ตอนที่ 12-30 แฮรุ
ช่วงหลายวันนี้ผ่านไปอย่างเงียบสงบสุขสบายวันแล้ววันเล่า ในพริบตาผ่านไปครึ่งปี
แก่นของเหลววิญญาณทองถูกลินลี่ย์ดูดซับไว้หมดสิ้น ตอนนี้แม้แต่วิญญาณรูปกระบี่ของเขาจะมีขนาดใหญ่กว่าแต่ก่อนในแง่คุณภาพก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
“มิน่าเล่าพวกเทพถึงได้ต้องการรวบรวมวิญญาณหลายดวงไปกลั่น” ลินลี่ย์อดหัวเราะไม่ได้
แต่โชคไม่ดีแม้ว่าพ่อมดผู้วิเศษจะใช้ความพยายามอย่างพิถีพิถัน แต่ในที่สุดทั้งหมดนั้นก็ตกไปเป็นผลประโยชน์คนอื่น
หลังจากดูดซับแก่นวิญญาณหมดสิ้นแล้ว ลินลี่ย์ออกจากห้องมิติลับต้องการเดินเล่นที่ปราสาทเลือดมังกร ขณะที่เขาเดินไปตามทางที่เต็มไปด้วยดอกไม้ ลินลี่ย์เห็นประกายเงาดำบินผ่านเหนืออากาศจากที่ไกล
“นายท่าน” เงาดำนั้นบินมาหาลินลี่ย์ เป็นเสือดำเมฆาแฮรุ
“แฮรุ, จะออกไปไพรทมิฬอีกแล้วหรือ?” ลินลี่ย์หัวเราะ
แฮรุผงกศีรษะ
ลินลี่ย์รู้ว่าแฮรุก็เหมือนกับมังกรระดับเซียนไม่คุ้นอยู่กับการใช้ชีวิตอยู่กับมนุษย์ ทั้งสี่จะอยู่ในปราสาทเลือดมังกรเป็นบางครั้งเวลาส่วนใหญ่พวกเขาจะบินไปไพรทมิฬ,เทือกเขาอสูรวิเศษหรือไม่ก็เทือกเขาอาทิตย์อุทัย
ที่เหล่านั้นเป็นบ้านที่แท้จริงของพวกเขา
“อืม..” ลินลี่ย์นึกขึ้นได้ทันที
“แฮรุ!เจ้าเป็นอสูรสายธาตุมืดและธาตุลมใช่ไหม?” ลินลี่ย์ถาม
“ถูกแล้วนายท่าน,มีอะไรหรือเปล่า?” แฮรุค่อนข้างงง ทำไมลินลี่ย์ถามเรื่องนี้กะทันหัน?
ลินลี่ย์หัวเราะและพูด “ไม่มีอะไร” ลินลี่ย์ยังคงเดินไปข้างหน้าต่อ แฮรุมองตามหลังลินลี่ย์อย่างงุนงง แต่แฮรุไม่คิดอะไรมาก และเขาบินไปหาสหายทั้งสามก็คือมังกรระดับเซียนทั้งสาม
เมื่อมาถึงสนามฝึกฝนหน้าปราสาทเลือดมังกร ลินลี่ย์เห็นวอร์ตันและอีกหลายคนกำลังฝึกฝน
“แฮรุ...สายธาตุลมจะเป็นทางเลือกที่ดีเหมือนกัน” ลินลี่ย์ไตร่ตรองถึงปัญหาว่าจะมอบประกายศักดิ์สิทธิ์ธาตุลมให้ใครมาช่วงเวลาหนึ่งแล้ว
เกทส์และคนอื่นแทบจะไม่มีความสัมพันธ์กับกฎธรรมชาติธาตุลมเลย แม้ว่าเซียนคนใดคนหนึ่งจะสามารถหลอมรวมกับประกายศักดิ์สิทธิ์ได้ แต่จะดีที่สุดเมื่อหลอมรวมกับสายธาตุที่ตนมีทักษะอยู่ ตัวอย่างเช่น เดเลียหลอมรวมกับประกายศักดิ์สิทธิ์ธาตุลม ขณะที่บาร์เกอร์หลอมรวมกับประกายศักดิ์สิทธิ์ธาตุดินและซาสเลอร์กำลังหลอมรวมกับประกายศักดิ์สิทธิ์สายมรณะ
และตอนนี้ลินลี่ย์หาผู้รับช่วงได้อีกหนึ่งก็คือแฮรุ
แฮรุเป็นอสูรที่มีสัมพันธ์สองสายธาตุ คือธาตุมืดและธาตุลมความจริงเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับเขาควรจะได้รับประกายศักดิ์สิทธิ์นี้ไป
“พี่ลีย์” เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น
ลินลี่ย์มองหา เป็นเจนน์นั่นเอง
“เจนน์” หน้าลินลี่ย์มีรอยยิ้ม เจนน์สวมชุดสีฟ้าของจอมเวทธาตุน้ำ เวลาที่ผ่านมาใบหน้าของนางไม่มีริ้วรอยแม้แต่น้อย ย้อนไปในวันเก่าก่อนเจนน์ได้ชื่อว่า ‘หญิงเหล็ก’ แห่งสำนักงานบริหารจักรวรรดิบาลุค ทุกวันนี้เจนน์ทำงานเป็นครูสอนเวทคนหนึ่งในสถาบันจอมเวท
เจนน์พากเพียรหนักมากในการฝึกเป็นจอมเวทของนาง และนางใช้เวลาสามสิบกว่าปีฝึกปรือฝีมือนาง
ปัจจุบันนี้นางเป็นจอมเวทระดับเจ็ด นางมีคุณสมบัติจะเป็นอาจารย์สอนเวทมากกว่า
“ฮะฮะ, เจนน์, เจ้ากลับมาแล้ว, ตั้งแต่เริ่มเป็นครูสอนเวทเจ้าก็เริ่มใช้เวลาที่นี่น้อยลงนะ” วอร์ตันและคนอื่นๆ เดินตรงมาหาเช่นกัน
ความจริง,ทุกคนในปราสาทเลือดมังกรรู้ว่าเจนน์รู้สึกยังไงต่อลินลี่ย์ เพียงแต่พวกเขาทุกคนรู้อารมณ์ความรู้สึกที่ลินลี่ย์มีต่อเจนน์เช่นกัน..พวกเขาไม่ค่อยพูด และเจนน์ก็ไม่ฝืนให้ลินลี่ย์ใช้เวลากับนางมากขึ้น เท่าที่เจนน์รู้ ชีวิตของนางมีความสุขมากเพราะสามารถเห็นว่าคนอย่างนาง สามารถทำอะไรก็ได้ตามที่นางพอใจนางเพลิดเพลินกับชีวิตสบายๆ และเติมเต็มชีวิตของนาง
“ไม่มีอะไรที่ข้าทำได้ ในสถาบันมีโอกาสหยุดพักปีละสองครั้งเอง” เจนน์ยิ้มขณะพูด “วอร์ตัน,อาร์โนลด์ไปไหนแล้ว?”
“อาร์โนลด์กำลังเล่นอยู่สวนดอกไม้หลังปราสาทกับพี่เลี้ยง” วอร์ตันหัวเราะ
เจนน์มองลินลี่ย์ “พี่ลีย์, ข้าจะไปหาอาร์โนลด์ก่อน” ลินลี่ย์หัวเราะและพยักหน้า เจนน์รักและตามใจอาร์โนลด์มาก ทุกคนในปราสาทรู้เรื่องนี้
ภายในห้องมิติ
กระแสพลังงานหลากสีสันปั่นป่วนอยู่ในมิติข้างนอกเยื่อใสรอยแตกของมิติสามารถเห็นได้ทุกที่ ลินลี่ย์และเดเลีย สองสามีภรรยาฝึกอยู่เงียบๆ ที่นี่ร่างแยกศักดิ์สิทธิ์และร่างหลักของลินลี่ย์แยกกันฝึกสัจธรรมแห่งความเร็วและสัจธรรมแห่งธาตุดิน
“เฮ้อ”ลินลี่ย์หยุดฝึก
“เดเลีย” ลินลี่ย์เรียก
“มีอะไรหรือ?” เดเลียลืมตามองดูลินลี่ย์อย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นหรือ?”
