ตอนที่แล้วตอนที่ 12-31 มูบายอดฝีมือชั้นเทพ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 12-33 คลื่นผู้อพยพ

ตอนที่ 12-32 สมบัติเทพและความเป็นเทพ


เมื่อได้ยินคำพูดนี้ลินลี่ย์อดขมวดคิ้วไม่ได้

ความสำคัญทั่วไปเรื่องสมบัติเทพ?  ความสำคัญต่อการฝึกฝนของเขาในอนาคต?

“สมบัติเทพเป็นแค่อาวุธรูปแบบหนึ่งสิ่งเหล่านั้นจะมีผลต่อการฝึกฝนได้ยังไง?” ลินลี่ย์งง  แต่เขาไม่พูดอะไร  เขาแค่ฟังคำอธิบายของมูบาอยู่เงียบๆ  ความจริงลินลี่ย์ไม่ปักใจเชื่อคำพูดของมูบาเท่าใดนัก

การมาถึงของมูบาในวันนี้ก็เป็นเรื่องแปลกเช่นกัน

เท่าที่ลินลี่ย์ทราบ ในสี่พิภพชั้นสูงและพิภพใหญ่อื่นยอดฝีมือเกี่ยวข้องกับการสู้รบกันและกันตลอด และพวกเขายังจะสุภาพมากได้ยังไง? แต่เนื่องจากมูบาประพฤติตนออกมาอย่างนั้น เป็นธรรมดาที่ลินลี่ย์ต้องตอบรับเขาด้วยมารยาทเสมอกัน  เขาฟังคำอธิบายของมูบาอย่างระมัดระวัง

“ข้าเชื่อว่าท่านลินลี่ย์ก็รู้เหมือนกันว่าสมบัติเทพแบ่งออกเป็นสมบัติคุณภาพชั้นล่างกลางและสูง ความต่างกันของสมบัติเทพก็คือความแตกต่างของระดับพลัง”  มูบามองดูลินลี่ย์

ลินลี่ย์หัวเราะ “แม้ว่าข้าจะไม่รู้มากนักแต่ข้าก็ได้ยินมาบ้างว่าสมบัติเทพแบ่งออกเป็นหลายระดับ และว่าสมบัติเหล่านั้นมีระดับพลังที่แตกต่างกัน  แล้วไงต่อหรือ?  ท่านพยายามจะบอกอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ท่านมูบา?”

มูบาหัวเราะ “อย่าเพิ่งพูดถึงความแตกต่างในเรื่องชั้นพลังสมบัติเทพก่อน  ข้าขอถามเจ้าก่อน ท่านลินลี่ย์เจ้ารู้ไหมว่าสมบัติศักดิ์สิทธิ์ถูกสร้างมาอย่างไร?”

“ข้าไม่ทราบ” ลินลี่ย์ตอบชัดถ้อยคำ

ลินลี่ย์พบว่าเป็นเรื่องยากขึ้นทุกทีกับการทำความเข้าใจความหมายคำพูดของมูบา

“ลินลี่ย์,ข้ากำลังจะบอกเจ้า..ว่าความจริงสมบัติศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดทั้งระดับสูงและระดับต่ำเหมือนกันทั้งหมดเมื่อตอนเริ่มสร้าง”  มูบากล่าวพลางหัวเราะอย่างใจเย็น  เขาให้ความสนใจสีหน้าของลินลี่ย์ และแน่นอน...ว่าเป็นอย่างที่เขาสงสัย

ลินลี่ย์ประหลาดใจมาก

“จะเหมือนกันได้ยังไง?” ลินลี่ย์ประหลาดใจมาก

ในทวีปยูลานแร่ธรรมดาและแร่มีค่ายังผลิตสร้างอาวุธที่มีความแตกต่างกันไปตามธรรมชาติ  แต่สมบัติเทพ..

