ตอนที่6 ดวงวิญญาณน้อย
ตอนที่6 ดวงวิญญาณน้อย
ชายชุดดำรีบเร่งเบี่ยงกายหลบลูกเตะผ่าหมากของเซียถง ยื่นมือไปคว้าจับไหล่อีกฝ่าย แต่นางปฏิกิริยาไวพาที่จะยกแขนขึ้นสะบัดขวางเอาไว้ แต่คิดไม่ถึงเลยว่า ท่าร่างกระบวนเคลื่อนไหวของชายชุดดำพลันเปลี่ยนกระทันหันกลางอากาศ ใช้มืออีกข้างกระชากผ้าคลุมหน้าสีขาวของเซียถงหลุดออกมา
แต่เมื่อชายชุดดำเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเซียถง ก็อดตะลึงงันมิได้ ดวงตาฉายแววประหลาดใจขึ้นขุมใหญ่ ภายในใจคิดว่าภายใต้ผ้าคลุมที่บดบังนี้จักต้องเป็นสตรีโฉมงามถล่มเมือง แต่ใครจะไปคิดว่ากลายมาเป็น หญิงสาวอัปลักษณ์ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยจุดด่างดำแสนน่าเกลียด
ภาพฉากทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเร็วมาก จนเซียวถงไม่ทันตั้งตัวไปชั่วขณะ ใครจะไปคิดว่าจุดมุ่งหมายที่แท้จริงของชายชุดดำคนนี้คือ การเปิดเผยโฉมหน้าของนางออกมา?
“อัปลักษณ์โดยแท้”
ชายชุดดำลุกขึ้นปัดฝุ่นทั่วร่างเล็กน้อย พลางสบถวาจาคำหนึ่งออกไปเบาๆ
เซียถงเบ้ปากมองบนอีกฝ่ายอย่างดูแคลน อัปลักษณ์แล้วอย่างไร? บิดาเจ้าสั่งให้เปิดดูรึไงล่ะ?
อย่างไรก็ตาม นางเองก็สังเกตเห็นว่า ถึงชายชุดดำจะกล่าวออกไปแบบนั้น ทว่าทั้งสีหน้าแววตากลับปราศจากแววรังเกียจหรือขยะแขยงใดๆ เพียงเอ่ยกล่าวออกไปตามที่เห็นตรงๆ
ตอนนี้ระดับความแข็งแกร่งระหว่างนางกับชายชุดดำคนนี้แตกต่างกันเกินไป เซียถงตัดสินใจทันทีว่า วันนี้เกรงต้องหนีเอาตัวรอดไปก่อน ส่วนเรื่องการแก้แค้น ฮึ่ม...ค่อยว่ากัน แต่ไม่นานหลังจากนี้แน่นอน!
ชายชุดดำคล้ายว่ามองผ่านอ่านความคิดเซียถงออก เขาจึงแสยะยิ้มขับขานวาจาด้วยความภาคภูมิใจว่า
“ครั้นนี้เห็นแก่ที่เจ้าช่วยชีวิตข้าเอาไว้ เช่นนั้นนะไว้ชีวิตเจ้าสักครา”
กล่าวจบ ชายชุดดำคนนั้นก็หมุนตัวเดินกลับออกไปด้วยท่าทีลำพองใจ ทิ้งให้เซียถงยืนอึ้งกับความหลงตัวเองของเขาอยู่พักหนึ่ง ช่างเป็นคนประหลาดโดยแท้
จวนจนตอนนี้ ไม่ว่าใครที่ได้เห็นโฉมหน้าของนางล้วนต้องตกใจกันหมด แม้แต่ตัวนางเองยังแทบจะทนส่องกระจกดูไม่ไหว ทว่าน่าแปลกที่อีกฝ่ายกลับไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย
เซียถงเดินทางออกไปเชยชมดวงตะวันตกดินลับขอบฟ้าไป และไม่นานหลังจากนั้น ในที่สุดนางก็ขุดพบสมุนไพรที่ใช้ชำระไข้กระดูกและตัดเส้นเอ็นจนพบ แต่ทันใดนั้นพลันเกิดเหตุการณ์ประหลาด จู่ๆก็มีธารแสงสีม่วงสายหนึ่งพุ่งตกลงมาจากฟากฟ้า ซึ่งธารแสงสีม่วงดังกล่าวพุ่งเข้าไปยังใจกลางศีรษะของนางโดยตรง ก่อนจะหายไปทันที
เหตุการณ์นี้ทำเอาเซียถงตกใจเกินพรรณนาบอกกล่าว ทันทีที่ได้สติรีบลุกขึ้นตั้งท่าเตรียมโจมตี กวาดสายตาซ้ายทีขวาทีสลับกันอยู่สักครู่หนึ่ง คล้อยหลังมั่นใจได้แล้วว่าปลอดภัย จึงค่อยหันกลับมาสำรวจร่างกายตัวเอง และไม่พบอาการบาดเจ็บใดๆ
ในขณะนั้นเอง พลันสีเสียงสายลมดังเสียดอากาศปรากฏขึ้น ตามมาด้วยสุ้มเสียงฝีเท้านับสิบคู่ดังขึ้นจากด้านหนึ่งภายในป่า เซียถงรีบมุดเข้าไปหลบในพุ้มไม้เคียงข้าง กลั้นหายใจให้เงียบที่สุด
ได้ยินเพียงคนกล่าวว่า
“ไฉนมันหายไปแล้ว?”
“เมื่อครู่เจ้าสิ่งนั้นรู้สึกว่าจะบินมาทางนี้มิใช่รึ?”
“ลองกแยกย้ายกันไปค้นหาก่อน!”
เท่าที่เซียถงสังเกต พวกคนเหล่านี้ก็คือ กลุ่มคนชุดสีเขียวที่ติดตามชายชุดดำโฉมงามอยู่ก่อนหน้า ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังตามหาอะไรสักอย่าง นางยังคงค้างอยู่ท่านั้นรอจนคนกลุ่มนั้นจากออกไป นางจึงค่อยลุกขึ้นแล้วเร่งฝีเท้ากลับไปยังเมืองเฟิ่งหลี่โดยตรง
ยามถึงจวนก็เป็นเวลาดึกดื่นมากแล้ว คล้อยหลังรับประทานอาหารเย็นเสร็จ เซียถงก็นำสมุนไพรที่ใช้ชำระไขกระดูกและตัดเส้นเอ็นลงไปต้มทันที พอดื่มลงไปจนหมด เซียถงก็รู้สึกได้ว่า ร่างกายของตนเองร้อนรุ่มไปหมด ผ่านไปสักระยะได้กลิ่นเน่าเหม็น เห็นเพียงคราบขี้ไคลส่งกลิ่นแรงทั่วทั้งร่างกาย ส่งผลให้นางรู้สึกไม่สบายตัวเป็นอย่างมาก
เซียถงตระหนักได้ทันที น้ำต้มสมุนไพรนี้ได้ผล จึงสั่งให้อิ๋งเอ๋อร์ไปเตรียมน้ำร้อนให้ทันที ถอดเสื้อผ้าแพรพรรณออก เดินวนรอบอ่างไม้อยู่สองสามครา ค่อยจุ่มตัวลงไปแช่
หลังจากแช่น้ำออกมา เซียถงก็ค้นพบได้ทันที ถึงผิวพรรณที่นุ่มนิ่มและเรียบเนียนกว่าแต่ก่อนมากมายนัก กล้ามเนื้อดูกระชับเคลื่อนไหวสะดวกขึ้น ดูท่าแล้วทุกอย่างจะเป็นไปตามแผนการที่วางไว้ด้วยดี
เซียถงกลับเข้านอนอยู่บนเตียงขณะที่กำลังจะผล็อยหลับไป จู่ๆท่ามกลางความมืดมิด นางคล้ายปรายตามองเห็น วัดถุประหลาดที่พราวแสงรัศมีสีม่วงระเรื่องดงามออกมาจากศีรษะ และมันก็ค่อยๆหลอมละลายซึมซาบเข้าไปยังแขนขา กระดูกและเส้นเอ็นทั่วทั้งร่าง จนท้ายที่สุดไหลบ่ามาสู่จุดตันเถียน
รัศมีแสงสีม่วงระเรื่อยามนี้แปรสภาพเป็นสายน้ำอุ่นกระแสหนึ่ง ทั้งยังเร้นแฝงไปด้วยขุมพลังพิสดารพันธุ์ลึก เข้าสมานจุดตันเถียนที่แตกร้าวอย่างแช่มช้าจนกระทั่งหายดีดั่งเดิม ไม่สิ...จุดตันเถียนของนางในตอนนี้ทั้งมีขนาดความจุที่กว้างและทนทานเสียยิ่งกว่าก่อนหน้าอีก!
เกิดบ้าอะไรขึ้นกัน? หรือว่าร่างกายนี้จะมีความลับอะไรบางอย่างที่นางยังไม่รู้?
ทันทีทันใด รัศมีแสงสีม่วงระเรื่อก็จางหายไป เผยรูปร่างที่แท้จริงของมันในที่สุด ซึ่งแปลกมากที่...เจ้าสิ่งนี้มันคือคริสตัลสีม่วงที่นางเคยบุกไปแย่งชิงมาได้ในชีวิตก่อนหน้า!
เซียถงอดสงสัยมิได้ หรือเจ้าคริสตัลสีม่วงเม็ดนี้จะข้ามมิติมาพร้อมกับนาง? ชั่วขณะนั้นเอง ก็พลันนึกย้อนกลับไปถึงตอนที่มีธารแสงสีม่วงประหลาดพุ่งใส่ศีรษะภายในป่าสนตอนบ่าย และพอจะคาดการณ์ได้แล้วว่า สิ่งที่คนกลุ่มนั้นกำลังตามหาอยู่ก็คือ คริสตัลสีม่วงเม็ดนี้
นึกไม่ถึงเลยว่า ระหว่างนางกับมันยังมีชะตาต้องกันช่างเหนียวแน่นกันเสียจริง และสิ่งที่คิดไม่ถึงยิ่งเข้าไปอีกก็คือ มันจะพุ่งเข้ามาติดอยู่ในร่างกายแบบนี้ กระแสลมปราณสีเหลืองสูบฉีดกระจายไปทั่วร่างกาย เสมือนว่าร่างกายที่เหือดแห้งมาแสนนานถูกเติมเต็ม เพียงพริบตาเดียว เซียถงก็สัมผัสได้ถึงพลังอันไร้ขีดจำกัด!
แต่ยังไม่จบเพียงเท่านั้น จุดตันเถียนภายในร่างกายนางคล้ายอัดฉีดกระแสลมปราณชุดใหม่ออกมาอีกระลอก จากกระแสลมปราณสีเหลืองได้แปรเปลี่ยนกลายมาเป็นกระแสลมปราณสีเขียว และจากสีเขียวได้แปรเปลี่ยนอีกครากลายมาเป็นกระแสลมปราณสีฟ้า!
เซียถงยิ่งประหลาดใจเข้าไปใหญ่เมื่อตระหนักได้ถึงการเปลี่ยนแปลงนี้ ไม่เพียงแค่นางจะสามารถฟื้นฟูลมปราณกลับมาได้เท่านั้น แต่ระดับพลังความแข็งแกร่งยังกระโดดข้ามสองขอบเขตติดต่อกัน จนกลายมาเป็นยอดฝีมือขอบเขตเสาหลักฟ้าในชั่วอึดใจ!
ทันใดนั้นสุ้มเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นภายในห้วงความคิดของนาง
“นายท่าน”
“ใครพูด?”
เซียถงโผล่งตาเบิกกว้างในทันใด รีบเร่งเหลียวซ้ายแลขวากวาดสายตาไปทั่วเรือน แต่สุดท้ายเห็นแค่เพียงลำแสงสีเหลืองอำพันอ่อนๆกลุ่มหนึ่งเท่านั้น
“นายท่าน ข้าคือจิตวิญญาณที่สิงสู่อยู่ในอัญมณีม่วง ข้าชื่อเสี่ยวหั่ว ท่านมองไม่เห็นข้า”
ปรากฏเป็นสุ้มเสียงอ่อนเยาว์และไพเราะดังขึ้นภายในห้วงความคิดอีกครั้ง
“เอาล่ะ เสี่ยวหั่ว เจ้าเป็นคนรักษาจุดตันเถียนให้ข้างั้นรึ?”
เซียถงเอ่ยถามขึ้นเจือสีหน้าประหลาดใจ
“ใช่แล้วขอรับ นายท่านของข้าจะมิใช่ขยะอีกต่อไป แต่จะกลายมาเป็นจักรพรรดินีผู้ยืนอยู่บนจุดสูงสุดแห่งผืนพิภพ!”
ฟังจากน้ำเสียงของเสี่ยวหั่ว ดูมันจะค่อนข้างภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง
“แล้วไฉนเจ้าถึงเลือกข้า?”
แววตาคู่นั้นของเซียถงแปรเปลี่ยนกลายมาเป็นความกังขาสงสัย เพราะตอนที่อยู่ในป่าสน นางถือเป็นคนที่มีระดับพลังความแข็งแกร่งต่ำทรามที่สุดในบรรดาทั้งหมด และหากเสี่ยวหั่วต้องการจะเลือกใครสักคนจริงๆ ไฉนถึงไม่เลือกชายโฉมงามชุดดำคนนั้นแทน? เพราะแค่เห็นนางก็ทราบได้ทันทีว่า เขาแข็งแกร่งมาก
“เพราะมีเพียงสายเลือดของท่านเท่านั้นที่สามารถหลอมรวมได้กับข้าสมบูรณ์แบบที่สุด”
เสี่ยวหั่วยังกล่าวอีกว่า
“นายท่าน ข้าเพิ่งฟื้นฟูจุดตันเถียนของท่าน ซึ่งกระบวนการดังกล่าวมันกินพลังข้าไปไม่น้อย ดังนั้นแล้ว ข้าจำเป็นต้องกลับสู่สภาวะจำศีลก่อนระยะหนึ่ง”
เซียถงรู้สึกอบอุ่นใจไม่น้อยเมื่อได้ยิน
“เสี่ยวหั่ว หากเจ้าต้องการสมุนไพรชนิดใดก็จงบอกข้า ไม่ว่าจะยากเย็นเพียงใดข้าจักหามาให้เจ้าแน่นอน”
“สมุนไพรพวกนี้ย่อมไม่มีประโยชน์ต่อข้า เพราะข้าเป็นจิตวิญญาณ ทำได้เพียงดูบซับพลังวิญญาณเพื่อฟื้นฟูตัวเองเท่านั้น”
เสี่ยวหั่วเอ่ยต่อว่า
“นายท่าน ความแข็งแกร่งของท่านในตอนนี้ยังอ่อนด้อยเกินไป รอจนกว่าท่านจะมีความสามารถมากกว่านี้ แล้วค่อยมาช่วยข้าทีหลังยังไม่สายเกินไป”
เซียถงปั้นหน้าเศร้าสร้อยเล็กน้อย ดูเหมือนว่าตัวนางในขณะนี้ยังไม่สามารถช่วยเหลืออะไรอีกฝ่ายได้เลย
นางลุกขึ้นมาขัดสมาธิบนเตียง ดูดซับพลังวิญญาณโดยรอบเข้าสู่ร่างกายตามตำราวิชายุทธ์ จากนั้นก็แปรเปลี่ยนให้เป็นลมปราณ ไหลบ่าเข้าสู่แขนขาและกระดูกทั่วร่าง แต่ทันใดนั้น พอจะควบคุมกระแสลมปราณสายหนึ่งให้ตีขึ้นไปใบหน้า ทว่ากลับถูกบางสิ่งบางอย่างสกัดขวางเอาไว้ตรงบริเวณไหล่ซ้ายและไหล่ขวาทั้งสองข้าง คล้อยหลังพยายามต้านทานฝืนอยู่นาน ลมปราณสายนั้นก็ต้องร่นถอยกลับไปคล้ายกระแสน้ำลง
เซียถงตระหนักได้ทันควัน บริเวณเส้นลมปราณทั้งสองจุดดังกล่าวถูกปิดกั้นเอาไว้ มันเป็นก้อนของเหลวสีดำ ทั้งยังสามารถปลดปล่อยพิษกัดกร่อนออกมาได้อีกด้วย หากลองเพ่งสมาธิพินิจบริเวณดังกล่าวให้ดี จะค้นพบได้ว่า ผนังเส้นลมปราณบริเวณสองจุดนั้นปรากฏสีค่อนข้างหมองคล้ำและบางมาก น่าจะถูกพิษกัดกร่อนทำลายหนักเอาการ
เพราะเหตุนี้เอง เซียถงถึงไม่สามารถกรอกเทกระแสลมปราณให้ไหลผ่านบริเวณใบหน้าได้
คล้ายว่านางจะเริ่มปะติปะต่อเรื่องราวทั้งหมดได้ทันที หรือเป็นไปได้ไหมว่า...จุดด่างดำบนใบหน้าของนางจะมิใช่ปานแต่กำเนิด แต่เป็นพิษร้าย? นี่มีความเป็นไปได้อยู่หลายส่วน เพราะเท่าที่จำได้ในความทรงจำ สงครามแก่นแย่งชิงอำนาจกันในวังหลังค่อนข้างรุนแรงมาก
และนางอาจจะถูกวางยาพิษตัวนี้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์แล้วก็เป็นยได้ ไม่แปลกใจเลยที่ไฉนสุขภาพของท่านแม่ถึงอ่อนแอมาโดยตลอด เจ็บป่วยอยู่บ่อยครั้ง กระทั่งเชิญหมอหลวงตั้งมากมาช่วยรักษา แต่ก็ไม่เคยหายดีเลย
แล้วใครกันแน่ที่วางยาพิษพวกนาง? ช่างอำมหิตโดยแท้!
เพราะ‘เซียถง’เจ้าของร่างเก่ามีพลังอยู่ในขอบเขตเสาหลักเหลืองเท่านั้น ทักษะในการควบคุมลมปราณและการพินิจกายาจึงยังไม่แข็งแกร่งพอ ส่งผลให้นางไม่รู้เรื่องพวกนี้เลย
แต่ตอนนี้นางกลับค้นพบโดยบังเอิญโดยความช่วยเหลือของเสี่ยวหั่ว มิฉะนั้นแล้ว หากวันหนึ่งที่ก้อนพิษดำเหล่านี้แล่นเข้าสู่หัวใจ มีหวังนางคงต้องตายเป็นรอบที่สองแน่นอน!