ตอนที่แล้วตอนที่ 378 - จะฆ่าเจ้าให้ได้!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 380 - สมบัติล้ำค่า เพชรสายฟ้า

ตอนที่ 379 - รับผลตอบแทน พบคนคุ้นเคย


เย่ว์หยางกลับไปยังคฤหาสน์ของแอนตัน ข้างหลังเขา มีเด็กสาวที่ถือมีดยังคงไล่ตามเขา เพื่อที่ว่าจะแก้แค้นให้ได้ แม้นางจะถูกพิชิตล้มหลังครั้งหลายครา

นางไม่เข้าใจ เห็นได้ชัดว่านางแข็งแรงกว่าเจ้าเด็กบัดซบนั่น แต่ทำไมนางถึงสู้ไม่ได้?

นอกจากนี้ ดูเหมือนเขาไม่ได้ใช้กำลังเต็มที่ด้วยซ้ำ

“ข้าจะฆ่าเจ้าให้ได้ เจ้าคนลามก เพื่อความปลอดภัยต่อสาวคนอื่นๆ” เด็กสาวมือมีดสาบานว่าจะฆ่าบุรุษผู้นี้ให้ได้เพื่อป้องกันไม่ให้เขาทำร้ายสตรีทั่วโลก แต่นางคงไม่มีทางปฏิเสธได้ว่าเหตุผลส่วนหนึ่งเป็นเพราะเขาวิจารณ์ว่านางหน้าอกแบน

“ท่านไตตันน้อย, ข้าหวังว่าคนงานจะมิต้องทนหิวโหย” เซี่ยผู่ผู้พี่ยังติดตามเย่ว์หยาง ขณะที่พวกเขายกข้อตกลงขึ้นมาพูดอีกและเลิกหวังว่าจะได้รับส่วนแบ่งใดๆไปแล้ว

“นั่นขึ้นอยู่กับอารมณ์ของข้า…” เย่ว์หยางตอบอย่างเย่อหยิ่ง

“เราจะทำงานให้หนัก และหนักขึ้นกว่าเมื่อก่อน ตราบใดที่ทุกคนมีอาหารเติมเต็มท้องและสามารถรักษาตัวได้เมื่อเจ็บไข้ได้ป่วย เราก็จะขุดเหมืองได้เร็วกว่าเดิมเป็นพันเท่า เรารับรองว่าเราจะทำได้เร็วกว่าแต่ก่อนมากมาย” เซี่ยผู่รู้สึกว่าถือเป็นเรื่องดีที่กลุ่มที่ไม่ยอมทำงานได้จากไปแล้ว แม้ว่าจะมีคนงานเหลือเพียงพันคนก็ตาม ถ้าพวกเขารับฟังคำสั่งก็นับว่าน่าพอใจแล้ว

“อย่างนั้น ให้นางเป็นสาวใช้ของข้า ข้าจะใช้งานนางจนกว่านางจะทุกข์ทนจนคลั่งไปเลย” เย่ว์หยางต้องการแสดงให้พวกเขาเห็นว่า ตัวเขามีนิสัยที่น่าดูถูก

“ฝันไปเถอะ!” หญิงสาวมือมีดฉุนเฉียวเมื่อได้ยินเช่นนั้น แต่นางมิได้ไล่แทงเย่ว์หยางเหมือนเมื่อก่อน

หลังจากไล่แทงไล่ทำร้ายล้มเหลวก่อนนั้นครั้งแล้วครั้งเล่า นางจึงได้ข้อสรุปว่านางมิใช่คู่มือของเย่ว์หยาง

เขาอาจจะไม่ได้มีพลังมากมาย แต่เขาคงมีสมบัติวิเศษอยู่กับตัวแน่

และด้วยความช่วยเหลือของสมบัติวิเศษอย่างใดอย่างหนึ่ง เขาจึงเอาชนะนางได้ง่ายดาย แม้ว่านางจะเป็นคนใจร้อน แต่นางก็มิได้จงใจทำร้าย ในเมื่อนางรู้แล้วว่าผลจะออกมาเป็นเช่นไร

