Chapter 26 : ทะเลทรายเส้นทางกระดูก
โจวเฉินเมื่อกลับมาถึงห้องเรียบร้อย หลังจากอาบน้ำอาบท่าเสร็จเขาก็เข้าไปดูในฟอรั่มและพื้นที่แลกเปลี่ยนอยู่ซักพักก่อนจะงีบหลับไป
วันถัดมาหลังจากทานอาหารเย็นเสร็จเขาก็มุ่งหน้าไปยังโรงฝึกเว่ยเจียงเพื่อพบกับเถ้าแก่หลิว
สถานการณ์ที่นี่ก็ยังคงเหมือนกับที่ผ่านๆมา – ว่างเปล่า
เมื่อโจวเฉินเอ่ยว่าเขายินดีจะจ่ายค่ายืมใช้อุปกรณ์ฝึกฝนเถ้าแก่หลิวก็ตกปากรับคำทันที คราแรกเขาบอกว่าเขายินดีให้โจวเฉินยืมใช้ฟรีๆแต่ภายใต้คำยืนกรานของโจวเฉิน เถ้าแก่หลิวจึงตัดสินใจเก็บเงินเขายี่สิบเหรียญมังกรต่อวัน
โจวเฉินเริ่มการฝึกฝนส่วนตัวในโรงฝึกเว่ยเจียงของเถ้าแก่หลิว เขาฝึกทั้งศิลปะการต่อสู้และการต่อสู้โดยใช้ท่อนเหล็ก
แม้ว่าพื้นที่โรงฝึกจะไม่ได้ใหญ่โตนักแต่ก็ยังดีกว่าออกกำลังกายอยู่ที่ห้อง เขารู้สึกได้เลยว่าความเชี่ยวชาญในการต่อสู้ของเขากำลังเพิ่มขึ้น ครั้นเมื่อเถ้าแก่หลิวทราบว่าโจวเฉินพอจะรู้จักศิลปะการต่อสู้อยู่บ้างเขาก็พยายามเอ่ยปากขอประลองฝีมือซึ่งก็ทำให้โจวเฉินรู้สึกพูดไม่ออกอยู่เหมือนกัน
สองวันผ่านไปอย่างเรียบง่ายเช่นนี้ ตอนนี้โจวเฉินกำลังสวมหน้ากากสีดำครึ่งหน้าซึ่งเผยให้เห็นแค่หน้าผากกับดวงตาและรอคอยการมาถึงของภารกิจเซอร์ไววัลครั้งที่สามอยู่อย่างเงียบๆภายในห้อง
[ภารกิจเซอร์ไววัลกำลังจะเริ่มต้นขึ้น โปรดเตรียมตัวให้พร้อม]
[เริ่มการเคลื่อนย้าย...]
ไม่นานนักสภาพแวดล้อมก็เริ่มเปลี่ยนจากห้องแคบๆกลายเป็นทะเลทราย เขาและคนอื่นๆอีกหลายคนลุกขึ้นยืนท่ามกลางแสงแดดร้อนระอุ ความร้อนระดับนี้อยู่ในระดับที่ทำให้รู้สึกอึดอัดขั้นสุดโดยแท้
[ทะเลทรายเส้นทางกระดูก]
[ระดับความยาก : ทองแดงขั้นต่ำ]
[ภารกิจ : เดินทางผ่านทะเลทราย – ไปตามเส้นทางกระดูกจนถึงโอเอซิสซึ่งอยู่ห่างออกไป50กิโลเมตร]
[คำแนะนำ : มีโอกาสได้รับน้ำดื่มและอุปกรณ์ต่างๆเมื่อสังหารมอนสเตอร์ที่นี่ได้]
“ทะเลทราย? ถ้างั้นหน้ากากเราก็เหมาะเลย นี่ถ้ามีผ้าโผกหัวมาด้วยยิ่งดูมืออาชีพเข้าไปใหญ่”
โจวเฉินรู้สึกเสียดายเล็กน้อยที่เขาซื้อผ้าสีดำมาแค่พอทำหน้ากากอย่างเดียว ไม่อย่างนั้นเขาคงมีอะไรมาพันรอบหัวเพิ่มเติมอีกซักชิ้นไปแล้ว
“ไม่สิ ผ้าที่เราซื้อมามันสีดำซึ่งก็หมายความว่าถ้าใส่ไปก็มีแต่จะยิ่งร้อนนี่หว่า” (สีดำดูดความร้อน)
ขณะที่กำลังบ่นอยู่ในใจนั้นเขาก็ทำการตรวจสอบเซอร์ไวเวอร์คนอื่นๆไปด้วยและพบว่านอกจากเขาแล้วก็ยังมีชายอีกสามและผู้หญิงอีกสองคน สองในสามของผู้ชายเป็นคนผิวขาว
“มีคนต่างชาติในภารกิจเซอร์ไววัลหนนี้ด้วยแฮะ ระบบมักจะจัดสรรให้เจอคนในประเทศเดียวกันแท้ๆ โอกาสที่จะได้เจอคนต่างชาติในภารกิจเซอร์ไววัลนี่ค่อนข้างต่ำนะเนี่ย”
โจวเฉินอ่านข้อมูลเรื่องนี้บนฟอรั่มมาก่อน ยกตัวอย่างเช่นคนในจักรวรรดิมังกรก็จะเข้าสู่ภารกิจเซอร์ไววัลเดียวกันกับคนของจักรวรรดิมังกรด้วยกันเป็นส่วนใหญ่ แน่นอนว่ามีกรณีที่เจอกับคนต่างชาติเช่นกันแต่โอกาสนั้นค่อนข้างต่ำทีเดียว
ในเวลานี้เองชายหนุ่มผิวขาวทั้งสองคน – หนึ่งนั้นอยู่ในเสื้อแขนสั้นและกางเกงขายาวและอีกคนอยู่ในชุดสูทกำลังยืนคุยกันด้วยภาษาต่างชาติ ดูจากสีหน้าและท่าทีของอีกฝ่ายแล้วดูเหมือนจะกำลังคุยกันอย่างมีความสุข มีโอกาสเป็นไปได้สูงมากที่จะเป็นคนรู้จักกันมาก่อน
นอกจากทั้งสองคนนี้แล้วอีกสี่คนที่เหลือรวมทั้งโจวเฉินซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นคนของจักรวรรดิมังกรทั้งสิ้นเลือกที่จะยืนแยกออกมาและไม่ได้สนทนากันมากนัก ชายวัยกลางคนจากจักรวรรดิมังกรคนหนึ่งสังเกตุสภาพแวดล้อมโดยรอบและเลือกเดินออกจากลุ่มตรงเข้าไปยังทะเลทรายเป็นคนแรก
โจวเฉินเองก็ตามไปติดๆหลังจากเห็นว่ามีคนนำไปแล้วเพราะเขากำลังอยากได้คนถางทางให้พอดี
หลังจากเขาออกเดินอีกสี่คนที่เหลือเองก็เดินตามมาด้านหลังเขาเช่นเดียวกัน
เมื่อเดินอยู่ในทะเลทรายนอกจากอากาศที่ร้อนอบอ้าวและแสงแดดจ้าแล้วเขายังสัมผัสได้ถึงอันตรายรอบด้านอีกด้วย
ความรู้สึกนี้ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเขาสัมผัสได้ว่ารอบๆตัวมีอะไรก็ไม่รู้เต็มไปหมดและส่วนหนึ่งก็มาจากไอ้ที่ระบบเรียกว่าเส้นทางกระดูกที่เขากำลังย่ำอยู่นี่แหละ
ทะเลทรายเส้นทางกระดูกนี้ค่อนข้างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่น้อยเพราะมันใช้กระดูกเป็นดั่งป้ายบอกทาง
กระดูกที่กองสุมๆอยู่บ้างก็ดูเหมือนจะมาจากอูฐและสัตว์ชนิดอื่นๆ บ้างก็เป็นกระดูกที่ดูคล้ายกับกระดูกมนุษย์ กระทั่งว่ากระดูกบางชนิดก็สูงใหญ่กว่าตึกและมีรูปทรงประหลาดก็มี เห็นได้ชัดเลยว่าไม่ใช่กระดูกของสิ่งมีชีวิตธรรมดาๆ
กระดูกที่กองสุมกันอยู่ตรงนี้ไม่มีชิ้นใดเลยที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ส่วนใหญ่แล้วจะเต็มไปด้วยรอยกัดแทะเต็มไปหมดทำให้เมื่อจ้องมองแล้วรู้สึกหนาวจับใจขึ้นมาโดยไม่รู้สาเหตุ
โจวเฉินเดินไปตามเส้นทางกระดูกด้วยความเร็วปานกลางภายใต้แสงอาทิตย์ร้อนจัด โดยที่ระหว่างเดินนั้นเขาก็คอยให้ความสนใจกับรอบด้านอยู่ตลอดเวลา
ชายวัยกลางคนจากจักรวรรดิมังกรเดินค่อนข้างเร็วหรือบางทีอาจจะวิ่งเลยก็เป็นได้ ทำให้เขาทิ้งห่างจากพวกโจวเฉินและคนอื่นๆออกไปเรื่อยๆ
โจวเฉินที่เห็นเช่นนี้ก็ไม่ได้คิดจะตามไปแต่อย่างใด เขาเพียงสังเกตุดูรอยเท้าที่ชายคนนี้ทิ้งเอาไว้เพื่อตัดสินใจเก็บข้อมูลบางอย่างก็เท่านั้น จากนั้นเขาก็เดินตามไปเรื่อยๆอย่างใจเย็น
หลังจากเดินมาในทะเลทรายได้ซักพักโจวเฉินก็รู้สึกได้เลยว่าร่างกายของเขาเสียน้ำไปในปริมาณมหาศาล ผิวหนังของเขาเองก็เริ่มแห้งเผือดทำให้เขาเริ่มรู้สึกไม่สบายตัวขึ้นมา
เขาจึงหยิบกระป๋องโค้กออกมาจากช่องเก็บของ ดึงหน้ากากลงและดื่มเข้าไปอึกใหญ่
ในตอนทำภารกิจในถ้ำในภารกิจเซอร์ไววัลที่ผ่านมาเขาดื่มไปได้ไม่ถึงหนึ่งในสามด้วยซ้ำ ดังนั้นมันจึงเหลืออยู่ราวๆหนึ่งลิตรพอดี
หลังจากดื่มโค้กเสร็จเขาก็ดึงหน้ากากขึ้นมาตามเดิมและรู้สึกดีขึ้นมาก ในเวลาเดียวกันเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากทางด้านหลัง
“สุดหล่อขอฉันดื่มโค้กบ้างได้ไหม?”
หญิงสาวอายุราวสิบเจ็ดถึงสิบแปดในชุดเดรสยาววิ่งตรงมาหาโจวเฉินและเอ่ยกับเขาด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ บังเอิญว่าไม่ชอบกินร่วมกับใคร”
โจวเฉินส่ายหัวปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย จากนั้นเขาก็เร่งฝีเท้าเดินจากไป
“อย่างกไปหน่อยเลยน่า ตอนนี้ฉันคอแห้งมากเลยอ่ะขอแค่หนึ่งจิบก็ยังดีนะ”
หญิงสาวซอยเท้าเดินตามเขามาและพยายามหว่านล้อมโจวเฉิน
“ถ้าหิวน้ำจริงๆก็อย่าพูดมาก ไปหามอนสเตอร์แล้วฆ่าซะ บางทีเธออาจจะได้น้ำดื่มมาตั้งแต่ตัวแรกที่ฆ่าได้เลยก็ได้”
โจวเฉินไม่สนใจเจ้าหล่อนแม้แต่น้อย
คิ้วของหญิงสาวยับยู่ยี่ทันที เธอมองมาที่โจวเฉินด้วยสายตาดูถูกและเอ่ยขึ้นด้วยความโกรธ “ชิส์! การที่ฉันมาขอนายดื่มโค้กนั่นก็ถือว่าเป็นวาสนาของนายแล้ว! ไม่คิดเลยว่าภายนอกดูเหมือนยาจกแต่ภายในก็ไม่ต่าง!”
พอเจ้าหล่อนกล่าวจบก็เดินแซงโจวเฉินไปอย่างรวดเร็วโดยไม่หันมาสนใจเขาอีก
โจวเฉินที่โดนด่าสีหน้ากลับไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย เขายังคงเดินต่อด้วยความเร็วคงที่
ยังไงก็ตามหลังจากนั้นไม่นานนักหญิงสาวอีกคนก็วิ่งมาจากทางด้านหลัง เธอคนนี้เองก็มาจากจักรวรรดิมังกรเช่นกันและดูเหมือนจะมีอายุเยอะกว่าคนที่แล้วอยู่หลายปี เธอสวมเสื้อผ้าสบายๆแต่ก็ให้ความรู้สึกมากไปด้วยประสบการณ์
“น้องชายพอจะขายโค้กให้พี่สาวได้ไหม? ขอแค่จิบก็ได้แล้วพอจบภารกิจครั้งนี้พี่ยินดีให้เธอ50,000เหรียญเลย”
หญิงสาวคนนี้เลือกใช้วิธีเอาเงินมาล่อโจวเฉิน
“ไม่ ถ้าอยากได้น้ำก็ไปฆ่ามอนสเตอร์เอา ของฉันไม่ได้มีไว้ขาย”
แม้ว่าโจวเฉินจะเงินขาดมือแต่เขาก็รู้ดีว่าของอะไรก็ตามที่สามารถเพิ่มมวลน้ำในร่างกายได้เป็นสิ่งสำคัญมากในภารกิจเซอร์ไววัลครั้งนี้ เขาจำเป็นต้องมีมันไว้เพื่อการันตีความปลอดภัยของตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้นเขายังไม่ชอบกินของร่วมกับใครด้วยโดยเฉพาะกับพวกคนแปลกหน้ายิ่งแล้วใหญ่
“น้องชายการกระทำของนายดูไม่ฉลาดเลยนะ ถ้าอีกสองคนข้างหลังมาหาเรื่องนายเชื่อไหมว่าฉันจะไม่ช่วยนายแน่นอน”
หญิงสาวส่งยิ้มให้โจวเฉิน
“เฮอะๆ ขอบคุณสำหรับความหวังดีแล้วกัน”
โจวเฉินอดหัวเราะออกมาไม่ได้เมื่อได้ยินประโยคนี้ จากนั้นเขาก็เดินต่อด้วยท่าทีไร้กังวลโดยไม่แม้แต่จะหันไปมองด้านหลังเลยด้วยซ้ำ