Chapter 27 : สู้กับหนอนทรายใบเลื่อย
ผ่านมาไม่กี่นาทีแต่โจวเฉินก็ยังไม่ถูกชาวต่างชาติทั้งสองคนเข้ามาหาเรื่องแต่ดันเจอเข้ากับพายุทรายแทน หรือถ้าจะพูดให้ถูกก็คือเซอร์ไวเวอร์ทั้งหกคนล้วนอยู่ในระยะของทะเลทรายที่จู่ๆก็ก่อตัวขึ้นมาทั้งสิ้น
กระแสลมจากพายุทรายไม่ได้รุนแรงมานักแต่มันทำให้การมองเห็นด้อยลงอย่างชัดเจน พวกเขาสามารถมองเห็นได้เพียงราวๆ200เมตรเท่านั้น การเดินท่ามกลางพายุทรายเช่นนี้ไม่อาจหลีกเลี่ยงกรณีที่ถูกทรายเข้าตามตาตามจมูกได้จริงๆ
เนื่องจากโจวเฉินใส่หน้ากากครึ่งหน้าซึ่งปิดบริเวณปากกับจมูกอยู่ดังนั้นสถานการณ์ของเขาจึงดูดีกว่าคนอื่นๆเล็กน้อย
เขาถอดเสื้อออกมาและนำมันมาพันเอาไว้บนหัวอีกสำทับโดยปล่อยให้มีช่องว่างๆเหลือเอาไว้ระหว่างดวงตาเพื่อให้พอมองเห็นได้
เอาจริงๆแล้วถ้ามีผู้เชี่ยวชาญอยู่ด้วยพวกเขาคงเลือกที่จะหาที่หลบจนกว่าพายุทรายนี้จะผ่านพ้น แต่โจวเฉินก็ไม่รู้ด้วยสิว่าพายุทรายจะผ่านไปเมื่อไหร่ ภายใต้สถานการณ์แบบนี้เขาจึงต้องมุ่งหน้าต่อไปเท่านั้น
“พายุทรายนี่เป็นแค่น้ำจิ้มแน่ๆ รู้สึกได้เลยว่าในทรายมีอะไรกำลังจะโผล่หัวออกมา”
โจวเฉินที่สวมหน้ากากและพันหัวเอาไว้ด้วยเสื้อเดินผ่านทะเลทรายไปด้วยความยากลำบาก เขารู้ดีว่าช่วงเวลาทรหดของภารกิจเซอร์ไววัลนั้นพึ่งจะเริ่มต้นขึ้นและข้างหน้าก็ยังมีอะไรที่ยากกว่านี้รออยู่
“พายุทรายนี่พัดเอารอยเท้าของคนที่อยู่ข้างหน้าหายเกลี้ยงเลยแฮะ”
ไม่นานนักเขาก็สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงที่ไม่ดีเท่าไหร่นักจุดแรก รอยเท้าที่เขาเดินตามมาได้หายไปแล้ว
เมื่อเห็นเช่นนี้เขาก็หยิบท่อนเหล็กในช่องเก็บของออกมาและใช้มันเพื่อตรวจสอบเส้นทาง
นี่เป็นการระวังพวกสภาพภูมิประเทศรูปแบบพิเศษต่างๆในทะเลทรายยกตัวอย่างเช่นพวกทรายดูด
ในหนังบางเรื่องที่โจวเฉินเคยดูในชีวิตที่แล้ว ทรายดูเป็นอะไรที่ค่อนข้างน่ากลัวมากเพราะมันสามารถทำให้คนที่โดนดูดจมหายไปใต้ทรายได้อย่างรวดเร็ว
ยังไงก็ตามในภารกิจเอาชีวิตรอดนี้ก็ยากจะพูดเหมือนกัน โจวเฉินรู้สึกได้ลางๆว่าทรายดูดที่นี่อาจจะไม่มาตามหลักวิทยาศาสตร์นัก ดังนั้นเขาจึงต้องระมัดระวังตัวให้ดี
โจวเฉินที่เดินไปบนเส้นทางกระดูกรู้สึกว่าร่างกายของเขากำลังร้อนขึ้นเรื่อยๆ พลังกายเองก็ลดลงอย่างรวดเร็วและกระทั่งหัวเองก็เริ่มมึนขึ้นมาเล็กน้อย
ตอนนี้ดูเหมือนๆรอบๆตัวเขาจะไม่มีร่องรอยของเซอร์ไวเวอร์คนอื่น ไม่รู้ว่าพวกนั้นทิ้งระยะไปไกลแล้วหรือถูกพายุทรายที่ปกคลุมท้องฟ้าบดบังหรือกระทั่งว่าซ่อนตัวอยู่ที่ไหนซักแห่งก็ไม่อาจทราบ
เขาเดินไปเรื่อยๆพร้อมกับท่อนเหล็กอยู่ซักพักนึงจนกระทั่งได้ยินเสียงแปลกๆที่แตกต่างจากเสียงของพายุทรายซึ่งก็ทำให้เขาตื่นตัวขึ้นมาทันควัน
“น่าจะมีมอนสเตอร์กำลังตรงเข้ามา จังหวะดีจริงๆ”
โจวเฉินลดความเร็วในการเดินและเริ่มระมัดระวังรอบๆตัวแทน
จากนั้นไม่ถึงห้าวินาทีต่อมาเขาก็สังเกตเห็นบางสิ่งบางอย่าง
ในทะเลทรายห่างออกไปราวๆ30เมตรมีรอยลากยาวหลายจุดกำลังมุ่งตรงมาหาเขาราวกับว่ามีอะไรบางอย่างกำลังมุ่งตรงมายังจุดที่เขาอยู่จากใต้ผืนทราย
เมื่อเห็นว่าจำนวนของอีกฝ่ายมีมากกว่าหนึ่งโจวเฉินจึงจำต้องรีดเค้นพลังกายทั้งหมดออกมาและออกตัววิ่งทันทีเพราะเขาไม่ค่อยอยากจะถูกล้อมซักเท่าไหร่
มอนสเตอร์พวกนั้นก็ไล่ล่าเขามาอย่างไม่ลดละราวกับพวกมันมีเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว พวกมันสังเกตเห็นแล้วว่าเขากำลังหนีจึงเพิ่มความเร็วตาม บางตัวนั้นก็หยุดไล่ล่าเขาและเลือกที่จะดำลงไปใต้ทรายแทนทำให้ตรวจจับการเคลื่อนไหวของมันไม่ได้เลย
หลังจากวิ่งมาได้เกือบสิบวินาทีโจวเฉินก็ถูกมอนสเตอร์ตัวนึงขวางเอาไว้ได้สำเร็จ
มอนสเตอร์ตัวนั้นเมื่อเข้าระยะก็พุ่งออกมาจากทรายเข้าใส่โจวเฉินในทันที คมเขี้ยวคมกริบทั้งสองข้างของมันขบกัดมายังลำคอของโจวเฉิน
โจวเฉินระวังตัวอยู่ตลอดเวลาและการตรวจจับของเขาก็ถูกเปิดใช้งานเต็มกำลังดังนั้นจึงแน่นอนว่าเขาย่อมไม่ถูกมอนสเตอร์พวกนี้ลอบโจมตีได้ง่ายๆอยู่แล้ว
เขาเอนตัวกลิ้งออกไปข้างๆหลบการโจมตีของมอนสเตอร์ไปได้อย่างสมบูรณ์แบบ
จากนั้นเขาก็รีบยืนขึ้นมาและใช้พลังทั้งหมดฟาดที่หัวของมันด้วยท่อนเหล็กในมือ
ปัง!
เสียงทุ้มหนักดังขึ้นหนหนึ่ง บวกกับของเหลวที่พวยพุ่งออกมาและเศษซากกระดองก็ทำให้มอนสเตอร์ที่ดุร้ายหาใดเปรียบเมื่อครู่ล้มลงบนผืนทราย
ในที่สุดโจวเฉินก็ได้เห็นหน้าค่าตาของมอนสเตอร์ตัวนี้ซักที มันมีขนาดลำตัวยาวประมาณสองเมตรมีหนาประมาณเอวของมนุษย์ที่โตเต็มวัย ร่างกายของมันทั้งล่างห่อหุ้มอยู่ในเปลือกแข็งโดยแบ่งออกเป็นปล้องๆและมีขาสั้นๆจำนวนมากมายพร้อมกับใบมีดติดอยู่บริเวณท้อง ดูแล้วคล้ายกับตะขายยักษ์เป็นอย่างยิ่ง
เปลือกแข็งบนหัวของมันค่อนข้างหนาทีเดียว ถ้าโจวเฉินใช้แรงไม่พอต่อให้เขาใช้ท่อนเหล็กฟาดก็ยังยากที่จะระเบิดหัวของมันอยู่ดี
[พรสวรรค์ช่วงชิงสกิลติดตัวทำงาน : ท่านได้ทำการช่วงชิงสกิลติดตัวของหนอนทะเลทรายใบเลื่อย – ‘กลั้นหายใจ (ระดับ1)’ ต้องการดูดกลืนหรือไม่?]
“ดูดกลืน!”
โจวเฉินเลือกดูดกลืนสกิลติดตัวของมอนสเตอร์ตัวนี้ทันทีและออกวิ่งต่อ
แต่วิ่งมาได้ไม่ถึงห้าเมตรเขาก็พลันหยุดชะงักและกระโดดถอยออกมาอีกครั้ง ทรายใต้พื้นตรงที่เขายืนอยู่เมื่อครู่ระเบิดขึ้น พร้อมกันนั้นท่อนเหล็กในมือของเขาก็เหวี่ยงเข้าใส่ทรายที่ว่าเต็มแรงและฟาดโดนบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ภายในนั้นส่งผลให้มันกระเด็นออกไปกว่าสิบเมตร ร่างกายของมันแตกกระจายราวกับมาม่าแห้งโดนบี้
หลังจากสังหารมอนสเตอร์ตัวนี้แล้วโจวเฉินก็กลิ้งตัวไปบนพื้นเพื่อหลบการโจมตีของหนอนทะเลทรายใบเลื่อยอีกตัวที่อยู่ใต้เท้า เขากลิ้งออกไปด้านข้างและใช้ท่อนเหล็กในมือแทนหอกแทงทะลุกระโหลกของหนอนทรายอีกตัวที่พึ่งจะโผล่พ้นผืนทรายขึ้นมา
ในเวลาเดียวกันนั่นเองหนอนใบเลื่อยอีกตัวก็โผล่ขึ้นมาจากทรายห่างออกไปจากเขาราวๆสองเมตร เมื่อมันเห็นว่าเขาล้มอยู่บนพื้น ขาสั้นๆจำนวนมหาศาลที่ติดอยู่บริเวณช่องท้องก็ขยับนำพาตัวมันพุ่งเข้าหาเขาอย่างรวดเร็ว เขี้ยวคมทั้งสองข้างภายในปากของมันเล็งมาที่หัวของเขาอย่างชัดเจน
ตอนนี้จะให้ดึงท่อนเหล็กออกมาจากร่างของมอนสเตอร์อีกตัวก็คงไม่ทัน ทันใดนั้นโล่กลมก็ปรากฏขึ้นมาในมือขวาของเขาและเหวี่ยงฟาดเข้าใส่เขี้ยวยาวๆของมันอย่างรุนแรง แรงปะทะอันหนักหน่วงส่งร่างของมอนสเตอร์ตัวนั้นปลิวกระเด็นออกไป
โจวเฉินรีบลุกขึ้นยืนและดึงท่อนเหล็กออกมาจากหัวของมอนสเตอร์ที่ตายไปแล้วทันที จากนั้นเขาก็พุ่งเข้าไปหามอนสเตอร์ตะขายที่ถูกกระแทกกระเด็นไปเมื่อครู่อย่างรวดเร็ว
มอนสเตอร์ตะขายตัวนี้ก็เจ้าเล่ห์ไม่น้อย เมื่อเห็นว่าโจวเฉินเป็นฝ่ายเปิดฉากโจมตีบ้าง ปากของมันอ้ากว้างราวกับคิดจะโต้ตอบแต่ไม่ช้าก็ปิดไปและขาสั้นๆจำนวนมากก็พลันแกว่งไกวด้วยความเร็วสูง เพียงเสี้ยวพริบตามันก็ขุดและดำลงไปใต้ทรายก่อนจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
โจวเฉินที่เห็นก็ไม่ได้ตื่นตระหนกแต่อย่างใด เขายืนอยู่เฉยๆเพียงเท่านั้นและจากนั้นเมื่อถึงจังหวะหนึ่งเขาก็พลันถอยออกมา โล่กลมในมือของเขาถูกเหวี่ยงฟาดลงไปบนพื้นราวกับก้อนปอนด์จนทำให้ผืนทรายสั่นกระเพื่อม จากนั้นท่อนเหล็กในมือก็ถูกแทงลึกลงไปใต้ผืนทรายพร้อมกับเสียงบาดแก้วหูราวกับท่อนเหล็กทะลุร่างกายของบางสิ่งบางอย่าง
[ท่านสังหารหนอนทะเลทรายใบเลื่อย – ได้รับไอเทม : น้ำดื่ม 1 ขวด (ทองแดงขั้นต่ำ)]
หลังจากมอนสเตอร์ตัวสุดท้ายตายลงก็มีไอเทมดรอปลงมา