“วัสดุที่ใช้ทำสมบัติเทพอาจจะสร้างด้วยพลังที่แตกต่างกันบางอย่าง  แต่พูดโดยทั่วไปความแตกต่างนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่”  มูบาอธิบายรายละเอียด “ระดับของสมบัติเทพไม่ได้เน้นที่กำเนิดของมัน  แต่เน้นที่ประสบการณ์ของมันหลังจากที่ถูกสร้างมาแล้ว”

“ประสบการณ์?” ลินลี่ย์ไม่เข้าใจจริงๆ

เดเลียที่อยู่ใกล้ๆ ยังคงเงียบ  นางเองก็ฟังอย่างระมัดระวัง

“ถูกแล้ว ตัวอย่างเช่น สมบัติเทพธรรมดาที่เพิ่งถูกสร้างมันจะธรรมดามากและดูดาษดื่น แต่ถ้ามันตกอยู่ในเมือของเทพชั้นสูงผู้ที่ทำกับอาวุธนี้เหมือนครอบครัวและใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ของเขาและพลังจิตของเขาหล่อเลี้ยงสมบัติเทพบ่อยๆ   และใช้ต่อสู้บ่อยๆ สักร้อยล้านปีต่อมาสมบัติเทพนั้นก็มีแนวโน้มว่าจะฆ่าเทพไปเป็นล้าน ตอนนั้นเจ้าจะพบว่าสมบัติเทพนี้จะกลายเป็นสมบัติเทพระดับสูง”

มูบายิ้มขณะมองดูลินลี่ย์

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ลินลี่ย์ดูเหมือนจะเข้าใจขึ้นมาเล็กน้อย

“เจ้าคิดว่าไงบ้าง?” มูบาหัวเราะ

ลินลี่ย์รู้สึกเหมือนกับว่าเขาในตอนนี้เข้าใจความหมายของคำพูดก่อนนี้ของมูบาขึ้นมาบ้าง“ระดับของสมบัติเทพไม่ได้เน้นที่กำเนิด แต่เน้นที่ประสบการณ์หลังจากที่ถูกสร้าง

“มีความแตกต่างกันมาเพียงไหนระหว่างสมบัติเทพในแง่วัสดุที่นำมาใช้สร้าง? แต่รังสีอำมหิตและวิญญาณของสมบัติเทพจะขึ้นอยู่กับประสบการณ์และมันจะถูกบ่มเพาะช้าๆ สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถได้รับจากแร่ธาตุที่ไร้ชีวิตได้”  มูบาพูดต่อ

ลินลี่ย์เริ่มเข้าใจ

“รังสีอำมหิตและวิญญาณลินลี่ย์ค่อนข้างเห็นด้วยกับคำอธิบายของมูบา

“ผู้คนอย่างเราหลังจากก้าวเข้าเส้นทางฝึกฝนก็ควรจะเข้าใจว่าเส้นทางสายนี้ยากและลำบากเพียงไหน เมื่อเรากลายเป็นเทพก็อาจนับได้ว่าเราประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งแล้ว”มูบาพูดพลางถอนหายใจ “เพียงแต่ในพิภพเจ็ดมหาเทพและสี่พิภพของจอมเทพ... มีเทพชั้นต้นอย่างเรามากมายนัก”

“สมบัติเทพคือสิ่งที่เราใช้อาศัยปกป้องตัวเราเองและฆ่าศัตรู”มูบาพูดอย่างจริงจัง

ลินลี่ย์เห็นพ้องกับคำอธิบายของมูบาอีกครั้ง

วิญญาณเป็นส่วนสำคัญของเทพ!

สิ่งที่พวกเทพใช้พึ่งพาจริงๆก็คือการรู้แจ้งกฎธรรมชาติรวมทั้งสมบัติเทพที่เหมาะสม! อาศัยสมบัติเทพและการรู้แจ้งกฎธรรมชาติเทพก็สามารถปกป้องตนเองและจัดการกับศัตรูได้

“จะปรับตัวให้เข้าธรรมชาติจิตวิญญาณของสมบัติเทพไม่ใช่เรื่องง่าย”มูบาพูดต่อ  “เป็นไปได้ไหม ลินลี่ย์เจ้าคิดว่าแค่ทำสัญญาโลหิตเจ้าจะสามารถทำให้สมบัติเทพเป็นของเจ้าเต็มที่?”