สองพี่น้องฝาแฝดเซี่ยผู่ได้แต่มองหน้ากันและฝืนยิ้ม แน่นอนว่า พวกเขารู้ว่าไตตันผู้นี้มิใช่ผู้ขาดแคลนสตรี เขาแค่หยอกล้อนางแก้เบื่อ ถ้าเขาเป็นเสือผู้หญิงจริงๆ เขาคงไม่ทำเช่นนี้ น่าเสียดายที่น้องสาวพวกเขาไม่ทันฉุกคิด ไม่ตระหนักว่าเขาแค่ล้อนางเล่นสนุกๆ ดังนั้นนางจึงยืนกรานไม่ตกลงไปในลูกไม้ของเขา

แต่ถ้านางเอาแต่นั่งนิ่งขณะที่โดนฉวยโอกาส นางก็คงมิใช่น้องสาวของพวกเขาแล้ว

แต่นี่คือลักษณะนิสัยจริงๆ ของนาง…

โชคดีที่นางพบไตตันน้อยผู้นี้ที่เอาแต่หยอกล้อนางเล่นแก้เบื่อ ถ้าเขาเป็นเสือผู้หญิงจริง นางอาจจะถูกขังในฐานะเป็นสาวใช้จริงๆ ก็ได้

เหยียนเจิ้งเป็นคนจริงจังและหัวโบราณ เขาเพิ่งถูกพี่น้องเซี่ยผู่ปล่อยตัวออกมาหลังจากถูกกักขัง 2-3 วัน อย่างไรก็ตาม เขายังมีใบหน้าที่เฉยเมยไร้อารมณ์ จนกระทั่งเย่ว์หยางทะเลาะกับเด็กสาวมือมีดเสร็จ เขาจึงสาวเท้าเดินออกมา “ข้ามีข้อเสนอแนะ คนงานทุกคนที่ลงมือทำงาน จะได้รับเงินเดือนวันละหนึ่งเหรียญทอง ถ้าเขาเจ็บป่วยหยุดทำงาน ก็จะไม่ได้รับค่าแรง ถ้าคนงานพบแร่ดีราคาสูง ก็จะได้รับรางวัลพิเศษ 0.1% แต่ถ้ายักยอกเก็บไว้เองจะต้องถูกประหารสถานเดียว ถ้าคนงานอดออมเงินได้มากพอ ก็สามารถไปจากเหมืองได้ หรือจะขอสิทธิ์เป็นพลเมืองก็ได้ นอกจากนี้ คนงานจะได้รับอนุญาตให้ตั้งร้านแผงลอยนอกเหมืองเพื่อแลกเปลี่ยนซื้อขายของจำเป็นในชีวิตประจำวันได้”

เขาอ้างถึงกฎมากมายที่เป็นจะเป็นประโยชน์ต่อคนงาน แต่พวกเขาก็จะยิ่งเป็นประโยชน์ต่อเย่ว์หยางมากแน่นอน

ถ้ากฎเหล่านี้ทั้งหมดทำให้คนงานสามารถทำงานได้อีกครั้ง เงินที่ใช้ไปในการนี้นับว่าเล็กน้อยเหมือนถอนเส้นขนวัวหนึ่งเส้น

และแน่นอนว่ากฎเหล่านี้ยังดีกว่ากฎที่แอนตันจอมขี้เหนียวตั้งเอาไว้มากมายนัก เย่ว์หยางเชื่อว่ากฎเหล่านี้น่าจะเพียงพอทำให้พวกเขาไม่ต้องก่อการประท้วงขึ้นอีก

“ข้าจะเพิ่มกฎอีกข้อหนึ่ง สำหรับพวกที่ไม่ยอมเข้าทำงานเป็นเวลาหนึ่งเดือน ขอให้เขาออกไปซะ ข้าจะไม่จ่ายค่าแรงให้กับคนที่เกียจคร้านและไม่ยอมทำงาน” เย่ว์หยางตกลงใจจ่ายทองเป็นการตอบแทนค่าแรง

