ตอนที่ 387 การมาเยือนของทาร์ตัน
ทหารม้ากลุ่มหนึ่งกำลังฝึกในทุ่งราบระยะไกลดึงดูดความสนใจของทาร์ตัน
กลุ่มทหารม้านี้มีสิบแปดคนเริ่มบุกใส่เป้าหมายระยะห่างออกไป 600 เมตร ขณะที่พวกเขาเข้าระยะ 200 เมตรจากเป้าหมาย พวกเขาทำความเร็วได้ระดับสูงสุดพลางส่งเสียงโห่ร้องทำศึก แม้ว่าพวกเขาจะพุ่งใส่ระยะไกลแต่รูปขบวนของพวกเขายังคงเป็นระเบียบเรียบร้อย
การตั้งขบวนทัพทำได้สมบูรณ์แบบ
ทาร์ตันสูดหายใจลึก ม้าอสูรดวงดาวทำความเร็วในระดับสูงสุด สามารถรักษารูปขบวนให้เรียบร้อยได้ขณะที่ความเร็วสูงขนาดนั้นนับเป็นเรื่องที่ท้าทายมาก
ขบวนทหารม้าพุ่งเป็นแนวตรงเหมือนกับหอกที่น่ากลัว
ถ้าศัตรูบุกเข้ามาข้างหน้า เขาสามารถเห็นได้แต่เพียงนักสู้คนหน้าที่นำขบวนเท่านั้นทหารม้าคนอื่นจะถูกเขาบังเอาไว้
สิ่งที่น่าทึ่งสำหรับทาร์ตันเช่นกันก็คือม้าอสูรดวงดาวเหล่านี้มีการควบเป็นจังหวะเขากำลังครุ่นคิด ถ้าเขาเผชิญหน้ากับการโจมตีเช่นนั้น เขาจะโต้ตอบยังไง พลังที่เป็นระเบียบและน่าสะพรึงกลัวเช่นนั้นเป็นสิ่งที่คุกคาม
ทันใดนั้นเสียงระเบิดดังเหมือนกับเสียงฟ้าร้องดังแหวกอากาศ
“ฆ่ามัน!”
ทาร์ตันผงะ เขาเห็นได้แต่เพียงรังสีจำนวนมากถูกปล่อยออกมาจากดาบโจมตี การโจมตีแต่ละครั้งจะดังพร้อมกับเสียงโห่ร้องศึก ดาบยาวเล่มหนึ่งจะตัดฝ่าอากาศส่งเสียงราวกับฟ้าร้อง พลังโจมตีของพวกเขาเข้าที่ใจกลางเป้าหมาย
ปัง!
เป้าหมายแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ทาร์ตันสีหน้าเปลี่ยน
หลังจากเสร็จสิ้นการบุกโจมตีทหารม้าก็ชะลอความเร็ว และโดยไม่เสียระเบียบหรือรูปขบวน พวกเขาเหยาะย่างไปตามเส้นทางอย่างเป็นระเบียบ
จ่าสิบเอกพิเศษถังอี้หน้าเปลี่ยนเป็นสีดำ
กองทหารม้าหยุดอยู่หน้าของเขา พวกเขาเงียบด้วยความกลัวถังอี้
“เป็นอะไรไป?” ถังอี้ถามอย่างใจเย็น
ทหารที่นำเข้าบุกตอบอย่างกล้าหาญ“การผสานดาบโจมตีช่วงสุดท้ายยังประสานงานกันได้ไม่สมบูรณ์ขอรับ”
ถ้าการผสานการโจมตีช่วงสุดท้ายดำเนินการได้อย่างสมบูรณ์แบบ พลังโจมตีของดาบจะเพิ่มความหนาแน่นของพลังมากขึ้นสร้างความอันตรายได้มากขึ้น เป้าหมายจะต้องถูกตัดขาดเป็นสอง และจะไม่กลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แม้ว่ารูปลักษณ์ของเป้าหมายที่พลังกระจุยกระจายอาจจะดูน่ากลัว แต่เห็นได้ชัดว่าพลังที่หนุนเสริมโดยทหารม้ายังไม่เข้มข้นและเข้ากันได้ดี
“เพิ่มคนมาให้ข้าอีก 50 คน” ถังอี้ตอบอย่างใจเย็น
คนทั้งสิบไม่ลังเลและไม่บ่น “ขอรับ”
ถังอี้หันหน้าไปยังกลุ่มทหารม้าอีกกลุ่มหนึ่งและละเว้นคนที่เพิ่งประเมิน “ต่อไป”
ทาร์ตันเห็นประจักษ์กระบวนการฝึกทหารม้าทั้งหมด แม้แต่คนของเขาก็หวาดหวั่นความถือตัวของพวกเขาในตอนแรกที่มีต่อกองทัพหมาป่าตอนนี้จางหายไปหมดแล้ว
ทาร์ตันค่อยกลับคืนสู่ความสงบและมองหน้าเซียวซือหวิน “เป็นยังไงบ้าง?”
