ตอนที่ 12-31 มูบายอดฝีมือชั้นเทพ
พื้นที่ตะวันตกเฉียงใต้ของจักรวรรดิบาลุค ภายในหุบเขาของเทือกเขาแห่งหนึ่ง
นี่คือฐานที่สำคัญของหอการค้าดอว์สัน ในอดีตมีคนประจำการที่นี่มากมาย แต่ตั้งแต่ลินลี่ย์สังหารพ่อมดผู้วิเศษเยลเลิกขนส่งทาสมาที่แห่งนี้ ดังนั้นจำนวนคนที่ประจำการอยู่ที่จึงลดลงเช่นกัน ทุกวันนี้มีคนไม่กี่พันคนคอยรับหน้าที่ดูแลกิจการค้า
ตกยามราตรี
พนักงานประจำหอการค้าดอว์สันที่ทำงานที่นี่เดี๋ยวนี้มีชีวิตที่เรียบง่าย ยามราตรีบุรุษหลายคนจะดื่มกินด้วยกันจนดึก
“ช่วงปีที่ผ่านมา ชีวิตดีขึ้นมากจริงๆ” บุรุษร่างกำยำคนหนึ่งดื่มเหล้าพลางพูดเสีpงดัง “สองสามปีก่อนนี้ ในหุบเขากลืนชีวิตนี้ทุกวันเหมือนกับนรก แย่จริงๆ”
“ใช่แล้ว ตอนนั้นข้าไม่กล้าออกไปไหนตอนกลางคืน มีคนตายมากมาย ข้าไม่รู้ว่ากี่ศพแล้วที่ข้าต้องคอยจัดการ” บุรุษวัยกลางคนผมทองเป็นลอนนึกย้อนกลับไปถึงกิจการที่ผ่านมาเขาอดถอนหายใจด้วยความทึ่งไม่ได้
ในช่วงเวลานั้นต้องมีการส่งศพเกินหมื่นศพออกไปในแต่ละวัน
คนงานที่อาศัยและทำงานอยู่ที่สาขาหอการค้าดอว์สันแห่งนี้ซึ่งอยู่ภายในหุบเขารู้สึกเหมือนกับว่าสภาพจิตใจจะพังทลายได้ทุกเมื่อ
บุรุษทั้งสามคนเดินเคียงไหล่ด้วยกัน ทันใดนั้นพวกเขาตระหนักด้วยความประหลาดจว่าพวกเขาไม่สามารถเคลื่อนที่ต่อไปได้ อากาศรอบตัวพวกเขาดูเหมือนแข็งทำให้พวกเขาไม่สามารถขยับได้แม้แต่น้อย พวกเขาหวาดกลัวจัดต้องการจะเอ่ยปากพูด แต่พวกเขาไม่สามารถทำได้ ทั้งสามคนเบิ่งตาด้วยความหวาดกลัว
จากภายในความมืดมีร่างใหญ่คลุมตัวอยู่ในชุดยาวดำปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าพวกเขา
เมื่อเห็นบุรุษชุดดำลึกลับ ทั้งสามคนรู้สึกใจสั่น พวกเขาค่อนข้างเข้าใจ..ว่าเหตุผลที่พวกเขาไม่สามารถขยับและไม่อาจเอ่ยปากได้มาจากการกระทำของบุรุษชุดดำลึกลับนี้
“หุบเขาแห่งนี้หยุดการค้าทาสมานานเท่าใดแล้ว?” เสียงทุ้มน่ากลัวของบุรุษชุดดำดังขึ้น “พูดไป, แต่อย่าส่งเสียงดังเกินไป ไม่มีใครได้ยินพวกเจ้านอกจากนี้ถ้าใครตะโกนเสียงดังรบกวนข้า ข้าจะฆ่ามัน”
เขากวาดสายตาเย็นชาไปทางบุรุษทั้งสาม ทั้งหน้าผากและหลังของบุรุษทั้งสามชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ ด้วยความประหลาดใจพวกเขาพบว่าปากของพวกเขาสามารถขยับได้อีกครั้ง
“พูดไป” บุรุษชุดดำลึกลับกล่าว
“ครึ่งปีที่แล้ว” บุรุษวัยกลางคนผมทองค่อนข้างตั้งสติได้ อีกสองคนกลัวจนพูดไม่ออก
“ครึ่งปีที่แล้ว ครึ่งปีที่แล้วเกิดอะไรขึ้น? มีการต่อสู้ใช่ไหม?” บุรุษชุดดำถาม
“ขอรับ, มีการต่อสู้ครั้งใหญ่” ชายหนุ่มร่างกำยำก็รู้สึกตัวเช่นกัน เขารีบกล่าว “ครึ่งปีที่แล้วตอนดึกเซียนสองคนสู้กันทำให้พื้นที่ทั้งหุบเขาสั่นสะเทือนและอาคารหลายหลังได้รับความเสียหาย
“พื้นสั่นสะเทือน?”
บุรุษชุดดำลึกลับดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้ “พูดต่อไป อธิบายรายละเอียดให้ข้าฟังด้วยคืนนั้นเกิดอะไรขึ้น”
บุรุษหนุ่มที่ผมสั้นนิ้วเดียวเสริม “เราอยู่พร้อมกันหมด ตอนแรกเราไม่ทันสังเกตว่ามีการต่อสู้ เพียงแค่นั้นพื้นดินก็สั่นสะเทือน สิ่งที่ตามมาจากนั้นคืออาคารระเบิด เรากลัวมากจนวิ่งออกมาข้างนอกจนกระทั่งพบว่าในอากาศเหนือหุบเขามียอดฝีมือสองคนกำลังสู้กัน หนึ่งนั้นเป็นนักรบเลือดมังกร ขณะที่อีกหนึ่งเป็นบุรุษชุดดำ โอวใช่แล้ว เขาควงเคียวดำ เคียวนั้นใหญ่มากอย่างน้อยยาวสิบเมตร”
“ใช่แล้ว มันยาวมากและจากนั้นเราเห็นมันเปลี่ยนเป็นเคียวเก้าเล่ม” บุรุษร่างกำยำเสริม
พวกเขาไม่รู้ว่าเคียวเหล่านั้นเป็นพ่อมดผู้วิเศษใช้พลังจิตสร้างขึ้นเพราะเวลานั้นเป็นช่วงมืด แม้ว่าจะมีคบเพลิงอยู่บนพื้นก็ตาม พวกเขาไม่สามารถจำภาพเหตุการณ์ทั้งหมด อย่างไรก็ตามเห็นได้ชัดว่าพวกเขาเห็นเคียวดำยักษ์ที่สร้างจากพลังจิต
“เคียว?” บุรุษชุดดำลึกลับเงียบไปชั่วขณะ
“และผลเป็นยังไง?” บุรุษชุดดำลึกลับถามต่อ
“การสู้รบเกิดขึ้นเร็วมาก เราเพียงแต่เห็นบุรุษชุดดำกลายเป็นเหมือนเนื้อปั่นและจากนั้นนักรบเลือดมังกรก็ร่วงลงมาที่พื้น เป็นนักรบเลือดมังกรที่สู้ชนะ จากนั้นท่านประธานหอการค้าขอเราออกคำสั่งให้เรากลับเข้าบ้านและจากนั้นท่านประธานหอการค้าอยู่กับนักรบเลือดมังกรเป็นเวลานาน” บุรุษร่างกำยำพูด
บุรุษชุดดำลึกลับถามต่อทันที “นักรบเลือดมังกรนั้นชื่อลินลี่ย์ใช่ไหม?”
“ใช่แล้ว, น่าจะเป็นลอร์ดลินลี่ย์ ลอร์ดลินลี่ย์มีสัมพันธ์ที่ดีกับท่านประธานของเรา” บุรุษผมทองวัยกลางคนพูด
“ดีมาก” บุรุษลึกลับชุดดำพยักหน้าพอใจ “ข้าพอใจกับคำตอบของพวกเจ้ามาก”
บุรุษทั้งสามคนรู้สึกโล่งอก
“แครกกก...” เสียงเบามาก ร่างของบุรุษทั้งสามคนสลายกลายเป็นฝุ่นสามกอง
“เขาตายจริงๆ” บุรุษลึกลับชุดดำโกรธจัด “เขาตายจริงๆ และก่อนที่เขาจะกลั่นมุกวิญญาณทองเสร็จตามที่สัญญาไว้กับข้า” บุรุษชุดดำก็คือโบมอนต์,ผู้ที่พ่อมดผู้วิเศษสัญญาจะช่วยให้เขาหลอมรวมกับมุกวิญญาณทอง
“ลินลี่ย์?”
ตาของโบมอนต์เย็นชา “ข้าไม่คาดเลยว่าในช่วงเวลาสั้นๆ อย่างนั้น เขาจะสามารถกลายเป็นเทพได้และเขายังสามารถรอดชีวิตได้ทั้งที่เผชิญหน้ากับสุดยอดพลังโจมตีของพ่อมดผู้วิเศษ”
โบมอนต์รู้ดี่ว่าพลังโจมตีสุดยอดของพ่อมดผู้วิเศษคือพลังสร้างความเสียหายให้ตนเองแต่ทำลายล้างคู่ต่อสู้ สำหรับยอดฝีมือที่พึ่งเขาถึงระดับเทพสามารถรับพลังโจมตีนั้นได้ทำให้โบมอนต์รู้สึกตกใจ
“แท้จริงเขามีชีวิตอยู่กับชื่อเสียงในฐานะเป็นอัจฉริยะสูงสุดของทวีปยูลาน” หัวใจของโบมอนต์เต็มไปด้วยความเกลียดชังจริงๆ มุกวิญญาณทองสำคัญมากต่อเขา ประโยชน์จากการดูดซับพลังมุกวิญญาณทองยิ่งใหญ่มาก ไม่เพียงแต่วิญญาณของเขายังได้รับการเสริมพลังแต่ระดับความก้าวหน้าในการฝึกฝนในอนาคตจะเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย
“ฮึ่ม..ลินลี่ย์”
โบมอนต์พึมพำชื่อของลินลี่ย์จากนั้นหัวเราะเย็นชากลายเป็นลำแสงดำหายลับไปในขอบฟ้า
วันที่ 29 ธันวาคมศักราชยูลานที่ 10040 เมื่อคืนก่อนนี้มีพายุหิมะใหญ่ ในตอนเช้าหิมะหยุดตกและทั่วทั้งปราสาทเลือดมังกรในตอนนี้เปลี่ยนเป็นโลกหิมะ ภายใต้แสงอาทิตย์หิมะที่ตกสะสมสะท้อนแสงราวกับอัญมณีแม้แต่เดเลียก็ยังหยุดฝึกชั่วคราว
ที่สำคัญเทศกาลยูลานกำลังจะมาถึง ทุกคนจะมาพร้อมหน้ากันในอีกไม่กี่วัน
ที่ด้านนอกปราสาทเลือดมังกร
บุรุษวัยกลางคนมีผมหงอกสั้นอยู่ในชุดขาวหนาเดินฝ่าหิมะมาอยู่หน้าปราสาทเลือดมังกร หน้าของบุรุษวัยกลางคนมีรอยยิ้มแต่ดวงตาของเขาเหมือนกับหยกดำ
“หยุดก่อน, พลเมือง” ทหารของปราสาทเลือดมังกรร้องเรียกทันที
บุรุษวัยกลางคนมองดูทหารพร้อมกับยิ้ม “ช่วยไปรายงานทีว่า ข้ามาขอพบลินลี่ย์เจ้าปราสาทเลือดมังกร”
หน้าของทหารที่เฝ้านอกปราสาทเลือดมังกรเปลี่ยนไป ในจักรวรรดิบาลุค ชื่อ ‘ลินลี่ย์’ไม่อาจล่วงเกินได้เหมือนชื่อของเทพเจ้า แม้ว่าคนที่มาเรียกชื่อของเขา พวกเขาก็ยังเรียกเขาด้วยความยกย่องด้วยคำว่า ‘ลอร์ดลินลี่ย์’มีน้อยคนมากที่กล้าเรียกชื่อลินลี่ย์ตรงๆ ได้
ทหารสองคนเตรียมจะตวาดด่า แต่ทันใดนั้น...
“ให้เขาเข้ามา” เสียงของลินลี่ย์ดังขึ้นในใจของทหารสองคนนี้
ทหารสองคนนี้ตกใจ ลินลี่ย์พูดกับเขาทางใจเพื่อประโยชน์ของคนผู้นี้
“เชิญเข้ามาได้” ทหารสองคนแม้จะยังงงอยู่แต่ก็ยังยอมให้คนผู้นี้เข้ามา
ภายในสวนดอกไม้ลินลี่ย์และเดเลียนั่งอยู่ด้วยกันชมภาพหิมะและพระอาทิตย์ยามเช้า
“เดเลีย อีกเดี๋ยวจะมีอาคันตุกะสำคัญมาเยี่ยม” ลินลี่ย์ยิ้มขณะเขามองดูเดเลีย เดเลียค่อนข้างประหลาดใจ “อาคันตุกะสำคัญ? ใครกัน? เจ้ารู้ได้ยังไง?”
“อาคันตุกะผู้นั้นใช้สัมผัสเทพติดต่อกับข้า”ลินลี่ย์ส่ายศีรษะพลางหัวเราะ
“เจ้ากำลังบอกว่าเขาเป็นเทพ?” เมื่อได้ยินคำว่า ‘สำผัสเทพ’ เดเลียเข้าใจได้ทันที ดูเหมือนนางจะตกใจมาก “ลินลี่ย์, เป็นเทพตนใด? เทพสงครามและคนอื่นยังคงอยู่สุสานเทพเจ้าใช่ไหม? พวกเขาจะกลับมาหลังจากนั้นอีกสามปี”
“เจ้าจะรู้เองในไม่ช้า”
ปัจจุบันนี้ลินลี่ย์อยู่ในอารมณ์ที่ดี “ข้าไม่คาดเลยว่าเขาจะขอทหารข้างนอกให้รายงานอย่างสุภาพ น่าทึ่งจริงๆ”
พูดโดยทั่วไปอย่างเดลี่และถูลี่จะใช้วิธีบินตรงมาที่ปราสาทเลือดมังกร ถ้าเทพต้องการพบกับลินลี่ย์ พวกเขาสามารถบินเข้ามาได้โดยตรง ไม่จำเป็นต้องมาขอให้ทหารเฝ้าประตูช่วยส่งรายงาน
หลังจากนั้นไม่นานเทพผู้นั้นก็เดินเข้ามาในสวนดอกไม้หลังปราสาท
“สวัสดีท่านลินลี่ย์” บุรุษผมเงินวัยกลางคนพูดพร้อมกับยิ้ง “ข้าคือมูบา”
“ท่านมูบา!ข้าได้ยินชื่อเสียงของท่านมานานแล้ว” ลินลี่ย์กล่าว เทพแห่งศาสนาลึกลับชื่อว่ามูบา ก่อนนั้นเมื่อเขาเพิ่งมาถึงประตูปราสาทเลือดมังกรมูบาได้ทักทายลินลี่ย์ผ่านสัมผัสเทพมาแล้ว
แม้ว่าลินลี่ย์จะประหลาดใจแต่เขาก็ยังต้อนรับบุรุษผู้นี้อย่างเป็นกันเอง
ที่สำคัญคือ คนผู้นี้มาคุยด้วยความสุภาพเป็นอย่างมาก
เมื่อได้ยินลินลี่ย์พูดเช่นนี้ มูบาเข้าเจ้าใจแล้วว่าการค้นพบศาสนานี้บางทีลินลี่ย์คงรู้แล้ว เขาเริ่มหัวเราะเช่นกัน “ข้าเสียใจจริงๆ ที่ไม่ได้ขออนุญาตท่านลินลี่ย์ก่อนจะเผยแพร่ลัทธิตนเองในจักรวรรดิของท่าน”
สำหรับเรื่องนี้ ลินลี่ย์ไม่แสดงอารมณ์โดยเปิดเผยไม่ว่าเขาจะหงุดหงิดหรือไม่ก็ตาม
“ท่านมูบา เชิญนั่งก่อน” ลินลี่ย์ชี้ม้านั่งหินที่อยู่ใกล้ๆ
มูบาหัวเราะอย่างอารมณ์ดีและนั่งลงหน้าของมูบาผ่องใสและมีรอยยิ้มแม้แตสายตาของเขาก็ทำให้ผู้คนคิดถึงความสดชื่นของฤดูใบไม้ผลิ น้อยคนนักที่จะคิดว่าเขาเป็นศัตรู
“ท่านมูบา, ขอถามได้ไหม,ท่านมีวัตถุประสงค์ใดถึงมาเยี่ยมเยือนข้าในวันนี้?” ลินลี่ย์พูดขึ้นก่อน
มูบาหัวเราะ “ความจริง, เหตุผลแรกก็คือข้ามาขอโทษ ก่อนหน้านี้ข้ารู้ว่าท่านลินลี่ย์ยังเป็นเซียนคนหนึ่ง เท่าที่ข้ารู้ท่านคงไม่สนใจเรื่องพลังงานศรัทธามากเท่าใด ตอนนั้นเมื่อข้าตั้งศาสนาของข้า ความจริงก็ไม่ส่งผลอะไรต่อท่านมาก แต่ตอนนี้ท่านกลายเป็นเทพแล้ว ท่านลินลี่ย์, ข้ารู้สึกค่อนข้างละอายใจ”
ลินลี่ย์และเดเลียประหลาดใจมากทั้งคู่
เขามากล่าวขอโทษ แค่นั้นเองหรือ?
เป็นไปได้หรือที่ยังมีเทพที่สุภาพและใจดี?
