ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 32 การปรุงโอสถของฉู่อวิ๋น
ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 32 การปรุงโอสถของฉู่อวิ๋น
ฉู่เซวียนไม่ได้ให้ความสนใจมากนักเกี่ยวกับการกระทำของลัทธิมารหรือวิธีที่ตระกูลฉู่จะใช้โจมตี
เนื่องจากตระกูลฉู่รู้เกี่ยวกับแผนการของลัทธิมารแล้ว หากตระกูลฉู่ไม่ใช้โอกาสนี้สังหารพวกลัทธิมาร ถือได้ว่าพวกเขาไร้ประโยชน์เกินไปจริง ๆ
ตราบใดที่ฉู่อวิ๋นยังปลอดภัย เรื่องอื่น ๆ ก็ไม่สำคัญ
ตระกูลฉู่ก่อตั้งขึ้นในแคว้นฉินเป็นเวลาหลายพันปี หากพวกเขายังไม่สามารถแม้แต่จะจัดการกับอุบายของลัทธิมารในครั้งนี้ได้ พวกเขาจะยังคงเป็นหนึ่งในขุมอำนาจหลักจนถึงทุกวันนี้ได้อย่างไรกัน?
ณ เมืองหลวงของเมืองฉู่
ในคฤหาสน์ฉู่ ฉู่ชิงกำลังดูรายงานข่าวกรองอยู่
ก่อนหน้านี้เมื่อเขาถูกลัทธิมารซุ่มโจมตี เขาเกือบที่จะตกตายไปแล้ว โชคดีที่เขาได้ใช้ไข่มุกมิติหลบหนีได้ทันเวลา มีชีวิตรอดกลับมาได้
เขาเกลียดชังลัทธิมารจนถึงไขกระดูก
ทุกวันนี้เขาจะใช้เครือข่ายข่าวกรองของตระกูลฉู่เพื่อตรวจสอบฐานที่มั่นของลัทธิมารอย่างลับๆ ทั้งสาบานว่าจะถอนรากถอนโคนลัทธิมารให้หมดสิ้นไป
เขาเคยคิดจะซื้อข้อมูลจากหอจันทร์ทมิฬเช่นกัน ทว่าราคาของหอจันทร์ทมิฬนั้นสูงเกินไป เขาจึงทำได้เพียงพึ่งพาเครือข่ายข่าวกรองของตระกูลฉู่เท่านั้น
เมืองฉู่เป็นของตระกูลฉู่ ดังนั้นเครือข่ายข้อมูลจึงยังคงเพียงพอ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากขาดอาวุธวิญญาณประเภทการตรวจจับหรืออาวุธสมบัติ จึงเป็นเรื่องยากมากที่จะค้นหาฐานที่มั่นของลัทธิมาร
เนื่องจากลัทธิมารเหล่านี้มีความสามารถในการซ่อนกลิ่นอายของพวกเขา ซึ่งช่วยให้พวกเขาหลีกเลี่ยงการถูกตรวจพบโดยอาวุธวิญญาณหรืออาวุธสมบัติประเภทการตรวจจับได้
ด้วยเหตุนี้จึงไม่สามารถกำจัดลัทธิมารได้อย่างสิ้นซากได้
ข้ารับใช้คนหนึ่งรีบวิ่งเข้ามาในห้องอย่างเร่งรีบ
“นายน้อยชิงขอรับ มีคนส่งข้อมูลข่าวกรองมาให้ขอรับ”
ฉู่ชิงเงยหน้าขึ้นและถามว่า “ผู้ใดเป็นคนส่งมา”
“ไม่ใช่ทั้งสามตระกูล และไม่ใช่หอจันทร์ทมิฬเช่นกันขอรับ ข้าเองก็สงสัยว่าเป็นผู้ใดกันที่ส่งมา”
ข้ารับใช้กล่าวออกมาและส่ายหัว
การแสดงออกของฉู่ชิงเปลี่ยนไปทันทีเมื่อเขาเห็นเนื้อหาของข้อมูล
“ไปเชิญท่านอาสี่มา”
ข้ารับใช้รีบออกไปทันที
ฉู่ชิวไห่เป็นบุตรชายคนที่สี่ของฉู่เทียนหมิง พรสวรรค์โดยกำเนิดของเขาถือได้ว่าสูงกว่าคนทั่วไปเล็กน้อย
ปัจจุบันเขาเพิ่งจะก้าวเข้าสู่ของขอบเขตว่างเปล่าขั้นที่หนึ่ง
เวลาส่วนใหญ่เขาจะอยู่ที่เมืองหลวงเพื่อเป็นตัวแทนทายาทสายตรงของตระกูลฉู่
“ชิงเอ๋อร์เกิดอะไรขึ้น?”
