ตอนที่ 12-33 คลื่นผู้อพยพ
ลึกเข้าไปภายในปราสาทเลือดมังกร ภายในห้องมิติ
ลินลี่ย์นั่งอยู่กับพื้นในท่าทำสมาธิ ดาบหนักอดาแมนเทียมวางพาดอยู่บนขาของเขา ลินลี่ย์ใช้พลังจิตในปัจจุบันเพื่อรวมและหล่อเลี้ยงไว้เขาไม่กล้าใช้พลังเทพของเขา ตามแผนการของลินลี่ย์ เมื่อเขามีร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ธาตุดินในคราวต่อไป เขาจะใช้ร่างแยกดินศักดิ์สิทธิ์กวัดแกว่งใช้อาวุธ
ดังนั้น เขาต้องใช้พลังเทพสายธาตุดินหล่อเลี้ยง แต่ตอนนี้พลังศักดิ์สิทธิ์ในร่างลินลี่ย์เป็นพลังศักดิ์สิทธิ์สายธาตุลม
“ตง!” “ตง!”เสียงชีพจรโลกเต้นไม่เหมือนใครดังขึ้นในใจของลินลี่ย์
หลังจากกลายเป็นเทพและดูดกลืนแก่วิญญาณยี่สิบล้านดวง ในปัจจุบันนี้วิญญาณของลินลี่ย์ก็ทรงพลังมากไปแล้ว และเขาสามารถรู้สึกได้ถึงชีพจรโลกได้ ภายในใจของลินลี่ย์การมองเห็นก็ปรากฏให้เห็นในใจ หัวใจของโลกเต้นในจังหวะเฉพาะไม่เหมือนใคร
ด้วยจังหวะเต้นแต่ละครั้ง ระลอกเหมือนน้ำแผ่กระจายออก
จากการหลอมรวมคลื่น 64 ชั้นเป็นคลื่น 32 ชั้นลินลี่ย์ต้องการเวลาสามเดือน
แต่การหลอมรวมจากคลื่น 32 ชั้นเป็น 16 ชั้นลินลี่ย์ต้องใช้เวลาหนึ่งปีและสามเดือน และนี่คือหลังจากวิญญาณของลินลี่ย์เปลี่ยนไป มีความสามารถตั้งสมมติฐานและแสดงภาพของเขาเพิ่มขึ้นเป็นร้อยเท่า
“ถ้าข้ายังเป็นเซียนระดับสูงสุดอยู่มีแนวโน้มว่าข้าจะต้องใช้เวลาเกินกว่าร้อยปีก่อนจะหลอมรวมคลื่น 32 ชั้นไปเป็นคลื่น16 ชั้น”
ลินลี่ย์บรรลุระดับคลื่น 16 ชั้นแล้วแต่เขาไม่หยุดแม้แต่น้อย ยังคงฝึกต่อไป
จากคลื่น 16 ชั้นเป็นคลื่น 8ชั้นทั้งหมดที่เขาต้องทำก็คือหลอมรวมทั้งหมดให้เป็นแปดคู่จำนวนในการหลอมรวมไม่สู้มาก... แต่ทุกครั้งที่หลอมรวมมีความซับซ้อนมากจนลินลี่ย์รู้สึกว่ายากมาก
ภายในใจของลินลี่ย์
ภาพดาบหนักอดาแมนเทียมสิบหกเล่มเคลื่อนไหวต่อเนื่องอย่างรวดเร็วมาก ในทุกวินาทีสามารถเปลี่ยนได้หลายหมื่นครั้งภาพที่แสดงให้เห็นไม่มีหยุดนี้เป็นผลให้มีความก้าวหน้าเป็นครั้งคราว ขณะเดียวกันเขายังคงปรับตัวให้เข้ากับความรู้สึกการเต้นชีพจรโลกเองและกำหนดทิศทางที่ถูกที่เขาควรลอง
ซับซ้อนมาก
“ต่อเมื่อข้าหลอมรวมจนเป็นหนึ่งได้ ข้าจะเชี่ยวชาญเข้าใจชีพจรโลกได้อย่างแท้จริง”ยิ่งเขาฝืนฝึกอย่างยากลำบาก ลินลี่ย์ก็ยิ่งได้แต่ถอนหายใจลำบากมากขึ้น “แต่ในแต่ละลำดับชั้นยิ่งหลอมรวมพลังคลื่นได้ยากถึงสิบเท่า จากการหลอมรวมคลื่น 16 ชั้นให้เป็นคลื่น 8ชั้นอาจจะต้องใช้เวลาหลายปี”
ลินลี่ย์ไม่สนใจมากนักกับเวลาหลายปี
แต่ลินลี่ย์รู้สึกว่าจากการหลอมรวมคลื่น8 ชั้นเป็นคลื่น 4 ชั้นคงจะใช้เวลานานขึ้น และจากนั้นเขาจะต้องหลอมรวมให้เป็นคลื่นสองชั้น ก่อนบรรลุถึงเป้าหมายสุดท้ายของพลังชีพจรโลกพลังคลื่นแท้จริงชั้นเดียว
ก้าวสุดท้ายนั้นคืออุปสรรค!
สำหรับนักสู้อย่างเดลี่อุปสรรคนั้นทำให้พวกเขาชะงักมาเป็นเวลาหลายพันปี
“จะให้คลื่นเหล่านั้นกลายเป็นหนึ่ง! ข้าไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานเท่าใดกว่าจะทำได้สำเร็จวิชาชีพจรโลกที่แท้จริง” ลินลี่ย์ยังเต็มไปด้วยความคาดหวังแต่พลังสัจจธรรมภายใจวิชาชีพจรโลก เขามีความรู้สึกว่าเมื่อความรู้ที่ลึกซึ้งของเขาเชี่ยวชาญพลังของมันจะต้องพิเศษอย่างแน่นอน
ตั้งแต่เขาได้สนทนากับมูบา ลินลี่ย์ฝึกต่อมาอีกสามปี
ภายในสามปีนี้ ลินลี่ย์ยังคงติดอยู่ที่พลังชีพจรโลกคลื่น 16ชั้น เขาต้องฝึกฝนอย่างหนักกว่าจะบรรลุผ่านระดับคลื่น8 ชั้น สำหรับสัจธรรมแห่งความเร็ว แม้ว่าเขาจะมีความก้าวหน้าบ้างแต่เมื่อเทียบกับความกว้างไกลของสัจธรรมแห่งความเร็วแล้วความก้าวหน้าของเขาไม่ได้มีมากนัก
“สิ่งที่เทพสงครามได้พูดก่อนนั้นเป็นเรื่องแท้จริง ถ้าความเข้าใจในเรื่องกฎธรรมชาติของคนผู้หนึ่งสามารถประเมินได้เป็นเปอร์เซ็นต์แล้วอย่างนั้นหลังจากเขาเชี่ยวชาญกฎธาตุได้ 10%ก็จะกลายเป็นเทพชั้นกลางได้ ตอนนี้ความเข้าใจของข้าในสัจธรรมแห่งความเร็วบางทีแค่หนึ่งในสิบของสัจธรรมแห่งความเร็วกล่าวได้ว่าไม่มีอะไรสำหรับกฎธรรมชาติธาตุลม”
ลินลี่ย์ไม่เร่งร้อน
เขาเพิ่งฝึกมาได้ไม่กี่สิบปี เขารู้ว่าเขาควรจะพอใจกับความสำเร็จที่เขามีอยู่แล้ว
มีคนผู้น่าสงสารบางส่วนที่ติดค้างอยู่ที่ระดับเซียนสุดยอดมาเป็นสิบล้านปีก็ยังมี
ภายในสามปีลินลี่ย์ก็มีความก้าวหน้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือ...
ในวิญญาณของเขา!
หลังจากดูดซับแก่นวิญญาณยี่สิบล้านดวงคุณภาพของวิญญาณลินลี่ย์ก็เพิ่มขึ้นมากมาย และความสามารถในการควบคุมวิญญาณของเขาก็แข็งแกร่งขึ้นมากเช่นกันในตอนนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหล่อเลี้ยงของพลังงานศรัทธาทำให้พลังจิตของลินลี่ย์บริสุทธิ์กว่าแต่ก่อนและควบคุมได้ง่ายมากขึ้น
ในอดีต ลินลี่ย์สามารถขยายหรือติดต่อทางพลังจิตได้ แต่ตอนนี้ลินลี่ย์สามารถควบคุมได้โดยไม่ต้องใช้พลังมากมาย
ตัวอย่างเช่น...
พลังป้องกันวิญญาณ
ลินลี่ย์สามารถควบคุมปริมาณพลังจิตจำนวนมหาศาลได้เหมือนกับเป็นปราณยุทธการสร้างชีพจรป้องกันทำได้โดยผ่านการใช้พลังจิตซึ่งจะช่วยสร้างเยื่อพลังกลมคลุมรอบวิญญาณรูปกระบี่และปกป้องเอาไว้ได้ ชีพจรป้องกันนี้ของพลังจิตนี้มีพลังมากกว่ากลุ่มพลังที่ลินลี่ย์เคยใช้อุดพลังป้องกันที่ฉีกขาดของเขาเองในอดีต
“ในอดีต ไม่ใช่ว่าข้าไม่มีความคิดต้องการจะทำ เพียงแต่ข้าไม่มีพลังพอจะควบคุมพลังจิตได้”
ลินลี่ย์รู้สึกตื่นเต้นมาก
ยิ่งพลังวิญญาณมากขึ้นการเปลี่ยนแปลงพลังจิตของเขาก็ทำได้ดี และนำการเปลี่ยนแปลงมาหลายอย่าง
“พี่ใหญ่” เสียงของวอร์ตันดังขึ้นขณะที่เขาเดินผ่านห้องมิติเข้ามา
ลินลี่ย์ลืมตา
“พี่ใหญ่, อีกสองวันจะถึงเทศกาลยูลาน” วอร์ตันกล่าว ลินลี่ย์กับเดเลียจะหยุดการฝึกทั่วไปในช่วงเทศกาลยูลานลินลี่ย์กับเดเลียมองหน้ากันและลุกขึ้นตามวอร์ตันออกมา
เทศกาลยูลาน วันหยุดที่สำคัญที่สุดของทวีปยูลาน
แม้แต่ในช่วงเวลาสงครามระหว่างวันเหล่านี้ยังมีการหยุดสู้รบชั่วคราวเพื่อให้นักรบและสามัญชนได้สนุกเพลิดเพลินกับงานเทศกาลยูลาน อย่างไรก็ตาม...ตอนนี้ประชาชนจักรวรรดิโรฮอลท์ตกอยู่ในความหวาดผวา เศร้าโศกและโกรธแค้น!
“อย่ากลัวไปเลยลูก,เราเกือบจะถึงอยู่แล้ว” สตรีผอมคนหนึ่งสวมชุดขาดรุ่งริ่งพาลูกขี่หลังนางวิ่งขึ้นเหนือไม่หยุด
“แม่, พ่ออยู่ไหน?” เด็กอายุห้าหรือหกขวบที่อยู่บนหลังของนางมีท่าทางสับสน “เมื่อไหร่พ่อจะมาพบเรา? ข้าอยากเห็นพ่อ” เมื่อได้ยินคำนี้ ตาของสตรีผู้นั้นแดงทันที “ไม่เป็นไรลูก เราจะได้พบพ่อในไม่ช้า”
แต่สตรีนั้นรู้ดีอยู่แก่ใจนางว่า...สองแม่ลูกจะไม่มีทางได้พบเจอพ่อของเด็กอีก
ไม่ใช่แค่สองคนเท่านั้น ยังมีประชาชนอื่นที่หนีมาด้วยเช่นกัน ตลอดถนนเต็มไปด้วยผู้คนหอบสมบัติหนี
คลื่นผู้อพยพ!
วันนี้วันที่ 1 มกราคมศักราชยูลานที่ 10044น่าจะเป็นวันที่ได้ฉลองกันอย่างมีความสุข
แต่ตอนนี้จักรวรรดิบาลุคและโรฮอลท์ถูกกั้นโดยแม่น้ำธรรมชาติ จักวรรดิโรฮอลท์มีเซียนระดับสุดยอดสองคน ขณะที่ฝ่ายจักรวรรดิบาลุคมีลินลี่ย์ โดยเฉพาะลินลี่ย์กลายเป็นเทพไปแล้วในตอนนี้ก็ไม่ได้รีบร้อนเร่งพิชิตศึก
ทั้งสองฝ่ายอยู่ในสภาวะชะงักงันตามธรรมชาติ
ที่ผ่านมาไม่กี่ปีนี้กองทัพใหญ่ทั้งสองฝ่ายถูกกั้นโดยแม่น้ำธรรมชาติ
“เจ้าเรียกนี้ว่าสงครามหรือ?” ทหารฝั่งจักรวรรดิบาลุคกำลังบ่น “ข้าถูกส่งมาแนวหน้าสองปีแล้วแต่ข้าไม่เคยฆ่าศัตรูเลยสักคน ทั้งหมดที่เราทำคือยืนเฝ้าและฝึก และที่เหลือ..น่าเบื่อมาก”
“ดีแล้วไม่ใช่หรือ? คนจะตายเพราะสงคราม” เห็นได้ชัดว่าทหารคนที่อยู่ใกล้เขาไม่ชอบสงคราม
“แต่สงครามก็น่าตื่นเต้นเช่นกัน ชีวิตแบบนี้มันน่าเบื่อจะตาย” ทหารหนุ่มอีกคนบ่น ทันใดนั้นเขาได้ยินเสียงสับสนวุ่นวายดังมาจากอีกฝั่งหนึ่ง เขารีบหันไปดู “เฮ้ ดูสิ เกิดอะไรขึ้นที่ฝั่งตรงข้าม?” ความจริงค่ายทหารทั้งสองจักรวรรดิถูกแม่น้ำกั้นไว้อยู่ห่างกันสามกิโลเมตร
ทหารทุกคนเคลื่อนกำลังไปข้างหน้า