ลินลี่ย์มองดูมูบาอย่างสับสน

การผูกสัญญาโลหิตแสดงความเป็นเจ้าของ นี้เป็นความรู้ทั่วไป!

“การผูกสัญญาโลหิตไม่มีอะไรมากไปกว่าเป็นการแสดงว่าสมบัติเทพนี้เป็นของเจ้า อย่างไรก็ตามการจะทำให้มันทำตามประสงค์ของเจ้าไม่ใช่เรื่องง่าย  เจ้าต้องเข้าใจ.. สมบัติเทพ โดยเฉพาะสมบัติเทพที่ดำรงอยู่มานานับปีไม่ถ้วนมีวิญญาณเป็นของตนเอง”

มูบาพูดอย่างเคร่งขรึม“ในฐานะยอดฝีมือที่เติบโตแล้ว สมบัติเทพของเขาก็จะโตควบคู่ไปกับเขาและประสบการณ์ของเขา เราค้องทำกับสมบัติเทพของเราเหมือนกับเราปฏิบัติต่อครอบครัว เราต้องทำให้วิญญาณของเรากลายเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่ยาวนาน สมบัติเทพที่ฆ่าเทพไปมากมายจะมีวิญญาณธรรมชาติที่ทรงพลังมากมายทำให้ง่ายที่จะใช้ได้ทันทีเมื่อเจ้าเป็นหนึ่งเดียวกับมัน”

“ตัวอย่างเช่นยอดฝีมือคนหนึ่งฝึกมาทางวิถีทำลายล้างก็อาจใช้สมบัติเทพระดับธรรมดาได้  แต่หลังจากใช้มาเป็นล้านๆ ปีและฆ่าเทพไปหลายตน สมบัติเทพนี้จะกลายเป็นสมบัติเทพที่มีธรรมชาติสายทำลายล้าง  ตัวอย่างเช่น พอถ่ายเทพลังศักดิ์สิทธิ์เข้าไปพลังสั่นสะเทือนของสมบัติเทพเท่านั้นก็สามารถทำให้มิติแตกและสร้างดาบมิติได้

ลินลี่ย์ใจสั่นสะท้าน

กระบี่เลือดม่วง!

กระบี่เลือดม่วงก็เป็นแบบนี้  ลินลี่ย์แค่ต้องเพิ่มพลังเทพเข้าไปและกระบี่เลือดม่วงไม่เพียงแต่สร้างช่องว่างอวกาศเท่านั้น แต่มันยังสร้างเสียงเหมือนเพลงที่สามารถสั่นสะท้านวิญญาณของฝ่ายอื่นได้  ลินลี่ย์ประหลาดใจกับเรื่องนี้ตลอดมา สมบัติเทพไม่มีอะไรมากไปกว่าสิ่งที่สร้างขึ้นมาจากแร่ธาตุอย่างนั้นมันสามารถสร้างผลสะท้อนที่ไม่ปกติธรรมดาได้ยังไง?

ตอนนี้ ดูเหมือนจะเป็นเพราะเป็นธรรมชาติเชิงจิตวิญญาณของมัน

เทียบกับกระบี่เลือดม่วงแล้ว  ดาบหนักอดาแมนเทียมยังด้อยกว่ามาก

ลินลี่ย์เริ่มเชื่อคำอธิบายของมูบา

“ข้าขอยกตัวอย่างเปรียบเทียบ อาวุธเทพที่เพิ่งจะสร้างขึ้นใหม่เป็นเหมือนเด็กทารก เด็กทารกจะเหมือนอะไรเมื่อพวกเขากำลังเติบโต?  นั่นขึ้นอยู่กับประสบการณ์ในอนาคต  สิ่งที่เราต้องทำก็คือฝึกฝนบ่มเพาะมัน”  มูบาอธิบาย “ลินลี่ย์,ถ้าเจ้ามีสมบัติเทพที่ทรงพลังอย่างนั้นสิ่งที่เจ้าจำเป็นต้องทำก็คือทำให้มันยอมรับเจ้า”

ลินลี่ย์เริ่มกังวล

“นี่มูบากำลังพูดเรื่องอะไร? หรือว่าเขารู้ว่าว่าข้ามีสมบัติเทพที่ทรงพลัง?” ลินลี่ย์ยังคงคลางแคลงใจกับการมาเยี่ยมของมูบา  เมื่อได้ยินคำพูดของมูบา  เขาก็ยิ่งระมัดระวังมากขึ้น

“ท่านมูบา ท่านพูดว่า ‘ยอมรับ’?”  ลินลี่ย์มองดูมูบา

มูบาพยักหน้าเล็กน้อย “สมบัติเทพที่ทรงพลังนั้นหาได้ยากและมีค่ามาก  และนี่พูดโดยทั่วไปเทพสามารถปกป้องและหล่อเลี้ยงสมบัติเทพชิ้นหรือสองชิ้น  คุณค่าของมันเหมือนชีวิตตัวของเขาเอง  เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะมอบให้คนอื่น”

“ตอนนี้, ข้าบอกได้ว่าสมบัติเทพรุ่นใหม่เป็นเหมือนกับทารก ขณะที่สมบัติเทพที่ทรงพลังมากเป็นเหมือนผู้ใหญ่ สมบัติเทพที่ทรงพลังจะมีวิญญาณเป็นของตนเองและเป็นพลังโดยธรรมชาติ  แต่เนื่องจากมันเป็น ‘ผู้ใหญ่แล้ว’มันอาจจะยากที่พวกมันจะยอมรับเจ้าของอื่น”

“เพียงแต่หลังจากที่มันยอมรับเจ้าอย่างแท้จริงแล้วเจ้าจะสามารถใช้งานมันได้เต็มพลัง”

ลินลี่ย์ฟังคำเหล่านี้อย่างตั้งใจ

ดาบหนักอดาแมนเทียมของเขาเป็นไปได้ว่ายังเป็นทารกอยู่ในตอนนี้  เขาจำเป็นต้องใช้เวลาบำรุงเลี้ยงมันช่วยให้มันเติบโต

ขณะที่กระบี่เลือดม่วงอยู่ในสภาพที่เป็นผู้ใหญ่แล้วและมีวิญญาณเป็นของตนเอง  มันไม่ยอมรับเขาง่ายๆ  เป็นไปได้มากว่าคนที่กระบี่เลือดม่วงยอมรับก็คือคนผมม่วงชั่วร้ายที่หล่อเลี้ยงมันจากสมบัติเทพธรรมดาไปเป็นอาวุธที่ทรงพลังในปัจจุบัน

มูบาจบคำอธิบายของเขา

แต่คำพูดของเขาสร้างผลกระทบใหญ่ต่อลินลี่ย์

ที่สำคัญสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับคนที่ฝึกในเส้นทางสายอาวุธชนิดนี้

“ยอมรับ? ยอมรับยังไง?”  ลินลี่ย์ถาม

“ยากจะบอกได้”มูบาขมวดคิ้ว  “ข้าบอกได้แต่เฉพาะวิธีง่ายๆวิธีนั้นก็ธรรมดา, ใช้พลังจิตและพลังเทพของเจ้าหล่อเลี้ยงมันบ่อยๆนี่คือวิธีธรรมดาที่สุด ทั่วไปที่สุดแล้ว ความจริงจะทำให้สมบัติเทพที่มีวิญญาณยอมรับเจ้าในฐานะเจ้านายมันจำเป็นต้องทุ่มเทคุณค่าสูง”

“สมบัติเทพจะรู้สึกได้ถึงความรักที่เจ้ามีต่อมันเช่นกัน”

มูบาหัวเราะ “สำหรับวิธีง่ายๆ ก็คืออย่าทำกับมันเหมือนกับเป็นสิ่งไม่มีชีวิต  ทำกับมันเหมือนกับที่เจ้าทำกับสิ่งที่มีชีวิต  เมื่อเวลาผ่านไปข้านึกภาพได้ว่าสมบัติเทพจะต้องยอมรับเจ้าเช่นกัน”

ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย

ทำกับสมบัติวิญญาณเหมือนกับสิ่งมีชีวิต!