“ขอให้มั่นใจได้, เราทุกคนจะทำงานอย่างหนักภายใต้กฎที่ท่านเหยียนเจิ้งร่างขึ้นนี้” เซี่ยผู่เชื่อว่าคนงานพอรู้ว่าพวกเขาจะได้รับทั้งค่าแรงและรางวัลตอบแทนจากเจ้านายคนใหม่ พวกเขาจะขยันทำงานอย่างหนักแน่นอน และยินดีทำงานจนตัวตายด้วยซ้ำ เมื่อตอนที่พวกเขาอยู่ภายใต้การปกครองของแอนตัน พวกเขาไม่สามารถกินอาหารได้อิ่มท้อง ขณะที่แอนตันปฏิบัติกับพวกเขาเหมือนกับทาสจริงๆ พวกเขาถูกจับโยนลงไปในเหมืองเพื่อขุดแร่ และเมื่อคนงานชุดหนึ่งตาย แอนตันก็จะส่งชุดที่สองลงมาทำงาน

“พอแค่นี้แหละ!” เย่ว์หยางพูดขณะที่เขาขอให้จั๊ดด์ช่วยไล่พี่น้องเซี่ยผู่ออกไปจากห้อง พอเห็นว่าพวกพี่ๆ ของนางจากไป เด็กสาวมือมีดกระทืบเท้าและรีบตามพวกเขาออกไป

แม้ว่านางจะช้าไปนิดและไม่ค่อยอ่อนไหวไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่านางเป็นพวกบ้าดึงดัน

นางเกรงว่าทันทีที่เย่ว์หยางปิดประตู เขาจะปล่อยสุนัขของเขาให้มาไล่นาง หรือล่ามโซ่ที่คอนาง ดังนั้นนางจึงรีบหนี และเลื่อนแผนหาโอกาสแก้แค้นออกไปก่อน

ก่อนที่นางจะออกไป นางเตะใส่เย่ว์หยางด้วยความเกลียดชัง

พอเห็นเขากำลังเพลิดเพลินยิ่งทำให้นางโกรธ คิดไม่ถึงว่านางใช้พลังเตะมากเกินไป ทำให้นางเสียหลักเกือบล้มลง เย่ว์หยางช่วยยึดเอวนางไว้เมื่อนางล้มเกือบถึงพื้นก้นจ้ำเบ้า นางอายมากรีบลุกขึ้นและวิ่งออกจากประตูไปโดยมีเสียงเย่ว์หยางหัวเราะไล่หลัง

นี่ยิ่งทำให้นางเกลียดเย่ว์หยางมากยิ่งขึ้น นางสาบานว่าในอนาคตจะล้มเขาให้ได้ เพื่อที่ว่าเขาจะได้ไม่หยิ่งเกินไป

หลังจากนางออกไป บุรุษสองคนก็เดินเข้ามา

พวกเขามาที่นี่เพื่อส่งคำเชิญ

เซวี่ยเหอกับซานเซียวร่วมกันเชิญเย่ว์หยางเข้าร่วมประมูลในเมืองเถื่อนเหนือป้อมสายฟ้า

“เจ้านายของเจ้าขอให้เจ้ามาบอกอะไรหรือเปล่า?” เย่ว์หยางถาม

“ด้วยสติปัญญาของคนเช่นท่าน ข้ามั่นใจว่าท่านไตตันคงจะเข้าใจว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้เป็นการพยายามหว่านความขัดแย้งระหว่างท่านกับนายข้า เจ้านายของข้าเซวี่ยเหอและซานเซียวปฏิบัติต่อท่านเหมือนกับอาคันตุกะที่ไม่ธรรมดา ในฐานะที่เป็นคนจริงใจและใจดี เขาปฏิบัติต่อพ่อค้าทั่วไปด้วยการให้เกียรติ ดังนั้นเขาจะส่งคนมาลอบฆ่าท่านได้ยังไง?” บุรุษตัวสูงทางซ้ายมือพูดต่อ ดูเหมือนเขาเป็นแค่คนที่ทำตามคำสั่งของเจ้านายตน

“เจ้านายท่านเป็นยังไงบ้าง? เขาพูดอะไรอีก?” เย่ว์หยางมองดูคนอ้วนข้างๆ เขา

“ท่านไตตัน, ซานเซียวนายของข้าชื่นชมท่านเสมอ เขายินดีจะเป็นพันธมิตรกับเซวี่ยเหอและท่านแบ่งปันผลประโยชน์ร่วมกัน” กลุ่มคนอ้วนยิ้มกันทั้งหมด

“ไม่ต้องพูดถึงกลุ่มพันธมิตรเริ่มแรกก่อน เราไม่ได้ตั้งใจจะอยู่ป้อมสายฟ้าแต่อยู่แล้ว เราแค่ผ่านมาและตั้งใจประกอบธุรกิจของเราเท่านั้น บางทีเมื่อเราเบื่อเข้าสักวัน เราคงจะจากไป ข้าไม่ได้สนใจเรื่องพวกท่านแม้แต่น้อย แต่ถ้าเรามีปัญหากระทบกระทั่งกัน พี่ชายข้าจะกำจัดศัตรูของเราจนหมดตระกูล” เย่ว์หยางยิ้มเล็กน้อยและโบกมือให้เหมือนชนชั้นผู้นำ บุรุษทั้งสองรับคำแนะนำและขอตัวกลับไปอย่างรวดเร็ว

หลังจากจัดการปัญหาในเหมืองแล้ว เย่ว์หยางจึงได้รับเหมืองที่สามารถสร้างรายได้ให้เขา และยังกลายเป็นศัตรูกับเยาถง

ด้วยเรื่องเท่านี้ เขาจึงมีข้ออ้างล้างแค้น

ฆ่าอสูรและชิงสมบัติของพวกเขา

เย่ว์หยางมีเป้าหมายชัดเจนในใจเมื่อเขามาที่ป้อมสายฟ้า ยิ่งกว่านั้น, หลังจากที่เขาฆ่าอสูรเสร็จแล้ว จากนั้นเขาจะได้ใช้พวกมันแลกสมบัติจากสมาคมนักรบ ทหารรับจ้าง ที่นี่มีวายร้ายที่ขึ้นบัญชีค่าหัวอยู่มาก และผลตอบแทนจากการโค่นล้มพวกมันได้ จะทำให้ได้รับทั้งรางวัลหรือสมบัติ ตัวอย่างเช่น เขาจะรับรางวัลตอบแทนอย่างงามสำหรับการจัดการเอ้อเมิ่งและเหนียนหู่ นอกจากนี้ยังมีเยาถงและกลุ่มของพวกเขา เย่ว์หยางจะได้รับรางวัลจากการจัดการคนพวกนี้ในคราวเดียวกัน

เย่ว์หยางไม่ใส่ใจเกี่ยวกับกิจการที่เกิดขึ้นในเวทีต่อสู้ ขณะที่เขาเตรียมจะขายมันออกไป ผ่านตรงนี้ไปได้ ก็จะระงับความกังวลของบางคนที่ว่าเย่ว์หยางต้องการจะชิงป้อมสายฟ้า นอกจากนี้ขณะที่ผลกำไรจากกิจการนี้ไม่ได้มากมายนัก และอาจถูกศัตรูเล่นงานได้ง่ายๆ เย่ว์หยางไม่ต้องการมีจุดจบแบบแอนตันที่ศัตรูจับจุดอ่อนเขาได้

กิจการต่างๆ จะอยู่ภายใต้การดูแลของจั๊ดด์และเหยียนเจิ้ง

จั๊ดด์ควบคุมการเงินขณะที่เขาเก่งทางธุรกิจ และยังมีความภักดีต่อเย่ว์หยาง

เหยียนเจิ้งเป็นพ่อบ้านหัวโบราณ ถ้าไม่ใช่เพราะท่านเฉินฝากให้ทำงาน เขาคงไม่ได้ทำงานให้เย่ว์หยาง แต่ทันทีที่เขาเริ่มงาน เขาจะทำงานและจงรักภักดีต่อคนที่เป็นนาย