“เดเลีย, ตอนนี้,เรายังมีประกายศักดิ์สิทธิ์เหลืออยู่อีกหนึ่ง ข้าเตรียมจะมอบประกายศักดิ์สิทธิ์นี้ให้กับแฮรุได้หลอมรวมเจ้าคิดว่ายังไงบ้าง?” ลินลี่ย์ต้องการถามความเห็นของเดเลียก่อน เดเลียตาเป็นประกาย “แฮรุ? ถ้าเป็นแฮรุ..ก็นับว่าเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมจริงๆ เขาคืออสูรเวทของเจ้าและตลอดหลายปีมานี้ เขากับเซียนมังกรทั้งสามก็ช่วยจัดการงานกิจการของจักรวรรดิหลายอย่างในช่วงระหว่างสู้รบนี้”
เดเลียชื่นชมแฮรุมาก
แฮรุอยู่ในปราสาทเลือดมังกรอย่างเจียมตัว แต่เมื่อใดก็ตามที่เกิดปัญหาขึ้น แฮรุจะปฏิบัติหน้าที่ที่คนอื่นไม่ต้องการทำโดยไม่บ่นสักคำ
อย่างนั้นก็ลงตัว” ลินลี่ย์ตั้งใจแล้ว
หลังจากกลายเป็นเทพลินลี่ย์ไม่อยู่ภายใต้แรงกดดันมากอีกต่อไป กล่าวโดยทั่วไป เขาปล่อยให้ร่างแยกศักดิ์สิทธิ์มุ่งอยู่กับการฝึกฝน ขณะที่ร่างหลักของเขาจะออกมาเดินเล่นที่ปราสาทเลือดมังกรเป็นครั้งคราว ที่สำคัญคือ มีเรื่องมากกว่าการฝึก
ภายในห้องประชุมใหญ่ปราสาทเลือดมังกร
คนหลายสิบคนนั่งรายล้อมโต๊ะยาวสิบเมตรพวกเขาทานอาหารด้วยกัน และลินลี่ย์นั่งอยู่ในตำแหน่งประธาน
“ครืนนน...”
ระลอกพลังงานเฉพาะแบบมาจากทางใต้ คนอื่นๆ ในห้องโถงใหญ่ไม่ได้สังเกตอะไร แต่ลินลี่ย์เงยหน้าขึ้นมองไปทางทิศใต้อย่างประหลาดใจ “มีคนกลายเป็นเทพอีกคนหนึ่งแล้ว!”
ลินลี่ย์รู้สึกได้ทันทีถึงพลังธรรมชาติของกฎธรรมชาติ เขาคุ้นเคยกับคลื่นพลังงานเช่นนั้น
แม้ว่าคลื่นพลังงานนั้นจะเดินทางไกลมากและตอนนี้ยังอ่อนมาก แต่ลินลี่ย์ก็สามารถรู้สึกได้ชัดนั่นเป็นคลื่นพลังเฉพาะตัวพลังกฎธรรมชาติเมื่อคนผู้หนึ่งกลายเป็นเทพ
“มีคนที่อยู่ทางใต้จะกลายเป็นเทพ ใครกัน?” ลินลี่ย์ลอบประหลาดใจ
ตอนนี้ทั้งถูลี่และเดลี่ก็อยู่ทางทิศใต้ของลินลี่ย์ นอกจากสองคนที่คุ้นเคยกันแล้ว ยังคงมีเซียนชั้นสูงต่างๆที่ปรากฏออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยเมื่อไม่กี่ปีมานี้ เช่นเซียนสองคนในจักรวรรดิโรฮอลท์ ทั้งสองคนมีความสามารถจะเข้าถึงระดับเทพได้
แล้วเป็นใครกัน?
“เจ้ากินกันต่อไป ข้าจะเดินทางสักหน่อย” ลินลี่ย์ลุกขั้นยืน
วอร์ตัน เกทส์ และคนอื่นๆ มองดูลินลี่ย์อย่างสับสน แต่พวกเขาไม่ถามสาเหตุ ลินลี่ย์เดินออกนอกห้องโถงใหญ่จากนั้นเหาะขึ้นอากาศทันที
ในกลางอากาศตอนนี้ลินลี่ย์รู้สึกถึงระลอกพลังงานได้ชัดเจนว่ามาจากที่ใด “ตำแหน่งมาจากทางใต้ คงไม่ใช่ถูลี่” ลินลี่ย์ไม่แปลกใจอีกต่อไปขยายพลังจิตของเขาออกไปทันที เมื่อเข้าถึงระดับเทพ พลังจิตนั้นต้องอธิบายด้วยคำว่า‘สำผัสเทพ’
สัมผัสเทพของลินลี่ย์ขยายออกไปทันที ถ้าเขาไม่ได้ซึมซับแก่นดวงวิญญาณยี่สิบล้านดวงสัมผัสเทพของลินลี่ย์คงครอบคลุมพื้นที่ราวๆ พันกิโลเมตร
แต่ตอนนี้...สัมผัสเทพของลินลี่ย์สามารถครอบคลุมได้ในระยะหมื่นกิโลเมตรแต่แน่นอนนี่เป็นเพียงพิภพทวีปยูลาน ถ้าเขาอยู่พิภพอื่นที่สูงกว่าพื้นที่สัมผัสเทพของเขาจะครอบคลุมได้น้อยกว่ามาก
สัมผัสเทพของเขากระจายออกไปเหมือนกับระลอกคลื่นของน้ำและไปถึงภูเขาที่พำนักของเดลี่โดยเร็ว
“นี่เอง”ลินลี่ย์สามารถรู้สึกได้ถึงระลอกพลังกฎธรรมชาติจากตำแหน่งนี้ ลินลี่ย์ไม่กล้าแผ่สัมผัสเทพออกไปอีก ทั้งหมดที่เขาทำได้ก็คือรอ ที่สำคัญกระบวนการได้รับประกายศักดิ์สิทธิ์และสร้างร่างแยกศักดิ์สิทธิ์เป็นช่วงเวลาที่สั้น
ขณะต่อมาระลอกกฎธรรมชาติก็หายไป
ลินลี่ย์ส่งสัมผัสเทพออกไปอีกครั้งและพบคนที่เพิ่งจะกลายเป็นเทพได้ทันที
“เป็นเดลี่จริงๆ” ใบหน้าของลินลี่ย์มีรอยยิ้ม
ขณะนั้น เดลี่อยู่ในห้องฝึกฝนใต้ดินในที่พำนักในภูเขา มีคนจำนวนหนึ่งรวมตัวอยู่ที่นั่นรวมทั้งเพนสลีนฮิกกินสัน เรย์โนลและคนอื่น คนเหล่านี้พากันตื่นเต้นขณะมองดูเดลี่กลายเป็นเทพ เดลี่เลือกวิธีที่สองแบ่งวิญญาณออกเป็นสองส่วน
“เดลี่, ขอแสดงความยินดีด้วย”เสียงของลินลี่ย์ดังขึ้นในใจของเดลี่
“ฮ่าฮ่า, ลินลี่ย์ ข้าช้าไปกว่าเจ้าครึ่งปี” เดลี่พูดอย่างถ่อมตัวแต่ในใจของเขายินดียิ่งนัก เขาหยุดการเป็นสุดยอดเซียนที่มีระยะเวลายาวนานได้แล้ว วันนี้เขาก็บรรลุได้ในที่สุด และเหมือนกับว่าเป็นการอาศัยความสามารถของตนเองด้วย
เทพทั้งสองอยู่ห่างกันเป็นพันๆ กิโลเมตรแต่พวกเขาพูดคุยกันทางจิต
“เดลี่, ทำไมท่านเลือกใช้วิธีแบ่งวิญญาณเล่า?” ลินลี่ย์ถามด้วยความสงสัย “ท่านฝึกกฎแห่งแสงไม่ใช่หรือ?”
“ลินลี่ย์,แม้ว่ากระบวนการแยกวิญญาณนี้จะอันตรายมากต่อวิญญาณแต่เมื่อเวลาผ่านไปวิญญาณจะแก่กล้าและฟื้นฟู แต่ตอนนี้, ข้าแยกเป็นสองร่างแล้ว อย่างน้อยเมื่อข้าต่อสู้ ถ้าหนึ่งในร่างข้าถูกทำลาย ข้าก็ยังมีอีกร่างหนึ่งโดยพื้นฐานก็หมายความว่าข้ามีชีวิตที่สอง และที่สำคัญมากกว่านั้น...แม้ว่าข้าจะฝึกฝนแต่เพียงกฎธาตุแสงในปัจจุบันนี้ ก็ไม่ได้หมายความว่าในอนาคต ข้าจะไม่สามารถฝึกกฎธาตุอื่นได้ใช่ไหม?”
