ตอนที่ 12-32 สมบัติเทพและความเป็นเทพ
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ลินลี่ย์อดขมวดคิ้วไม่ได้
ความสำคัญทั่วไปเรื่องสมบัติเทพ? ความสำคัญต่อการฝึกฝนของเขาในอนาคต?
“สมบัติเทพเป็นแค่อาวุธรูปแบบหนึ่งสิ่งเหล่านั้นจะมีผลต่อการฝึกฝนได้ยังไง?” ลินลี่ย์งง แต่เขาไม่พูดอะไร เขาแค่ฟังคำอธิบายของมูบาอยู่เงียบๆ ความจริงลินลี่ย์ไม่ปักใจเชื่อคำพูดของมูบาเท่าใดนัก
การมาถึงของมูบาในวันนี้ก็เป็นเรื่องแปลกเช่นกัน
เท่าที่ลินลี่ย์ทราบ ในสี่พิภพชั้นสูงและพิภพใหญ่อื่นยอดฝีมือเกี่ยวข้องกับการสู้รบกันและกันตลอด และพวกเขายังจะสุภาพมากได้ยังไง? แต่เนื่องจากมูบาประพฤติตนออกมาอย่างนั้น เป็นธรรมดาที่ลินลี่ย์ต้องตอบรับเขาด้วยมารยาทเสมอกัน เขาฟังคำอธิบายของมูบาอย่างระมัดระวัง
“ข้าเชื่อว่าท่านลินลี่ย์ก็รู้เหมือนกันว่าสมบัติเทพแบ่งออกเป็นสมบัติคุณภาพชั้นล่างกลางและสูง ความต่างกันของสมบัติเทพก็คือความแตกต่างของระดับพลัง” มูบามองดูลินลี่ย์
ลินลี่ย์หัวเราะ “แม้ว่าข้าจะไม่รู้มากนักแต่ข้าก็ได้ยินมาบ้างว่าสมบัติเทพแบ่งออกเป็นหลายระดับ และว่าสมบัติเหล่านั้นมีระดับพลังที่แตกต่างกัน แล้วไงต่อหรือ? ท่านพยายามจะบอกอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ท่านมูบา?”
มูบาหัวเราะ “อย่าเพิ่งพูดถึงความแตกต่างในเรื่องชั้นพลังสมบัติเทพก่อน ข้าขอถามเจ้าก่อน ท่านลินลี่ย์เจ้ารู้ไหมว่าสมบัติศักดิ์สิทธิ์ถูกสร้างมาอย่างไร?”
“ข้าไม่ทราบ” ลินลี่ย์ตอบชัดถ้อยคำ
ลินลี่ย์พบว่าเป็นเรื่องยากขึ้นทุกทีกับการทำความเข้าใจความหมายคำพูดของมูบา
“ลินลี่ย์,ข้ากำลังจะบอกเจ้า..ว่าความจริงสมบัติศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดทั้งระดับสูงและระดับต่ำเหมือนกันทั้งหมดเมื่อตอนเริ่มสร้าง” มูบากล่าวพลางหัวเราะอย่างใจเย็น เขาให้ความสนใจสีหน้าของลินลี่ย์ และแน่นอน...ว่าเป็นอย่างที่เขาสงสัย
ลินลี่ย์ประหลาดใจมาก
“จะเหมือนกันได้ยังไง?” ลินลี่ย์ประหลาดใจมาก
ในทวีปยูลานแร่ธรรมดาและแร่มีค่ายังผลิตสร้างอาวุธที่มีความแตกต่างกันไปตามธรรมชาติ แต่สมบัติเทพ..
