ตอนที่ 12-29 จัดสรรประกายศักดิ์สิทธิ์
มีคนกลุ่มหนึ่งชุมนุมอยู่ในปราสาทเลือดมังกรและยังไม่อาจหลับได้ ลินลี่ย์ออกไปสู้กับพ่อมดผู้วิเศษเป็นเรื่องที่เทย์เลอร์ เกทส์ และคนอื่นๆไม่รู้ มีเพียงวอร์ตันและซาสเลอร์เท่านั้นที่รู้ แต่หลังจากลินลี่ย์ออกไป วอร์ตันกับซาสเลอร์จึงแจ้งเรื่องนี้กับทุกคน
ความคิดของซาสเลอร์ชัดเจนมาก
ถ้าลินลี่ย์ไม่กลับมา เขาก็ยังต้องบอกเทย์เลอร์และคนอื่นอยู่ดี
ถ้าลินลี่ย์ประสบความสำเร็จกลับมาจะเป็นเรื่องน่ายินดีที่ทุกคนร่วมแบ่งปัน
ไม่ว่ายังไงก็ตาม แจ้งให้ทุกคนรู้เป็นดีที่สุด
โคมเทียนในโถงใหญ่ของปราสาทเลือดมังกรถูกจุดสว่างไสว คนกลุ่มใหญ่ชุมนุมกันอยู่ที่นี่ หลังจากซาสเลอร์และวอร์ตันแจ้งพวกเขาว่าลินลี่ย์ไปสู้กับเทพ พวกเขาตกตะลึงหนักตอนนี้ทั้งหมดที่พวกเขาสามารถทำได้ก็คือรออย่างอดทน
ทันใดนั้นเสียงฝีเท้าดังจนได้ยิน
“ท่านแม่, ทำไมท่านออกจากการฝึกเสียเล่า?” เทย์เลอร์ที่ห่วงเรื่องการสู้ระหว่างลินลี่ย์กับเทพหันมาเห็นคนที่เพิ่งมาถึง เขาอดประหลาดใจไม่ได้
“พวกเจ้าทุกคนมาอยู่ที่นี่กันแล้วหรือ?” เดเลียยิ้ม
เดิมทีเดเลียเตรียมรออย่างอดทนอยู่ในห้องมิติ แต่เดเลียพบว่า...นางไม่สามารถสงบจิตใจได้ นางยังคงกังวลดังนั้นนางตัดสินใจออกมารอการกลับปราสาทเลือดมังกรของลินลี่ย์
“พวกเจ้ารู้กันหมดทุกคนแล้วใช่ไหม?” เดเลียมองดูทุกคน
วอร์ตัน นีนา เกทส์ พี่น้องบาร์เกอร์และภรรยาพวกเขาเทย์เลอร์, ชาชา, ฮิลแมนและพ่อบ้านแอชลี่ย์พยักหน้ากันทุกคน
เดเลียพยักหน้าเล็กน้อยเช่นกัน
ทุกคนรอและภาวนา พวกเขาแหงนหน้ามองดูท้องฟ้ายามราตรีหวังว่าจะเห็นร่างที่คุ้นเคยปรากฏตัวออกมา
“ทุกคน อย่าใจร้อนนักเลยระยะทางจากที่นี่ถึงหุบเขาเป็นพันกิโลเมตร เฉพาะเวลาบินอย่างเดียวก็ใช้เวลานานเหมือนกัน” วอร์ตันเตือนทุกคน
“เป็นท่านพ่อ!” เสียงร้องดีใจและยินดีดังขึ้นเป็นชาชาที่กำลังจ้องมองท้องฟ้า
ทุกคนหันไปมองดูท้องฟ้ายามราตรีทันที
ร่างมนุษย์คนหนึ่งสวมชุดยาวสีฟ้าบินผ่านท้องฟ้าอย่างสง่างาม เทย์เลอร์ เดเลีย ชาชาและคนอื่นวิ่งมาหาด้วยความตื่นเต้น
เมื่อเห็นทุกคนรวมตัวอยู่ที่นี่ลินลี่ย์รู้สึกสบายใจและมีความสุข
“เดเลีย เทย์เลอร์ ชาชา” ใบหน้าลินลี่ย์มีรอยยิ้ม เขาเป็นคนที่เยือกเย็นที่สุดในที่นี้
“ลอร์ดลินลี่ย์, ท่านฆ่าเทพนั้นแล้วใช่ไหม?” เกทส์มาจากด้านหลังตะโกนอย่างตื่นเต้น วอร์ตันและซาสเลอร์มองดูลินลี่ย์กันทุกคน เดเลียกังวลเช่นกัน... นางกังวลว่าลินลี่ย์อาจจะสูญเสียหนึ่งในร่างของเขาและถูกบีบให้หนีกลับมา
“แน่อยู่แล้ว” ลินลี่ย์ยิ้ม
ตอนนี้ทุกคนยิ้มเต็มหน้าทันที
“สุดยอด” เทย์เลอร์ตื่นเต้นเหลือเชื่อ “ท่านพ่อของข้าเป็นคนที่ฆ่าเทพได้ คืนนี้ไม่มีใครหลับได้เลย ข้าจะจัดเหล้ายาอาหารมาให้ คืนนี้จะเลี้ยงฉลองกันให้เต็มที่!”
“ใช่เลย เลี้ยงฉลองกันสุดเหวี่ยง!” เกทส์ตะโกนลั่น
ทุกคนตื่นเต้นเหลือเชื่อ
“จัดเลี้ยงสุดเหวี่ยง!” ลินลี่ย์หัวเราะและพยักหน้าเช่นกัน ลินลี่ย์ที่ปกติจะมึนซึมและจริงจังพลันมีความสุขไปด้วย ก่อนการสู้รบ ลินลี่ย์รู้สึกกังวลเช่นกัน แต่ตอนนี้ไม่เพียงแต่เขากลับมาได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย เขายังช่วยให้เยลเป็นอิสระด้วยลินลี่ย์ย่อมมีความสุขอย่างเหลือเชื่อเป็นธรรมดา
คืนนี้, ปราสาทเลือดมังกรครึกครื้นมากกว่าที่เคยเป็น
พวกเขาเลี้ยงฉลองจนกระทั่งฟ้าสางเริ่มต้นวันใหม่ จากนั้นทุกคนแยกย้ายออกมาขณะที่เดเลียและลินลี่ย์ขอให้ซาสเลอร์รั้งอยู่
ภายในห้องรับแขกปราสาทเลือดมังกร ซาสเลอร์ยืนอยู่กับที่มองดูลินลี่ย์และเดเลียพลางสงสัยถึงสาเหตุที่พวกเขาขอให้เขารั้งอยู่ต่อ อย่างไรก็ตาม เขาสะดุดใจเพราะเขาวิเคราะห์มานานแล้วว่ายอดฝีมือระดับเทพนี้เป็นผู้ฝึกมาทางกฎมรณะ
เมื่อลินลี่ย์ฆ่าพ่อมดผู้วิเศษได้ เขาย่อมได้รับสิ่งของพิเศษบางอย่างมาซึ่งคนอื่นคงใช้ประโยชน์ไม่ได้
“ลอร์ดลินลี่ย์?” ซาสเลอร์ยิ้ม เพียงแต่หน้าของซาสเลอร์น่ากลัวและดูประหลาดแม้จะยิ้มแต่เขาก็ดูน่ากลัว “ทำไมท่านถึงขอให้ข้ารั้งอยู่?”
ลินลี่ย์ดึงแหวนมิติเก็บสมบัติและโยนให้เขา
“ซาสเลอร์ แหวนมิติเก็บของนี้เป็นของเทพมอบให้ท่านคงจะดีกว่า จงผูกสัญญาด้วยโลหิตและดึงของที่อยู่ภายในออกมาเถอะ” ลินลี่ย์มีความเชื่อใจซาสเลอร์มาก ความจริงถ้าซาสเลอร์จงใจเหลือของบางอย่างไว้ในภายในลินลี่ย์จะไม่รู้เรื่องนี้
“ได้เลย” ซาสเลอร์สั่นเล็กน้อยและรับแหวนมิติเก็บของ
เขาไม่สนใจแหวนมิติเก็บของมากนัก แต่แน่นอนเขาต้องการสมบัติของเทพ หลังจากผูกสัญญาด้วยโลหิตแล้ว...
ซาสเลอร์โบกมือ และดึงสิ่งของที่อยู่ภายในแหวนออกมากองใหญ่กินพื้นที่เกือบครึ่งห้องโถง ในบรรดาสิ่งของเหล่านี้ก็มีสมุนไพรมากมาย,โถและของที่คล้ายกับแร่บางอย่างกระจัดกระจาย เมื่อเห็นของเหล่านี้ซาสเลอร์ตาทอประกายทันที
“มุกวิญญาณทอง?” ลินลี่ย์มองดูมุกวิญญาณทองที่ถูกเก็บไว้ในแก้วใส เขารู้สึกได้ถึงวิญญาณเข้มข้นภายในนั้น
ลินลี่ย์ใช้พลังผ่านแหวนมังกรขนดดึงมุกวิญญาณทองเข้ามาในแหวนมังกรขนดโดยตรง ความจริงลินลี่ย์ได้ซึมซับของเหลววิญญาณทองเหล่านั้นไปแค่หนึ่งในร้อยส่วน จะซึมซับได้หมด ลินลี่ย์อาจต้องใช้เวลาครึ่งปี
แต่ลินลี่ย์รู้สึกได้ชัดเจนว่ามันเป็นประโยชน์ต่อวิญญาณเขาเพียงไหนวิญญาณของเขาแข็งแกร่งมากขึ้น
“ลอร์ดลินลี่ย์ วัสดุหลายอย่างที่นี่มีค่ามาก และเป็นประโยชน์มากต่อข้า แต่สมบัติเทพสองชิ้นนี้ควรใช้โดยนักรบ” ซาสเลอร์ชี้ไปที่สมบัติเทพสองชิ้น
ลินลี่ย์อดหัวเราะไม่ได้
อย่างนั้นพ่อมดผู้วิเศษก็ไม่ได้มีแค่เคียวดำสินะ เขามีสมบัติเทพอื่นอีกสองชิ้นด้วย
“ซาสเลอร์, ท่านอยากเป็นเทพหรือเปล่า?” ลินลี่ย์มองดูซาสเลอร์ ใบหน้าเขาไม่เชิงยิ้มเดเลียที่อยู่ด้านหลังเขายิ้มให้ซาสเลอร์
ซาสเลอร์ตะลึง
“กลายเป็นเทพ?” ซาสเลอร์พึมพำ กลายเป็นเทพ? ใครบ้างจะไม่ต้องการ?
คนมีปัญญาอย่างเขาเข้าใจคำพูดลินลี่ย์และความตั้งใจของลินลี่ย์ทันที แต่ซาสเลอร์ยังพบว่ามันค่อนข้างยากจะเชื่อ ซาสเลอร์รู้ดีว่าประกายศักดิ์สิทธิ์สำคัญเพียงไหน แม้แต่ไดลินก็ยังรู้สึกขอบคุณซาบซึ้งที่ลินลี่ย์มอบประกายศักดิ์สิทธิ์ให้เขา
ประกายศักดิ์สิทธิ์เป็นตัวแทนของการสร้างเทพ
“หรือว่าท่านไม่ต้องการ?”ลินลี่ย์ถาม “ถ้าท่านไม่ต้องการ อย่างนั้นก็ช่างมันเถอะ”
“ต้องการสิ ข้าต้องการแน่นอน” ซาสเลอร์รีบกล่าว
“ฮ่าฮ่า...” เมื่อเห็นหน้าของซาสเลอร์ตอนนี้แล้วลินลี่ย์เริ่มหัวเราะทันที เดเลียก็อดหัวเราะไม่ได้เช่นกัน “ลินลี่ย์, เลิกหยอกล้อซาสเลอร์เถอะประกายศักดิ์สิทธิ์สายมรณะอยู่ที่ไหน? มอบให้ซาสเลอร์เถอะ”
“นี่คือประกายศักดิ์สิทธิ์ จงรับไปหลอมรวมเถิด” ลินลี่ย์พลิกมือดึงประกายเทพของพ่อมดผู้วิเศษออกมา จากนั้นโยนให้ซาสเลอร์
เมื่อเห็นประกายศักดิ์สิทธิ์ลอยมาหาเขา ซาสเลอร์รู้สึกเหมือนกับว่าตัวเบาแทบจะลอยได้เหมือนกับว่าเขากลายเป็นก้อนเมฆ
นี่คือประกายศักดิ์สิทธิ์ หลังจากหลอมรวมกับมันแล้ว เขาจะกลายเป็นเทพ!
ซาสเลอร์อดกลืนน้ำลายไม่ได้ เขาสั่นสะท้านเหยียดมือคว้าจับประกายศักดิ์สิทธิ์ไว้ ซาสเลอร์รู้สึกเหมือนกับว่าประกายศักดิ์สิทธิ์ในมือของเขาหนักเป็นล้านๆปอนด์ มือของเขาอดสั่นไม่ได้
“ลอร์ดลินลี่ย์, ขอบคุณ, ขอบคุณจริงๆ” ซาสเลอร์ซาบซึ้งอย่างที่สุด
ก่อนจะได้พบกับลินลี่ย์ เขาเป็นพ่อมดจอมเวทระดับเก้า ในที่สุดเขากลายเป็นเซียนคนหนึ่งได้ แต่ซาสเลอร์รู้ดีว่าพรสวรรค์ของเขามีอยู่จำกัด... เขาต้องใช้เวลาถึงแปดร้อยปีจึงเข้าถึงระดับเซียนได้ การเข้าถึงระดับเทพระยะเวลาที่ใช้จะต้องว่ากันเป็นหมื่นปี
ใครจะคิดกันเล่าว่าโดยไม่ต้องมีประสบการณ์ที่ยากลำบากใดๆเลย ประกายศักดิ์สิทธิ์จะมาปรากฏต่อหน้าเขาเองอย่างนี้?
“อย่ามัวเอาแต่พูดขอบคุณซ้ำๆ เลย ซาสเลอร์ ท่านจะต้องพากเพียรอย่างหนัก ความเข้าใจเรื่องกฎธรรมชาติของท่านลึกซึ้งมากกว่าบาร์เกอร์ แต่บาร์เกอร์เริ่มหลอมรวมประกายศักดิ์สิทธิ์ไปก่อนท่านแล้ว ข้าอยากเห็นจริงในบรรดาท่านทั้งสองใครจะกลายเป็นเทพคนที่สามแห่งปราสาทเลือดมังกรก่อน” ลินลี่ย์กล่าวพลางหัวเราะ
ไม่ต้องสงสัยเรื่องนั้นเทพคนที่สองของปราสาทเลือดมังกรจะต้องเป็นเดเลีย ที่สำคัญนางหลอมรวมประกายศักดิ์สิทธิ์ไปเกินกว่าครึ่งแล้ว
“ลอร์ดลินลี่ย์ ไม่ต้องห่วงข้าจะต้องพยายามเต็มที่แน่นอน” หัวใจซาสเลอร์กำลังเร่าร้อนด้วยความทะเยอทะยาน!
เป้าหมายของยอดฝีมือนับไม่ถ้วนและแม้แต่เซียนประจำทวีปยูลานนับไม่ถ้วนก็คือการกลายเป็นเทพ
จากนั้นลินลี่ย์ขอให้ซาสเลอร์กลับ
“ลินลี่ย์! ในอีกสิบสองปีข้างหน้าปราสาทเลือดมังกรเราจะมีเทพรวมห้าคน” เดเลียหัวเราะ ลินลี่ย์ เดเลีย ซาสเลอร์บาร์เกอร์และบีบีที่เติบโตเต็มวัย “ทั้งห้านี้” เดเลียรู้สึกทึ่งเช่นกัน
“แต่เพราะบางเหตุผล...”
ลินลี่ย์ขมวดคิ้ว “เดเลีย, ข้ายังคงรู้สึกไม่สบายใจ ตอนนี้, ทวีปยูลานรู้สึกเหมือนบึงที่ปั่นป่วน ไม่มีใครรู้อะไรเกี่ยวกับสิ่งที่อยู่ในบึงอีกต่อไปทั้งเราก็ไม่สามารถทำนายว่ายอดฝีมือแบบไหนที่ปรากฏออกมาจากในนั้น”
“ถูกแล้ว” เดเลียพยักหน้าเล็กน้อย
การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของพ่อมดผู้วิเศษ และเทพลึกลับ ‘มูบา’ ของศาสนาลึกลับ..และนั่นคือสิ่งที่ลินลี่ย์รู้ เซียนหลายคนที่ปรากฏมาในช่วงอดีตไม่กี่ปีในทวีปยูลานก็ไม่เป็นที่รู้จักในก่อนนั้น
ใครจะรู้ว่าเทพระดับกลางจะโผล่ออกมาเมื่อใด?
ต่อให้ฝ่ายลินลี่ย์ได้เปรียบที่จำนวน แต่ความเหลื่อมล้ำของพลังมีมากเกินไป
“ลินลี่ย์ เอาอย่างนี้เป็นไงเราดำเนินการใช้ประกายศักดิ์สิทธิ์ธาตุลมไปด้วยดีไหม?” เดเลียกล่าว “เดลี่และคนอื่นๆไม่ตามหาเจ้าหลังจากผ่านมาสองสามปีนี้ข้าคิดว่าพวกเขาคงไม่มาขอประกายศักดิ์สิทธิ์นี้อีก”
ตอนนี้ลินลี่ย์ยังมีประกายศักดิ์สิทธิ์ธาตุลมที่ยังไม่ได้ใช้
ประกายศักดิ์สิทธิ์จะต้องใช้เวลาหลอมรวมหลายสิบปีก่อนจะสร้างเทพตนหนึ่งได้
“ประกายศักดิ์สิทธิ์สายธาตุลม?” ลินลี่ย์ชะงักเล็กน้อย “ไม่ต้องเร่ง ตอนนี้เรายังไม่ขาดแคลนเทพ”
หลังจากศึกครั้งล่าสุดนี้ ชีวิตของลินลี่ย์กลับสู่ความเงียบสงบตามปกติ ร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ของเขาเน้นที่การฝึกสัจธรรมแห่งความเร็ว ปัจจุบันนี้สัจธรรมแห่งความเร็วของลินลี่ย์ยังเป็นแค่ระดับขั้นต้น และยังห่างจากระดับเชี่ยวชาญเต็มที่อีกมาก
ที่สำคัญ หลังจากสัจธรรมแห่งความเร็วฝึกได้เชี่ยวชาญเต็มที่นั่นแสดงถึงความเชี่ยวชาญและการหลอมรวมด้านเร็วและช้าเข้าด้วยกัน ซึ่งสร้างเป็นสัจจธรรมแห่งความเร็วได้พร้อมกัน
เมื่อถึงเวลานั้นลินลี่ย์จะเข้าสู่ขอบเขตของเทพระดับกลางเต็มที่
“ด้วยความเร็วปัจจุบันของเราใครจะรู้กันว่าต้องใช้เวลานานเท่าใด? พันปี? หมื่นปี?” ลินลี่ย์ไม่แน่ใจตัวเอง ยิ่งเขาฝึกมากเขาก็รู้สึกว่าสัจธรรมแห่งความเร็วนี้มากมายและซับซ้อนอย่างเหลือเชื่อ
ขณะเดียวกัน ร่างเดิมของลินลี่ย์ก็เพ่งที่การฝึกสัจธรรมแห่งธาตุดิน
ในร่างเดิมของลินลี่ย์ เนื่องจากมีการซึมซับแก่นวิญญาณวิญญาณของเขาจึงเติบโตต่อเนื่อง ในช่วงเวลาสั้นๆ สามเดือน เขาซึมซับแก่นวิญญาณแทนไปถึงครึ่งและวิญญาณรูปกระบี่ของร่างเดิมเขาเพิ่มขนาดขึ้นมาก ขณะที่พลังวิญญาณของเขาเพิ่มขึ้นมากเกือบหกเท่า สำหรับวิญญาณที่มีพลังเพิ่มขึ้นหกเท่า...นี่เป็นเรื่องน่าประหลาดใจจริงๆ
ความจริงแม้แต่วิญญาณของพ่อมดผู้วิเศษก็ยังเสริมพลังขึ้นมาหลายเท่าหลังจากดูดซับแก่นวิญญาณยี่สิบล้านดวงเหล่านั้นนอกจากนี้ วิญญาณของพ่อมดผู้วิเศษยังมีพลังมากกว่าลินลี่ย์แต่เริ่มแรกดังนั้นจึงเป็นเหตุผลที่ลินลี่ย์เติบโตแข็งแกร่งในระดับที่เร็วขนาดนั้น
หนึ่งในประโยชน์ยิ่งใหญ่ของวิญญาณที่เติบโตกล้าแข็งก็คือ...
ความก้าวหน้าซึ่งทำให้เขารู้แจ้งในกฎธรรมชาติใหม่ๆและสามารถเห็นการโจมตีได้เร็วขึ้น
หลังจากก้าวขึ้นไปจากระดับเซียนเป็นระดับเทพ วิญญาณของลินลี่ย์ก็สัมผัสกฎธรรมชาติทีละเล็กน้อยและเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐานทำให้ความสามารถในการสร้างสมมติฐานของเขาดีขึ้นมากมาย ตอนนี้วิญญาณของเขามีพลังมากกว่าปกติหกเท่า ความสามารถในการตั้งสมมติฐานของลินลี่ย์จึงเร็วกว่าในอดีตสมัยเมื่อยังเป็นเซียนถึง100 เท่า
นอกจากนี้ ลินลี่ย์ยังระบายและกลั่นวิญญาณอย่างต่อเนื่องทำให้การตั้งสมมติฐานของเขาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ในอดีต เขาอาจต้องใช้เวลาแปดปีกว่าจะก้าวหน้าได้ แต่ตอนนี้แค่เพียงเวลาสั้นๆ สามเดือนลินลี่ย์หลอมรวมพลังคลื่นชีพจรโลกเหลือที่ระดับคลื่น32 ชั้น แต่เมื่อถึงการหลอมรวมคลื่น 32ชั้น เห็นได้ชัดว่าความยากลำบากเพิ่มขึ้นมาอีกครั้ง
“เพราะความเร็วระดับนี้ การหลอมรวมคลื่น 16 ชั้นมีแนวโน้มว่าต้องใช้เวลามากกว่าหนึ่งปี จากนั้น...ต้องใช้เวลานานอีกเท่าใดกว่าจะผสานเป็นคลื่น 8 ชั้นได้?” ลินลี่ย์ค่อนข้างประหลาดใจ
คลื่นชีพจรโลกมีความยากเพิ่มขึ้นอย่างมากขณะที่เรียนเพิ่มขึ้น จากคลื่อน 256ชั้นหลอมรวมเป็นคลื่น 128 ชั้น จากนั้นเป็นคลื่นหลอมรวม 64 ชั้นความยากยังเพิ่มขึ้นไม่มาก แต่ในอีกทางก็ยากขึ้นเรื่อยๆ ความจริงการเต้นของชีพจรโลกเป็นส่วนหนึ่งในกฎธาตุดินชั้นสูง เป็นเรื่องที่ยากมากที่จะเรียนรู้ได้ในระดับเซียน
โชคดีที่วิญญาณของลินลี่ย์มีพลังเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดหลังจากที่เขาดูดกลืนแก่นพลังวิญญาณ