ลินลี่ย์หัวเราะเช่นกัน
ความจริง คนส่วนใหญ่ผู้กลายเป็นเทพด้วยตนเอง ถ้าพวกเขารู้ความแตกต่างระหว่างทางเลือกทั้งสอง ก็คงเลือกทางเลือกที่สองนี้
ที่สำคัญความเสียหายสำหรับวิญญาณที่เกิดจากการแยกวิญญาณมีเพียงชั่วคราว แต่สิ่งที่ได้รับมาก็คือได้เพิ่มอีกหนึ่งชีวิต เนื่องจากความเป็นไปได้ในการฝึกฝนในอนาคตเช่นกัน! ที่สำคัญ หลังจากกลายเป็นเทพแล้วเขาจะมีอายุขัยไม่มีจำกัด และสามารถฝึกอีกสายธาตุหนึ่งได้
ตัวอย่างเช่น ถ้าลินลี่ย์มีเวลาพอ เขาสามารถฝึกในทางธาตุไฟหรือแม้กระทั่งวิถีทำลายล้างก็ได้
“เดลี่, ท่านเพิ่งกลายเป็นเทพ ข้าคิดว่าท่านมีสองสามเรื่องที่จะต้องทำข้าคงไม่รบกวนต่อไปแล้ว หลังจากจัดการเสร็จแล้ว เมื่อท่านมีเวลาว่างมาเที่ยวบ้านข้าบ้างก็ได้” ลินลี่ย์หัวเราะ
“แน่นอน” เดลี่ตอบรับ
เดลี่เองก็รู้สึกถึงความผันแปรและเปลี่ยนแปลงในทวีปยูลานซึ่งกลายเป็นเรื่องคาดเดาไม่ได้ การร่วมกับลินลี่ย์จะเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองคนในเรื่องความสามารถในการป้องกันตัวเองของพวกเขา ที่สำคัญพูดอย่างทั่วไปคนที่กลายเป็นเทพด้วยกำลังตัวเองจะมีพลังมากกว่า โดยมีขอบเขตพลังที่ดีกว่าคนที่กลายเป็นเทพโดยผ่านการหลอมรวมกับประกายศักดิ์สิทธิ์
การหลอมรวมกับประกายศักดิ์สิทธิ์เหมือนกับเป็นการอ่านหนังสือและทำความเข้าใจกฎที่อยู่ในประกายศักดิ์สิทธิ์ ขณะที่การกลายเป็นเทพด้วยตนเองเหมือนกับเป็นคนเขียนหนักสือเองผู้เขียนประพันธ์หนังสือย่อมมีความเข้าใจดีมากกว่าคนผู้อ่าน เขาเข้าใจทุกส่วนของหนังสือดี และสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ง่ายเช่นกัน
ลินลี่ย์ถอนสัมผัสเทพออกมา
ลินลี่ย์ยืนอยู่ในกลางอากาศ และเรียกอสูรเวทของเขาโดยตรง “แฮรุ, มาที่นี่, เร็วเข้า” ขณะนั้นเอง, แฮรุยังอยู่ในไพรทมิฬ แต่เมื่อได้ยินคำสั่งของลินลี่ย์เขารีบบินมาทันที เพียงแต่แฮรุอยู่ห่างไปสองสามพันกิโลเมตรจากปราสาทเลือดมังกร
ลินลี่ย์รอการมาถึงของแฮรุอยู่ในสวนดอกไม้หลังปราสาท
“ควั่บ” แฮรุลงมายืนที่พื้น
“นายท่าน”แฮรุมองดูลินลี่ย์อย่างสับสน ลินลี่ย์ไม่เคยเรียกเขาอย่างเร่งด่วนมาก่อน ที่สำคัญพลังของเขาในปราสาทเลือดมังกรก็อยู่ในระดับทั่วไป มีไม่กี่คนเท่านั้นที่อ่อนแอกว่าเขา
“แฮรุ, อยากเป็นเทพหรือเปล่า?” ลินลี่ย์ยิ้มเต็มหน้า
แฮรุทำตาโตทันที และขนในตัวลุกชัน เขามองลินลี่ย์อย่างประหลาดใจ “นะ..นายท่าน? ท่านว่ากระไรนะ?” แฮรุอาศัยอยู่ในปราสาทเลือดมังกรรู้ว่าบาร์เกอร์และซาสเลอร์ทั้งคู่ได้รับประกายศักดิ์สิทธิ์
เป็นไปได้ว่า...