“วัสดุที่ใช้ทำสมบัติเทพอาจจะสร้างด้วยพลังที่แตกต่างกันบางอย่าง แต่พูดโดยทั่วไปความแตกต่างนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่” มูบาอธิบายรายละเอียด “ระดับของสมบัติเทพไม่ได้เน้นที่กำเนิดของมัน แต่เน้นที่ประสบการณ์ของมันหลังจากที่ถูกสร้างมาแล้ว”
“ประสบการณ์?” ลินลี่ย์ไม่เข้าใจจริงๆ
เดเลียที่อยู่ใกล้ๆ ยังคงเงียบ นางเองก็ฟังอย่างระมัดระวัง
“ถูกแล้ว ตัวอย่างเช่น สมบัติเทพธรรมดาที่เพิ่งถูกสร้างมันจะธรรมดามากและดูดาษดื่น แต่ถ้ามันตกอยู่ในเมือของเทพชั้นสูงผู้ที่ทำกับอาวุธนี้เหมือนครอบครัวและใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ของเขาและพลังจิตของเขาหล่อเลี้ยงสมบัติเทพบ่อยๆ และใช้ต่อสู้บ่อยๆ สักร้อยล้านปีต่อมาสมบัติเทพนั้นก็มีแนวโน้มว่าจะฆ่าเทพไปเป็นล้าน ตอนนั้นเจ้าจะพบว่าสมบัติเทพนี้จะกลายเป็นสมบัติเทพระดับสูง”
มูบายิ้มขณะมองดูลินลี่ย์
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ลินลี่ย์ดูเหมือนจะเข้าใจขึ้นมาเล็กน้อย
“เจ้าคิดว่าไงบ้าง?” มูบาหัวเราะ
ลินลี่ย์รู้สึกเหมือนกับว่าเขาในตอนนี้เข้าใจความหมายของคำพูดก่อนนี้ของมูบาขึ้นมาบ้าง“ระดับของสมบัติเทพไม่ได้เน้นที่กำเนิด แต่เน้นที่ประสบการณ์หลังจากที่ถูกสร้าง
“มีความแตกต่างกันมาเพียงไหนระหว่างสมบัติเทพในแง่วัสดุที่นำมาใช้สร้าง? แต่รังสีอำมหิตและวิญญาณของสมบัติเทพจะขึ้นอยู่กับประสบการณ์และมันจะถูกบ่มเพาะช้าๆ สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถได้รับจากแร่ธาตุที่ไร้ชีวิตได้” มูบาพูดต่อ
ลินลี่ย์เริ่มเข้าใจ
“รังสีอำมหิตและวิญญาณลินลี่ย์ค่อนข้างเห็นด้วยกับคำอธิบายของมูบา
“ผู้คนอย่างเราหลังจากก้าวเข้าเส้นทางฝึกฝนก็ควรจะเข้าใจว่าเส้นทางสายนี้ยากและลำบากเพียงไหน เมื่อเรากลายเป็นเทพก็อาจนับได้ว่าเราประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งแล้ว”มูบาพูดพลางถอนหายใจ “เพียงแต่ในพิภพเจ็ดมหาเทพและสี่พิภพของจอมเทพ... มีเทพชั้นต้นอย่างเรามากมายนัก”
“สมบัติเทพคือสิ่งที่เราใช้อาศัยปกป้องตัวเราเองและฆ่าศัตรู”มูบาพูดอย่างจริงจัง
ลินลี่ย์เห็นพ้องกับคำอธิบายของมูบาอีกครั้ง
วิญญาณเป็นส่วนสำคัญของเทพ!
สิ่งที่พวกเทพใช้พึ่งพาจริงๆก็คือการรู้แจ้งกฎธรรมชาติรวมทั้งสมบัติเทพที่เหมาะสม! อาศัยสมบัติเทพและการรู้แจ้งกฎธรรมชาติเทพก็สามารถปกป้องตนเองและจัดการกับศัตรูได้
“จะปรับตัวให้เข้าธรรมชาติจิตวิญญาณของสมบัติเทพไม่ใช่เรื่องง่าย”มูบาพูดต่อ “เป็นไปได้ไหม ลินลี่ย์เจ้าคิดว่าแค่ทำสัญญาโลหิตเจ้าจะสามารถทำให้สมบัติเทพเป็นของเจ้าเต็มที่?”