“ผู้ลี้ภัย ผู้ลี้ภัยมากมายนัก” ทหารทั้งสองฝ่ายตกใจ
ผู้ลี้ภัยจำนวนมหาศาลหลั่งไหลมารอบๆค่ายทหารตรงไปที่สะพานใหญ่เพื่อข้าแม่น้ำ เพียงสะพานคุ้มกันโดยทหารทั้งสองฝ่าย อย่างไรก็ตามมีผู้อพยพมากเกินไป และรอบตัวพวกเขาก็มีคนที่แข็งแกร่งเช่นกัน
ในไม่ช้าคลื่นผู้ลี้ภัยก็บุกตรงเข้ามา
ความจริงทหารของแต่ละฝ่ายไม่ได้พยายามจะหยุดพวกเขาแต่ประการใด
“เกิดอะไรขึ้น?” ทหารทั้งสองฝ่ายงง
“ใครจะสนกันเล่า ตราบใดที่ผู้ลี้ภัยไม่ได้โจมตีค่ายทหาร ก็อย่าไปยุ่งกับพวกเขา” กับการรบภาคพื้นดินที่หยุดชะงักมาสองปีแล้วทหารของทั้งสองฝ่ายไม่ได้ระมัดระวังกันมากนัก กล่าวโดยทั่วไป ผู้ลี้ภัยไม่ได้บุกค่ายทหาร พวกเขาก็จะไม่โจมตีเช่นกัน
พวกเขาเป็นแค่ผู้ลี้ภัย
อย่างไรก็ตาม...
ตั้งแต่วันนั้นคลื่นผู้ลี้ภัยระลอกแล้วระลอกเล่าข้ามชายแดนระหว่างประเทศทั้งสองจากโรฮอลท์เข้าจักรวรรดิบาลุค จำนวนที่เพิ่มมากขึ้นทุกทีดึงดูดความสนใจของจักรวรรดิบาลุค แต่เมื่อพวกเขาเริ่มสอบสวนกลับพบบางอย่างที่แปลกประหลาด
ภายในปราสาทเลือดมังกร
หลังจากจบเทศกาลยูลานไปได้สองสามวัน ซีน่ามาจากวังหลวงเยี่ยมลินลี่ย์
“ท่านลุง, ตั้งแต่สองสามวันที่แล้วมีคลื่นผู้อพยพจากจักรวรรดิโรฮอลท์ผ่านชายแดนจักรวรรดิของเรา จำนวนประชาชนที่มามากอย่างน่าประหลาดใจ” ซีน่าสูดหายใจลึก “สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือไม่ใช่แค่พลเมืองของจักรวรรดิโรฮอลท์เท่านั้น แม้แต่ทหารหลายคนก็กำลังหนีเข้าจักรวรรดิบาลุคด้วย”
“หือ? ทั้งหมดนี้หมายความว่ายังไง?”
ลินลี่ย์ก็งง
พลเมืองอาจหนีมาทางด้านเขาเพราะอันตราย แต่ทหารที่อยู่ภายใต้วินัยเข้มงวดผู้ใดหนีไปก็จะต้องโทษถึงประหาร
“ซีนา พูดให้ชัด” วอร์ตันก็อยู่ที่นั่นด้วยเช่นกัน
ซีน่าพยักหน้า “ข้าได้ทราบมาอย่างนี้ พลเมืองและทหารกำลังหลั่งไหลเข้ามาบางส่วนหนีเข้ามาในจักรวรรดิของเรา คนอื่นหนีไปจักรวรรดิยูลาน กำลังใจของพลเมืองจักรวรรดิโรฮอลท์ถูกทำลายสิ้นเชิง”
“เกิดอะไรขึ้น?” ลินลี่ย์ได้เรื่องนี้ถึงกับตกใจ
กำลังใจของพลเมืองถูกทำลายสิ้นเชิง? ทุกคนในจักรวรรดิกำลังหนีไปทั่วทุกทิศ?นี่ไม่เคยได้ยินมาเลย
เมื่อเขามาถึงแดนอนารยชนครั้งแรก เวลานั้นแดนอนารยชนตกอยู่ในสภาพสงครามต่อเนื่อง แต่ก็ยังไม่มีคลื่นผู้อพยพขนาดใหญ่อย่างนี้ที่หนีไปทุกทิศทาง ที่สำคัญคนที่ได้รับผลบางอย่างต่อดินแดนบ้านเกิดของพวกเขา ถ้าพวกเขามีทางเลือกบ้าง พวกเขาจะไม่ทิ้งถิ่นกำเนิดแน่
“เจ้าสืบสวนเรื่องนี้ได้ความยังไงบ้าง?” ลินลี่ย์ถาม
“เราไม่แน่ใจ แต่เราพบเรื่องหนึ่งและสิ่งนี้ทำให้เกิดความรู้สึกสยดสยองจนถึงขั้วกระดูก” ตาของซีน่าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
ซีน่าสูดหายใจลึก “เกี่ยวกับการสอบสวนของพวกเขา มีหลายเมืองในจักรวรรดิโรฮอลท์กลายเป็นเมืองมรณะ สถานการณ์คล้ายกับที่เกิดขึ้นในเมืองบลูเลียน เพียงแต่ครั้งนี้สถานการณ์คือ ร้อย ไม่สิรุนแรงกว่าเป็นพันเท่า.. และน่าจะเกิดขึ้นไม่นานนี้”
“เมืองมรณะ?”
ลินลี่ย์คิดถึงเทพที่เขาฆ่าไปแล้วทันที
“หรือว่ายังมีเทพตนอื่นที่ยังฝึกในวิถีมรณะและสูบกินวิญญาณผู้คนจำนวนมากอีก?”
ลินลี่ย์ยังคงงงงวย ซาสเลอร์พูดไว้ก่อนนั้นว่าการกลั่นวิญญาณเป็นกระบวนการที่ยากมาก แม้แต่เทพระดับกลางส่วนใหญ่ก็ไม่สามารถทำได้ แต่เทพที่ฝึกมาในวิถีมรณะเป็นผู้ที่หายากมาก ยากที่จะหาพิภพที่มีผู้ฝึกวิถีมรณะได้สักคนและตอนนี้ยังมีอีกหนึ่งหรือ?
ยิ่งกว่านั้น...
ลินลี่ย์เพิ่งจะฆ่าไปเมื่อเร็วนี้ ถ้ายังมีเทพอีกตนหนึ่งผู้ฝึกในวิถีมรณะเขาจะไม่กลัวว่าลินลี่ย์จะจัดการกับเขาด้วยหรือ?
“หรือว่าบางที จะเป็นฆาตกรที่อำพรางตัวด้วยความมั่นใจ?” ลินลี่ย์ทรงพลังมากกว่าเมื่อสามปีที่แล้ว
วิญญาณของเขาแข็งแกร่งขึ้นมาก และพลังจิตของเขาตอนนี้สามารถสร้างชีพจรป้องกันได้ทำให้เยื่อพลังป้องกันใสสำหรับปกป้องวิญญาณของเขาลินลี่ย์มั่นใจว่าจะจัดการกับเทพอื่นๆ ได้
“ตามการประเมินของเราประชากรของเมืองมรณะในจักรวรรดิโรฮอลท์ที่ตายไปเกือบร้อยล้านคน” แม้แต่ซีน่าเมื่อรายงานจำนวนคนขนาดนี้เขายังรู้สึกหนาวเหน็บ
ความตายของคนแสนหนึ่งในเมืองบลูเลียนนับว่าน่าตระหนกแล้ว
ร้อยล้าน?
“ข้าจะไปสืบเรื่องนี้ด้วยตนเอง” หัวใจของลินลี่ย์เต็มไปด้วยความโกรธ “เทพเหล่านี้มาจากพิภพอื่นไม่ปฏิบัติต่อคนของทวีปยูลานเราเหมือนเป็นมนุษย์ ร้อยล้าน? คนทั้งจักรวรรดิโรฮอลท์มีเพียงสองสามร้อยล้านคน”
ปัจจุบันนี้เทพสงครามและมหาพรตไม่อยู่ ยอดฝีมือชาวมนุษย์ของทวีปยูลานที่เป็นระดับเทพมีเพียงลินลี่ย์กับเดลี่ พิภพยูลานเป้นถิ่นกำเนิดของพวกเขา เป็นไปได้ยังไงที่ลินลี่ย์จะทนเห็นยอดฝีมือจากพิภพอื่นฆ่าคนที่นี่ตามอำเภอใจ?
“ข้าจะออกไปดู” ลินลี่ย์ไม่สามารถนั่งเฉยได้ต่อไป หลังจากพูดกับวอร์ตันและคนอื่นเขาบินออกจากปราสาทเลือดมังกรมุ่งหน้าลงใต้