เซียวซือหวินตอบ “สู้กันตัวต่อตัว เราชนะ ถ้าเป็นจำนวนมากกว่าสิบ เผชิญหน้ากัน พวกเขาจะชนะ” หลังจากเขาวิเคราะห์พลังบุกและโจมตีของพวกเขา เขาได้ข้อสรุปในใจ
ทาร์ตันรำพึงอยู่เงียบๆ เขาไม่ประหลาดใจกับการประเมินของเซียวซือหวิน
“พวกเขาคือพันธมิตรของพวกเรา ก็ยิ่งจะเพิ่มพลังอำนาจให้เรา พวกเขาจะได้ประโยชน์จากมันเช่นกัน” ทาร์ตันตอบ ถูกแล้ว ด้วยปัญหาที่คอยรบกวนกลุ่มดาวอันโดรเมดา พันธมิตรที่แข็งแกร่งจากกองกำลังต่างๆ ทุกคนจะปลอดภัยเนื่องจากอยู่กันเป็นกลุ่ม
หลังจากฝึกฝนจบ ถังอี้หันมาให้ความสนใจทาร์ตันและคนของเขา “มีอะไรให้ข้าช่วยท่านหรือเปล่า?”
เซียวซือหวินไม่พอใจกับการแสดงออกของถังอี้ เนื่องจากเขารู้สึกว่าถังอี้ไม่ให้เกียรติพวกเขา ที่สำคัญพวกเขาเป็นอาคันตุกะ พวกเขาไม่ยอมแม้แต่ทักทายและกล่าวต้อนรับพวกเขาให้ดื่มให้กินในค่าย
ทาร์ตันประเมินถังอี้เงียบๆนั่นเป็นครั้งแรกที่เขาเห็นขุนพลวิญญาณผู้นำทหาร ดูไม่ธรรมดาเลย หลายคนรู้สึกว่าเป็นขุนพลวิญญาณที่ถูกเรียกออกมาเพื่อรับใช้ในกองทัพ ไม่ใช่ผู้นำทหาร นักสู้ส่วนใหญ่จะเต็มไปด้วยความภูมิใจ ใครจะยอมให้ผู้รับใช้มาสั่งการพวกเขา พวกเขาไม่ยอมเสียสละชีวิตของพวกเขาเพื่อผู้บัญชาการ ถ้าเขาเป็นขุนพลวิญญาณ
แต่ทาร์ตันสามารถเห็นได้ว่ากองทัพชาวกลุ่มดาวหมาป่าปฏิบัติต่อถังอี้ด้วยความเคารพ
เขาถาม“นายพลถัง! ท่านเรียกกระบวนพยุหะบุกทะลวงที่ท่านเพิ่งฝึกอยู่เมื่อครู่นี้ว่ากระไร?”