“ท่านมูบา, เนื่องจากท่านอธิบายกันอย่างสุภาพ แน่นอนว่าข้าคงไม่โกรธเคือง” ลินลี่ย์พูดและหัวเราะอย่างใจเย็น
มูบารีบกล่าวต่อ “ท่านลินลี่ย์ ไม่ต้องกังวล ในช่วงเวลาสั้นๆ นี้ข้าจะช่วยคลี่คลายปัญหาการเผยแพร่ลัทธิให้อย่างน้อยในจักรวรรดิบาลุคของท่าน ท่านจะไม่พบศาสนาของข้าอีก” มูบามีความจริงใจ
ลินลี่ย์ไม่รู้จะพูดอะไรจริงๆ
“ท่านลินลี่ย์ ข้าคิดว่าท่านเพิ่งจะเข้าถึงระดับเทพ ยังมีเรื่องสองสามเรื่องที่ท่านยังไม่รู้ ข้าจะบอกความจริงทั่วไปท่านทราบแทนการขอขมา” มูบาพูดอย่างจริงใจ
เนื่องจากกิริยาที่เขาทำลินลี่ย์พบว่าเป็นเรื่องยากที่จะโกรธแค้นมูบาผู้นี้
เพียงแต่ในใจของเขา ลินลี่ย์ยังคงรู้สึกมึนงง...มูบาผู้นี้บางทีก็สุภาพเกินไปนิด ลินลี่ย์เพิ่งจะถึงระดับเทพ ไม่มีความจำเป็นที่มูบาจะต้องทำเช่นนั้น
“เป็นเรื่องจริงที่ข้าเพิ่งเข้าถึงระดับเทพ ข้ายินดีจะรับฟังคำแนะนำของท่านมูบา” ลินลี่ย์กล่าว
มูบาพยักหน้าเล็กน้อย “เมื่อเข้าถึงระดับเทพ ตอนนี้เราจะถูกนับว่าเป็นเทพกันทั้งหมด สำหรับเรา ประกายศักดิ์สิทธิ์และวิญญาณทั้งสองของเราเป็นสิ่งสำคัญมากประกายศักดิ์สิทธิ์คือความแข็งแกร่งที่มิอาจขาดไปได้ แต่วิญญาณนั้นอ่อนแอมาก.. ข้าคาดว่าลินลี่ย์เจ้าคงรู้สึกถึงประโยชน์พลังงานศรัทธาก็ในตอนนี้แหละ”
ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย
ไม่นานหลังจากที่เขาเป็นเทพลินลี่ย์ก็ดูดซับพลังศรัทธาได้เล็กน้อย ตอนนั้นลินลี่ย์ไม่รู้สึกอะไรมาก แต่หลังจากผ่านไปครึ่งปี ลินลี่ย์สามารถรู้สึกได้ว่าพลังงานศรัทธาค่อยๆหลอมรวมในพลังจิตของเขาเอง ขณะเดียวกันก็สร้างชั้นพลังปกป้องวิญญาณของเขา แต่แน่นอนว่าสำหรับลินลี่ย์ดูเหมือนชั้นพลังปกป้องนั้นยังอ่อนอยู่มาก
“พลังงานศรัทธามีประโยชน์ต่อการเติบโตของวิญญาณมาก ขณะเดียวกันก็จะป้องกันวิญญาณไปด้วย เมื่อพลังงานศรัทธาถึงระดับที่ทรงพลังมาก พลังป้องกันของพลังศรัทธาอย่างเดียวก็สามารถป้องกันพลังโจมตีวิญญาณได้มากมาย” มูบาถอนหายใจ
ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย
ที่สำคัญ เขาแค่ดูดซับพลังงานศรัทธามาได้เพียงครึ่งปี แต่อย่างเทพสงครามผู้ดูดซับพลังงานศรัทธามาเป็นเวลาห้าพันปี ก็ย่อมหนาแน่นมาก ลึกล้ำกว่าพลังงานศรัทธาของตัวของเขาเองถ้าอย่างมหาเทพที่ดูดซับพลังงานศรัทธาจากดินแดนนับไม่ถ้วนย่อมมีการสั่งสมมาเป็นเวลาล้านๆปี
ปริมาณพลังงานศรัทธาที่พวกเขามีย่อมอยู่ในระดับที่น่าประหลาดใจ
“พลังงานศรัทธาเป็นประโยชน์ต่อพวกเรามาก เจ้าคงเข้าใจเรื่องนี้เช่นกัน เรื่องต่อมาคือข้าจะอธิบายความสำคัญบางอย่างเกี่ยวกับความจริงทั่วไปเรื่องสมบัติเทพ นี่จะเป็นเรื่องสำคัญในการฝึกในอนาคตของท่าน” มูบาไม่พยายามปิดบังอะไรแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตามความรู้ทั่วไปนี้สำหรับยอดฝีมือหลายคนที่เพิ่งเป็นเทพ ความรู้ที่พวกเขาจะได้รับมักจะมีหลังจากผิดพลาดหรือได้รับอุบัติเหตุ