ลินลี่ย์มองดูมูบาอย่างสับสน
การผูกสัญญาโลหิตแสดงความเป็นเจ้าของ นี้เป็นความรู้ทั่วไป!
“การผูกสัญญาโลหิตไม่มีอะไรมากไปกว่าเป็นการแสดงว่าสมบัติเทพนี้เป็นของเจ้า อย่างไรก็ตามการจะทำให้มันทำตามประสงค์ของเจ้าไม่ใช่เรื่องง่าย เจ้าต้องเข้าใจ.. สมบัติเทพ โดยเฉพาะสมบัติเทพที่ดำรงอยู่มานานับปีไม่ถ้วนมีวิญญาณเป็นของตนเอง”
มูบาพูดอย่างเคร่งขรึม“ในฐานะยอดฝีมือที่เติบโตแล้ว สมบัติเทพของเขาก็จะโตควบคู่ไปกับเขาและประสบการณ์ของเขา เราค้องทำกับสมบัติเทพของเราเหมือนกับเราปฏิบัติต่อครอบครัว เราต้องทำให้วิญญาณของเรากลายเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่ยาวนาน สมบัติเทพที่ฆ่าเทพไปมากมายจะมีวิญญาณธรรมชาติที่ทรงพลังมากมายทำให้ง่ายที่จะใช้ได้ทันทีเมื่อเจ้าเป็นหนึ่งเดียวกับมัน”
“ตัวอย่างเช่นยอดฝีมือคนหนึ่งฝึกมาทางวิถีทำลายล้างก็อาจใช้สมบัติเทพระดับธรรมดาได้ แต่หลังจากใช้มาเป็นล้านๆ ปีและฆ่าเทพไปหลายตน สมบัติเทพนี้จะกลายเป็นสมบัติเทพที่มีธรรมชาติสายทำลายล้าง ตัวอย่างเช่น พอถ่ายเทพลังศักดิ์สิทธิ์เข้าไปพลังสั่นสะเทือนของสมบัติเทพเท่านั้นก็สามารถทำให้มิติแตกและสร้างดาบมิติได้
ลินลี่ย์ใจสั่นสะท้าน
กระบี่เลือดม่วง!
กระบี่เลือดม่วงก็เป็นแบบนี้ ลินลี่ย์แค่ต้องเพิ่มพลังเทพเข้าไปและกระบี่เลือดม่วงไม่เพียงแต่สร้างช่องว่างอวกาศเท่านั้น แต่มันยังสร้างเสียงเหมือนเพลงที่สามารถสั่นสะท้านวิญญาณของฝ่ายอื่นได้ ลินลี่ย์ประหลาดใจกับเรื่องนี้ตลอดมา สมบัติเทพไม่มีอะไรมากไปกว่าสิ่งที่สร้างขึ้นมาจากแร่ธาตุอย่างนั้นมันสามารถสร้างผลสะท้อนที่ไม่ปกติธรรมดาได้ยังไง?
