ตอนที่แล้วตอนที่ 380 ข้าคือนักสู้ระดับทอง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 382 การ์ดวิชาพิเศษ

ตอนที่ 381 ถูจื่อซานประมุขตำหนักเจ็ด วิญญาณมืด


กรงเล็บเพลิงภูตพรายทะลวงเข้าอกนาง

แม้ขณะใกล้ตายจีเสี่ยวหย่าก็ยังไม่เข้าใจเลยว่าเจ้าคนบ้าเลือดท่วมหน้าและเสื้อผ้ายังสามารถยิ้มอย่างคลั่งไคล้ได้ยังไง

นางค่อยๆตัวอ่อนทรุดร่างลงขณะที่ประกายชีวิตจางหายไปจากดวงตา

ถังเทียนรวบรวมพลังทั้งหมดออกวิ่งไปหาหลิงซิ่วและอาเฮ่อ  เมื่อเขาปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาในสภาพเลือดโชกหลิงซิ่วและอาเฮ่อถึงกับตะลึง

ทั้งสามคนจ้องหน้ากัน

“ตอนนี้ข้าเป็นนักสู้ระดับทองแล้ว!” ถังเทียนตะโกนอย่างตื่นเต้นขณะที่เลือดไหลย้อยลงมาตามแก้มของเขา

“ข้าก็บอกเจ้าไว้แล้วข้าจะฆ่ามันในท่าเดียว”หลิงซิ่วตอบขณะที่เขางอตัวด้วยความเจ็บปวดจากบาดแผลที่ได้รับระหว่างต่อสู้

ตุ้บ ตุ้บ...

ทั้งสองคนค่อยๆหมดสติและล้มลงกับพื้นเพราะความอ่อนล้า

อาเฮ่อ “....”

ทันใดนั้นอาเฮ่อตื่นตัว  “นั่นใคร?”

บุรุษสองคนปรากฏตัวจากด้านหางตาของอาเฮ่อ

“เราไม่ได้มาร้าย”

บุรุษศีรษะล้านชูมือทั้งสองข้างสูง  “เรามาจากองค์การวิญญาณมืด  ข้ารู้ว่าเราเคยเข้าใจผิดกันแต่ตอนนี้เราไม่ได้อาฆาตแค้นอะไรพวกเจ้าเลย”

บุรุษร่างผอมตกใจเล็กน้อยขณะที่มองดูหลิงซิ่วกับถังเทียนที่หมดสติ

อาเฮ่อไม่ได้ผ่อนคลายความระมัดระวังแต่สีหน้าเขายังคงสงบ  “ถูกแล้ว  เราไม่ได้มีความอาฆาตแค้นใดๆ ระหว่างกัน”

บุรุษศีรษะล้านยิ้มเล็กน้อย  “ข้าขอเข้าเรื่องเลยก็แล้วกันข้าอยากเชิญพวกท่านทั้งสามเข้าร่วมกับองค์การวิญญาณมืด  ข้าชื่อถูจื่อซาน เจ้าตำหนักนิลที่เจ็ดแห่งองค์การวิญญาณมืด”

“ตำหนักนิล!” อาเฮ่อประหลาดใจเมื่อได้รู้    ตำหนักนิลก็คล้ายกับสาขาทองของสมาพันธ์ชาวยุทธที่แตกต่างกันก็คือสาขาทองมีสิบสามสาขา ขณะที่ตำหนักนิลมีเก้าแห่ง

โครงสร้างของสมาพันธ์ชาวยุทธและองค์การวิญญาณมืดจะคล้ายกัน

กลุ่มโครงสร้างที่ใหญ่ที่สุดแข็งแกร่งที่สุดก็คือคณะผู้อาวุโสซึ่งมีอำนาจมากเหนือองค์การ  สมาพันธ์ชาวยุทธมีคณะผู้อาวุโสสิบสาม  ขณะที่องค์การวิญญาณมืดมีเจ้าตำหนักนิลทั้งเจ็ดเป็นคณะบริหาร

สาขาทองเป็นส่วนหนึ่งของคณะบริหาร  ขณะที่ตำหนักนิลก็เป็นส่วนหนึ่งของคณะบริหาร  ทั้งสาขาทองและตำหนักนิลจะได้รับอำนาจเด็ดขาดและโต้ตอบกับคณะบริหารได้ทุกการตัดสินใจขึ้นอยู่กับหัวหน้าสาขากับเจ้าตำหนัก

แม้ว่าสาขาทองและตำหนักนิลจะมีอำนาจมากมาย แต่พวกเขาไม่สามารถไปดำเนินการสั่งการโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือคำสั่งจากหัวหน้าสาขาหรือเจ้าตำหนักผู้มอบหมายงาน  ผลประโยชน์และรางวัลถูกแบ่งเท่าๆ กันในกลุ่ม

ในฐานะที่อาเฮ่อเกิดอยู่ในตระกูลที่มีชื่อเสียงเขามีความรู้เรื่องนี้มากกว่าถังเทียนและหลิงซิ่วทั้งคู่  เขาคาดไม่ถึงเลยว่าบุรุษศีรษะล้านล่ำสันจะเป็นหนึ่งในเจ้าตำหนักจากองค์การวิญญาณมืด

ถูจื่อซานยิ้มเล็กน้อยและกล่าว“เป็นยังไงบ้าง? บรรยากาศในตำหนักนิลที่เจ็ดเป็นไปในทางบวกและไม่มีการเมืองแทรก ตำหนักของเรามีทักษะเฉพาะพิเศษมากกว่าร้อยและมีที่เหมาะสมให้พวกเจ้าได้ฝึกฝน  แม้ว่าจะไม่มีทักษะที่เหมาะกับพวกเจ้า  พวกเจ้าก็สามารถย้ายไปฝึกตำหนักนิลอื่นแทนก็ได้ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้เลย”

“ข้าต้องขอโทษจริงๆข้าไม่สามารถตัดสินใจได้” อาเฮ่อพูดอย่างสุภาพ

ถูจื่อซานชะงักไปชั่วขณะ  เขาตบศีรษะล้านเลี่ยนของตนเองและตอบ  “โอวใช่แล้ว ข้าเข้าใจแล้วว่าเจ้ามาจากไหน”

บุรุษผอมมีสีหน้าว่างเปล่า  แต่ก็ประหลาดใจจากปฏิกิริยาของเขา ยากนักที่เจ้าตำหนักจะยอมยกย่องผู้ใดผู้หนึ่ง  สามคนนี้มีดีแน่นอน แต่เพราะเจ้าตำหนักถึงกับทึ่งและให้เกียรติพวกเขาเป็นภาพที่เห็นได้ยากจริงๆ

อาเฮ่อหันเหความสนใจไปที่ทางประตูซึ่งมีร่างบุรุษปรากฏในสายตาของเขา

คนนำเป็นเด็กหนุ่มผมทองสลวยเป็นประกายพวกบุรุษดูเหมือนจะผ่านการต่อสู้มาอย่างหนัก มีรอยแผลตามตัวและใบหน้าแอนเดรียนารวมอยู่ในคนกลุ่มนี้ด้วย

บุรุษผมแดงเฉียนซินโพล่งออกมา“เราเดินทางมาเสียเวลาเปล่า เจ้าตำหนักถูก็อยู่ที่นี่ด้ว้ย”

บุรุษร่างผอมมีสีหน้าเย็นชา  สัญชาตญาณฆ่าในตัวของเขาเพิ่มขึ้น  เฉียนซินเป็นสมาชิกของตำหนักนิลที่ห้าเป็นแค่สมาชิกคนหนึ่ง กล้าวางตัวพูดน้ำเสียงแบบนั้นกับเจ้าตำหนักได้ยังไง

เฉียนซินผงะและรีบโบกมือ“เฮ้ เฮ้ เฮ้ เจ้าตำหนักที่ห้าและที่เจ็ดเป็นพันธมิตรที่ยิ่งใหญ่ต่อกัน จริงไหม?”

ถูจื่อซานส่งสัญญาณให้บุรุษผอมใจเย็น  นิสัยของเฉียนซินก็เป็นแบบนั้นไม่สมควรจะทะเลาะกันในเรื่องเล็กน้อย เขาหันไปทางแอนเดรียนาและทักทายนาง “ถูจื่อซานขอคารวะท่านเจ้ากลุ่มดาว”

แอนเดรียนารู้สึกทึ่งกับการปรากฏตัวของถูจื่อซานเจ้าตำหนักแห่งองค์การวิญญาณมืดจะคุ้นเคยกับระดับแม่ทัพในกลุ่มดาวราชสีห์แอนเดรียนารู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้พบกับเจ้าตำหนัก “ข้ารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้พบกับท่านเจ้าตำหนัก”

ถูจื่อซานยิ้ม  “ฝ่าบาทเลือกใช้กลยุทธที่ดี  สมาพันธ์ชาวยุทธต้องพบกับความสูญเสียใหญ่ในครั้งนี้  การสูญเสียนักสู้ระดับทองถึงห้าคนจะสร้างความเจ็บปวดให้พวกเขา”

แอนเดรียนาตอบ  “ไม่ได้ความช่วยเหลือจากท่านเจ้าตำหนัก  ข้าไม่คิดว่าจะมีผลที่น่ายินดีออกมาอย่างนั้น”

เมื่อเขาเข้ามาข้างในเขาเห็นลู่ไห่นอนหมดความรู้สึกอยู่บนพื้น

ถูจื่อซานหัวเราะลั่น  “ฝ่าบาทเดาผิดเสียแล้ว  ข้าไม่ได้เป็นคนทำเรื่องนี้”

ทุกคนตกตะลึง

ถูจื่อซานดีใจและประหลาดใจที่เห็นพวกเขาทำหน้าประหลาดใจ  เขามองดูลู่ไห่และชี้มาที่เขา“เมื่อข้ามาถึงที่นี่ เขาก็ตายแล้ว จีเสี่ยวหย่าถูกถังเทียนฆ่าแน่นอน แต่เขาวิ่งออกมาจากสนามต่อสู้หลังจากฆ่านางได้แล้วโดยไม่ได้เอารางวัลจากศัตรูไปด้วย ดังนั้นข้าเลยช่วยเขาเก็บรางวัลมาให้อาเฮ่อน้องของเขา”

เขาโยนตู้อควาเรียสเงินให้อาเฮ่อ

ตู้อควาเรียสเงินถูกผนึกไว้  ถูจื่อซานไม่ได้เปิดดูสิ่งของที่บรรจุอยู่ข้างใน

อาเฮ่อรู้สึกเกรงขามและนับถือเจ้าตำหนักเพิ่มขึ้น  เขาแสดงความขอบคุณ  “ในนามตัวแทนของถังเทียนข้าอยากจะขอบคุณท่านเจ้าตำหนักถู”

“ไม่มีอะไรมาก”ถูจื่อซานตอบอย่างไม่แยแส

พวกคนที่เหลือไม่เข้าใจสถานการณ์  นอกจากนี้พวกเขายังกริ่งเกรงอาเฮ่อ,ถังเทียนและหลิงซิ่วเพราะความสำเร็จเช่นนั้น เฉียนซินที่ปกติไม่ค่อยไยดีก็ยังตะลึงหลังจากได้ฟังคำอธิบายสิ่งที่ถูจื่อซานได้พบเห็นมา

แต่เป็นไปได้อย่างไรที่นักสู้ระดับทองจะพ่ายแพ้ได้ง่ายดายขนาดนั้น?

นักสู้ระดับทองไม่อ่อนแอขนาดนั้น

เมื่อพูดถึงด้านสติปัญญาของพวกเขาต่อให้คนในกลุ่มของถังเทียนร่วมกัน ก็ยังเป็นไปไม่ได้ที่จะฆ่านักสู้ระดับทอง  เย่เฉาเกออาจจะมีชื่อเสียงแต่เขาก็ยังเยาว์วัยและมีศักยภาพลึกซึ้ง แต่ความแข็งแกร่งของเขายังไม่อาจเทียบได้กับนักสู้ระดับทอง

แม้ว่าเย่เฉาเกอจะมีชื่อเสียงและโด่งดัง  แต่ในสายตาของเฉียนซินเขาก็เป็นแค่มือใหม่คนหนึ่ง

ไม่ว่าจะเป็นสาขาทองหรือตำหนักนิลจะมีการรักษาวินัยและความลับไว้อย่างเข้มงวด  ถ้าสมาชิกคนใดเข้ามาเป็นคนในสำนักแล้วพวกเขาจะต้องลงนามสัญญาจิตวิญญาณ ลดทอนความสัมพันธ์จากทางครอบครัว

การเข้ารับการฝึกฝนจะเข้มงวดมากกว่าการฝึกฝนทั่วไปมาก

อังเดรเฉียนซินและนักฆ่าค้างคาวต้องร่วมมือกันจึงจะฆ่านักสู้ระดับทองสองคนได้  เพราะถังเทียนและสหายอีกสองคนก็สามารถฆ่านักสู้ระดับทองได้ถึงสองคนก็หมายความว่าทั้งสองกลุ่มมีพลังและความสามารถแทบจะทัดเทียมกัน

นี่เป็นไปไม่ได้!

ไม่ว่าถังเทียนและคนของเขาจะฝึกฝนได้ก้าวหน้ามากแค่ไหน  แต่ก็ยังเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะฆ่านักสู้ระดับทองได้ถึงสองคนและที่เหลือเชื่อยิ่งกว่าก็คือถังเทียนยังสามารถฆ่านักสู้ระดับทองด้วยตัวเองได้น่าขันจริงๆ

แต่เมื่อคนบรรยายเหตุการณ์คือถูจื่อซานเองจึงไม่มีผู้ใดกล้าสงสัยในเรื่องที่เขาพูด

เจ้าตำหนักไม่เคยพูดโกหกสักคำและจะไม่มีทางพูดโกหกด้วย

“นี่...นี่น่าตกใจเหมือนกัน” อังเดรพยายามทำความเข้าใจเรื่องทั้งหมด

แอนเดรียนาแอบดีใจ  พลังของอังเดรนั้นแข็งแกร่งมากจนทำให้แอนเดรียนารู้สึกอึดอัด  ถ้าอังเดรต้องการอะไรบางอย่างจากชัยชนะของเขา  นางรู้ว่านางคงไม่มีทางปฏิเสธเขาได้

แต่เนื่องจากถังเทียนและสหายของเขาก็สามารถฆ่านักสู้ระดับทองได้ถึงสองคน อย่างนั้นพลังของพวกเขาก็น่าจะเทียบได้กับอังเดร

ถ้ามีผู้ซื้อเพียงรายเดียวอย่างนั้นพวกเขาก็สามารถกินทุกสิ่งทุกอย่างได้ แต่ตอนนี้มีผู้ซื้อสองราย สถานการณ์ของนางตอนนี้เปลี่ยนไปแล้ว  และนางกำลังคิด แม้ว่าเฉียนซินและเจ้าตำหนักถูจะอยู่ในองค์การวิญญาณมืดทั้งคู่ แต่พวกเขามีมุมมองที่แตกต่างกันและดูเหมือนจะมาจากกลุ่มที่แตกต่างกัน

รายละเอียดทั้งหมดนี้ทำให้แอนเดรียนาตื่นเต้น

“จริงสิ,พวกเขาบาดเจ็บไม่น้อยและหมดเรี่ยวแรงแล้ว เราควรจะปล่อยให้พวกเขาได้มีเวลาพัก” ถูจื่อซานกล่าว

อังเดรได้ยินความรู้สึกนับถือลึกๆที่เจ้าตำหนักมีต่อคนทั้งสามแฝงอยู่ในน้ำเสียงของเขา ถือว่าไม่ใช่ช่วงเวลาที่สำหรับต่อต้านถูจื่อซาน  “ข้าเองก็ยินที่ทุกท่านปลอดภัย  ส่วนที่เหลือคงไม่ต้องกังวลแล้ว”

ก่อนที่เขาจะจากไปถูจื่อซานหันมาทางอาเฮ่อ “ขอเชิญมาพักที่โรงเตี๊ยมนางฟ้าในตอนนี้เถอะ  เมื่อพวกเจ้าทุกคนปรึกษากันแล้ว  พวกเจ้าสามารถบอกถึงการตัดสินใจของพวกเจ้าได้  ต่อให้พวกเจ้าไม่เข้าร่วมก็ไม่ต้องกังวล  ถือว่าเป็นวาสนาของพวกเรา  ข้ายินดีที่ได้พบพวกเจ้าทุกคน”

อาเฮ่อไม่คาดเลยว่าองค์การวิญญาณมืดจะมีคนฉลาดและโอบอ้อมอารีย์  เขาตอบตกลง

คำพูดของถูจื่อซานยังคงดังอยู่ในหูของทุกคน  เฉียนซินยังคงสงสัย ขณะที่เฉียนซินฝืนยิ้มเนื่องจากถูจื่อซานต้องการรับคนทั้งสามเข้าร่วมคงเป็นเรื่องไม่ฉลาดหากจะต่อต้านถังเทียนและสหาย มิฉะนั้นถูจื่อซานจะกลายเป็นศัตรูและนั่นเท่ากับเป็นการฆ่าตัวตาย อังเดรสงสัยว่าถูจื่อซานกำลังเตือนพวกเขาผ่านคำพูดของเขา

เมื่อทุกคนเดินออกไป  อังเดรและเฉียนซินเดินออกมาพร้อมกัน

อังเดรถาม“เป็นไปได้หรือเปล่าที่มีการตกลงระหว่างเจ้าตำหนักถูและกลุ่มของถังเทียน?”

เฉียนซินตอบ  “ข้าไม่เคยได้ยินว่ามีการตกลงเกินเลยขนาดนั้น”

เขาเป็นคนที่ฉลาดมาก  หลังจากได้ฟังคำพูดของอังเดร  เขาตอบ “ฝ่าบาท ท่านอาจไม่รู้แต่ตำหนักนิลทั้งเก้าขององค์การวิญญาณมืดจะไม่ค่อยกลมเกลียวกันเท่าใดนัก  เรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับตำหนักที่เจ็ด  แต่ถ้าเป็นตำหนักที่สองและเกิดมีการต่อสู้ขึ้นมา เลือดคงได้ไหลนองเป็นลำธารแน่”

เลือดไหลนองเป็นลำธาร...

อังเดรงุนงง เขาคาดไม่ถึงเลยว่าความสัมพันธ์ภายในองค์การวิญญาณมืดจะซับซ้อนและรุนแรงมากขนาดนั้น

เพียงชั่วเวลาต่อมาเขาก็รู้สึกตัว“ไม่น่าจะแย่ขนาดนั้น....”

เฉียนซินตอบ  “ประวัติศาสตร์ระหว่างเราและตำหนักสองย้อนหลังไปยาวนานและนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของความแค้นของพวกเรา  แต่แน่นอนว่าตำหนักนิลที่เจ็ดก็มีศัตรูด้วยซึ่งก็คือตำหนักที่สาม ตำหนักนิลที่สามมีเจ้าตำหนักถึงสองคนเสียชีวิตเพราะถูจื่อซาน และมียอดฝีมือจากตำหนักเจ็ดก็ตายในเงื้อมมือของพวกตำหนักสามเช่นกัน”

“ผู้ปกครองเบื้องสูงของพวกท่านไม่สนใจปัญหานี้หรือไง?” อังเดรประหลาดใจกับโครงสร้างที่พิกลขององค์การวิญญาณมืด

“สนใจ?”เฉียนซินยิ้มอย่างขมขื่นใจ “เบื้องบนไม่สามารถยุ่งได้ การต่อสู้อาจปะทุขึ้นและนักสู้หลายคนอาจตาย และยังมีอยู่ทั่วไปอีกด้วย  ไม่แต่เพียงเราเท่านั้น แม้แต่สมาพันธ์ชาวยุทธก็เป็นแบบนี้สาขาทองทั้งสิบสามก็เข่นฆ่ากันเองยิ่งกว่าสิบสองตำหนักในระนาบเสียอีก  เราแตกต่างจากพวกท่าน”

อังเดรเข้าใจสภาพการณ์เช่นนั้น  เมื่อเฉียนซินพูดว่า “พวกท่าน”นั่นหมายรวมเอากลุ่มดาว

แตกต่างกัน..

แต่ว่า..แตกต่างกันตรงไหน?

ดูเหมือนอังเดรจับเค้าความรุนแรงได้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด