ตอนที่ 388 ดินแดนฝันประหลาด
ถังเทียนฟื้นฟูความรู้สึกกลับคืนมา เขาจำได้ว่ามีแสงเจิดจ้าสีครามฉายออกมาจากเส้นขอบฟ้าในทะเลกระจกคราม ทะเลเปล่งแสงแบบนั้นได้ยังไง? แสงนั้นฉายออกมาจากตรงไหน?
ทันใดนั้นมีเสียงหนึ่งดังก้องจากเหนือหัวเขา
“เจ้าช่างเป็นสวะไร้ประโยชน์จริงเจ้าพลาดตอบคำถามร้อยข้อแรก แล้วจะเชี่ยวชาญมือปีศาจพันแปลงได้อย่างไร? นอกจากศิษย์ทุกคนของข้าแล้วเจ้านี่แหละช้าที่สุด เจ้าไม่ละอายใจตัวเองบ้างหรือ?”
ถังเทียนรีบลืมตาและกวาดมองไปรอบๆ มีชายชราคนหนึ่งที่ขาวทั้งหน้าทั้งตัวกำลังโมโหฉุนเฉียวอยู่
นี่คือ...
ถังเทียนอ้าปากแต่ไม่มีเสียงออกมา
“เจ้าไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้ว ถ้ายังจะมัวเสียเวลาต่อไปเจ้าจะเป็นแค่อันธพาลที่ไร้ประโยชน์” ชายชรายังคงโกรธเขา แต่เขามีเสียงอ่อนโยนลง “เจ้าเป็นเด็กฉลาดแต่ขี้เกียจและไม่เต็มใจจะฝึกฝนหนักเพื่อเป้าหมายของเจ้า เจ้าอาจไม่มีความรับผิดชอบเกี่ยวกับสำนักหรือดูแลเรื่องของตระกูล แต่ถ้ามีงานบางอย่างที่จำเป็นต้องให้เจ้าช่วย เจ้ายังจะทำอะไรอื่นได้นอกจากสำนึกผิด?”
ชายชราจากไปอย่างผิดหวัง
ถังเทียนตะลึงเพราะโดนดุโดยไม่รู้ตัวขณะที่เขาได้สติคืนมา สภาพใจของเขายังคงสับสนพลางเหลียวมองดูรอบๆ ตัว
ในห้องตกแต่งไว้อย่างเลิศหรูด้วยเครื่องประดับเรือนราคาแพง
ถังเทียนสดุดตาอยู่ที่หนังสือเล่มหนาที่ใต้โต๊ะเขาเดินเข้าไปและพลิกเปิดดู มันคือหนังสือที่เรียกว่าเคล็ดเคลื่อนมือ
ทันใดนั้นเขาคิดถึงคำที่ชายชราพูดถึง ความคลั่งไคล้หลงใหลของเขาเกิดขึ้น เมื่อชายชรานั้นพูดว่าเขาไม่สามารถตอบคำถามร้อยข้อแรกได้ จะเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่?
เขาเปิดดูผ่านๆบนคำถามที่ 91 เมื่อเขาพลิกไปที่หน้าสุดท้าย เขาอ้าปากค้าง 1024 คำถาม!
ถังเทียนสงสัย ที่นี่ที่ไหน? คนเหล่านี้เป็นใคร?
เขาเดินไปที่หน้าห้อง ต้องการจะผลักเปิดประตูดูว่าข้างนอกมีอะไร แต่ไม่ว่าเขาจะใช้แรงมากเพียงใดเขาก็ไม่สามารถผลักเปิดประตูได้
“ประตูปีศาจ!”
ถังเทียนตะลึง เขารู้ว่าเขามีพลังน่ากลัว ด้วยพลังที่เชี่ยวชาญของเขาในตอนนี้ประตูน่าจะระเบิดเปิดออกไปแล้ว แต่มันไม่ขยับเขยื้อน
ขณะที่เขาลองเก็บหรือขนย้ายสิ่งของรอบๆห้อง เขาพบว่ามีแต่หนังสือที่สามารถขยับได้ ส่วนอื่นๆ ยังคงอยู่นิ่ง เป็นภาพลวงตาทั้งหมดหรือ?
หลังจากวนเวียนอยู่ครึ่งค่อนวัน เขาเริ่มรู้สึกเบื่อ เขานั่งลงและหันไปหาหนังสือเคล็ดการเคลื่อนไหวมือ
เขาดื่มด่ำกับหนังสือนี่มันกล่าวถึงเรื่องวิธีการเอาชนะการโจมตีรูปแบบต่างๆ ช่างดูลึกลับมากจริงๆ
เนื่องจากถังเทียนเชี่ยวชาญในการต่อสู้ระยะประชิด หนังสือนี้จึงช่วยเพิ่มพลังประสิทธิภาพให้เขาอย่างมีนัยสำคัญ ถังเทียนได้รับประสบการณ์กระบวนท่าโจมตีมากมายที่อธิบายในหนังสือนี้มาก่อน เขาพบว่าการตอบโต้ของเขาไม่ได้แตกต่างจากนักสู้คนอื่นๆ มากเท่าใดนัก
ถ้าเขาสามารถใช้วิธีการเหล่านี้ที่อธิบายไว้ในหนังสือ เขาจะมีความได้เปรียบมากมายในสนามต่อสู้
เนื่องจากเขาไม่สามารถออกไปได้ เขาจึงได้แต่อุทิศตนเองเพื่อซึมซับเนื้อหาของหนังสือ
ในไม่ช้าถังเทียนก็หมกมุ่นจมอยู่ในเนื้อหาความรู้ในหนังสือ
การอ่านเป็นเรื่องที่ง่าย แต่พอเกี่ยวกับคำถาม ถังเทียนพบว่าเป็นเรื่องท้าทายมาก ที่ยังคงแย่ก็คือเขาไม่สามารถเข้าใจบริบทและเนื้อหาของคำถามได้ หนังสือนี้เหมาะกับอาเฮ่อมากกว่า ถังเทียนสงสัย
ปังปัง ปัง!
ใครบางคนเคาะประตูจากนั้นประตูถูกผลักเปิด เด็กวัยรุ่นคนหนึ่งใบหน้าเหลี่ยมหูกางใหญ่วิ่งเข้ามาในห้อง “อาอวี่ ข้ารอเจ้ามาครึ่งค่อนวันแล้ว ทำไมเจ้ายังไม่เริ่มเคลื่อนไหวสักที?ไปกันเร็วๆ และเอาปัญหาไปด้วย ไปเถอะ”
หลังจากเสร็จแล้วเด็กหนุ่มก็หมุนตัววิ่งไปที่ประตู ถังเทียนวางคำถามลงและติดตามเด็กหนุ่มคนนั้นออกไป จากนั้นเขาพบว่าเขาไม่สามารถควบคุมร่างกายได้
เฮ้เฮ้ เฮ้ ทำไมมันเป็นอย่างนี้ไปได้?
ถังเทียนพบว่าไม่มีคำพูดอะไรออกมาจากปากของเขา ถังเทียนไม่ได้ถูกสภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นข่มขู่คุกคามแต่อย่างใด
เรื่องนี้ง่ายมาก มันต้องเป็นความฝันแน่นอน
ช่างเป็นความฝันที่น่าสนใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เขามีประสบการณ์กับความฝันเช่นนั้น
ถังเทียนสงบจิตใจตนเองลงและติดตามไปด้านหลังของเด็กหนุ่มคนนั้น ว่าแต่ใครคืออาอวี่?
“อาอวี่,ตอนนี้เราจะพาเจ้าไปฝึกที่ถ้ำพันวิญญาณ เจ้าเป็นคนฉลาดมาก เจ้าจะเชี่ยวชาญวิชามือปีศาจพันแปลงได้อย่างแน่นอน” เด็กหนุ่มอธิบาย
ถังเทียนรู้สึกพอใจอยู่ภายใน ในที่สุดก็มีคนวิจารณ์เขาว่าฉลาด! อยู่ในสภาพนี้ เขารู้สึกว่าเป็นฝันที่คุ้มค่าจริงๆ
มือปีศาจพันแปลง...เอ่.. ชื่อนี้ฟังดูคุ้นๆ...
เดี๋ยวก่อน...นั่นมันสุดยอดวิชาโดดเด่นไม่ใช่หรือ?
ทั้งสองวิ่งไปจนถึงจุดหมายปลายทอง เด็กหนุ่มทั้งสองคนมีพลังตัวเบาที่แข็งแกร่ง ในไม่ช้าพวกเขาก็มาถึงถ้ำด้านหลังภูเขามีนักสู้ยืนเฝ้าอยู่สองคน
ในถ้ำนั้นมีชื่อว่าถ้ำสิบลี้พันวิญญาณ สลักชื่ออยู่ด้านบนพื้นที่โล่ง
ถังเทียนตื่นตัว นักสู้ที่ยืนเฝ้ามีกลิ่นอายที่แข็งแกร่งเย็นยะเยียบอยู่รอบๆ ตัวเขา
นักสู้ที่เฝ้ายามจำพวกเขาได้จึงปล่อยให้พวกเขาผ่านเข้าไป
เมื่อเข้าไปภายในถ้ำเด็กหนุ่มให้กำลังใจถังเทียน “อาอวี่! เจ้าทำได้แน่!, ครั้งนี้เจ้าจะต้องผ่านสองร้อยระดับได้ในรวดเดียว! ข้าจะคอยหนุนหลังเจ้า
เด็กหนุ่มทั้งสองหายเข้าไปในส่วนลึกของถ้ำ
ถังเทียนรู้สึกอบอุ่นใจกอดเขาทันที เขาจำได้ว่าครั้งที่เขาอยู่ในสถาบันคาราเมลที่ซึ่งเขากับเจ้าวัวแมลงวันมักต้องมาเผชิญหน้าฝึกร่วมกันเสมอ
น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถพูดอะไรออกสักคำ
เขาได้แต่ติดตามเด็กหนุ่มเข้าไป
ลึกเข้าไปข้างใน ถังเทียนรู้สึกว่าทัศนวิสัยการมองของเขาย่ำแย่ มันมองดูเลือนลาง
ขณะที่เขาเดินลงไปตามทางในถ้ำ เขาจะเห็นบล็อกหินขนาดใหญ่ทุกๆ สิบเมตร นอกจากนี้แท่นหินแต่ละก้อนจะมีขุนพลวิญญาณอยู่หนึ่งตน เขาสามารถเห็นขุนพลวิญญาณไปตามทางผ่านเป็นจำนวนมาก
ถ้าสิบลี้พันวิญญาณอย่าบอกนะว่าหมายถึงขุนพลวิญญาณพันดวง
ถังเทียนปากอ้าค้าง เขามัวตะลึงกับจำนวนขุนพลวิญญาณ นั่นมากกว่าที่เขาจินตนาการไว้
หลังจากเขาสงบใจได้ เขาเดินเข้าไปหาขุนพลวิญญาณตนแรก เมื่อเขาเข้าไปในระยะสามเมตร ตาของขุนพลวิญญาณฉายแสงวาบทันที เขาปล่อยหมัดตรงใส่ถังเทียน
ถังเทียนหลบหลีกการโจมตีอย่างคล่องแคล่วและตอบโต้มันด้วยดาบของเขาโจมตีใส่สีข้างด้านซ้ายของขุนพลวิญญาณ
ปัง!
ขุนพลวิญญาณกระจายเป็นลำแสงและหายไป
ถังเทียนสูดหายใจลึกการโจมตีครั้งแรกจากขุนพลวิญญาณความจริงก็คือปัญหาข้อแรกจากหนังสือเคล็ดเคลื่อนไหวมือ
อาจเป็นได้ว่า...
