ตอนที่10 ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ
ตอนที่10 ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ
เซียงถงที่ได้ยินเช่นนั้นกลับไม่โกรธหรือโมโหอย่างใด แต่ส่งรอยยิ้มตอบกลับไปแทน ก้าวย่างเข้าเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายตาต่อตา เอ่ยเสียงเรียบขึ้นเพียงว่า
“ใช่ หากข้าที่มีสายเลือดเดียวกับเจ้าคือนังแพศยา แล้วตัวเจ้าล่ะ? ท่านพ่อล่ะ? แม่ของเจ้าอีกล่ะ? หรือแม้แต่ทุกคนในจวนเสนาบดีแห่งนี้ก็ล้วนแต่เป็นพวกสวะแพศยาทั้งสิ้น? ไฉนเจ้าถึงด่าว่าทุกคนด้วย?”
สายตาเร้นแฝงแววเยาะเย้ยอยู่หนึ่งส่วน ทั้งสีหน้าการแสดงออกรวมไปถึงน้ำเสียงของเซียถงยามนี้ ช่างเย็นยะเยือกสิ้นดี หากเป็นเซียถงคนก่อนหน้า มีหรือจะกล้าตอบโต้เช่นนี้?
“เจ้า! อย่ามาใส่ร้ายข้า!!”
สีหน้าของเซียเสวี่ยเหลียนและฮูหยินเฉิงแปรเปลี่ยนไปทันที ส่วนพวกคนรับใช้ที่อยู่ด้านหลัง พลันได้ยินคำพูดของเซียถงก็อดปิดปากหัวเราะคิกคักมิได้
เซี่ยอี้เฉิงใบหน้ามืดคล้ำ เค้นเสียงเย็นเอ่ยขึ้นว่า
“เหลียนเอ๋อร์ อย่าไปโวยวายให้เสียเวลาเลย”
แต่สายตาของเขากลับหันมองเซียถงด้วยความรำคาญ
“หากเจ้าไม่มีอะไรแล้วก็กลับเรือนซะ อย่าออกมาอีก”
นัยน์ตาไสวของเซียถงทอประกายเย็นเยียบสว่างวาบขึ้นมา นี่คือธาตุแท้ของพ่อนางนี่เอง ลำเอียงอย่างเห็นได้ชัด เพียงเพราะนางเกิดมามีหน้าตาอัปลักษณ์จึงไม่ได้รับความรักงั้นรึ? อับอายขายขี้หน้าขนาดนั้นเชียว?
“หึ...”
เซียถงกรนเสียงเย็นชาสะท้านขึ้นทีหนึ่ง ยกขาเดินกลับไปยังเรือนด้านหลังของตัวเองโดยตรง ไม่พูดพล่ำทำเพลงอันใดอีกต่อไป ในเมื่อพวกมันเหล่านี้ไม่ชอบนาง นางเองก็ไม่อยากเสวนาให้เสียเวลาเช่นกัน
แต่ทันใดนั้นเองเซี่ยเสวี่ยเหลียนกลับหันขวับพุ่งเข้ามาขวางทางนางทันที ทั้งยังสบถด่าคำรามด้วยน้ำเสียงแสนเดือดดาลขึ้นว่า
“คิดจะไปไหน! อย่าคิดว่าจะหนีไปได้โดยง่าย! ตอบข้ามาบัดเดี๋ยวนี้ เจ้าใช้วิชามารแขนงใดกันถึงทำให้ฝ่าบาทแต่งตั้งเจ้าขึ้นเป็นพระชายาเอกได้!”
“หากเจ้ามีความกล้าพอและเสนอตัวออกไปรับคมดาบแทนองค์รัชทยาทได้ สักวันเจ้าเองก็จะได้แต่งตั้งเป็นพระชายาได้เช่นกัน”
กล่าวจบ เซียถงเดินผ่านหน้าอีกฝ่ายไปทั้งแบบนั้น พร้อมปรายหางตามองอีกฝ่ายอย่างเย่อหยิ่ง ทิ้งทวนเพียงคำกล่าวไม่จืดหรือไม่เค็ม แต่ทำเอาผู้ฟังหดหู่ใจมิใช่น้อย
“เจ้า...”
เซี่ยเสวียเหลียนกระทืบเท้าลงพื้นอย่างแรงด้วยความโฌกรธจัด นางรีบหันขวับเข้ากุมมือของเซี่ยอี้เฉินเอาไว้แน่น ออดอ้อนทั้งน้ำตาว่า
“ท่านพ่อ! เหลียนเอ๋อร์กำลังโดนเอาเปรียบ! ข้ากับองค์รัชทยาทต่างชอบพอกันมาเป็นเวลานานแล้ว ท่านต้องช่วยข้า! ช่วยให้ข้าขึ้นเป็นพระชายาเอกขององค์รัชทายาทให้ได้!”
เซี่ยอี้เฉินถอนหายใจเสียวยาว เขาเองก็จนปัญญาเช่นกัน
“เรื่องนี้...ท่านพ่อจะคิดหาหนทางช่วยเจ้าเอง”
“เหลียนเอ๋อร์ ไม่ต้องห่วงไป”
ทันทีทันใดฮูหยินเฉิงก็เอ่ยขึน้ว่า
“มีท่านแม่อยู่ทั้งคน ไม่มีใครแย่งตำแหน่งพระชายาเอกของเจ้าไปได้แน่นอน”
เซียถงที่มีระดับพลังสูงถึงขอบเขตเสาหลักฟ้าย่อมได้ยินสุ้มเสียงที่ลอยตามสายลมเหล่านี้ได้อย่างชัดแจ้ง มุมปากเชิดยิ้มฉีกกว้างอย่างอดมิได้ แม้เซี่ยเสวี่ยเหลียนจะงดงามเพียงใด แต่สุดท้ายก็เป็นแค่บุตรสาวของสตรีที่มีสายเลือดพ่อค้าคนหนึ่ง แล้วจะมีสิทธิ์ขึ้นเป็นพระชายาเอกขององค์รัชทายาทได้อย่างไร?
ช่างเป็นวันที่แสงตะวันสดใส ประดับคู่กับสายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิ
เซียถงใส่ชุดรัดรูปสีดำ ใบหน้าสวมหน้ากากสีเงินเพื่อปกปิดใบหน้าอันอัปลักษณ์ซึ่งเป็นจุดเด่นของตนเอาไว้ แม้ตัวเองจะไม่ได้ใสใจเรื่องความสวยความงามของตนอยู่แล้ว แต่กระทั่งก็ควรปิดบังตัวตนที่แท้จริงเอาไว้ เพื่อสะดวกต่อการเคลื่อนไหวนอกวังหลวง ป้องกันปัญหาที่ไม่ควรจะเกิด จึงตัดสินใจสวมหน้ากากอย่างที่เห็น
นางปีนกำแพงออกนอกจวนและมาถึงท้องถนนคนเดินได้อย่างราบรื่น ซึ่งการแต่งงานของนางค่อนข้างดึงดูดอย่างมาก เนื่องจากชุดรัดรูปสีดำนี้ดูคล้ายกับเพศชายสวมใส่มากกว่าเพศหญิง ทั้งยังรวบผมเก็บเอาไว้อีก บรรดาคนรอบข้างจึงเริ่มจับกลุ่มสนทนากัน และยืนถกเถียงกันอีกว่า ชายหนุ่มรูปงามผู้นี้มาจากไหน?
เซียถงเดินตรงเข้าไปในร้านขายสมุนไพรแห่งหนึ่งท่ามกลางสายตาของทุกคนที่จับจ้อง หยิบใบรายกายสมุนไพรที่เตรียมไว้ออกมาและยื่นให้เถ้าแก่
เถ้าแก่คนนั้นรับใบรายการสมุนไพรขึ้นมาดูก็ถึงกับตะลึง อดเอ่ยขึ้นมิได้ว่า
“พ่อหนุ่ม หากดูจากรายการสมุนไพรเหล่านี้...เจ้ากำลังจะหลอมกลั่นยาพิษกระมัง? เจ้าต้องการสิ่งนี้ไปเพื่ออะไร?”
“คนเปิดร้านทำธุรกิจก็ตั้งใจหาเงินเป็นพอ ถามมากไปก็ไม่มีประโยชน์อันใด ทั้งหมดนี้เท่าไหร่?”
น้ำเสียงของเซียถงฟังดูไม่เข้มไม่อ่อนจนเกินไป แต่บรรยากาศภายในร้านขายสมุนไพรเล็กๆแห่งนี้พลันเย็นยะเยือกลงทันใด
เมื่อเถ้าแก่สัมผัสเข้ากับดวงตาอันแสนเย็นชาของเซียถง ก็พลันเนื้อตัวสั่นเทาอย่างอดมิได้ รีบนำใบรายการสมุนไพรเข้าหลังร้าน ไปหยิบตามสั่งโดยไว
คล้อยหลังจ่ายเงินเสร็จสรรพ เซียถงเพิ่งเข้าใจได้ว่า หนึ่งเหรียญทองของนางสามารถจับจ่ายซื้อสมุนไพรได้กว่าสิบชนิดทีเดียว ซึ่งตอนนี้ทั้งตัวเหลือแค่สองเหรียญทอง นี่เพียงพริบตาเดียวนางก็ใช้หมดไปส่วนหนึ่งแล้ว ซึ่งอัตราค่าเงินของที่แห่งนี้ หนึ่งเหรียญทองมันเท่ากับค่าครองชีพต่อหนึ่งเดือนของคนธรรมดาทั่วไป
เฮ้ออ...ดูท่าต้องคิดวิธีหาเงินเพิ่มมาเสียแล้ว
ตั้งแต่ที่ตนเองถูกแต่งตั้งให้ขึ้นกลายเป็นพระชายาเอกขององค์รัชทายาท เซียถงจึงตัดสินใจได้ทันทีว่า ตนจะต้องหลอมกลั่นยาพิษติดตัวไว้บ้าง เพื่อป้องกันตนเองมิให้ตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย
คนอื่นมอบความเคารพหนึ่งฉื่อ ข้าจะมอบความเคารพตอบแทนหนึ่งจั้ง นี่เป็นหลักความคิดที่อยู่ในหัวของนางเสมอมา
ชีวิตก่อนหน้านางเองก็เคยใช้ยาพิษในการลอบสังหารเป้าหมายอยู่บ้าง จึงพอจะมีทักษะเรื่องการปรุงยาพิษติดตัวเล็กๆน้อยๆ แม้ว่ากระบวนการดังกล่าวจะยุ่งยากอยู่บ้าง แต่ก็หาใช่เรื่องยากเย็นอะไร
แต่เมื่อเซียถงกลับมาถึงเรือนน้อยของตน ยังไม่ทันเดินเข้าลานด้านในก็พลันได้ยินสุ้มเสียงตะโกนร้องโอดอวนของอิ๋งเอ๋อรน์ลั่น ฟังดูเวทยาเจ็บปวดอย่างหาที่สุดไม่จากภายใน เซียถงถึงกับขมวดควิ้แน่น รีบเร่งฝีเท้าวิ่งเข้าไปในทันใด ก่อนจะพบเห็นเซี่ยเสวี่ยเหลียนกำลังถือแส้หนังอ่อนฟาดอิ๋งเอ๋อร์ที่นอนกลิ้งอยู่บนพื้นอย่างไม่หยุดหย่อน
สีหน้าของอิ๋งเอ๋อร์ยามนี้เซียดเผือด ชุดที่นางสวมใส้เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเลือดสด
เซียเสวี่ยเหลียนใบหน้าดูอำมหิตดุร้ายยิ่ง แววตาคู่นั้นเปี่ยมไปด้วยความอาฆาต
“วันนี้ข้าจะเฆี่ยนเจ้าให้ตาย! กล้าดีอย่างไรถึงหลบแส่ข้า! ข้าจะฆ่าเจ้า!!”
สาวรับใช้หลายนางที่ยืนล้อมวงอยู่เคียงข้างเซี่ยเสวี่ยเหลียนกำลังเฝ้ามองอย่างสนุกสนาน ราวกับกำลังยืนรับชมละครฉากหนึ่งอยู่ อิ๋งเอ๋อร์เจ็บปวดรวดร้าวบาดหัวใจ แต่ก็ยังจำทนฝืนกัดฟันแน่น สีหน้าแววตายังคงดื้อรั้นไม่ยอมจำนน
“ข้าไม่อนุญาตให้ท่านดูถูกคุณหนูใหญ่!!”
“คุณหนูใหญ่อะไรไร้สาระ? เซียถงนังแพศษานั่นเป็นเพียงเศษสวะ! อัปลักษณ์ยิ่งกว่าเดรฉาน! ข้านี่แหละคือคุณหนูใหญ่แห่งจวนเสนาบดีแห่งนี้!”
เซี่ยเสวี่ยเหลียนเค้นเสียงคำรามด้วยความโกรธจัด ง้างมือเตรียมฟาดแส้หนังอ่อนใส่อิ๋งเอ๋อร์ที่กำลังนอนกองกับพื้นอีกครั้ง!