“จะเป็นยังไงถ้าท่านเป็นเจ้าของสมบัติเทพคนแรก?”  ลินลี่ย์ถาม

“นั่นง่ายมาก ก็แค่หล่อเลี้ยงและบ่มเพาะมัน มันจะยอมรับเจ้าไปโดยปริยายเอง”มูบาพูดพลางหัวเราะ

ลินลี่ย์ความคิดอย่างหนึ่งทันที...

ดาบหนักอดาแมนเทียมของเขายังไม่จำเป็นต้องผูกสัญญาด้วยเลือดเลย  นั่นหมายความว่า... มันยังไม่ถึงระดับ

“ถ้าคุณภาพอาวุธอย่างหนึ่งใกล้เคียงกับสมบัติเทพในเรื่องพลังมาก  แต่ยังไม่ถึงระดับต้องผูกสัญญาด้วยเลือดอย่างนั้นจะเป็นยังไง? หลังจากถึงระดับเทพแล้ว ยังสามารถใช้อาวุธนี้ได้ไหม?”  ลินลี่ย์ถาม เขามีความรักผูกพันต่อดาบหนักอดาแมนเทียมของเขา

เขาไม่ต้องการเลิกใช้ดาบหนักอดาแมนเทียมและในเรื่องคุณภาพก็ไม่ได้ด้อยแต่อย่างใด

“ฮ่าฮ่า..”

มูบาเริ่มหัวเราะลั่น “ลินลี่ย์ การผูกสัญญาด้วยโลหิตไม่จำเป็นต้องแสดงว่อาวุธนั้นดีหรือไม่  ตัวอย่างเช่นแหวนมิติเก็บของ ในพิภพชั้นสูงแหวนมิติเก็บของเป็นเหมือนถุงหรือกระเป๋าใส่ของในทวีปยูลาน  พวกนั้นเป็นของธรรมดามากแหวนมิติเก็บของจำเป็นต้องผูกสัญญาด้วยเลือด แต่ไม่ได้หมายความว่ามันทรงพลังใช่ไหม?”

ลินลี่ย์ตะลึง

ตลอดหลายปีมานี้ ลินลี่ย์มักจะเชื่อว่าการผูกสัญญาด้วยโลหิตเป็นสิ่งที่จะต้องทำกับอาวุธหลังจากเป็นอาวุธระดับเทพ  แต่ตอนนี้ เท่าที่ฟัง นั่นเป็นการเข้าใจผิด

“ผูกสัญญาด้วยโลหิตไม่ได้เป็นแค่เคล็ดเท่านั้น” มูบาหัวเราะ

“ตัวอย่างเช่นดาบธรรมดา ต่อให้เอามาใช้ตัดไม้แต่ในมือของมหาเทพผู้ใช้พลังมหาเทพและจิตวิญญาณบำรุงเลี้ยง หลังจากผ่านไปเป็นล้านๆปีมีแนวโน้มว่าจะเปลี่ยนสภาพไปเป็น ‘สมบัติมหาเทพ’ ซึ่งเหนือกว่าระดับของสมบัติเทพไปมาก” มูบาอธิบาย

ลินลี่ย์ตาเป็นประกาย

“สมบัติมหาเทพ?” นี่เป็นครั้งแรกที่ลินลี่ย์ได้ยินเขาพูดถึงสมบัติมหาเทพ

“ถูกแล้ว สมบัติมหาเทพ” มูบาหัวเราะ  “ข้าลืมบอกเจ้าไป  ระดับต่างๆซึ่งใช้แบ่งสมบัติเทพขึ้นอยู่กับพลังของเจ้าของสมบัติเทพ  สมบัติเทพสร้างใหม่บางอย่าง  ถ้าให้เทพชั้นต้นใช้และอยู่ในระดับเทพชั้นต้นก็มีแนวโน้มว่าจะกลายเป็นสมบัติระดับต่ำ”

“แต่เทพระดับกลาง ตราบเท่าที่เขาใช้เวลาและความพยายามกับมัน ก็จะทำให้มันกลายเป็นสมบัติเทพระดับกลาง จากตรงนี้เราสามารถบอกได้ว่า...ถ้ามหาเทพอุทิศตัวเองเมื่อหล่อเลี้ยงอาวุธก็มีแนวโน้มว่าจะถึงระดับระดับมหาเทพได้  ทั้งที่อาวุธตอนเริ่มแรกใช้นั้นไม่ใช่อาวุธที่สำคัญมากอะไร”

ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย

มูบาสามารถบอกได้ว่าลินลี่ย์น่าจะมีอาวุธธรรมดาสามัญ

เมื่อได้ยินคำอธิบายของมูบาแล้วลินลี่ย์รู้สึกสบายใจ

เขาไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนอาวุธ  อย่างน้อย ลินลี่ย์ก็กังวลว่าถ้าในอนาคตเขาแข็งแกร่งมากขึ้น ถ้าดาบหนักอดาแมนเทียนอาจไม่เหมาะในการต่อสู้ระดับสูง  แต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่าจะไม่จำเป็นแล้ว..ขณะที่มูบาอธิบาย แม้แต่ไม้ธรรมดาที่ตกอยู่ในมือของมหาเทพ ก็อาจกลายเป็นสมบัติมหาเทพได้ เมื่อเวลาเพียงพอ และได้รับความสนใจจากมหาเทพ

“ดาบหนักอดาแมนเทียมของเขาดีกว่าไม้ตัดธรรมดามาก”

ลินลี่ย์มีอารมณ์ขึ้นมากเมื่อได้ยินเช่นนี้

“ท่านลินลี่ย์ ข้าคงไม่รบกวนท่านต่อไปอีกแล้ว ตอนนี้ข้าขอลากลับก่อน”  มูบาหัวเราะและยืนขึ้น

ลินลี่ย์กับเดเลียก็ยืนขึ้นเช่นกัน

ไม่สำคัญว่ามูบามีความตั้งใจอะไรอยู่  แต่เขาบอกหลายเรื่องกับลินลี่ย์ในวันนี้ลินลี่ย์รู้สึกว่าเป็นประโยชน์มากต่อเขา นอกจากนี้ ลินลี่ย์ยังรู้สึกว่าสิ่งที่มูบากล่าวมีแนวโน้มว่าจริงเกี่ยวกับประสบการณ์และเขามีประสบการณ์กับกระบี่เลือดม่วงจริง

หลังจากมูบาไปแล้ว

“งั้นการสร้างสมบัติเทพที่ทรงพลังก็ซับซ้อนมากจริงนะ”  เดเลียถอนหายใจ

ลินลี่ย์หัวเราะ “ความจริง เรื่องนั้นสมเหตุผลอยู่แล้ว เฉพาะกรณีที่เจ้าดูแลบำรุงสมบัติเทพที่ทรงพลังอย่างเต็มที่  ถ้าแค่อาศัยแต่วัสดุดีๆ และใช้ทักษะการสร้างที่ดีเจ้าก็สามารถสร้างสมบัติเทพที่ทรงพลังได้แล้วละก็ ป่านนี้คงมีสมบัติเทพเต็มไปหมด”

ลินลี่ย์กำหนดไว้ในใจของเขาแล้ว

ในอนาคตเขาต้องให้ความสนใจกับดาบหนักอดาแมนเทียมของเขาและกระบี่เลือดม่วง

ขณะที่เขาเดินอยู่ในเส้นทางฝึกฝนสุดยอดสมบัติเทพของเขาจะได้เติบโตไปพร้อมกับเขาด้วย...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด