระดับเทพชั้นต้น เราจะไปเทียบกับเขาได้ยงไง? ถ้าเรากระทำการต่อต้านเขาโอกาสสำเร็จของเราคงไม่สูง”
ลินลี่ย์ฟังต่อ
เดลี่พูดอย่างจริงจัง “นั่นคือปัญหาแรก ปัญหาที่สองก็คือ แม้ว่าเราจะสามารถฆ่าโบมอนต์ได้ ข้าคิดว่าก็ยังได้รับบาดเจ็บหนักอยู่ดี นอกจากนี้เราไม่รู้ว่าตอนนี้ในทวีปยูลานมีเทพอยู่เท่าไหร่ ถ้าเราสามารถฆ่าโบมอนต์ได้ นั่นจะเป็นเรื่องดี ถ้าเรากลับถูกเขาฆ่าเองเล่า อย่างนั้น..จะไม่มีแม้แต่คนเดียวสามารถคุกคามพวกเทพจากพิภพอื่นนั้นได้เลย”
ลินลี่ย์พยักหน้า
นี่คือปัญหาหนึ่งแน่นอน
ความจริงทวีปยูลานยังมีคนอื่นๆ ปรากฏอยู่ เบรุต แต่เบรุตเป็นเพียงอสูรวิเศษ! สำหรับอสูรวิเศษไม่มีความแตกต่างกันระหว่างเผ่าพันธุ์มนุษย์และเผ่าพันธุ์อสูรระดับเทพมากนัก เมื่อไดลินระเบิดพลังออกมาจากเทือกเขาอสูรเวทในวันสิ้นโลกมีมนุษย์ต้องตายไปมากมายเท่าใด?
นอกจากนี้...
เบรุตยังพูดว่าความต้องการของเขาคือไม่ให้ใครก่อเรื่องยุ่งยากในสิบแปดแคว้นอิสระแดนเหนือหรือในป่าดำ เขาไม่เคยบอกว่าห้ามมิให้ยอดฝีมือต่างพิภพสังหารหมู่มนุษย์
“ปัญหาที่สำคัญที่สุดก็คือว่าเรายังแข็งแกร่งไม่พอและว่ามีเทพปรากฏตัวน้อยเกินไป” เดลี่ขมวดคิ้วพูด “เว้นแต่ทั้งหมดนี้ผิดพลาด จะดีที่สุดถ้าเราไม่สู้กับโบมอนต์จนตาย” แม้ว่าบทสรุปนี้จะค่อนข้างเต็มกลืนความจริงก็คือศัตรูแข็งแกร่งเกินไป
ถ้าพวกเขาไม่สามารถฆ่าศัตรูได้ก็คงเป็นฝ่ายถูกฆ่าเอง มนุษย์ของทวีปยูลานทั้งหมดคงถูกจัดการหมดสิ้นไม่ใช่หรือ?
“ต่อให้เราฆ่าเขาไม่ได้ เราก็ต้องขับไล่เขาออกไปจากทวีปยูลานและชิงแก่นวิญญาณทั้งหมดที่เขาเอาไป มิฉะนั้น... ข้าต้องการดูว่าสามารถฆ่าเขาได้หรือไม่” ลินลี่ย์ไม่เหมือนกับเดลี่ เขามีพลังมากกว่าเมื่อสามปีที่แล้วมากมาย
เดลี่มองดูลินลี่ย์ รอให้พูดบางอย่าง
แต่ทันใดนั้น..
ทั้งลินลี่ย์และเดลี่หันหน้าไปทางทิศเหนือ
“ยังมีอีกคนที่กลายเป็นเทพอย่างนั้นหรือ?” ดวงตาของลินลี่ย์และเดลี่เต็มไปด้วยความตกใจ การจุติกฎธาตุธรรมชาติครอบคลุมทวีปยูลานอีกครั้ง แม้ว่าจะอยู่ห่างไกล แต่ระลอกพลังจุตินั้นลินลี่ย์กับเดลี่สามารถรู้สึกได้