“โปรดอย่าเรียกข้าว่านายพลเลย ยศทางทหารของข้าเป็นแค่จ่าสิบเอกพิเศษ” ถังอี้แก้ความเข้าใจผิดของทาร์ตันและพูดต่อ“ตอนนี้เรากำลังฝึกกระบวนศึกบุกทะลวงที่เรียกว่า ทวนหนักตะลุยศึก”
ทวนหนักตะลุยศึกเป็นกลยุทธทหารที่พิเศษที่ถูกใช้สำหรับกองทัพหมาป่าเท่านั้น เนื่องจากพลังสายเลือดภายในของชาวกลุ่มดาวหมาป่าถูกปลุกขึ้น พวกเขาสามารถสื่อสารถึงกันและกันผ่านทางใจ แต่พวกเขาสามารถทำเช่นนี้ได้เป็นคู่ ดังนั้นทวนหนักตะลุยศึกจึงเหมาะกับกลยุทธบุกสำหรับพวกเขา
แม้ว่าทหารของกลุ่มดาวหมาป่าถูกมองว่าเป็นกองกำลังเสียสละกล้าตายในสายตาปิง แต่ถังอี้ทุ่มเทหลงใหลกับการฝึกฝนกองกำลังโดยที่ปิงไม่เห็น ปิงมีมาตรฐานกองทัพที่สูงส่งเป็นเขาที่กำหนดสูตรกลยุทธรบนี้ให้เหมาะกับกองทัพหมาป่าในการรบ
ทาร์ตันผงกศีรษะ ทวนหนักตะลุยศึก นับว่าได้เปิดหูเปิดตา แต่ทาร์ตันกังวลถึงสิ่งที่ถังอี้พูดบอกว่าเขาเป็นแค่เพียง “จ่าสิบเอกพิเศษ”
มีกลุ่มดาวมากมายในจักรวาลมีความหลากหลายในการจัดลำดับยศทหาร แต่ในทุกกลุ่มดาวยศจ่าสิบเอกพิเศษภายในกองทัพถูกมองว่าเป็นยศที่ต่ำและไม่สามารถนำกองกำลังได้
แต่จากมุมมองนี้เหมือนกับเป็นระบบยศของพวกเขา อาจดูเหมือนว่ากองทัพของพวกเขาอาจใหญ่และแข็งแกร่งมากกว่าที่คาดถ้าความสามารถของถังอี้เทียบเท่ากับนายทหาร
ทาร์ตันและเซียวซือหวินมองหน้ากันเอง เซียวซือหวินผู้ปราดเปรื่องก็ยังคิดถึงจุดนี้ด้วย ทั้งสองคนอึ้งกับความเป็นไปได้นี้
“ข้ามาที่นี่เพื่อถกเหตุผลทำไมกองกำลังของท่านบุกรุกและครอบครองพื้นที่กลุ่มดาวอันโดรเมดา?” ทาร์ตันไม่หวั่นไหวกับการแสดงอานุภาพระหว่างฝึกก่อนหน้านี้ “นี่คือกลุ่มดาวอันโดรเมดา ท่านไม่ขออนุญาตเราก็เข้ามาตั้งค่ายโดยไม่ได้ขอคำสั่งจากข้า”
ถังอี้มองเขาทันที“สิ่งที่ท่านพูดไม่อยู่ในอำนาจการตัดสินใจของข้า ข้าอยู่ใต้บัญชาของถังเทียน ถ้าท่านมีข้อข้องใจใดๆ ท่านควรไปคุยกับเขาเอง ข้ามีหน้าที่ปฏิบัติตาม โปรดอภัยให้ข้าด้วย”
หลังจากพูดจบถังเทียนก็เดินออกมา
ทาร์ตันโกรธมาก เขาขยี้เท้าเดินออกมาจากค่าย
“ข้าดูแคลนพวกเขามาก่อนนั้นและรู้สึกผิดที่ประมาทศัตรู” เซียวซือหวินละอายกับความผิดพลาดของเขา