ตอนนี้ ดูเหมือนจะเป็นเพราะเป็นธรรมชาติเชิงจิตวิญญาณของมัน
เทียบกับกระบี่เลือดม่วงแล้ว ดาบหนักอดาแมนเทียมยังด้อยกว่ามาก
ลินลี่ย์เริ่มเชื่อคำอธิบายของมูบา
“ข้าขอยกตัวอย่างเปรียบเทียบ อาวุธเทพที่เพิ่งจะสร้างขึ้นใหม่เป็นเหมือนเด็กทารก เด็กทารกจะเหมือนอะไรเมื่อพวกเขากำลังเติบโต? นั่นขึ้นอยู่กับประสบการณ์ในอนาคต สิ่งที่เราต้องทำก็คือฝึกฝนบ่มเพาะมัน” มูบาอธิบาย “ลินลี่ย์,ถ้าเจ้ามีสมบัติเทพที่ทรงพลังอย่างนั้นสิ่งที่เจ้าจำเป็นต้องทำก็คือทำให้มันยอมรับเจ้า”
ลินลี่ย์เริ่มกังวล
“นี่มูบากำลังพูดเรื่องอะไร? หรือว่าเขารู้ว่าว่าข้ามีสมบัติเทพที่ทรงพลัง?” ลินลี่ย์ยังคงคลางแคลงใจกับการมาเยี่ยมของมูบา เมื่อได้ยินคำพูดของมูบา เขาก็ยิ่งระมัดระวังมากขึ้น
“ท่านมูบา ท่านพูดว่า ‘ยอมรับ’?” ลินลี่ย์มองดูมูบา
มูบาพยักหน้าเล็กน้อย “สมบัติเทพที่ทรงพลังนั้นหาได้ยากและมีค่ามาก และนี่พูดโดยทั่วไปเทพสามารถปกป้องและหล่อเลี้ยงสมบัติเทพชิ้นหรือสองชิ้น คุณค่าของมันเหมือนชีวิตตัวของเขาเอง เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะมอบให้คนอื่น”
“ตอนนี้, ข้าบอกได้ว่าสมบัติเทพรุ่นใหม่เป็นเหมือนกับทารก ขณะที่สมบัติเทพที่ทรงพลังมากเป็นเหมือนผู้ใหญ่ สมบัติเทพที่ทรงพลังจะมีวิญญาณเป็นของตนเองและเป็นพลังโดยธรรมชาติ แต่เนื่องจากมันเป็น ‘ผู้ใหญ่แล้ว’มันอาจจะยากที่พวกมันจะยอมรับเจ้าของอื่น”
“เพียงแต่หลังจากที่มันยอมรับเจ้าอย่างแท้จริงแล้วเจ้าจะสามารถใช้งานมันได้เต็มพลัง”
ลินลี่ย์ฟังคำเหล่านี้อย่างตั้งใจ
ดาบหนักอดาแมนเทียมของเขาเป็นไปได้ว่ายังเป็นทารกอยู่ในตอนนี้ เขาจำเป็นต้องใช้เวลาบำรุงเลี้ยงมันช่วยให้มันเติบโต
ขณะที่กระบี่เลือดม่วงอยู่ในสภาพที่เป็นผู้ใหญ่แล้วและมีวิญญาณเป็นของตนเอง มันไม่ยอมรับเขาง่ายๆ เป็นไปได้มากว่าคนที่กระบี่เลือดม่วงยอมรับก็คือคนผมม่วงชั่วร้ายที่หล่อเลี้ยงมันจากสมบัติเทพธรรมดาไปเป็นอาวุธที่ทรงพลังในปัจจุบัน
มูบาจบคำอธิบายของเขา
แต่คำพูดของเขาสร้างผลกระทบใหญ่ต่อลินลี่ย์
ที่สำคัญสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับคนที่ฝึกในเส้นทางสายอาวุธชนิดนี้
“ยอมรับ? ยอมรับยังไง?” ลินลี่ย์ถาม
“ยากจะบอกได้”มูบาขมวดคิ้ว “ข้าบอกได้แต่เฉพาะวิธีง่ายๆวิธีนั้นก็ธรรมดา, ใช้พลังจิตและพลังเทพของเจ้าหล่อเลี้ยงมันบ่อยๆนี่คือวิธีธรรมดาที่สุด ทั่วไปที่สุดแล้ว ความจริงจะทำให้สมบัติเทพที่มีวิญญาณยอมรับเจ้าในฐานะเจ้านายมันจำเป็นต้องทุ่มเทคุณค่าสูง”
“สมบัติเทพจะรู้สึกได้ถึงความรักที่เจ้ามีต่อมันเช่นกัน”
มูบาหัวเราะ “สำหรับวิธีง่ายๆ ก็คืออย่าทำกับมันเหมือนกับเป็นสิ่งไม่มีชีวิต ทำกับมันเหมือนกับที่เจ้าทำกับสิ่งที่มีชีวิต เมื่อเวลาผ่านไปข้านึกภาพได้ว่าสมบัติเทพจะต้องยอมรับเจ้าเช่นกัน”
ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย
ทำกับสมบัติวิญญาณเหมือนกับสิ่งมีชีวิต!
“จะเป็นยังไงถ้าท่านเป็นเจ้าของสมบัติเทพคนแรก?” ลินลี่ย์ถาม
“นั่นง่ายมาก ก็แค่หล่อเลี้ยงและบ่มเพาะมัน มันจะยอมรับเจ้าไปโดยปริยายเอง”มูบาพูดพลางหัวเราะ
ลินลี่ย์ความคิดอย่างหนึ่งทันที...
ดาบหนักอดาแมนเทียมของเขายังไม่จำเป็นต้องผูกสัญญาด้วยเลือดเลย นั่นหมายความว่า... มันยังไม่ถึงระดับ
“ถ้าคุณภาพอาวุธอย่างหนึ่งใกล้เคียงกับสมบัติเทพในเรื่องพลังมาก แต่ยังไม่ถึงระดับต้องผูกสัญญาด้วยเลือดอย่างนั้นจะเป็นยังไง? หลังจากถึงระดับเทพแล้ว ยังสามารถใช้อาวุธนี้ได้ไหม?” ลินลี่ย์ถาม เขามีความรักผูกพันต่อดาบหนักอดาแมนเทียมของเขา
เขาไม่ต้องการเลิกใช้ดาบหนักอดาแมนเทียมและในเรื่องคุณภาพก็ไม่ได้ด้อยแต่อย่างใด
“ฮ่าฮ่า..”
มูบาเริ่มหัวเราะลั่น “ลินลี่ย์ การผูกสัญญาด้วยโลหิตไม่จำเป็นต้องแสดงว่อาวุธนั้นดีหรือไม่ ตัวอย่างเช่นแหวนมิติเก็บของ ในพิภพชั้นสูงแหวนมิติเก็บของเป็นเหมือนถุงหรือกระเป๋าใส่ของในทวีปยูลาน พวกนั้นเป็นของธรรมดามากแหวนมิติเก็บของจำเป็นต้องผูกสัญญาด้วยเลือด แต่ไม่ได้หมายความว่ามันทรงพลังใช่ไหม?”
ลินลี่ย์ตะลึง
ตลอดหลายปีมานี้ ลินลี่ย์มักจะเชื่อว่าการผูกสัญญาด้วยโลหิตเป็นสิ่งที่จะต้องทำกับอาวุธหลังจากเป็นอาวุธระดับเทพ แต่ตอนนี้ เท่าที่ฟัง นั่นเป็นการเข้าใจผิด
“ผูกสัญญาด้วยโลหิตไม่ได้เป็นแค่เคล็ดเท่านั้น” มูบาหัวเราะ
“ตัวอย่างเช่นดาบธรรมดา ต่อให้เอามาใช้ตัดไม้แต่ในมือของมหาเทพผู้ใช้พลังมหาเทพและจิตวิญญาณบำรุงเลี้ยง หลังจากผ่านไปเป็นล้านๆปีมีแนวโน้มว่าจะเปลี่ยนสภาพไปเป็น ‘สมบัติมหาเทพ’ ซึ่งเหนือกว่าระดับของสมบัติเทพไปมาก” มูบาอธิบาย
ลินลี่ย์ตาเป็นประกาย
“สมบัติมหาเทพ?” นี่เป็นครั้งแรกที่ลินลี่ย์ได้ยินเขาพูดถึงสมบัติมหาเทพ
“ถูกแล้ว สมบัติมหาเทพ” มูบาหัวเราะ “ข้าลืมบอกเจ้าไป ระดับต่างๆซึ่งใช้แบ่งสมบัติเทพขึ้นอยู่กับพลังของเจ้าของสมบัติเทพ สมบัติเทพสร้างใหม่บางอย่าง ถ้าให้เทพชั้นต้นใช้และอยู่ในระดับเทพชั้นต้นก็มีแนวโน้มว่าจะกลายเป็นสมบัติระดับต่ำ”
