ตอนที่แล้วตอนที่ 381 ถูจื่อซานประมุขตำหนักเจ็ด วิญญาณมืด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 383 ทะเลกระจกคราม

ตอนที่ 382 การ์ดวิชาพิเศษ


สถาบันยุทธอมตะ

เฉินจื่อหลินจ้องมองที่บอร์ดวิทยายุทธพิเศษซึ่งดูเหมือนลี้ลับ  ภายในช่วงเวลาสั้นๆไม่กี่เดือนมีสุดยอดวิชาโดดเด่นถูกค้นพบถึง 73 วิชา  เขาเฝ้ามองดูบอร์ดวิทยายุทธพิเศษนี้มานานหลายปี  แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นประจักษ์เหตุนี้เอง

โลกปั่นป่วนหรือเปล่า?

เขาพึมพำในใจจากบันทึกและเรื่องเล่าในประวัติศาสตร์ของสถาบันวิทยายุทธอมตะทุกครั้งที่โลกเผชิญกับความปั่นป่วน บอร์ดวิทยายุทธพิเศษนี้จะเปล่งแสงหรือจำนวนของสุดยอดวิทยายุทธโดดเด่นจะปรากฏออกมามาก  นั่นเป็นกฎเหล็กของบอร์ดวิทยายุทธโดดเด่น

มีสุดยอดวิชาโดดเด่นถูกค้นพบ  3 วิชาถูกประเมินว่าเป็นวิชาสามดาว  วิชาระดับสองดาวมี 15 วิชา และวิชาหนึ่งดาวมี55 วิชา

เฉินจื่อหลิงคุ้นเคยกับตัวเลขที่รวบรวมไว้มาก  นั่นถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา

แต่ภายในจำนวนนี้ วิชาหนึ่งที่ดึงดูดความสนใจของเขาไม่ใช่สุดยอดวิชาโดดเด่นระดับสามดาว แต่เป็นสองสุดยอดวิชาโดดเด่นซึ่งมีระดับสองดาวนั่นก็คือ กระบี่วงล้อกระเรียนและวิชาหอกจุดมังกร

เฉินจื่อหลินเชี่ยวชาญข้อมูลสุดยอดวิชาโดดเด่นอย่างลึกซึ้ง  ในสายตาของเขาเบื้องหลังชื่อของสุดยอดวิชาโดดเด่นเหล่านี้ทั้งหมดก็คือยุครุ่งเรืองของเหล่านักสู้ในรุ่นนั้นๆ

กระบี่วงล้อกระเรียน วิชาระดับสองดาวอันดับที่ 17226

หอกจุดมังกร  วิชาระดับสองดาว อันดับที่ 16894

ไม่ว่าท่านจะมองดูยังไงข้อมูลจากสุดยอดวิชาโดดเด่นทั้งสองนี้ก็ไม่อาจดึงดูดความสนใจจากใครๆ ได้  แต่สำหรับเฉินจื่อหลินเขารู้ว่าสุดยอดวิชาโดดเด่นทั้งสองนั้นไม่ธรรมดา

นอกจากสุดยอดวิชาโดดเด่นสองหมื่นแบบแล้วส่วนใหญ่จะเป็นอิสระจากกัน แต่มีสุดยอดวิชาโดดเด่นบางวิชาที่เกี่ยวพันกันอย่างใกล้ชิดอันเนื่องมาจากต้นแหล่งของพวกเขา

กระบี่วงล้อกระเรียน ต้นกำเนิดเดิมมาจากกระบี่พิบัติซึ่งเป็นสุดยอดวิชาโดดเด่นระดับสี่ดาวและเป็นวิชาที่ร้ายกาจรุนแรงมาก

ขณะที่หอกจุดมังกรมีต้นกำเนิดมาจากหอกสกัดธุลีซึ่งเป็นสุดยอดวิชาโดดเด่นระดับสี่ดาวซึ่งมีความรุนแรงพอกัน

การค้นพบสุดยอดวิชาโดดเด่นสองวิชานี้ทำให้เฉินจื่อหลินเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

เมื่อเขาเบื่อหน่าย เขาจะสร้างระบบการจัดอันดับสุดยอดวิชาโดดเด่นเท่าที่มีด้วยตัวเขาเอง  วิทยายุทธทั้งสองวิชานี้อยู่ในสิบสุดยอดวิชาที่แกร่งที่สุดในบรรดาสุดยอดวิชาโดดเด่นระดับสี่ดาว

เฉินจื่อหลินรู้สึกว่ารู้สึกว่าวิชาอื่นๆยังถือว่าธรรมดามากเมื่อเทียบกับสองวิชานี้ บางทีท่าเท้าลมพรางอาจเป็นคู่แข่งของวิชาระดับสี่ดาวทั้งสองวิชา

เฉินจื่อหลินยังคงใช้เวลาค้นคว้าเคล็ดความแตกต่างระหว่างสุดยอดวิชาโดดเด่นและที่ไม่ใช่วิชาโดดเด่น  และท่าเท้าลมพรางเป็นหนึ่งในนั้น

ความจริงวิทยายุทธใหม่ที่เพิ่งเข้าระบบจัดอันดับตรวจพบได้ยากกว่าแม้จะผ่านมาเป็นศตวรรษ

ส่วนใหญ่เป็นเพราะบรรพบุรุษจากในอดีตมุ่งหมายจะสร้างทักษะขณะที่นักสู้อื่นต้องการถ่ายทอดวิทยายุทธเหล่านี้ผ่านไปเป็นรุ่น

เฉินจื่อหลินยิ่งมึนหนักขึ้นเพราะจำนวนสุดยอดวิชาโดดเด่นที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆนี้  แม้แต่สถาบันวิทยายุทธอมตะก็ยังแตกตื่นตกใจเพราะการค้นพบวิชาเหล่านั้นเพิ่มขึ้น  นอกจากนี้หลายภูมิภาคเริ่มเกิดความวุ่นวาย ระบบข่าวกรองที่สถาบันยุทธอมตะสร้างขึ้นมาก็ได้รับผลกระทบไปด้วยทำให้คุณภาพของข้อมูลของพวกเขามีความคลาดเคลื่อนไปด้วย

แม้ว่าความวุ่นวายจะทำให้ข้อมูลที่รวบรวมมาเป็นงานที่ยากขึ้น  แต่ก็ยังทำให้ข่าวกรองที่รวบรวมมามีค่ามากขึ้น

สถาบันยุทธอมตะทั้งเบื้องสูงเบื้องต่ำต่างมีขวัญกำลังใจมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเฉินจื่อหลิน  เนื่องจากเขาเป็นเพียงผู้เฝ้าดูแลบอร์ดวิทยายุทธพิเศษนี่

ระหว่างเวลาอาหาร เมื่อใดก็ตามที่มีการสนทนา  หัวข้อหนึ่งจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับเขาที่เป็นคนแปลกแยกผู้เฝ้าบอร์ดกระดานวิชาโดดเด่นนี้”

แต่เขาไม่สนใจ

********************

สงครามเพิ่งเริ่ม

นครเทพสตรียังไม่กลับสู่สภาพสงบ แม้ว่าการต่อสู้จะดุเดือดแต่พลเมืองผู้อาศัยอยู่ในเมืองคุ้นเคยกับแรงระเบิดและความวุ่นวายดังกล่าว และการต่อสู้เช่นนั้นดูเหมือนไม่มีผลต่อพวกเขาเลยสักนิด

แต่ทุกคนกำลังฉลองยินดีเมื่อพวกเขาได้ยินว่าสมาพันธ์ชาวยุทธสูญเสียนักสู้ระดับทองไปสี่คน การต่อสู้ภายในวังเทพธิดามีคนเห็นเพียงไม่กี่คน  แม้แต่การต่อสู้ระหว่างอาเฮ่อ,หลิงซิ่วและลู่ไห่ก็มีประจักษ์พยานที่เห็นเพียงหยิบมือ

แต่การต่อสู้ระหว่างถังเทียนและจีเสี่ยวหย่าซึ่งเกิดในใจกลางพื้นที่ธุรกิจกลับถูกประชาชนเห็นกันทั่วทั้งเมือง

ไม่มีใครลืมเสียงถังเทียนเทียนตวาดร้องในช่วงเวลาที่ถังเทียนสู้กับจีเสี่ยวหย่า

“เข้าร่วมกับวิญญาณมืดน่ะหรือ?”  ถังเทียนส่ายศีรษะ  “ข้าไม่เอาหรอก”

ตลอดทั้งตัวของเขาพันแผลจนดูเหมือนมัมมี่คืนชีพ  เป็นหลิงซิ่วที่ช่วยพันแผลให้เขา หลิงซิ่วชำนาญมากที่สุดในเรื่องการช่วยรักษา  ถังเทียนไม่ถึงกับบาดเจ็บหนัก  และแผลของเขาไม่ลึก  มีแต่รอยบาดแผลจำนวนมากทำให้ผู้ที่เห็นตกใจ

“ข้าก็ไม่เอาเหมือนกัน” หลิงซิ่วอุทานคัดค้าน

“ดูเหมือนว่าทุกคนลงมติกันแล้ว” อาเฮ่อรู้แล้วว่านั่นคือการสนองตอบของพวกเขา  “ข้าจะไปบอกถูจื่อซาน  ว่าแต่นี่คือสินสงครามของเจ้า”

ก่อนที่อาเฮ่อจะเดินออกไป เขาชี้ไปที่ตู้อควาเรียสเงินที่ข้างตัวถังเทียน

“สินสงคราม” ถังเทียนปากอ้าตาค้างขณะที่เขาตะเกียกตะกายลงจากเตียง

ของแบบนี้หลิงซิ่วไม่แยแส เขาเดินออกมาจากห้อง “ข้าจะกลับไปฝึกต่อ อย่ารบกวนข้าโดยไม่จำเป็น”

มีเพื่อนคู่หูสองคนที่ไม่เห็นว่าเงินเป็นของสำคัญก็ไม่ถึงกับเป็นเรื่องดีเสียทีเดียว  พวกเขาไม่มีความตื่นเต้นเลยแม้แต่น้อยและไม่กระตือรือร้นเรื่องรางวัลที่เขาเก็บเกี่ยวได้มาจากการต่อสู้กับคนอื่น

ในไม่ช้า ในห้องก็เต็มไปด้วยเสียงปรบมืออย่างตื่นเต้นของเขา

“ว้าว!  นี่คือถุงมือระดับทองเชียวนะ!”

“ว้าว...นี่คือการ์ดสุดยอดวิชา”

คุณภาพของสินสงครามเกินกว่าที่ถังเทียนคาดหมายไปมาก  โดยเฉพาะอย่างยิ่งของที่ได้รับจากลู่ไห่  ลู่ไห่มีของเพียงสองรูปแบบ  หนึ่งก็คือถุงมือที่มีความหลากหลายแตกต่าง  และเขายังมีการ์ดวิญญาณหนึ่งชิ้น

สิ่งที่ดึงดูดความสนใจถังเทียนก็คือถุงมือระดับทองและการ์ดสุดยอดวิชาโดดเด่นหนึ่งใบ

ถุงมือยาวยูนิคอร์นจากกลุ่มดาวยูนิคอร์นซึ่งอยู่ในสิบตำหนักระนาบกลาง มันสร้างขึ้นจากทองทั้งหมดและดูแพรวพราวใต้แสงไฟ  ถุงมือถูกห่ออยู่ภายในเกล็ดปลาและมีเขายูนิคอร์นยื่นออกมาขณะที่มีกลิ่นอายน่ากลัวปกคลุมทั่วห้องพัก

นี่เป็นครั้งแรกที่ถังเทียนได้เห็นสมบัติชั้นทองและเขารู้สึกกลัว

ถังเทียนเช็ดน้ำลายจากใบหน้าที่ตื่นเต้นตาของเขากระจ่างอีกครั้งขณะใบหน้าของเขาสงบ

สมบัติระดับทองมีจิตวิญญาณยุทธที่ฉลาด  จะควบคุมมันได้ ผู้ใช้ต้องเรียนรู้วิธีควบคุมด้วยพลังปัจจุบันของถังเทียนยังไม่สามารถควบคุมมันได้ ถุงมือยาวแห่งกลุ่มดาวยูนิคอร์นน่าจะถูกลู่ไห่เตรียมไว้ใช้ในศึกที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

หลังจากเก็บถุงมือเข้าตู้อควาเรียสอย่างระมัดระวังแล้ว ถังเทียนหันเหความสนใจไปที่การ์ดสุดยอดวิชาโดดเด่น

มือปีศาจพันแปลงระดับสองดาวนี่คือวิชาที่พิเศษมากซึ่งผสานเคล็ดสู้ไว้มากมายมันสามารถเปลี่ยนแปลงเป็นรูปแบบต่างๆไม่ว่าจะเป็นพลังกรงเล็บหรือฝ่ามือขึ้นอยู่กับวิธีที่นักสู้ต้องการใช้ แต่มือปีศาจพันแปลงจะมุ่งเน้นที่การสับฟันซึ่งอาจใช้ในรูปแบบการโจมตีที่อ่อนหรือแข็งก็ได้ซึ่งสามารถทำได้หลากหลายรูปแบบ

อย่างไรก็ตามลู่ไห่ไม่เคยรักชอบวิชามือปีศาจพันแปลง ถังเทียนรู้ไดว่าการ์ดวิชานี้ไม่เหมาะสมกับลู่ไห่เนื่องจากเขาเป็นนักสู้ที่ถนัดใช้หมัด เหตุผลที่เขาเก็บเอาไว้เป็นเวลานานเพื่อหาโอกาสแลกเปลี่ยนซื้อขายที่เหมาะสมกับเขา

อย่างไรก็ตามสุดยอดวิชาโดดเด่นนี้เข้ากันได้กับถังเทียน  กรงเล็บเพลิงภูตพรายของเขาเป็นประเภทวิชาโจมตีสายแกร่งกร้าวไม่มีรูปแบบต่อสู้ที่หลากหลาย ถังเทียนสามารถใช้การ์ดวิญญาณเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นของวิชากรงเล็บให้มีความหลากหลายยิ่งขึ้น

ชั่วขณะหนึ่งถังเทียนสูญเสียความสนใจสมบัติอื่นที่เป็นของลู่ไห่

สมบัติของจีเสี่ยวหย่ามีความสำคัญน้อยกว่าของลู่ไห่ยกเว้นแต่ค้อนสายฟ้าซึ่งเป็นสุดยอดวิชาโดดเด่นที่ดึงดูดความสนใจของถังเทียน

ถือว่าคุ้มค่ากับความพยายามที่ถังเทียนได้ทุ่มเทจนฆ่านักสู้ระดับทองได้ถึงสองคน

ของทั้งสามอย่างนี้ทำให้ถังเทียนตื่นเต้นเนื่องจากของเหล่านี้ไม่ต้องใช้เหรียญดาวซื้อมา

มีเรื่องน่าเสียใจก็คือไม่มีใครที่สามารถสอนวิธีใช้ค้อนโจมตีให้เขาได้ ดังนั้นค้อนสายฟ้าจึงต้องเก็บเข้าหิ้งไว้ในตอนนี้ก่อน

ถังเทียนเก็บสมบัติอื่นทั้งหมด  เขานำการ์ดสุดยอดวิชาโดดเด่นเดินผ่านประตูแสง

“ฮึ.. มีอาคันตุกะมาเยี่ยม!”  ปิงอุทานเมื่อเห็นสภาพถังเทียน  หน้าไพ่ของเขาดูไร้ความรู้สึก

ถังเทียนตรองดูมันก็จริงที่เป็นเวลานานแล้วที่เขาไม่ได้กลับเข้ามา  เขาค่อนข้างละอายใจและตอบกับ “ฮ่าฮ่าฮ่าลุงปิง, ข้าจะบอกเรื่องสุดยอดอะไรให้ ข้าสามารถฆ่านักสู้ระดับทองได้แล้ว”

“นักสู้ระดับทอง?” ปิงตอบอย่างเฉื่อยชา

“ใช่แล้ว ใช่แล้ว!”  ถังเทียนมีความสุข ใบหน้าของเขาแสดงความเย่อหยิ่งภูมิใจจากการฆ่านักสู้ระดับทองได้

“งั้นที่เจ้าถูกยำจนเละอย่างนั้นก็โดยนักสู้ระดับทองคนเดียวกันใช่ไหม?”  ปิงส่งเสียงหัวเราะลั่น “ทำไมต้องตื่นเต้นกับอีแค่ฆ่านักสู้ระดับทองได้คนหนึ่งเล่า  ข้าคิดว่าเจ้าฆ่านักสู้ระดับเซียนได้ก่อนแล้วค่อยดีใจก็ได้”

แม้ว่าจะเป็นการพูดหยอกเย้ากับถังเทียน แต่ปิงสามารถรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากตัวถังเทียนและรู้สึกตกใจ

ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ถังเทียนแข็งแกร่งขึ้นมาก!

อะไรกันเจ้านี่....

ถังเทียนคุ้นเคยกับการหยอกล้อของลุงปิงแล้วจึงเฉยๆ เขาไม่ได้โกรธเรื่องนั้นขณะที่เขาหัวเราะพลางชี้แจง  “ลุง, ข้ายังได้การ์ดสุดยอดวิชาโดดเด่นมาสองใบ  มีอยู่ใบหนึ่งที่เหมาะกับข้ามากมันคือวิชามือปีศาจพันแปลง แค่ชื่อก็ฟังดูแข็งแกร่งน่าเกรงขามแล้วจริงไหม?”

“ใช่ แน่นอน” ปิงพยักหน้า “มันเหมาะกับการช่วยรื้อถอนอาคารเท่านั้น”

ถังเทียน “.....”

ค่ายทหารที่เจ็ด

ถังเทียนเดินตามหลังปิงขณะที่ตาของเขากวาดมองไปรอบๆขณะจ้องมองดูการตกแต่งภายในค่าย “หวา.. ลุง, ที่นี่เปลี่ยนไปมากเลย  ลุงทำความสะอาดช่วงที่ข้าไม่อยู่เหรอ?”

“ทำความสะอาด...”  ปิงหน้าเบ้ “เจ้าโง่! เราซ่อมแซมฟื้นฟูพื้นที่แห่งนี้, นี่คือการซ่อมแซมมันเป็นงานที่ยากและท้าทายความสามารถมากมายนัก”

“โอว,น่าประทับใจมาก”  ถังเทียนเห็นด้วย

ค่ายทหารที่เจ็ดตอนนี้ดูดีเหมือนใหม่  ครั้งล่าสุดที่เขาเห็น  ดูเหมือนกับซากปรักหักพัง  ไม่, มันหักพังจริงๆแม้ว่าภายในยังคงดูเหมือนป่าบรอนซ์ แต่อาคารทั้งหมด ภายในทำความสะอาดและปราศจากฝุ่นสนิมทองแดงที่เกาะมาเป็นพันปีก็ถูกขจัดออกไป

ค่ายทหารที่ดูขรึมทึมเหมือนกับได้รับชีวิตใหม่หลังจากการบูรณะซ่อมแซม

ใครจะนึกออกได้เล่าว่าปิงต้องทุ่มเทกำลังความพยายามไปขนาดไหนกับการตกแต่งสถานที่

“ลุงต้องหลงใหลสถานที่นี้มากแน่”  ถังเทียนอุทาน

ปิงชะงักอยู่กับที่ เหมือนกับว่าเขาไม่ได้ยินสิ่งที่ถังเทียนพูด และตอบ “เจ้าโชคดี แม้ว่าหลายๆส่วนของค่ายทหารยังซ่อมแซมไม่ได้  แต่เครื่องมืออำนวยความสะดวกในการฝึกฝนของเจ้าเสร็จสิ้นสมบูรณ์  แต่น่าเศร้าห้องฆ่าตัวตายยังคงเสียหายหนักจากการใช้งานครั้งก่อนของเจ้าถ้าไม่อย่างนั้นเจ้าอาจได้ใช้ต่ออีกครั้งหนึ่งก็ได้”

ถังเทียนสะอึกหลังจากนึกถึงครั้งก่อนที่เขาใช้ห้องฆ่าตัวตาย

ปิงสังเกตถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงของเขาได้และพยายามให้กำลังใจเขา  “เมื่อคิดดูแล้ว ห้องฆ่าตัวตายอาจจะน่ากลัวโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นจำนวนนักสู้ที่ตายไปหลังจากที่พยายามจะใช้มัน แต่ถ้าพูดถึงความเจ็บปวดที่เจ้าได้รับจากห้องฆ่าตัวตาย  ความเจ็บปวดนั้นไม่มีอะไรเลย  ขั้นตอนการฝึกฝนของเจ้าจะสอนเจ้าขณะที่ความเจ็บปวดของเจ้าขึ้นถึงจุดสูงสุดเจ้าจะไม่แยแสและไม่สนใจความตาย”

ถังเทียนสั่นอยู่ภายใน ทันในนั้นเขามีความรู้สึกแย่เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่กำลังจะมาถึง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด