บทที่ 3 โอสถทองเก้าทวาร
"นอนหลับสบายจริงๆ!"
ลู่อวิ๋นยืดเส้นยืดสายอย่างเต็มที่
ขณะยังงัวเงียอยู่ เขากำลังจะตื่นไปแปรงฟันล้างหน้า
"ไม่ใช่สิ!"
ลู่อวิ๋นรู้สึกตัวอย่างกะทันหัน เขามองไปรอบๆ อย่างงุนงง
"มันเป็นเรื่องจริง...ข้ามาโลกเซียนจริงๆ ด้วย"
ลู่อวิ๋นได้สติ
"ไม่ใช่ความฝัน"
"จริงสิ!"
วินาทีถัดมา ลู่อวิ๋นก็นึกถึงเรื่องเมื่อคืนนี้ได้
"เก้ามังกรแบกโลง! เก้ามังกรแบกโลงที่นี่มีร่างจริงแล้ว!"
ลู่อวิ๋นสั่นสะท้าน "ต้องออกไปจากที่นี่ทันที ไม่งั้นต้องตายแน่ๆ!"
ลู่อวิ๋นแก้รูปแบบฮวงจุ้ยเก้ามังกรแบกโลงได้
แต่เก้ามังกรแบกโลงที่กลายเป็นรูปร่างแล้วนี้ เกินความเข้าใจของลู่อวิ๋นไปแล้ว ยิ่งอยู่นานเท่าไร ก็ยิ่งใกล้ความตายมากขึ้นเท่านั้น
เขากระเผลกออกจากห้องไป
"ท่านผู้ว่าตื่นแล้วนะเจ้าคะ!"
ว่านเฟิงกำลังถือถาดอาหารเดินมา พอเห็นลู่อวิ๋นเดินออกมาจากห้อง ก็รีบวิ่งเข้ามาหาทันที
เมื่อคืนลู่อวิ๋นเป็นลมที่ตึกเจ็ดดาวโอบจันทร์ ว่านเฟิงพยุงเขากลับห้องมา
"ไปเร็ว ไปเร็ว! รีบออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้!"
ลู่อวิ๋นคว้ามือว่านเฟิงไว้ แล้ววิ่งไปทางประตูใหญ่
"ไปที่ไหนเหรอเจ้าคะ"
ว่านเฟิงมองลู่อวิ๋นอย่างงงงวย
"ไปที่ไหนก็ได้ ขอแค่ไม่ใช่ที่นี่!"
ลู่อวิ๋นรู้สึกร้อนรน
"ท่านผู้ว่า ที่อื่นนอกจากที่นี่ ท่านไปไม่ได้หรอกนะ"
ทันใดนั้น เสียงแหบแห้งก็ดังขึ้น
ตามมาด้วยคนแก่ผมขาวไม่รู้มาตั้งแต่เมื่อไร มายืนอยู่ข้างๆ ลู่อวิ๋นกับว่านเฟิง ยิ้มพลางพูดขึ้น
"หากท่านนำตราผู้ว่ามณฑลออกไปจากมณฑลเฉวียน พวกเราจะไปตามหาท่านที่ไหนเล่า"
วินาทีถัดมา ลู่อวิ๋นรู้สึกเหมือนชนกำแพงอากาศ แล้วก็ถูกกระแทกกลับออกมาอย่างแรง ก้นจ๊ำเบ้าลงไปกองกับพื้น
"เจ้าเป็นใคร"
ลู่อวิ๋นมองคนแก่คนนี้ เขาลูบก้นของตัวเอง พูดขณะยิ้มเจ็บปวด
"เจ้าไม่รู้จักข้างั้นหรือ"
คนแก่อึ้งไปเล็กน้อย
"ถ้าเจ้ามีลูกสาวสวยๆ ข้าอาจจะพิจารณารู้จักสักหน่อยก็ได้นะ"
ลู่อวิ๋นลุกขึ้นพลางพูดอย่างไม่สุภาพ
"ท่านผู้ว่า เขาคือเก่อหลงพ่อบ้านใหญ่ตระกูลเก่อเจ้าค่ะ"
ว่านเฟิงพูดเสียงเบา
"พ่อบ้านใหญ่ตระกูลเก่อ?"
ลู่อวิ๋นขมวดคิ้ว "พ่อบ้านตระกูลเก่อมาทำอะไรที่นี่ของข้า"
"ก็มาปกป้องท่านผู้ว่ามณฑลอยู่แล้วเจ้าค่ะ"
เก่อหลงพูดอย่างเสียดสี "ท่านผู้ว่ามีศัตรูเยอะขนาดนั้น ถ้าไม่ระวังแล้วถูกคนตีตายซะ ก็ไม่ดีแล้ว"
"ข้าไม่มีลูกสาว แต่มีหลานสาว...ท่านผู้ว่าต้องการไปพบหรือไม่"
เก่อหลงหรี่ตาลง พูดอย่างเยียบเย็น
ลู่อวิ๋นเข้าใจทันที
ตำแหน่งผู้ว่าของลู่อวิ๋นยังเหลืออีกครึ่งปี แต่เขาก่อเวรไว้มากเกินไป เพื่อป้องกันไม่ให้ลู่อวิ๋นหนี จึงส่งคนมาคุมตัวเขาไว้...หรือพูดได้ว่ากักบริเวณเขาไว้ที่นี่
รอแค่ลู่อวิ๋นถูกปลดจากตำแหน่งผู้ว่ามณฑล 'ศัตรู' ของลู่อวิ๋นก็จะทำอะไรเขาก็ได้
"ฮึ!"
ลู่อวิ๋นคำรามเสียงเย็น ไม่โต้เถียงอะไรกับเขา หันหลังกลับจะเดินจากไป
"หน้าตาน่าเกลียดขนาดนี้ หลานสาวเจ้าก็คงสวยไม่ได้หรอก"
...
"กำแพงอากาศที่มองไม่เห็นเมื่อครู่ คือเทคนิคของผู้ฝึกยุทธ์เซียนใช่ไหม"
ลู่อวิ๋นไม่ได้กลับห้องตัวเอง แต่ปีนขึ้นตึกเจ็ดดาวโอบจันทร์อีกครั้งโดยให้ว่านเฟิงช่วย
"เก่อหลงเป็นผู้ฝึกยุทธ์เซียนขั้นหลอมปราณ กำแพงเมื่อครู่เกิดจากการควบแน่นปราณแท้ของเขา แต่ครู่นี้ว่านเฟิงเห็นเขาไม่ได้ทำร้ายท่านผู้ว่า เลยไม่ได้ลงมือเจ้าค่ะ"
ว่านเฟิงพูดอย่างระมัดระวัง กลัวลู่อวิ๋นจะต่อว่าเธอ
"เจ้าเก่งกว่าเขาหรือ"
ตาลู่อวิ๋นเป็นประกาย
"ข้าหลอมวิญญาณแล้ว ปรุงแก่นทองแล้ว เป็นผู้ฝึกยุทธ์เซียนขั้นก่อปราณเจ้าค่ะ"
ว่านเฟิงเชิดคอ พูดด้วยสีหน้าภูมิใจ
แต่ชั่วขณะถัดมา เหมือนเธอนึกอะไรได้ ก็พูดด้วยสีหน้ากังวล "ท่านผู้ว่า ท่านจะไม่โกรธว่านเฟิงที่เมื่อครู่ไม่ได้ลงมือใช่ไหมเจ้าคะ"
ลู่อวิ๋นไม่ดีกับว่านเฟิงนัก ในวันปกติจะตีด่าอยู่เรื่อยๆ แต่ว่านเฟิงเป็นเด็กกำพร้าที่ผู้ว่าคนก่อนเก็บมาเลี้ยง ถ้าท่านผู้ว่าแก่ไม่เก็บมา คงอดตายไปแล้ว
ถึงว่านเฟิงจะรู้ว่า ท่านผู้ว่าแก่เก็บเธอมาเลี้ยงไม่ได้มีใจดีอะไร แต่เธอก็ยังจงรักภักดีต่อตระกูลผู้ว่าอยู่ดี
ใบหลังเธอเต็มไปด้วยรอยแผลจากการโดนลู่อวิ๋นเฆี่ยนด้วยแส้หนัง แต่ไม่เคยบ่นสักครั้ง
แน่นอนว่าเรื่องพวกนี้ลู่อวิ๋นไม่รู้
"หลอมปราณ? แก่นทองคำ?"