ถังเทียนไม่ลังเลใจพุ่งเข้าหาขุนพลวิญญาณที่สองที่อยู่ใกล้ๆ
ความเคลื่อนไหวของเขาคล่องแคล่วด้วยการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เขาเปลี่ยนขุนพลที่สองกลายเป็นบอลแสง
หลังจากเอาชนะขุนพลวิญญาณได้มากมาย ถังเทียนยืนยันว่าขุนพลวิญญาณเหล่านี้มีบุคลิกอยู่ในเคล็ดคัมภีร์ท่ามือ แม้ว่าจะเป็นเรื่องยากในการถอดความหมายในคัมภีร์แต่ความสำเร็จของเขาที่มีต่อขุนพลวิญญาณยิ่งเพิ่มพูนความมั่นใจให้เขา
ตอนนี้เขาเข้าใจว่าความฝันทำให้เขาเข้าใจเชี่ยวชาญวิชามือปีศาจพันแปลง
ถังเทียนดีใจและเริ่มเดินหน้าต่อโดยไม่กลัว
ความก้าวหน้าของเขายังไม่ถือว่าเร็ว แม้ว่าเขาจะมีคำตอบสำหรับคำถาม เขามิได้ทำตามคำตอบในหนังสือทั้งหมดเขาจะคิดหาวิธีเอาชนะขุนพลวิญญาณเหล่านี้เอง
ทุกครั้งที่เขาเอาชนะขุนพลวิญญาณ เขาจะหยุดและเทียบกับคำตอบของหนังสือกับคำถามซึ่งเขากำหนดวิธีตอบโต้ด้วยตนเอง คำตอบของหนังสือจะถูกต้องพิถีพิถันและมีประสิทธิภาพมากกว่าวิธีการโต้ตอบของเขา
ถังเทียนไม่คุ้นกับวิชาท่ามือ ในอดีต เขาไม่เคยคิดเลยว่า หลายๆ วิชาอาจถูกฝ่ายตรงข้ามตอบโต้ได้ เขารู้สึกสดชื่นหลังจากเรียนเคล็ดวิชานี้ นี่เหมือนกับสัมผัสโลกใบใหม่เลยทีเดียว
เมื่อถึงคราวต้องเรียนรู้วิชาใหม่ ถังเทียนมักจะอุทิศตนเองเต็มที่
หลังจากจากเอาชนะขุนพลวิญญาณไปหลายสิบตน ในไม่ช้าเขาพบว่าเคล็ดการเคลื่อนไหวมือขณะโต้ตอบนั้นน่าสนใจมาก
ตอนนี้เขามองขุนพลวิญญาณแต่ละตนด้วยสายตาที่เร่าร้อนคะนอง
เครื่องเซ่นพันชิ้นที่ข้าจะบดขยี้เพื่อการฝึกฝนของข้า
ถ้าข้าสามารถผ่านด่านทั้งหมดนี้ได้ นี่คงเป็นข้อพิสูจน์ว่าข้าแข็งแกร่งทรงพลังเพียงไหน...
ถังเทียนปลดปล่อยเพลิงครอบคลุมตัวและพุ่งไปข้างหน้า
เมื่อหนุ่มน้อยชาวฟ้าปรากฏตัวเตรียมตัวแพ้ได้เลย! นอกจากนี้เขาไม่รู้สึกหิวหรือเหนื่อยในความฝันเขา นี่คือสถานการณ์ฝึกฝนที่พิเศษของเขา
ถังเทียนเป็นคนไม่ค่อยฉลาด ถ้าใจเขาต้องการเรียนรู้วิชาเหล่านี้ทั้งหมด มันต้องใช้เวลานาน แต่เขาเลือกวิธีที่ดีที่สุดมีประสิทธิภาพที่สุดในการเรียนรู้ซึ่งก็คือการสู้นั่นเอง
ในท่ามกลางการต่อสู้ถังเทียนไม่มีเวลาชื่นชมกับเคล็ดวิชาที่ซับซ้อนซึ่งเขาได้เรียนรู้ เขาตั้งใจโจมตีและเปิดทางของคู่ต่อสู้
เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ยาก ส่วนที่เยี่ยมที่สุดของคนจะปรากฏออกมา
การโจมตีจากขุนพลวิญญาณมีความซับซ้อนมากขึ้น นับว่าได้เปิดหูเปิดตา เขาต้องเพ่งสมาธิมากและผลักดันตัวเองเตรียมพร้อมรับการโจมตีที่จะตามมา
เขาไม่รู้ตัวว่าเขามีพรสวรรค์ธรรมชาติสำหรับเรื่องนี้
แน่นอนถังเทียนเผชิญหน้ากับความล้มเหลวระหว่างฝึกฝนหลายครั้ง เป็นเรื่องปกติสำหรับเขาที่จะติดขัดอยู่ที่ระดับเดียวกับขุนพลวิญญาณตนหนึ่งถึงเกือบครึ่งค่อนวัน เมื่อใดก็ตามที่เขาเผชิญหน้ากับปัญหานี้เขามักจะทำอย่างดีที่สุด ตามตื๊อศัตรูไม่หยุด
เขาจะไม่หยุดจนกว่าเขาชนะในที่สุด
เขาใช้กลยุทธนี้จนกระทั่งก้าวหน้าผ่านระดับนี้ไปอย่างช้าๆ
ในถ้ำมืดมิดกระจุยกระจายไปด้วยขุนพลวิญญาณนับไม่ถ้วน มีแต่ร่างเขาผู้เดียวเดินก้าวหน้าอยู่ในความมืดเอาชนะศัตรูแต่ละตนทีละครั้ง
บนชั้นที่สิบเอ็ดของโรงแรมบุปผาสวรรค์ มีคนสองคนยืนอยู่ที่ระเบียงมองดูสิ่งก่อสร้างบรอนซ์ในแนวเส้นขอบฟ้า
สิ่งที่ตามมาต่อจากความเจริญเติบโตของเมืองสามวิญญาณผู้ที่ได้รับผลประโยชน์ก็คือกิจการโรงแรม การไหลบ่าเข้ามาของคนต่างถิ่นทำให้เกิดมีโรงแรมขึ้น ตอนนี้เมืองมีโรงแรมเกือบหกสิบแห่งที่เจริญรุ่งเรืองทุกวัน
โรงแรมบุปผาสวรรค์เป็นโรงแรมที่เก่าที่สุด เนื่องจากบริการและบรรยากาศที่ดี
“นี่ช่างเลิศหรูจริงๆ” บุรุษวัยกลางคนร่างสูงใช้ไม้เท้าค้ำตัวกล่าว
ข้างๆเขาเป็นบุรุษศีรษะล้านที่ดูเหมือนมีอายุสามสิบปี เขามีกลิ่นอายที่น่ากลัว และยิ้ม “นี่น่าจะเพียงพอสำหรับเรา”
บุรุษวัยกลางคนถาม “เจ้าหาสิ่งนั้นพบหรือเปล่า?”
“พบแล้ว” บุรุษศีรษะล้านกล่าว “พวกเขาไม่ใช่นักสู้ที่แข็งแกร่ง พวกเขาเป็นแค่กลุ่มนักสู้ในทำเนียบสวรรค์วิถี ไม่มีอะไรมากไปกว่ากลุ่มทหารอ่อนหัด ต่อให้มีนักสู้สายจักรกลพวกเขาจะทำอะไรเราได้ มีแต่จะถูกเราสังหารได้ง่าย”
บุรุษวัยกลางคนตอบอย่างไม่ลังเลใจ “เราจะลงมือคืนนี้ และคลี่คลายปัญหาอย่างรวดเร็ว!”