ทาร์ตันส่ายหัว “ไม่ใช่แค่เจ้าเราล้วนเจ็บใจที่มีความผิดพลาดเหมือนกัน บอกข้ามาซิว่าเจ้าวิเคราะห์ได้อะไรบ้าง”
เซียวซือหวินแสดงสีหน้าเคร่งเครียดจริงจัง “นี่คือกองกำลังรบฝีมือดี คุณภาพของพวกเขาอาจไม่ถึงกับดีแต่พวกเขามีกองทหารที่มีวินัยเคร่งครัดปฏิบัติตามคำสั่งได้ดีเยี่ยมจึงทำให้แข็งแกร่งเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ข้าได้เห็น ทวนหนักตะลุยศึกน่ากลัวและกองทหารทั่วไปอย่างเราไม่สามารถป้องกันต่อต้านการโจมตีนั้นได้ แต่เนื่องจากความแข็งแกร่งของทหารพวกเขาอ่อน เราควรจะเลือกชัยภูมิที่ซับซ้อนและภูมิประเทศที่ยากลำบากสู้กับพวกเขา อย่างเช่นตามตรอกซอยของเมือง นี่จะทำให้เราเพิ่มความได้เปรียบพวกเขา อาวุธยุทโธปกรณ์ของพวกเขายังเป็นรองเมื่อเทียบกับเราทำให้โอกาสอยู่รอดในการรบของพวกเขาต่ำ โดยรวมก็คือกองกำลังนี้มีกลยุทธรบที่รุนแรงมาก พลังโจมตีของพวกเขาน่ากลัว แต่โอกาสอยู่รอดในการรบได้นานนั้นอยู่ในระดับต่ำ”
“วิเคราะห์ได้ละเอียดดีมาก” ทาร์ตันพยักหน้า “จะเป็นยังไงถ้าพวกเขาได้ใช้ยุทโธปกรณ์ของเรา?”
“โอกาสอยู่รอดของพวกเขาก็จะเพิ่มขึ้นอีกมาก” เซียวซือหวินตอบโดยไม่ลังเล
“จะเป็นยังไงถ้าพวกเขาใช้อาวุธสมบัติ?” ทาร์ตันถามตามตรง
เซียวซือหวินประหลาดใจ “ท่านกำลังบอกข้าว่าพวกเขาอาจมีอสูรพลังงานกับตัวพวกเขาหรือ?”
ทาร์ตันตอบ “เราจะเป็นฝ่ายจัดหาอสูรพลังงาน”
เซียวซือหวินตะลึง เขาฝืนยิ้ม “อย่างนั้นกองกำลังนี้จะน่ากลัวและน่าหวาดหวั่นมาก”
ทาร์ตันยังคงเงียบอยู่ชั่วขณะก่อนตอบ “เพื่อนบ้านเราแข็งมากกว่าที่เราคาด ความสำเร็จของพวกเขาอาจกลายเป็นข่าวดีหรือร้ายกับเราก็ได้ เวลาจะเป็นตัวบอก”
เซียวซือหวินอุทาน “โชคดีที่ทหารของพวกเขาแต่ละคนไม่แข็งแกร่งและกลุ่มดาวหมาป่าก็อ่อนแอ”
“ใช่” ทาร์ตันตอบ
ภายในค่ายถังอี้ได้ยินหน่วยสอดแนมของเขารายงาน “พวกเขาจากไปแล้ว”
ถังอี้โบกมือ “เตรียมทำศึก”
เขาหมุนตัวและรี่เดินเข้าไปในกลางฝุ่นของค่าย เขาเดินผ่านสนามฝึกพล พื้นที่นี้ใกล้กับทางเข้าทางน้ำจี้ชิวโครงสร้างขนาดใหญ่ในรูปบรอนซ์ถูกก่อสร้างขึ้น
ถังอี้มองหาวิศวกรผู้รับผิดชอบโครงการ “อีกนานเท่าใดกว่าท่านจะสร้างเสร็จ?”
“ขอรับ, ข้าต้องการเวลาอย่างน้อยสามวัน” เขาคือวิศวกรท้องถิ่นของกลุ่มดาวหมาป่า เขาไม่ใช่วิศวกรที่มีทักษะที่แข็งแกร่ง แต่เขามีฝีมือพอจะดำเนินโครงการก่อสร้างให้สำเร็จได้ โครงสร้างของสถาบันนักสู้หมาป่าฟ้าก็อยู่ภายใต้ความควบคุมของเขา
เมื่อถังอี้ได้ยินเรื่องราวสถาบันนักสู้หมาป่าฟ้าเขาวิ่งไปหาปิงโดยไม่ลังเล เขาขอให้สร้างสิ่งก่อสร้างที่มีขนาดเล็กกว่าหอพลังงาน ปัญหาใหญ่ที่สุดที่กองทัพหมาป่าเผชิญในตอนนี้ก็คือนักสู้แต่ละคนขาดแคลนพลังงาน หอพลังงานจะช่วยแก้ปัญหานี้
ปิงไม่สามารถพูดอะไรได้กับคำขอนี้ แต่เขาบอกถังอี้ว่ามันมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เขาต้องไปขอถังเทียนด้วยตนเอง
ถังอี้เห็นด้วย
องค์ประกอบและค่าใช้จ่ายสำหรับหอพลังงานที่เล็กกว่านับว่ายังน้อยเมื่อเทียบกับสิ่งก่อสร้างอื่นในเมืองสามวิญญาณ เมืองที่กลายเป็นมหานครสำหรับนักสู้สายจักรกลดึงดูดนักสู้มาจากทั่วจักรวาล เซรีนฝันมานานแล้วว่านางอยากมีกองกำลังของนางเองเหมือนกับผู้เฒ่าเฟ่ย โดยไม่ต้องปรึกษาใคร นางรับสมัครพนักงานและสร้างกลุ่มวิศวกรจักรกลกลุ่มใหญ่ขึ้น
ตั้งแต่กองทหารจักรกลของเมืองหย่งอันถูกจัดตั้งขึ้นอาวุธจักรกลวิญญาณมีชื่อเสียงขจรขจายไปทั่วจักรวาล ผู้คนรู้ว่าอาวุธอสูรจักรกลได้รับการสนับสนุนอย่างดีจากตระกูลม่อ ถ้าพวกเขาต้องการอาวุธที่แข็งแกร่ง พวกเขาต้องมายังเมืองสามวิญญาณ
เมืองสามวิญญาณกลายเป็นพื้นที่รุ่งเรืองเพราะเหตุนั้น อาคารบรอนซ์กลายเป็นสถานที่สำคัญของเมือง พร้อมกับเพิ่มจำนวนทหารที่ได้รับสมัครเพิ่มเข้ามา สิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่เริ่มแออัด ดังนั้นปิงกับเซรีนได้ปรึกษาหารือว่าจะมีการสร้างใหม่
ตลอดเวลาที่ผ่านมาปิงวางแผนที่จะซื้อเมืองสามวิญญาณ ถ้าไม่ใช่เพราะความเป็นไปได้ที่อาจเกิดการเผชิญหน้ารุนแรง ตระกูลหลินซึ่งเป็นตระกูลใหญ่ที่สุดในเมืองก็ย้ายไปแล้ว ตอนนี้ในเมืองไม่มีตระกูลต่างๆ อีกแล้วไม่มีใครกล้าเผชิญหน้าคัดค้านโครงการสิ่งก่อสร้างบรอนซ์อีกต่อไป
สิ่งก่อสร้างบรอนซ์ใหม่กินพื้นที่เมืองสามวิญญาณถึงสามในสี่ ทางเข้าสู่หอจิตวิญญาณยุทธและคลังแสงทหารล้วนถูกผนวกรวมไว้ภายใน
อำนาจการเงินของเมืองสามวิญญาณสร้างความตื่นตะลึงให้บุคคลภายนอกมากมาย
แต่ความเจริญรุ่งเรืองไม่เพียงแต่ดึงดูดวิศวกรจักรกลหรือนักสู้จักรกลมายังเมืองสามวิญญาณเท่านั้น
ในสายตาของคนจำนวนมากมันคือเป้าหมายของการรุกราน
อันตรายกำลังคืบคลานเข้ามาใกล้