โชคดีอย่างเดียวกันนั้นกำลังจะตกลงที่ตัวเขาแฮรุ?
แฮรุรู้สึกชาไปทั้งตัว เขาเองรู้สึกว่าภายในปราสาทเลือดมังกร เขาไม่ใช่คนสำคัญไม่เป็นที่สังเกตเห็น
“เอ้านี่.. ประกายศักดิ์สิทธิ์” ลินลี่ย์ยิ้มกว้าง
แค่เพียงพลิกมือลินลี่ย์ดึงประกายศักดิ์สิทธิ์สีดำรัศมีสีเขียวออกมาแฮรุจ้องมองประกายศักดิ์สิทธิ์จนลืมหายใจ ความสนใจทั้งหมดของเขาอยู่ที่ประกายศักดิ์สิทธิ์ โลกของอสูรเวทเป็นโลกที่แข็งแกร่งและได้รับการนับถือ
สหายที่แฮรุคบหาส่วนใหญ่ก็เป็นอสูรเวทระดับเซียนเช่นกัน
เทือกเขาอสูรวิเศษ เทือกเขาอาทิตย์อุทัย ไพรทมิฬ.. แฮรุยังพูดอสูรเวทระดับเซียนมาไม่ถึงร้อย แต่เขาแน่ใจว่ามากกว่าห้าสิบ อสูรเวทเหล่านี้เทิดทูนลอร์ดเบรุตและลอร์ดไดลิน เพราะลอร์ดเบรุตและลอร์ดไดลินเป็นอสูรเวทที่ฝึกฝนมาจนถึงขั้นกลายเป็นร่างมนุษย์ได้ อสูรเวทผู้กลายเป็นเทพ!
อสูรเวทระดับเซียนเหล่านี้ทั้งหมดก็ปรารถนาจะมีวันที่พวกเขาได้เป็นเทพเช่นกัน!
อสูรเวทระดับเทพ ยืนอยู่ยอดสูงสุดของเหล่าอสูรเวททั้งปวงในโลก!
“ข้า ข้า แฮรุจะกลายเป็นเทพแล้วหรือ?” แฮรุรู้สึกมึนศีรษะ
แฮรุมักจะมีความพอใจมากอยู่แล้ว ที่สำคัญ เสือดำเมฆาโดยทั่วไปจะมีระดับเก้า เขาพอใจมากอยู่แล้วที่ได้กลายเป็นเซียน และต้องขอบคุณอย่างมากที่ลินลี่ย์มอบแก่นผลึกเวทระดับเซียนให้เขาทำให้เขาได้บรรลุเป็นระดับเซียน ดังนั้น แฮรุไม่ว่าจะถูกขอร้องให้ทำอะไร เขาไม่เคยบ่นสักคำ
“ว่าไง, เจ้าไม่ต้องการหรือ?” ลินลี่ย์หยอกล้อ
“ข้าต้องการ!” แฮรุรีบตอบทันที
ลินลี่ย์หัวเราะและโยนประกายศักดิ์สิทธิ์ให้ประกายศักดิ์สิทธิ์สะท้อนใต้แสงอาทิตย์ลอยเข้าหาเขา
แฮรุจ้องมองประกายศักดิ์สิทธิ์ ใจเต็มไปด้วยความคิด เขาจะคาดคิดได้ยังไงว่าอสูรเวทระดับเก้าอย่างเขาไม่เพียงแต่จะกลายเป็นเซียนได้ แต่ยังคง..ดูเหมือนเขากำลังจะกลายเป็นอสูรเวทระดับเทพที่ได้รับการเทิดทูนจากอสูรระดับเซียนตนอื่น!
“ข้า, แฮรุจะได้เป็นลอร์ดแฮรุ..กับเขาด้วยหรือนี่?” แฮรุในตอนนี้จินตนาการภาพที่สายตาที่อสูรเวทนับไม่ถ้วนมองด้วยความกริ่งเกรงและเคารพเรียกเขาเป็นลอร์ดแฮรุ “อนาคตจะเป็นยังไง,ข้าจะเลือกเทือกเขาอาทิตย์อุทัย ข้าจะกลายเป็นราชาแห่งเทือกเขาอาทิตย์อุทัย ข้า, แฮรุราชาแห่งเทือกเขาอาทิตย์อุทัย”
แฮรุไม่เคยมีความสุขอย่างนี้มาก่อน