แต่ลู่อวิ๋นไม่ได้สนใจคำพูดอื่นของว่านเฟิงเลย "บอกเรื่องการฝึกยุทธ์เซียนพวกนี้ให้ข้าฟังหน่อย"
"ได้เจ้าค่ะ!"
ว่านเฟิงตอบตกลงในทันที
ผู้ว่าราชการในอดีตไม่สามารถฝึกยุทธ์ได้ จึงไม่เคยสนใจเรื่องราวการฝึกยุทธ์เซียน
"การฝึกยุทธ์เซียนมีสามเขตแดนใหญ่ เก้าขั้น"
"คือเขตแดนปราณ เขตแดนแก่น และเขตแดนวิญญาณ แต่ละเขตแดนยังแบ่งเป็นสามเขตแดนย่อย"
"เขตแดนปราณ ได้แก่ ก่อปราณ หลอมปราณ และแปรปราณ"
"เขตแดนแก่น ได้แก่ แก่นทองคำ แก่นชีวิต และแก่นต้นกำเนิด"
"เขตแดนวิญญาณ ได้แก่ ตัวอ่อนเทพ ทารกเทพ และร่างเทพ"
"เหนือสามเขตเก้าขั้น ก็คือเซียนแล้ว… แต่ข้าไม่เคยเห็นเซียน ไม่รู้ด้วยว่าเซียนมีขั้นไหนบ้างเจ้าค่ะ"
ลู่อวิ๋นพยักหน้า แล้วก็ถามว่า "ข้าฝึกยุทธ์ไม่ได้จริงๆ เหรอ"
ว่านเฟิงตอบด้วยสีหน้าหม่นหมอง "ไม่ได้เจ้าค่ะ ท่านผู้ว่าแก่เคยไปตามเซียนมาเปลี่ยนร่างกายให้ท่าน แต่ก็ล้มเหลว"
"งั้นก็ช่วยไม่ได้"
ลู่อวิ๋นหัวเราะกลั้วๆ
"แต่ข้าเคยได้ยินท่านผู้ว่าแก่พูดว่า เซียนท่านนั้นเคยบอกว่า หากหาโอสถทองเก้าทวารได้ ก็จะเปลี่ยนร่างกายท่านได้ ทำให้ท่านฝึกยุทธ์ได้ตามปกติเจ้าค่ะ"
ว่านเฟิงนึกอะไรขึ้นมาได้ รีบพูดขึ้นทันที
"โอสถทองเก้าทวาร?"
ดวงตาลู่อวิ๋นเป็นประกาย
"แต่ว่ากันว่าตำรับโอสถทองเก้าทวารสูญหายไปนานแล้ว โอสถทองเก้าทวารที่ยังเหลืออยู่ในโลกเซียนตอนนี้ ล้วนเป็นของที่เหลือจากหลายปีก่อน กินไปหนึ่งเม็ดก็น้อยลงหนึ่งเม็ด...ว่ากันว่าโอสถทองเก้าทวารหนึ่งเม็ด แลกได้ทั้งมณฑลเฉวียนเลยเจ้าค่ะ"
ว่านเฟิงยิ้มอย่างคับแค้นใจ
"ก็แค่...เงินใช่ไหมล่ะ"
สายตาของลู่อวิ๋นมองไปนอกเมืองอีกครั้ง
ที่นั่นมีสุสานเซียนขนาดมโหฬารแห่งหนึ่ง
ลู่อวิ๋นมองลักษณะภูเขา...สุสานนั้น แม้จะถูกขุดไปบางส่วนแล้ว แต่โดยรวมยังสมบูรณ์ ฮวงจุ้ยยังไม่ถูกทำลาย เห็นได้ชัดว่ามีคนขุดสุสานแค่ด้านนอก แต่ยังไม่เจอแกนกลางของสุสาน
ที่โอสถทองเก้าทวารมีค่า เพราะว่าตำรับยาสูญหายไปแล้ว และยังเป็นของโบราณอีกด้วย...งั้นหากของโบราณที่สูญหายไปแล้วในสุสาน หากขุดพบ ก็น่าจะแลกเป็นโอสถทองเก้าทวารได้สักเม็ด
"ว่านเฟิง เก่อหลงเมื่อครู่ เจ้าจัดการได้ใช่ไหม ในจวนยังมีคนอื่นมาคอยจับตาดูข้าอีกไหม"
ลู่อวิ๋นจำได้ว่า ครู่ก่อนว่านเฟิงบอกว่าเธอเก่งกว่าเก่อหลง
"เจ้าค่ะ"
ว่านเฟิงพยักหน้า "ข้าก้าวข้ามไปถึงขั้นแก่นเมื่อไม่กี่วันก่อนอย่างลับๆ นอกจากพ่อบ้านเชียแล้ว ไม่มีใครรู้เรื่องนี้เจ้าค่ะ"
"ส่วนคนในจวนที่คอยจับตาดูท่าน นอกจากเก่อหลงแล้ว ก็มีกงซุนโหยวจากตระกูลกงซุน และเฟิงเหลียนเฉิงจากตระกูลเฟิง เก่อหลงกับกงซุนโหยวไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า
เฟิงเหลียนเฉิงก็อยู่ขั้นแก่น แต่ข้าเพิ่งก้าวข้ามขึ้นไป คงสู้เขาไม่ได้เจ้าค่ะ "
ว่านเฟิงทำท่าลำบากใจเล็กน้อย
"สู้ชนะสองคนก็พอแล้ว!"
ใบหน้าลู่อวิ๋นมีรอยยิ้มผุดขึ้นมา
"ให้เก่อหลงตามไปกับพวกเรา เราออกเมือง ไปภูเขาชื่อฉวน ไปดูสุสานเซียนหน่อย!"
สุสานเซียน...แค่คิด หัวใจลู่อวิ๋นก็เดือดพล่าน
...
"ท่านผู้ว่ามณฑล คราวนี้ท่านจะไปที่ไหนอีกเล่า"
ลู่อวิ๋นพาว่านเฟิงเดินออกมาถึงประตูใหญ่ของจวนผู้ว่า เก่อหลงก็มาขวางไว้ตามคาด
"ในจวนว่างๆ ไม่มีอะไรทำ ออกไปเดินเล่นข้างนอกหน่อย"
ลู่อวิ๋นพูดอย่างไม่ใส่ใจ
เก่อหลงขมวดคิ้ว "ไม่ได้ ภายในครึ่งปีนี้ ท่านผู้ว่ามณฑลไปไหนไม่ได้เลย"
"นี่เป็นคำสั่งของจักรพรรดิหลางเสี๋ยเทียนหรือ"
ลู่อวิ๋นเย้ยหยันขึ้นมา
"...ไม่ใช่"
ได้ยินคำพูดของลู่อวิ๋น เก่อหลงอึ้งไปชั่วครู่ ก่อนจะส่ายหน้า "แต่เป็นข้อตกลงของเหล่าตระกูลใหญ่ในมณฑลเฉวียน"
"ฮ่าๆๆๆๆ--"
ลู่อวิ๋นอดหัวเราะไม่ได้ "ตระกูลใหญ่ในมณฑลเฉวียนตกลงกัน? ตระกูลใหญ่ในมณฑลเฉวียนนี่จะก่อกบฏหรือไร"
"พูดเหลวไหล!"
สีหน้าเก่อหลงเปลี่ยนไปเล็กน้อย
"พูดเหลวไหล?" ลู่อวิ๋นเย้ยหยัน "ท่านจักรพรรดิยังให้ข้าครึ่งปี ยังไม่ได้ถอดถอนตำแหน่งผู้ว่ามณฑลของข้าทันที แต่ตระกูลใหญ่ในมณฑลเฉวียนที่เจ้าว่า กลับกล้ากักขังผู้ว่ามณฑลเฉวียน นี่ไม่ใช่ก่อกบฏแล้วจะเป็นอะไร"
สีหน้าเก่อหลงกำลังเปลี่ยนไป
ก่อนครึ่งปีมาถึง ลู่อวิ๋นก็ยังเป็นผู้ว่ามณฑลเฉวียน
ศัตรูของลู่อวิ๋นยังไม่ฆ่าลู่อวิ๋น ก็เพราะยังเกรงกลัวตำแหน่งผู้ว่ามณฑลของเขา
"ว่านเฟิง เจ้าไปเตรียมตัวหน่อย อาบน้ำเผาเทียน ส่งคำฟ้องไปยังท่านจักรพรรดิ ว่าตระกูลผู้ฝึกยุทธ์เซียนใหญ่ในมณฑลเฉวียนตั้งใจจะกบฏ ปราบกบฏลงครั้งนี้ ใครจะไปรู้ บางทีท่านแก่จักรพรรดิอารมณ์ดี อาจพระราชทานโอสถทองเก้าทวารมาให้ข้าสักเม็ดก็ได้"
พอได้ยินคำพูดของลู่อวิ๋น ดวงตาว่านเฟิงก็เป็นประกาย
"ท่านผู้ว่า ไม่ต้องลำบากขนาดนั้นหรอกเจ้าค่ะ"
ว่านเฟิงรีบพูด "ท่านมีป้ายติดตัวอยู่ สามารถเรียกทหารสวรรค์และนายพลสวรรค์ของมณฑลเฉวียนมาได้ ไม่ต้องรบกวนท่านจักรพรรดิหรอกเจ้าค่ะ"
ลู่อวิ๋นเบิกตาโพลง
"รอก่อน!"
ใบหน้าเก่อหลงเต็มไปด้วยเหงื่อเย็น
ตามนิสัยอำมหิตของลู่อวิ๋น เขาคงกล้าพอจะเรียกทหารสวรรค์และนายพลสวรรค์มาจริงๆ เพื่อกำจัดเหล่าตระกูลใหญ่ในมณฑลเฉวียน
"เดี๋ยวก่อนนะ!"
ทันใดนั้น ตาเก่อหลงหมุนวน ก่อนจะยิ้มพูดว่า "ไม่ทราบว่าท่านผู้ว่าจะไปที่ใดหรือ"
"ข้าจะไปกับท่านผู้ว่า ปกป้องความปลอดภัยให้ท่าน เพราะศัตรูของท่านผู้ว่ามีมากมาย ถ้าออกไปข้างนอกแบบนี้ เกรงว่าจะโดนศัตรูฆ่าตายเสียก่อน"
เก่อหลงเกิดความคิดชั่วร้าย หลานสาวของเขาก็ตายด้วยน้ำมือของลู่อวิ๋น
"ถ้าเขาอยู่แค่ในเมืองก็พอไหว แต่ถ้าออกนอกเมือง… ก็ไม่ต้องให้คนอื่นลงมือ เราคนเดียวก็ฆ่าเขาตายได้แล้ว!"
—-------------------------------------------------------------------
1. 九窍* เก้าทวาร ประกอบด้วย ตา หู จมูก ปาก ทวารเบา ทวารหนัก