“แต่เทพระดับกลาง ตราบเท่าที่เขาใช้เวลาและความพยายามกับมัน ก็จะทำให้มันกลายเป็นสมบัติเทพระดับกลาง จากตรงนี้เราสามารถบอกได้ว่า...ถ้ามหาเทพอุทิศตัวเองเมื่อหล่อเลี้ยงอาวุธก็มีแนวโน้มว่าจะถึงระดับระดับมหาเทพได้ ทั้งที่อาวุธตอนเริ่มแรกใช้นั้นไม่ใช่อาวุธที่สำคัญมากอะไร”
ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย
มูบาสามารถบอกได้ว่าลินลี่ย์น่าจะมีอาวุธธรรมดาสามัญ
เมื่อได้ยินคำอธิบายของมูบาแล้วลินลี่ย์รู้สึกสบายใจ
เขาไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนอาวุธ อย่างน้อย ลินลี่ย์ก็กังวลว่าถ้าในอนาคตเขาแข็งแกร่งมากขึ้น ถ้าดาบหนักอดาแมนเทียนอาจไม่เหมาะในการต่อสู้ระดับสูง แต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่าจะไม่จำเป็นแล้ว..ขณะที่มูบาอธิบาย แม้แต่ไม้ธรรมดาที่ตกอยู่ในมือของมหาเทพ ก็อาจกลายเป็นสมบัติมหาเทพได้ เมื่อเวลาเพียงพอ และได้รับความสนใจจากมหาเทพ
“ดาบหนักอดาแมนเทียมของเขาดีกว่าไม้ตัดธรรมดามาก”
ลินลี่ย์มีอารมณ์ขึ้นมากเมื่อได้ยินเช่นนี้
“ท่านลินลี่ย์ ข้าคงไม่รบกวนท่านต่อไปอีกแล้ว ตอนนี้ข้าขอลากลับก่อน” มูบาหัวเราะและยืนขึ้น
ลินลี่ย์กับเดเลียก็ยืนขึ้นเช่นกัน
ไม่สำคัญว่ามูบามีความตั้งใจอะไรอยู่ แต่เขาบอกหลายเรื่องกับลินลี่ย์ในวันนี้ลินลี่ย์รู้สึกว่าเป็นประโยชน์มากต่อเขา นอกจากนี้ ลินลี่ย์ยังรู้สึกว่าสิ่งที่มูบากล่าวมีแนวโน้มว่าจริงเกี่ยวกับประสบการณ์และเขามีประสบการณ์กับกระบี่เลือดม่วงจริง
หลังจากมูบาไปแล้ว
“งั้นการสร้างสมบัติเทพที่ทรงพลังก็ซับซ้อนมากจริงนะ” เดเลียถอนหายใจ
ลินลี่ย์หัวเราะ “ความจริง เรื่องนั้นสมเหตุผลอยู่แล้ว เฉพาะกรณีที่เจ้าดูแลบำรุงสมบัติเทพที่ทรงพลังอย่างเต็มที่ ถ้าแค่อาศัยแต่วัสดุดีๆ และใช้ทักษะการสร้างที่ดีเจ้าก็สามารถสร้างสมบัติเทพที่ทรงพลังได้แล้วละก็ ป่านนี้คงมีสมบัติเทพเต็มไปหมด”
ลินลี่ย์กำหนดไว้ในใจของเขาแล้ว
ในอนาคตเขาต้องให้ความสนใจกับดาบหนักอดาแมนเทียมของเขาและกระบี่เลือดม่วง
ขณะที่เขาเดินอยู่ในเส้นทางฝึกฝนสุดยอดสมบัติเทพของเขาจะได้เติบโตไปพร้อมกับเขาด้วย...