ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 33 วิชาส่องความลับสวรรค์
ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 33 วิชาส่องความลับสวรรค์
ฉู่เซวียนสั่งให้จางขุยให้ความสนใจกับการเคลื่อนไหวของลัทธิมารอย่างต่อเนื่องและให้ข้อมูลที่จำเป็นแก่ตระกูลฉู่ เพื่อที่พวกเขาจะได้สามารถพลิกแผนการของลัทธิมารได้
ฉู่เซวียนไม่ได้สนใจรายละเอียดหรือวิธีการที่จางขุยทำ
ท้ายที่สุด หากจางขุยไม่สามารถทำเรื่องง่ายดายเช่นนี้ได้สำเร็จ จางขุยก็คงไร้ค่าฐานะลูกสมุนของเขา
ผู้ฝึกยุทธ์มารที่ไร้ค่าจะต้องถูกกำจัดทิ้งไป
ในอีกไม่กี่วันต่อมา ฉู่เซวียนสังเกตเห็นว่าผู้อาวุโสสองสามคนของตระกูลฉู่ได้ออกจากจวนเก่าอย่างเงียบ ๆ
นอกจากนี้ ในตอนนี้ฉู่เทียนหมิงยังได้ทิ้งอาวุธสมบัติไว้ด้วย
ลัทธิมารน่าจะลงมือกับตระกูลฉู่เร็วนี้ๆ และตระกูลฉู่เองก็ได้เตรียมการไว้แล้วเช่นกัน
ฉู่เซวียนไม่สนใจผลลัพธ์ของการต่อสู้ครั้งนี้มากนัก เนื่องจากตระกูลฉู่ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับการลงมือล่วงหน้าแล้ว หากพวกเขาไม่สามารถเอาชนะพวกลัทธิมารได้ ตระกูลฉู่คงจะไร้ประโยชน์จริง ๆ
ลัทธิมารของแคว้นจื่อเยว่ได้ประสบกับความสูญเสียครั้งใหญ่แล้ว ว่ากันว่าจ้าวลัทธิยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บสาหัส และต้องขอบคุณ “การเสียสละ” ของโหลวหยวนที่ทำให้ผู้อาวุโสกว่าครึ่งของพวกเขาถูกสังหารตาย
จำนวนยอดฝีมือของหยวนฉ่งที่นำมานั้นมีจำกัดเช่นกัน
สามวันต่อมา การต่อสู้ครั้งใหญ่ก็ปะทุขึ้น
อย่างไรก็ตาม การต่อสู้ครั้งนี้เป็นสิ่งที่ลัทธิมารคาดไม่ถึง
หยวนฉ่งไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นเช่นกัน อาจกล่าวได้ว่าเขาเกลียดชังตระกูลฉู่เข้ากระดูกดำ และนี่เป็นเหตุผลที่เขาไม่ลังเลเลยที่จะใช้อาวุธสมบัติของลัทธิมารสำหรับการลงมือในครั้งนี้
ลู่หวังจ้าวลัทธิของลัทธิมารแห่งแคว้นฉินได้นำอาวุธสมบัติมากับเขาด้วย
อาวุธสมบัติของลัทธิมารล้วนเป็นอาวุธระดับต่ำที่จักรวรรดิต้าเซี่ยมอบให้
การต่อสู้นั้นดุเดือดไม่น้อย
แม้ว่าตระกูลฉู่จะเตรียมพร้อมมานานแล้ว ทว่าความบ้าคลั่งของลัทธิมารก็ยังเกินความคาดหมายของพวกเขาเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากพวกเขารับรู้ความเคลื่อนไหวของลัทธิมารล่วงหน้าแล้ว ตระกูลฉู่จึงไม่ใช่ฝ่ายเดียวที่ซุ่มโจมตีลัทธิมาร
ตระกูลเหอได้ส่งยอดฝีมือมาช่วยเหลือเช่นกัน
ภายใต้การปิดล้อมของสองตระกูลใหญ่ แม้ว่าหยวนฉ่งและลู่หวังจะใช้อาวุธสมบัติ ทว่าพวกเขาก็ไม่สามารถต้านทานได้
ในขณะที่การสู้รบยังดำเนินต่อไป จางขุยมีส่วนร่วมในการต่อสู้เพียงช่วงสั้นๆ เท่านั้น ก่อนที่เขาจะแสร้งทำเป็นบาดเจ็บและหลบหนีไป
ในการต่อสู้ครั้งนี้ หยวนฉ่งได้เสียชีวิตลง ลู่หวังเองก็บาดเจ็บสาหัสและหลบหนีไปได้ ในขณะที่ยอดฝีมือลัทธิมารคนอื่นๆ ล้วนถูกสังหารเกือบทั้งหมด
หลังจากการต่อสู้ครั้งนี้ ความแข็งแกร่งของลัทธิมารแห่งแคว้นฉินก็ลดลงอย่างมาก
สำหรับลัทธิมารแห่งแคว้นจื่อเยว่ หยวนฉ่งรองจ้าวลัทธิได้เสียชีวิตในการต่อสู้ ผู้อาวุโสที่ติดตามเขาก็เสียชีวิตเช่นกัน นอกจากนี้ อาวุธสมบัติที่ล้ำค่าของลัทธิมารก็ยังถูกทำลายเช่นกัน
ต้องขอบคุณการทำลายอาวุธสมบัติที่ปิดบังกลิ่นอายของพวกลัทธิมาร ลัทธิมารแห่งแคว้นจื่อเยว่กำลังใกล้จะสูญสิ้นเต็มที
...
“โฮสต์ไม่ได้ออกจากบ้าน แต่วางแผนต่อต้านและขัดขวางแผนการลงมือของลัทธิมารได้สำเร็จ โฮสต์ได้รับรางวัล วิชาส่องความลับสวรรค์”
รางวัลจากระบบก็มาถึงทันที
ฉู่เซวียนรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก นี่หมายความว่าตระกูลฉู่ได้รับชัยชนะครั้งใหญ่และลัทธิมารก็ประสบกับความพ่ายแพ้อย่างย่อยยับ
“วิชาส่องความลับสวรรค์สามารถล่วงรู้ความลับของสวรรค์ สำรวจแหล่งที่มา เข้าใจต้นกำเนิด และเปิดเผยความเป็นมาของชีวิต…”
หลังจากรับรู้ข้อมูลวิชาส่องความลับสวรรค์อย่างคราวๆ ฉู่เซวียนก็รู้สึกตกตะลึงขึ้นทันที พลังลี้ลับนี้จะทรงพลังเกินไปแล้ว
มันสามารถสอดรู้สอดเห็นแหล่งที่มาและต้นกำเนิดของสิ่งมีชีวิตได้ ทั้งสามารถเปิดเผยรายละเอียดชีวิตที่เผชิญมาได้อีก
แน่นอนว่ามันจะเปิดเผยรายละเอียดของผู้ที่มีชีวิตก่อนหน้านี้ที่เป็นตัวตนทรงอำนาจเท่านั้น
คนธรรมดาไม่จำเป็นต้องสอดส่องต้นกำเนิด
หากเขาเชี่ยวชาญวิชาส่องความลับสวรรค์ก็จะไม่มีใครสามารถปิดบังตัวตนจากฉู่เซวียนได้
เพียงแค่มองแวบเดียว เขาก็สามารถรู้ข้อมูลและที่มาของบุคคลนั้นและสามารถดูรายละเอียดของชีวิตในอดีตของบุคคลนั้นได้
หลังจากที่ฉู่เซวียนได้รับวิชาส่องความลับสวรรค์ ความรู้สึกบรรลุบางอย่างก็ปรากฏขึ้นภายในจิตใจของเขา ในขณะนี้ ดูเหมือนว่าเขาจะเชื่อมต่อกับมหาเต๋าบางอย่าง
เมื่อฉู่เซวียนลืมตาขึ้น ฉู่เซวียนอดไม่ได้ที่จะโคจรวิชาส่องความลับสวรรค์ ทำการตรวจสอบแมววิญญาณสวรรค์ทันที
ข้อมูลก็พลันปรากฏขึ้นภายในจิตใจของเขา
“แมววิญญาณสวรรค์ สัตว์พิศวงลับแห่งฟ้าดินที่ครอบครองพลังของสัตว์เทพ...”
ฉู่เซวียนรู้สึกว่าสติของเขาสั่นไหวและรู้สึกวิงเวียนขึ้นมา
เขารีบหยุดโคจรวิชานี้ทันที
แมววิญญาณสวรรค์มีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดา มันต้องใช้เจตจำนงวิญญาณอย่างมากในการตรวจสอบที่มาของมัน ด้วยความแข็งแกร่งของขอบเขตจริงแท้ในปัจจุบันของเขา เขาไม่สามารถใช้งานวิชานี้ได้นานมากนัก
เขาได้รับข้อมูลเพียงสั้นๆ เมื่อเขาใช้วิชานี้เท่านั้น
ฉู่เซวียนหยิบเม็ดโอสถออกมากินเพื่อฟื้นฟูเจตจำนงวิญญาณของเขา เขาไม่ได้สืบหาต้นกำเนิดของแมววิญญาณสวรรค์หรือวิหคทองคำเขย่านภาอีกต่อไป ระบบได้แนะนำต้นกำเนิดของพวกมันทั้งคู่ก่อนหน้านี้ไว้แล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น แมววิญญาณสวรรค์และวิหคทองคำเขย่านภานั้นไม่ใช่สิ่งมีชีวิตธรรมดา ระดับของพวกมันสูงเกินไป ความแข็งแกร่งในปัจจุบันของฉู่เซวียนไม่เพียงพอที่จะสอดส่องถึงต้นกำเนิดของพวกมันได้อย่างเต็มที่
ความล้มเหลวของแผนการนี้ทำให้ลัทธิมารประสบความสูญเสียอย่างร้ายแรง ฉู่เซวียนพอใจอย่างมากกับรางวัลที่เขาได้รับจากระบบ ซึ่งเป็นวิชาส่องความลับสวรรค์
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ลัทธิมารได้ประสบกับความล้มเหลวครั้งใหญ่ เขาไม่มั่นใจว่าจักรวรรดิต้าเซี่ยจะส่งยอดฝีมือมาช่วยหรือไม่
ระยะเวลาหนึ่งปีของการเก็บตัวอยู่ในบ้านใกล้จะมาถึงแล้ว
ด้วยเหตุนี้ฉู่เซวียนจึงไม่กังวลมากนัก ด้วยระดับความแข็งแกร่งโดยรวมของแคว้นฉินมันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จักรวรรดิต้าเซี่ยจะส่งยอดฝีมือขอบเขตจริงแท้มา
นอกจากนี้ ภายในระยะเวลานี้ มีแนวโน้มว่าลัทธิจะไม่สามารถสร้างปัญหาใดๆ แก่เขาได้
ลัทธิมารของแคว้นจื่อเยว่เกือบจะสูญสิ้นอย่างสมบูรณ์แล้ว ลัทธิมารแห่งแคว้นฉินเองก็อ่อนแอลงอย่างมากเช่นกัน ส่วนลัทธิมารแห่งแคว้นต้าโจวก็คงจะไม่มาถึงที่นี่เพื่อสังเวยตนเอง
ตระกูลฉู่ได้รับชัยชนะอย่างยิ่งใหญ่ ภายในระยะเวลานี้ลัทธิมารจะไม่สามารถสร้างปัญหาในแคว้นฉินได้อีกต่อไป
วันเวลาของฉู่เซวียนยังคงผ่านไปอย่างสงบสุข
ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ฉู่เซวียนได้ใช้วิชาส่องความลับสวรรค์เพื่อตรวจสอบที่มาของข้ารับใช้ที่ส่งอาหารประจำวันของเขา
ต้นกำเนิดของข้ารับใช้คนนี้เรียบง่ายมาก เขาเป็นบุตรชายของตระกูลธรรมดาในหมู่บ้านเล็กๆ ในเมืองฉู่ ตัวของเขาได้สูญเสียครอบครัวไปเมื่อสิบปีก่อนในความโกลาหลที่เกิดจากผู้ฝึกยุทธ์มาร
เพื่อที่จะแก้แค้น เขาได้เข้ามาที่ตระกูลฉู่ เลือกที่จะเป็นข้ารับใช้ของตระกูลฉู่
ท้ายที่สุด ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีชะตากรรมเหมือนตัวเอกในนิยาย หลังจากที่เขาได้กลายเป็นข้ารับใช้ เขาก็ไม่ได้มีอำนาจท้าทายสวรรค์เพื่อที่จะทำลายลัทธิมารได้สำเร็จ
เขาใช้ชีวิตในฐานะข้ารับใช้ตัวเล็กๆ อย่างสงบสุขเท่านั้น
ฉู่เซวียนถอนหายใจออกมา นี่เป็นตัวตนของชีวิตคนธรรมดาส่วนใหญ่ในโลกใบนี้ ตัวเองที่พลิกสถานการณ์จากการเป็นข้ารับใช้นั้นไม่ได้มีให้เห็นทั่วไป
ข้ารับใช้คนนี้ถือว่าโชคดีมากแล้วที่สามารถกลายเป็นข้ารับใช้ของตระกูลฉู่ได้สำเร็จ เขาไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องอาหารหรือเสื้อผ้า ทั้งยังได้รับทรัพยากรจำนวนหนึ่งสำหรับการฝึกฝนอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม พรสวรรค์โดยกำเนิดของคนๆ หนึ่งนั้นจะถูกจำกัดในที่สุด
ชีวิตนี้ไม่อาจล่วงรู้ได้ว่าเขาจะสามารถทะลวงไปยังขอบเขตห้วงลี้ลับได้สำเร็จหรือไม่
ข้ารับใช้ในตระกูลฉู่ทุกคนล้วนมีความสามารถอยู่บ้าง อย่างไรก็ตาม ผู้ที่สามารถทะลวงไปยังขอบเขตห้วงลี้ลับได้นั้นมีอยู่ไม่มากนัก
นอกจากทรัพยากรการฝึกฝนแล้ว พรสวรรค์ที่มีมาแต่กำเนิดก็เป็นปัจจัยสำคัญเช่นกัน
ผู้ที่มีความสามารถโดดเด่นอย่างแท้จริงจะไม่กลายเป็นเพียงข้ารับใช้
ครึ่งเดือนก่อนจะถึงกำหนดการหนึ่งปี บุคคลที่ฉู่เซวียนไม่ต้องการที่จะเจอก็ได้กลับมา
ฉู่หยวน!
บุตรชายคนโตลำดับที่สามในรุ่นของฉู่เซวียน
เขาเป็นผู้ที่เคารพบูชาฉู่ชิวหลัวบิดาของเขาอย่างมาก
เมื่อสองปีก่อน ฉู่หยวนได้ออกจากอาณาเขตตระกูลเพื่อไปฝึกฝนตามลำพัง อาจกล่าวได้ว่าเขาได้ออกจากแคว้นฉิน
ขณะที่ฉู่หยวนกลับมา เขาก็ได้ตรงมายังเรือนสี่ประสานของฉู่เซวียน
เขาพูดด้วยท่าทางผิดหวัง “เจ้าสิบสาม ดูสิว่าตอนนี้เจ้ากลายเป็นตัวอะไร เจ้าคู่ควรที่จะเป็นบุตรของท่านลุงสามอยู่หรือไม่”
มุมปากของฉู่เซวียนกระตุก สาเหตุหลักที่ความสัมพันธ์ของเขากับฉู่หยวนนั้นย่ำแย่ก็เพราะฉู่หยวนนั้นชอบจู้จี้และสั่งสอนเขา มักจะมองมายังฉู่เซวียนด้วยสีหน้าที่ผิดหวัง
“เจ้าพยายามมากกว่านี้ไม่ได้หรือ” ฉู่หยวนเอ่ยอย่างขมขื่น
“ทั้งท่านลุงสามและท่านป้าสามต่างหายตัวไป ตัวเจ้าไม่อยากแข็งแกร่งขึ้นและตามหาท่านลุงสามกับท่านป้าสามเลยหรือ?”
“เฮ้อ! เจ้า... เจ้าช่างน่าผิดหวังยิ่งนัก!”
ฉู่เซวียนหันหลังให้กับฉู่หยวน
เมื่อเห็นสิ่งนี้ฉู่หยวนรู้โกรธมากจนมือไม้สั่นเทา
บุคคลที่เขาชื่นชมมากที่สุดคือท่านลุงสามของเขาฉู่ชิวหลัว ยิ่งไปกว่านั้น เขายังเคยได้ร่ำเรียนกับฉู่ชิวหลัวเมื่อตอนที่เขายังเยาว์วัย
อาจกล่าวได้ว่าฉู่ชิวหลัวได้สอนหลายสิ่งให้แก่เขา
เมื่อเห็นฉู่เซวียนเป็นเช่นนี้ เขาจึงรู้สึกโกรธจนเกือบคลุ้มคลั่ง
“ลุกขึ้นเสีย!”
ฉู่หยวนยกมือขึ้นและคว้าตัวฉู่เซวียน
ทว่าฉู่เซวียนนั้นไม่ได้สนใจฉู่หยวน เขาไม่ขยับแม้แต่น้อยและกล่าวว่า “พี่สาม ท่านพยายามจะสังหารข้าเพื่อแย่งชิงมรดกของท่านพ่อข้าหรือ”
มือของฉู่หยวนหยุดชะงัก ใบหน้าของเขาตอนนี้ดูกระอักกระอ่วนเป็นอย่างมาก
“เจ้า... ในใจเจ้าเห็นข้าเป็นคนเช่นนั้นอย่างนั้นหรือ”
“ไม่ใช่ ข้าแค่ไม่อยากให้ท่านมารบกวนข้า”
ฉู่เซวียนหันกลับมามองฉู่หยวนและเอ่ยว่า “พี่สาม วิถีชีวิตของทุกคนนั้นแตกต่างกัน นี่คือวิถีชีวิตที่ข้าเลือก ข้าคิดว่ามันเหมาะสมกับข้าดี”
“นอกจากนี้ แม้แต่ตอนที่ท่านพ่อยังอยู่ เขาก็ไม่สนใจว่าข้าจะใช้ชีวิตเช่นไร”
“เจ้า...เจ้า เฮ้อ!”
ฉู่หยวนชี้ไปที่ฉู่เซวียนด้วยนิ้วที่สั่นเทาแล้วก็ถอนหายใจออกมาในที่สุด