ฉู่ชิวไห่รีบวิ่งเข้ามา
ฉู่ชิงมอบรายงานข่าวกรองให้แก่ฉู่ชิวไห่ หลังจากที่ฉู่ชิวไห่ได้อ่านข้อมูลจบ ฉู่ชิงก็กล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “ท่านอาสี่ ท่านคิดว่ารายงานนี้น่าเชื่อถือหรือไม่?”
“ความน่าเชื่อถือของรายงานข่าวนี้สูงมาก ไม่ว่าอย่างไรเราก็ต้องระวังเรื่องนี้เอาไว้ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าหรือข้าจะจัดการได้ ข้าจะกลับไปยังตระกูล”
ฉู่ชิวไห่รับรายงานและรีบจากไป
...
ในหมู่บ้านเล็ก ๆ นอกเมืองหลวง มีถ้ำแห่งหนึ่งถูกขุดขึ้นจากไหล่เขาเล็ก ๆ
ทางเข้าถ้ำถูกปิดกั้นด้วยก้อนหินขนาดใหญ่
ในถ้ำ ฉู่อวิ๋นกำลังจ้องมองไปที่หม้อปรุงโอสถด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม นางไหลเวียนวิชาของนาง ทำให้พลังวิญญาณได้สั่นสะเทือนภายในหม้อปรุงโอสถ
ผลึกไฟที่อยู่ใต้หม้อปรุงโอสถกำลังลุกโชนด้วยเปลวเพลิงสีแดง
นี่คือการปรุงโอสถเม็ดที่สิบของฉู่อวิ๋น นางสามารถปรุงโอสถระดับธรรมดาได้แล้ว มีความสำเร็จสิบส่วน
คุณภาพของโอสถที่นางหลอมออกมานั้นสูงกว่าโอสถที่นางซื้อจากตระกูลเหอเสียอีก
จากทั้งสี่ตระกูลในแคว้นฉินมีเพียงตระกูลเหอเท่านั้นที่เก่งกาจในศาสตร์การปรุงโอสถ
ทุกครั้งที่ทั้งสี่ตระกูลได้ทำงานร่วมกันเพื่อรับมือกับวิกฤต ตระกูลเหอจะเป็นผู้จัดหาเสบียงและโอสถแก่ทั้งสามตระกูล
ฉู่อวิ๋นรู้ว่าทักษะปรุงโอสถนี้นั้นไม่ได้ธรรมดาเลย มันล้ำลึกเกินกว่าที่ตระกูลเหอจะสามารถทำได้
ปัจจุบันนางกำลังฝึกฝนปรุงโอสถห้วงลี้ลับ
ในเก้าครั้งแรก นางล้มเหลวหกครั้งและสำเร็จเพียงสามครั้ง ทว่าคุณภาพของโอสถนั้นอยู่ในระดับปานกลาง
นี่เป็นครั้งที่สิบที่แล้วที่นางปรุงโอสถ และมันก็เป็นสมุนไพรวิญญาณชุดสุดท้ายที่ฉู่อวิ๋นมีเช่นกัน
หลังจากปรุงโอสถหม้อนี้แล้ว นางจะต้องคิดหาวิธีที่จะได้สมุนไพรวิญญาณมากกว่านี้
เนื่องจากตระกูลเหอเป็นตระกูลที่ปรุงโอสถ สมุนไพรวิญญาณส่วนใหญ่จึงถูกส่งไปยังตระกูลเหอเพื่อแลกกับการได้รับโอสถจำนวนหนึ่ง
หากผู้ใดต้องการได้รับโอสถเกินกว่าจำนวนที่แลกเปลี่ยนไว้ พวกเขาจำเป็นจะต้องซื้อมัน
ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับฉู่อวิ๋นที่จะได้รับสมุนไพรวิญญาณ
ยิ่งไปกว่านั้น นางเองก็ได้เรียนรู้ศาสตร์การปรุงโอสถด้วยตัวเอง ดังนั้นนางจึงต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
โชคดีที่นางเป็นที่ชื่นชอบของตระกูลฉู่ ดังนั้นนางจึงมีผลึกวิญญาณมากมายเพื่อซื้อสิ่งที่นางต้องการ
ในช่วงเวลาสุดท้ายของการปรุงโอสถ เม็ดเหงื่อก็พลันปรากฏบนหน้าผากของฉู่อวิ๋น
“หลอมรวม!”
ฉู่อวิ๋นตะโกนอยู่ภายในใจ และกระแสพลังวิญญาณที่ปล่อยออกมาจากฝ่ามือของนางก็พลันเปลี่ยนไป หม้อเริ่มหมุนวนไปมา
ปัง!
ฝาหม้อถูกเปิดออก
เม็ดโอสถสิบสองเม็ดถูกชี้นำด้วยพลังวิญญาณของนาง
ฉู่อวิ๋นยกมือขึ้นคว้าจับพวกมัน จากทั้งสิบสองเม็ด มีสี่เม็ดที่ใช้การไมได้ และแปดเม็ดที่เหลือเป็นระดับธรรมดา
อย่างไรก็ตาม มีสามเม็ดที่มาถึงระดับสูง
เม็ดโอสถทั้งสามรูปร่างกลม เรียบ เป็นมันเงาวาว และกลิ่นหอมของเม็ดโอสถนั้นยังไม่จางหาย
ฉู่อวิ๋นนางมีความสุขมาก นางได้สรุปขั้นตอนเกี่ยวกับการปรุงโอสถของนางอย่างเงียบๆ ในขณะนี้ นางได้ทบทวนข้อบกพร่อง และปรับปรุงขั้นตอนการปรุงโอสถให้ดีขึ้นในครั้งต่อไป
ตอนนี้นางไม่มีสมุนไพรวิญญาณใดๆ เหลือแล้ว ดังนั้นนางจึงต้องออกไปซื้อสมุนไพรวิญญาณเพื่อทำการฝึกฝนต่อไป
เมื่อนางสามารถปรุงโอสถห้วงลี้ลับได้อย่างชำนาญแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการปรุงโอสถวิญญาณ
นางผลักหินก้อนใหญ่ที่ปากทางเข้าถ้ำออกไป
ฉู่อวิ๋นที่เพิ่งเดินออกจากถ้ำ ทันใดนั้นนางก็เห็นอสรพิษตัวขนาดใหญ่
นางตกใจมาก ก่อนที่นางจะได้ตอบสนอง อสรพิษตัวนั้นก็ได้หลอมรวมเข้ากับร่างกายของนางแล้ว
“เมื่อครู่คืออะไรกัน?”
ฉู่อวิ๋นรีบตรวจสอบร่างกายของนางและพบว่ามีพลังลึกลับซ่อนอยู่ในร่างกายของนาง เหมือนจะเป็นอสรพิษขนาดใหญ่
โชควาสนา?
ทันใดนั้น นางเห็นถุงเก็บของขนาดเล็กที่อยู่ใกล้กับบริเวณที่อสรพิษตัวใหญ่โผล่ออกมา
นางมองไปรอบๆ ทว่าก็ไม่มีใครอยู่
นางหยิบถุงเก็บของขึ้นมาดู มีสมุนไพรวิญญาณทุกชนิดอยู่ข้างใน ไม่เพียงแต่มีสมุนไพรวิญญาณที่จำเป็นในการปรุงโอสถห้วงลี้ลับเท่านั้น ทว่ายังมีส่วนผสมที่จำเป็นในการปรุงโอสถวิญญาณอีกด้วย
นอกจากสมุนไพรวิญญาณแล้ว ยังมีผลึกวิญญาณอีกกว่าล้านก้อนในถุงเก็บของ
ฉู่อวิ๋นตกใจอย่างมาก ใครกันที่มอบถุงเก็บของนี้แก่นาง
ท่านปู่ฉู่เทียนหมิง?
ทว่ายากที่จะเป็นไปได้
เขาไม่มีเหตุผลที่จะต้องมอบให้นางด้วยวิธีลับล่อๆ เช่นนี้
เมื่อนึกถึงพลังลึกลับที่ซ่อนอยู่ในร่างกายของนาง เป็นไปได้หรือไม่ว่ามีผู้อาวุโสบางคนพบว่านางกำลังปรุงโอสถอยู่ จึงได้จงใจทิ้งสมุนไพรวิญญาณไว้ที่นี่เพื่อทดสอบนาง
ฉู่อวิ๋นรู้สึกว่านางอาจได้พบกับยอดฝีมือเข้าให้แล้ว
นางถือถุงเก็บของและกลับเข้าไปที่ถ้ำอย่างตื่นเต้น นางปิดทางเข้าด้วยหินก้อนใหญ่อีกครั้ง ทำการปรุงโอสถต่อไป
ด้านนอกถ้ำมีร่างสองร่างซ่อนตัวอยู่
“เจ้าคอยปกป้องฉู่อวิ๋นอยู่ที่นี่ ส่วนข้าจะกลับไปยังลัทธิมาร”
จางขุยจากไปอย่างเงียบๆ หลังจากออกคำสั่งให้ต่งเฉียนจัดการ
ลัทธิมารกำลังวางแผนที่จะโจมตีเมืองฉู่อย่างฉับพลัน ในฐานะรองจ้าวลัทธิหลัก จางขุยต้องเข้าใจแผนการทั้งหมด
เขาต้องส่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้ไปยังตระกูลฉู่โดยเร็วที่สุด
ข้อมูลนี้จะรวมถึงช่วงเวลาการลงมือ สถานที่ที่ลงมือ รายชื่อบุคคลสำคัญ และอื่น ๆ
เมื่อถึงจุดนี้ หัวใจของจางขุยก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา เขาไม่ได้รู้สึกผิดต่อลัทธิมารแม้แต่น้อย เขาเพียงแค่ต้องการทำงานอย่างเต็มที่เพื่อฉู่เซวียนเท่านั้น
ทุกอย่างเพื่อนายท่าน!
เขารู้สึกว่าหลังจากเรื่องนี้จบลง เขาจะต้องหาสถานที่ที่จะบุกทะลวงไปยังขอบเขตรวมศูนย์
ด้วยโอสถว่างเปล่าที่ฉู่เซวียนมอบให้ การทะลวงไปยังขอบเขตรวมศูนย์นั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่นัก
สำหรับโอสถที่ฉู่เซวียนต้องการที่จะขาย เขาได้มอบให้ต่งเฉียนจัดการแล้ว
มันคงไม่สะดวกสำหรับเขาที่จะเปิดเผยตัวเองกับผู้อื่น เพราะตอนนี้เขากำลังอยู่ในรายชื่อของหอจันทร์ทมิฬ ด้วยเหตุผลบางอย่าง บุคคลหน้าซื่อใจคดเหล่านั้นต้องการที่จะสังหารเขา
จางขุยมาเยือนเรือนสี่ประสานอีกครั้ง
หลังจากที่ฉู่เซวียนได้ฟังรายงานของจางขุย เขาก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ฉู่อวิ๋นดูเหมือนจะมีพรสวรรค์ในการปรุงโอสถ
ภายในระยะเวลาอันสั้น นางสามารถปรุงโอสถห้วงลี้ลับได้แล้ว
โอสถถูกแบ่งออกเป็นโอสถห้วงลี้ลับ โอสถวิญญาณ โอสถว่างเปล่า โอสถจริงแท้และโอสถจักรพรรดิ ซึ่งสอดคล้องกับแต่ละขอบเขต
ในหมู่พวกมัน โอสถว่างเปล่านั้นสอดคล้องกับขอบเขตว่างเปล่าและขอบเขตรวมศูนย์
ไม่มีขอบเขตจักรพรรดิในหนานโจว ดังนั้นจึงไม่มีใครสามารถปรุงโอสถจักรพรรดิได้ มิฉะนั้นคงไม่มีการขาดแคลนยอดฝีมือระดับจักรพรรดิที่นี่
“เจ้าทำได้ดีมาก! จัดหาสมุนไพรที่จำเป็นต่อการปรุงโอสถให้แก่นางต่อไป”
ฉู่เซวียนพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ เขาตัดสินใจถูกที่ไม่ได้สังหารจางขุยในตอนนั้น ตอนนี้เขามีลูกน้องที่ซื่อสัตย์ที่สามารถปฏิบัติตามคำสั่งของเขาได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ จางขุยยังสามารถเป็นรองจ้าวลัทธิหลักของลัทธิมารได้ นอกจากความแข็งแกร่งแล้ว ความสามารถและสติปัญญาของเขาก็ไม่ได้เลวร้ายนัก
เขาโยนขวดโอสถว่างเปล่าและพูดว่า “มอบโอสถนี้แก่ต่งเฉียนเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของเขาเช่นกัน”
ความแข็งแกร่งของต่งเฉียนนั้นต่ำเตี้ยเกินไป เขาไม่สามารถเป็นประโยชน์ต่อฉู่เซวียนได้มากนัก
ในขณะนี้ ลูกสมุนทั้งสองคนนี้กำลังทำงานเพื่อเขา เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะทรยศ ยิ่งสมุนแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น