2089 - ข้าแต่งงานแล้ว
2089 - ข้าแต่งงานแล้ว
การต่อสู้ครั้งนี้จบลงแล้ว ไม่มีใครกล้าเข้าสนามอีกแล้ว!
ทุกคนสามารถเห็นได้ว่าฮวงนั้นไม่มีใครเทียบได้ แม้แต่พานยี่ ฮั่นเทียนและเอ๋ากานก็ยังพ่ายแพ้ ดังนั้นใครจะกล้าขึ้นไปอีก?
“ลูกท้อเซียนเป็นของฮวง!”
มีคนกล่าวเสียงของพวกเขาสั่นสะท้าน แต่มันก็ดังผ่านสวนนี้
ทุกคนเผยความอิจฉาริษยา นี่เป็นยาเซียนที่ไม่มีใครเทียบได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนใฝ่ฝันอยู่ตลอดเวลา แต่ฮวงได้มันไป ทุกคนถึงกับพูดไม่ออก สิ่งนี้ได้มาจากชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของฮวง
ในส่วนลึกของที่ประทับของราชาอมตะ ต้นไม้เก่าแก่วางต่ำเหมือนมังกรที่แท้จริง เปลือกของมันแตกออกเป็นชิ้นๆกระจายเหมือนเกล็ด
ใบของมันเขียวชอุ่ม ลูกท้อลูกนั้นเติบโตอยู่บนกิ่งก้านของมัน ผลไม้ชนิดนี้มีสีเหลืองทอง มีกลิ่นหอมหวาน ผลของท้อเซียนที่แท้จริงทำให้หัวใจของทุกคนในโลกภายนอกสั่นสะท้าน
ผลไม้ผลหนึ่งหลุดออกมาเอง ตกลงมาบนจานหยกขาว บินออกไปด้านนอก จากนั้นผู้อมตะที่แท้จริงก็รับมันไว้
ดวงตาของเขาเร่าร้อนด้วยความปรารถนาในขณะที่เขาจ้องไปที่ลูกท้อเซียน แต่เขาไม่กล้ากินมัน นี่คือของพระราชทานของราชาอมตะใครจะกล้าแตะต้อง?
ผู้อมตะที่แท้จริงปกป้องมันไว้เท่าชีวิต เขานำลูกท้อสีทองประคองมันไว้ที่หน้าอก นี่เป็นผลที่เกิดจากต้นแม่ของสวน เป็นยาเซียนที่ไม่มีใครเทียบอย่างแท้จริง
ดวงตาทุกคู่เริ่มแผดเผาอย่างดุเดือด แต่พวกเขาทำได้เพียงมองดู ผู้อมตะที่แท้จริงมุ่งหน้าเข้าหาเวทีและมอบจานหยกนั้นให้กับสือฮ่าว
“ขอบคุณผู้อาวุโส!” สือฮ่าวกล่าว
ผลไม้สีทองอยู่ในมือของเขา เขาปิดผนึกไว้ในหม้อหยกอย่างระมัดระวังเพื่อป้องกันไม่ให้พลังเซียนรั่วไหลออกมา นี่เป็นยาเซียนอย่างแท้จริง
สือฮ่าวลงจากเวที ทุกคนอดไม่ได้ที่จะหลีกทางให้เขา ไม่กล้าที่จะดูถูกเขาที่มาจากแดนล่างอีกต่อไป เมื่อความสำเร็จในการต่อสู้ของเขาถูกเปิดเผย ทุกฝ่ายต่างตกตะลึง!
สือฮ่าวกลับมานั่งกับชิงยี่ใต้ต้นท้อ เพลิดเพลินกับอาหารบนโต๊ะหยก หลังจากพรากจากกันนับพันปี ในที่สุดทั้งสองก็มีโอกาสได้นั่งด้วยกันอีกครั้ง
หลังจากนั้นไม่นานผู้อมตะที่ถูกเนรเทศ ฉวีโต้ว องค์หญิงเหยาก็รีบเข้ามาร่วมโต๊ะและนั่งสนทนากับพวกเขาด้วยความตื่นเต้น แม้ว่าทุกคนที่อยู่ที่นี่จะอยู่ในอาณาจักรเซียนแต่ก็แทบจะไม่ได้ติดต่อกันเลยตลอดพันปีที่ผ่านมา
หลายคนถามสือฮ่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ของเก้าสวรรค์สิบพิภพเมื่อพวกเขาเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขาทั้งหมดก็รู้สึกสะเทือนใจเป็นอย่างมาก
แท้จริงแล้วยุคไร้การฝึกฝนนั้นช่างน่ากลัวจริงๆ สัตว์ประหลาดโบราณที่มีชีวิตอยู่มาอย่างยาวนาน เป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่พวกเขาเคยได้ยินชื่อมาตั้งแต่เกิดล้วนตายไปจนหมดแล้ว
“เจ้าจัดการกับตระกูลจินและตระกูลเฟิงแล้วหรือ?” คนเหล่านี้ตกใจ
อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขาคิดถึงเรื่องนี้พวกเขาก็ไม่ได้แปลกใจอะไร สือฮ่าวก็มีความแข็งแกร่งเพียงพอสามารถทำเรื่องพวกนี้ได้อย่างง่ายดายอยู่แล้ว
ในตอนนี้แม้กระทั่งอาณาจักรเซียนก็ยังไม่มีผู้สูงสุดคนใดสามารถต่อสู้กับเขาได้ ดังนั้นการที่เขาจะเป็นราชาในอาณาจักรล่างก็ไม่เห็นว่าจะเป็นเรื่องยุ่งยากแม้แต่น้อย
เพื่อนเก่าของเขาก็แยกย้ายกันไปโดยรู้ถึงความเหมาะสม พวกเขาปล่อยเวลาสำหรับชิงยี่ ทำให้ทั้งสองมีเวลามากพอที่จะอยู่ด้วยกัน
“ในช่วงเวลานี้เจ้าผ่านมาได้อย่างไร? ผู้อมตะที่ถูกทำลายไม่ปรากฏขึ้นหรือ?” ชิงยี่ถามท่าทางของนางอ่อนโยน
“ทุกอย่างสงบและเป็นปกติ หลังจากการฝึกฝนมาอย่างยาวนานตลอดหลายปีที่ผ่านมา ข้าได้นำเด็กๆของหมู่บ้านหินผาออกไปกวาดล้างสิ่งมีชีวิตแห่งความมืดและผู้อมตะที่ถูกทำลายเหล่านั้น” สือฮ่าวตอบกลับ
“อะไรนะ เจ้าได้ฆ่าแม้กระทั่งอมตะที่ถูกทำลายไปแล้วเหรอ?” ชิงยี่เปล่งเสียงตะโกนเบาๆและตกใจมาก ในเวลาเดียวกันนางรู้สึกเป็นห่วงสือฮ่าวมาก เห็นได้ชัดว่าเขาประสบอันตรายมากเกินไป
ชิงยี่มีหลายสิ่งที่นางอยากจะพูดอยากจะถาม ทั้งสองเริ่มสนทนากันอย่างยาวนาน จนกระทั่งสือฮ่าวเอ่ยคำหนึ่งขึ้นมา
“ข้าและอวิ๋นซีแต่งงานกันแล้ว” สือฮ่าวบอกนางตามความเป็นจริง
การแสดงออกของชิงยี่เริ่มแข็งกระด้าง หัวใจของนางก็สั่นเล็กน้อย ใบหน้าของนางซีดเซียวแม้แต่น้ำตายังทะลักออกมาไม่หยุด
“ทำไม...” นางอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นเบาๆ
สือฮ่าวไม่ต้องการซ่อนอะไร เขาไม่ต้องการที่จะหลอกลวงนางควรจะบอกนางตรงๆไปดีกว่า
“ในตอนนั้น ในตอนนั้นที่ข้ากลายเป็นคนพิการแต่นางยังคงติดตามข้ากลับไปที่หมู่บ้านหินผาและสาบานว่าจะอยู่เคียงข้างข้าตลอดไป นางอยู่ที่นั่นเป็นเวลาเกือบพันปีโดยไม่เคยจากไปไหนไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นข้าก็ไม่อาจทอดทิ้งนางได้” สือฮ่าวกล่าว
เมื่อชิงยี่ได้ยินสิ่งนี้ใบหน้าของนางก็ซีดเผือด
“เจ้าโทษข้าหรือ”
"ไม่มีทาง ในตอนที่เกิดเรื่องตอนนั้นเจ้าไม่ได้อยู่ในสามพันแคว้น ข้าเชื่อว่าหากเจ้าอยู่ที่นั่นเจ้าก็คงเลือกเช่นเดียวกันกับนาง” สือฮ่าวส่ายหัว
“อย่างไรก็ตามในท้ายที่สุดข้าก็ยังทอดทิ้งเจ้า” ชิงยี่กล่าว แววตาของนางดูเลือนลางเล็กน้อย เต็มไปด้วยความเสียใจและความผิดหวัง
“นี่ไม่อาจตำหนิเจ้า โลกของเรานั้นเข้าสู่ยุคที่ไร้การฝึกฝน หากไม่ใช่ข้ามีความขัดแย้งกับมหาอำนาจของอาณาจักรเซียนข้าก็คงมาที่นี่เช่นเดียวกัน” สือฮ่าวกล่าว
“แม้ว่าเจ้าจะอยู่ในแดนเบื้องล่าง แต่เจ้าก็ยังเดินนำหน้าพวกเรา” ชิงยี่พูดพร้อมกับถอนหายใจเบาๆ ดวงตาที่งดงามของนางหมุนวนด้วยสีสันที่สดใส แม้ว่าจะเสียใจแต่นางก็ยังรู้สึกยินดีต่อความสำเร็จของเขา
“เจ้าต้องการบรรลุความเป็นอมตะหรือไม่” สือฮ่าวลูกท้อสีทองใส่มือของนาง
“ไม่ นี่เป็นของเจ้า ข้าคิดจะบรรลุความเป็นอมตะด้วยตัวเองเจ้าต่างหากที่ต้องกลายเป็นผู้อมตะให้เร็วที่สุด!” ชิงยี่กล่าว
สือฮ่าวเก็บหม้อหยกกลับเข้าไป เขาคิดกับตัวเองเงียบๆ นี่เป็นเส้นทางที่ดีหรือไม่ เขาจะใช้มันในการบรรลุความเป็นอมตะหรือเปล่า?
หากเป็นกรณีนี้ ความสำเร็จทั้งหมดของเขาจะจบลงที่นี่ หากปราศจากความรู้แจ้งอย่างถ่องแท้ในการบรรลุความเป็นอมตะ และยืมวัตถุภายนอกฝ่าทะลุโดยตรง เขาจะได้อะไรจากสิ่งนี้
แม้ว่าเขาจะบรรลุความเป็นอมตะ มันก็ยังคงเป็นเพียงระดับผู้อมตะที่แท้จริงที่อ่อนแอที่สุด
สือฮ่าวต้องการกลายเป็นราชาอมตะที่ไม่มีใครเทียบได้ อีกทั้งยังต้องการเป็นผู้อมตะโดยเร็วที่สุด ดังนั้นจึงเกิดความขัดแย้งในใจของเขาเป็นอย่างมาก
ตอนนี้ชิงยี่เต็มไปด้วยความฟุ้งซ่าน นางตื่นตระหนกผิดหวังสำนึกผิดรวมถึงเศร้าเสียใจที่เขาแต่งงานไปแล้ว
เมื่อได้ยินคำนี้ออกจากปากคลองสือฮ่าวมันทำให้นางเจ็บปวดอย่างยิ่ง แม้กระทั่งตอนนี้จิตใจของนางก็ยังไม่กลับมาอยู่กับเนื้อกับตัว?
แม้ว่าจะอยู่ที่ดินแดนอมตะมาเป็นเวลาพันปีแต่นางก็ยังใช้ชื่อชิงยี่ไม่ใช้ชื่อเยว่ฉาน เท่านี้ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์อะไรหลายๆอย่างแล้ว
อย่างไรก็ตาม เมื่อในที่สุดเมื่อคนที่นางรอมาอย่างยาวนานปรากฏตัวขึ้นนางกลับได้รับผลตอบแทนเช่นนี้ จิตใจของนางเต็มไปด้วยความข่มขืนและเสียใจอย่างยิ่ง
นางนึกย้อนกลับไปในอดีต ไม่รู้ว่าตัวเองควรเลือกเส้นทางนั้นตั้งแต่แรกหรือไม่
อย่างไรก็ตาม นางเชื่อว่าต่อให้ต้องเริ่มต้นใหม่อีกครั้งนางก็ยังต้องเข้าสู่อาณาจักรเซียนเช่นเดิม เพราะว่าสำหรับนางแล้วการบรรลุความเป็นอมตะคือความต้องการที่แท้จริงของนาง
ตลอดหลายปีที่ผ่านมานางมีความใกล้ชิดกับตระกูลเอ๋าก็เพราะคิดจะยืมมือของตระกูลนี้ให้การปกป้องสือฮ่าวและพาเขาเข้าสู่อาณาจักรเซียน
สุดท้ายเมื่อเขามาที่นี่เขากลับบอกว่าเขาแต่งงานกับอวิ๋นซีแล้ว ทำให้เป็นเรื่องยากสำหรับนางที่จะเอาชนะความขมขื่นในใจได้
ในส่วนลึกของคฤหาสน์ราชาพานพลังแห่งความโกลาหลตลบอบอวลอย่างยิ่ง มีราชาอมตะหลายคนนั่งอยู่ที่นี่ พวกเขาไม่ได้พูดกันมาเป็นเวลานานแล้วทุกคนต่างจมอยู่กับความคิดของตัวเอง
ในที่สุดก็มีคนทำลายความเงียบขึ้น
“นำตัวเขามาที่นี่ข้าต้องการรู้ว่าวิญญาณผู้พิทักษ์อยู่ที่ไหน”
“สหายเจ้าล้ำเส้นเกินไปแล้ว” ราชาพานกล่าว
“ไม่อาจปล่อยให้เด็กคนนี้มีชีวิตรอดได้!” ในเวลานี้ราชาอมตะเอ๋าเฉิงก็พูดขึ้น
“ทำไมต้องยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของเด็กๆ” การแสดงออกของราชาพานยังคงหนักแน่น
เขาไม่เชื่อว่าเอ๋าเฉิงต้องการจะแก้แค้นให้กับทายาทของเขาเอ๋ากาน หลังจากหลายปีมานี้ ทายาทของราชาอมตะจะขาดบุคคลที่ท้าทายสวรรค์อย่างนั้นหรือ?
แม้แต่ผู้อมตะรวมถึงครึ่งก้าวราชาอมตะก็ยังมีอยู่มากมายดังนั้นนี่ไม่ใช่เหตุผลที่เขาต้องการฆ่าเด็กคนนั้นอย่างแน่นอน!