หลังจากออกจากป้อมสายฟ้า เย่ว์หยางกลับมาที่ลานกว้างของหอทงเทียนชั้นหก

เขาเห็นเป่าเอ๋อสาวเอลฟ์ทองยังถือโฆษณาตามหาเย่ว์หยาง แต่คำพูดนางไม่สุภาพเหมือนเมื่อก่อน

เขียนไว้ว่า : ไตตันคนโกหก ถ้าเจ้ายังไม่ตอบรับ ข้าจะโกรธเจ้าแล้วนะ!

ใบหน้าที่น่ารักของเป่าเอ๋อยามโกรธถูกวาดลงในบัตรโฆษณานั้น

ว่าถึงสาวน้อยเอลฟ์ทองผู้นี้ เย่ว์หยางรู้สึกมีความสุขเมื่อใดก็ตามที่เขาเห็นนาง การหยอกเย้านางก็ทำให้เขามีความสุขเช่นกัน

เจ้าอ้วนไห่, เย่คงและคนอื่นๆ นั่งๆ นอนๆ เหยียดตัวอยู่ใกล้ๆ อย่างเหน็ดเหนื่อย มีตัวเปรอะเลือด ดูเหมือนว่าพวกเขาจะกลับมาจากการต่อสู้ โชคดีที่ทุกคนยังอยู่รอดปลอดภัยได้ และเอลฟ์แอนนากำลังใช้ทักษะของอสูรรักษาให้พวกเขา ทอเรนฟ่านหลุนเถี่ยกำลังกินเนื้อหมูอย่างสบายใจ “เจ้าคนโกหกนั่นคงขึ้นไปที่หอทงเทียนชั้นเจ็ดไปแล้ว เราก็แค่เสียเวลารอเขาอยู่ที่นี่ นี่..เจ้าหมูอ้วน เมื่อกี๊เจ้าใช้วิชาอะไร? เฮ้, นี่ข้าพูดกับเจ้านะ ทำเมินข้าได้ยังไง?”

พอเห็นเย่ว์หยางเข้ามาใกล้ ตอนแรกเจ้าอ้วนไห่ตะลึง แต่ก็หัวเราะก๊ากในเวลาต่อมา “มันก็แค่ลูกเล่นเล็กน้อย เมื่อเทียบกับการพุ่งเข้าใส่อย่างป่าเถื่อนของเจ้า”

“วิ้วววว” เย่ว์หยางปัดบัตรโฆษณาขณะที่เขากำลังเดินเฉียดเป่าเอ๋อ แล้วผิวปากออกมา

“เจ้าเดินไม่ดูทางบ้างหรือไง?” เป่าเอ๋อเกลียดคนที่เดินเฉียดใกล้นาง

พอหยิบบัตรโฆษณาที่ตก เป่าเอ๋อตรวจสอบดู ใช้มือปัดตรงส่วนที่เย่ว์หยางชนใส่ หมายความว่านางไม่ต้องการให้คนนอกทำบัตรโฆษณาของนางเปื้อน นางจะขัดล้างบัตรโฆษณานั้น ถ้ามีน้ำให้นางล้าง

ฟ่านหลุนเถี่ยใช้ท่อนหมูในมือทุบใส่เย่ว์หยางเนื่องจากเขาผิวปากดูถูกเป่าเอ๋อ

เย่คงกลั้นหัวเราะขณะที่เขาพยายามห้ามนาง “อย่าใจร้อน, นี่อาจเป็นการเข้าใจผิด!”

ทอเรนฟ่านหลุนเถี่ยปัดเขาออกไป “เจ้าลิง, เจ้าปล่อยข้าคนเดียวเถอะ พวกเจ้าทุกคนไม่รู้หรอกว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกอันธพาลทำอย่างนี้ เขาเดินเฉียดเข้ามาใกล้เป่าเอ๋อ คอยเฉียดกระทบนางในเวลาอื่นๆ และตอนนี้เขายังทำแบบนี้อีก ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะพวกเราอยู่ที่นี่กันมาก เขาคงฉุดนางไปแล้ว ไม่ต้องกลัว เป่าเอ๋อ, ข้าจะช่วยเจ้าสั่งสอนเขา เจ้านี่อ่อนแอมาก ก็แค่มีสมบัติวิเศษมากเท่านั้นเอง ถ้าข้าจู่โจมเพียงครั้งเดียว เขาคงได้ไข่แตกตายแน่”

เย่ว์หยางตัวสั่นเมื่อได้ยินเช่นนี้

ตายเพราะไข่แตก… ช่างเป็นความตายที่น่าประทับใจเสียจริง

เขาแกล้งทำเป็นหวาดกลัวและวิ่งจี๋ตรงไปที่สมาคมนักรบ

พอเห็นเขารีบหลบหนีไป ฟ่านหลุนเถี่ยยังคงควงหมัดใส่เขาอย่างฉุนเฉียว คิดว่าถ้าไม่ใช่เพราะนางเหน็ดเหนื่อยจากการผจญภัย นางคงต้องฉีกเจ้าอันธพาลนี่ให้เป็นชิ้นแน่

เจ้าอ้วนไห่, เย่คงและพี่น้องตระกูลหลี่หัวเราะกันลั่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าอ้วนไห่ถึงกับเกลือกกลิ้งกับพื้นหัวเราะพลาง ขณะที่เสวี่ยทันหลาง, องค์ชายเทียนหลัว, ทอเรนเลโอหัวหน้ากลุ่มและลีนเพิ่งเข้ามาสมทบกลุ่มจากจุดอื่น พอเห็นทุกคนกำลังหัวเราะ พวกเขาถามด้วยความอยากรู้ ทำไมเจ้าอ้วนไห่และพวกที่เหลือถึงได้หัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังอย่างนี้ ในเมื่อเลโอและลีนรู้สึกว่าไม่มีอะไรน่าขันเลย?

แม้แต่เสวี่ยทันหลางที่ใบหน้าเหมือนกับแช่น้ำแข็งมาพันปีก็ยังพลอยยิ้มไปด้วย ทำให้ลีนถึงกับอุทานอย่างอัศจรรย์ใจ

“มันน่าขันนักหรือ?” สี่สาวเผ่าคิวบัวร์ปกติก็ชอบหัวเราะอยู่แล้วต่างมองหน้ากันเองไม่สามารถเข้าใจได้

“ใช่ ข้าขำจนจะตายอยู่แล้ว” เจ้าอ้วนไห่หัวเราะต่อและยังไม่อาจลุกจากพื้นได้

“…..” แอนนาขมวดคิ้ว ขณะที่ดูเหมือนนางจะเข้าใจบางอย่าง

ในสมาคมนักรบ ขณะที่โอวเกินไม่อยู่ที่นั่น บุรุษคนหนึ่งที่หยิ่งและเจ้าเล่ห์ ออกมารับหน้าเย่ว์หยางที่อ้างว่าเขาเป็นนักผจญภัยที่เพิ่งทำภารกิจล่าค่าหัวสำเร็จ

เขารู้สึกว่าเรื่องเหล่านั้นก็แค่เป็นภารกิจเล็กน้อย มิฉะนั้นเย่ว์หยางคงไม่มาที่ชั้น 2 ของสมาคมนักรบเพื่อรับรางวัล เพราะนี่เป็นสถานที่สำหรับนักสู้ตัวจริง สำหรับนักสู้ระดับ 6 อย่างเย่ว์หยางควรจะไปที่ชั้นแรกเพื่อคอยชื่นชมคนที่สามารถขึ้นมาถึงชั้นสองได้ แต่แน่นอนว่าเขายังคงสุภาพพอ ไม่แสดงความคิดเห็นของเขาเอง เขาถามตามปกติ “ท่านทำภารกิจชนิดไหนสำเร็จ?”

คำพูดของเย่ว์หยางแทบทำให้เขาล้มทั้งยืนจากอาการตกตะลึง

“ข้าทำภารกิจได้สำเร็จนิดหน่อย แต่ข้าอยากรับรางวัลสำหรับค่าหัวของเอ้อเมิ่งและเหนียนหู่ก่อน ถ้าท่านไม่ว่ากระไร ข้าขอแลกรางวัลของข้าทั้งหมดเป็นผลปัญญา” เย่ว์หยางพูดพลางหยิบศีรษะของเอ้อเมิ่งและเหนียนหู่ออกมาจากแหวนลิชและวางไว้ข้างหน้าบุรุษผู้นั้น ทำให้เขาหน้าซีดเหมือนเป็นผีเสียเอง

“เอ้อเมิ่งกับเหนียนหู่… เจ้า.ฆะ ฆ่านักสู้ปราณก่อกำเนิด สะ..สองคนเรอะ?” คนผู้นั้นตกใจจนพูดติดอ่าง

“เงียบหน่อย, ถ้าข้าต้องการป่าวประกาศ ข้าจะจ้างให้คนอื่นทำเอง ข้าไม่ต้องการให้ท่านพูดดังเกินไป เอารางวัลที่ข้าควรได้มา นั่นเป็นงานง่ายๆ ของท่านแล้ว” เย่ว์หยางพูดอย่างใจเย็น เหมือนกับว่าเขาเพิ่งฆ่าไก่มาสองตัว ไม่ใช่นักสู้ปราณก่อกำเนิด

“นะ.นี่..สะ..สำหรับท่าน” เขาประทับตรารับรองรางวัลบนเหรียญตราของเย่ว์หยาง ขณะเปิดประตูลับและเอาพัสดุที่มีผลปัญญาออกมา

เขาส่งให้เย่ว์หยางด้วยมือที่สั่นเทิ้ม

เย่ว์หยางเก็บผลปัญญาไว้ในแหวนลิชโดยมิต้องนับจำนวน จากนั้นหมุนตัวเดินจากมา

“ท่านนักสู้ปราณก่อกำเนิดที่นับถือ.. ท่าน.. ข้าหมายถึง ท่านอภัยให้ข้าที่เสียมารยาทก่อนนั้น และช่วยลงชื่อด้วยได้ไหม? บุรุษผู้นั้นขอร้องอย่างอ่อนน้อม

“ข้าจะไม่ถือสาท่าน แต่เรื่องให้ข้าลงชื่อ เอาไว้ครั้งต่อไปดีกว่า” เยว์หยางพูดขณะที่เขาโบกมือ

บุรุษผู้นั้นคำนับอย่างตื่นเต้นด้วยความเคารพเต็มที่ เขายังคำนับไล่หลังเย่ว์หยางด้วย

หลังจากเย่ว์หยางเดินห่างออกไปแล้ว คนอื่นๆ ที่ตกตะลึงตื่นเต้นเช่นกัน เริ่มล้อมวงเข้ามา ขณะที่พวกเขาสังเกตดูศีรษะทั้งสองบนโต๊ะจ่ายรางวัลด้วยสายตาสั่นไหว

จนถึงตอนนี้ พวกเขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเป็นความจริง

ฆาตกรต่อเนื่องทั้งสองคน เอ้อเมิ่งและเหนียนหู่ ที่เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด ถูกฆ่าจริงๆ

เย่ว์หยางผู้หยิ่งผยองพบกับเจ้าอ้วนไห่และคนอื่นๆ เมื่อเขาก้าวเท้าออกมาจากประตู ขณะที่เขาหลบไม่เร็วพอ จึงถูกทอเรนฟ่านหลุนเถี่ยจับตัวได้

“ตอนนี้ ข้าจะดูว่าเจ้าจะวิ่งหนีไปไหนได้อีก เจ้าอันธพาลน้อย!” ทอเรนฟ่านหลุนเถี่ยคว้าคอเสื้อเย่ว์หยางและนางเตรียมใช้กรงเล็บที่น่ากลัวบีบอัณฑะเย่ว์หยางซึ่งจะทำให้เขากลายเป็นหมัน เป็นเรื่องที่น่ากลัวเกินไป เจ้าอ้วนไห่และคนอื่นๆ รีบเข้ามาห้ามนาง แม้แต่เสวี่ยทันหลางก็เข้ามาช่วยด้วย เนื่องจากเป็นเรื่องส่งผลกระทบต่อความสุขของพี่เขยเขา เขาจึงต้องห้าม

“พวกเจ้าทุกคนรู้จักเจ้าอันธพาลนี่ใช่ไหม?” แม้แต่ฟ่านหลุนเถี่ยที่ความรู้สึกช้าก็ยังรู้สึกว่าสถานการณ์ดูไม่ถูกต้อง

“หลังจากได้ยินเจ้าแล้ว เขาเป็นคนคุ้นเคยแน่นอน” เจ้าอ้วนไห่พูดขณะเดินวนรอบเย่ว์หยาง

“ฮืม..” พอได้ยินเช่นนี้ ทอเรนฟ่านหลุนเถี่ย สรุปว่าพวกเขาไม่รู้จักเขา

“เจ้าคงดูน่าเกลียดมากถึงได้สวมหน้ากากงี่เง่านี่” เป่าเอ๋อรู้สึกว่าเย่ว์หยางคงหน้าเสียโฉม หรือเป็นลูกผู้ดีที่แค่จะโอ้อวดเท่านั้น

“คนผู้นี้มีพลังน้อยนิด เขารักษาของไม่ให้คนอื่นชิงหน้ากากไปจากเขาได้ยังไง? นี่เป็นสมบัติระดับทอง เป็นไปได้ว่ากฎและระเบียบในหอทงเทียนจู่ๆ คงแก้ไขให้ดีขึ้นอย่างนั้นหรือ?” สี่สาวคิวบัวร์หัวเราะลั่น

แอนนารู้สึกเบาใจ คำพูดของพวกเขาทุกคนทำให้ความสงสัยของนางกระจ่าง

ขณะที่ฟ่านหลุนเถี่ยเตรียมจะปล่อยเย่ว์หยางและไล่เขาไป แอนนาก็ยื่นมือมากันเย่ว์หยางที่แกล้งทำเป็นหวาดกลัว

“พวกเจ้าพยายามจะชิงหน้ากากข้าเหรอ? ต่อให้พวกเจ้ามีคนเยอะ แต่นี่คือทางเข้าสมาคมนักรบนะ ทหารยามทุกคนจะกรูกันออกมาหากว่าข้าร้องออกไป..” เย่ว์หยางพูดลดเสียงต่ำ

เป่าเอ๋อบ้วนน้ำลายดูถูก “ผู้ใดต้องการสมบัติเจ้า? รีบไปเลย ไป, ข้าเกลียดลูกผู้ดีอย่างเจ้าทั้งหมด พวกพยายามอวดตัว ไม่มีใครสนใจหน้ากากกระจอกของเจ้าหรอก!”

แต่แอนนายิ้มและส่งสัญญาณให้ทุกคนเงียบเสียง “อย่ากลัวไปเลย ข้าเพียงแต่อยากจะถามคำถามสักเล็กน้อย เจ้าตอบแล้วค่อยจากไปก็ได้” แอนนาพูดกับเย่ว์หยางอย่างนุ่มนวล

เย่ว์หยางต้องการปฏิเสธนางในตอนแรก แต่ฟ่านหลุนเถี่ยกางมือยักษ์ของนางไว้ เป็นทำนองว่าถ้าเขาไม่ต้องการถูกสอบปากคำ นางจะทำลายความเป็นชายของเขา

เจ้าอ้วนไห่และคนอื่นๆ รู้สึกอยากหัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง แต่ยังไม่ใช่เวลาที่พวกเขาจะหัวเราะ

ดังนั้น พวกเขาจึงได้แต่กลั้นหัวเราะและดูฉากแสดงข้างหน้าต่อไป

*************

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด