ตอนที่ 12-24 กระบี่เลือดม่วงกับแหวนมังกรขนด
พลังศักดิ์สิทธิ์สายธาตุลมในร่างของเขาซึมเข้าไปในกระบี่เลือดม่วง จู่ๆคมของกระบี่เลือดม่วงก็ครอบคลุมขอบมิติเบาบาง ขณะเดียวกันนั้น รัศมีแฝงสีเลือดจางๆ เริ่มโคจรอยู่บนกระบี่เลือดม่วงขณะที่กระบี่เลือดม่วงส่งเสียงร้องกระหึ่มไม่หยุด
“ลินลี่ย์, หยุด, หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เดเลียรีบร้องเรียก
ลินลี่ย์หยุดใช้พลังเทพทันที และหันไปมองเดเลียอย่างสับสน “เดเลีย, มีอะไรหรือ?”
หน้าของเดเลียซีดขาว นางจ้องมองกระบี่เลือดม่วงอย่างหวาดกลัว พูดอย่างประหลาดใจ “กระบี่นั่น เพิ่งจะ...”
“เกิดอะไรขึ้น? บอกข้ามาเร็วๆ” ลินลี่ย์ถาม
หน้าของเดเลียค่อยกลับคืนสู่สภาพปกติ แต่นางยังคงมีร่องรอยความกลัวอยู่ “เมื่อตอนที่กระบี่เลือดม่วงส่งเสียงร้องกระหึ่ม เพราะเหตุบางอย่างข้ารู้สึกว่าวิญญาณข้าสั่นสะท้าน และพลังในตัวของข้าเริ่มปั่นป่วนเหมือนร่างของข้าสูญเสียการควบคุมตัวเอง”
“เอ๊ะ?” ตาของลินลี่ย์เต็มไปด้วยความประหลาดใจและดีใจ
สำหรับลินลี่ย์ เสียงกระบี่ร้องนั้นเป็นเรื่องธรรมดามาก เขาไม่คาดคิดว่าคนอื่นจะได้รับผลจากเสียงนั้น
“ลินลี่ย์,เจ้าอย่าทำให้กระบี่เลือดม่วงปล่อยเสียงร้องแบบนั้นได้ไหม? ข้าทนไม่ไหว”เดเลียพูดเชิงขออภัย
แต่ลินลี่ย์รู้ว่าเป็นความผิดของเขา เขารีบกล่าว “เดเลีย, ไม่ต้องกังวล,ข้าจะไม่ให้เลือดม่วงส่งเสียงอีก” ลินลี่ย์ยังคงค่อนข้างประหลาดใจและดีใจกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น ความจริงแค่ดูที่ขอบมิติซึ่งเกิดขึ้นบนผิวกระบี่เลือดม่วง เขาก็ดีใจแล้ว
เขาไม่ได้กระตุ้นใช้งานกฎอะไร แค่พลังเทพ แต่กระบี่เลือดม่วงก็กลายเป็นกระบี่คมอย่างเหลือเชื่อ
“อาวุธเทพจำเป็นต้องได้พลังเทพสั่งการจึงจะใช้พลังระดับสูงได้จริงๆ ในอดีตข้าเพียงแต่อาศัยพลังแข็งแกร่งของวัสดุกระบี่เลือดม่วงเข้าต่อสู้เท่านั้นเอง”
ต่อมาลินลี่ย์ถ่ายพลังจิตวิญญาณเข้าไปในกระบี่เลือดม่วงเขารู้สึกถึงรัศมีที่ทรงพลังน่าสยดสยองเหลือเชื่อภายในนั้น เมื่อพลังจิตวิญญาณของเขามีปฏิสัมพันธ์กับรัศมีที่น่ากลัวนั้น ลินลี่ย์สามารถรู้สึกได้ชัดถึงฉากภาพที่บรรจุอยู่ในรัศมีที่น่ากลัวสยดสยองนั้น
ทะเลเลือดไร้ขอบเขต
ซากศพทุกเผ่าพันธุ์โครงกระดูกลอยอยู่ในท่ามกลางทะเลเลือด... ศพขนาดใหญ่โตมหึมาที่สูงหลายสิบเมตร..ซากโครงกระดูกสีขาวเปล่งแสงเขียว.. สัตว์ประหลาดที่มีเกล็ด, สัตว์ประหลาดที่มีเขาสัตว์ประหลาดสี่แขน..
ศพนับไม่ถ้วนลอยอยู่ภายในทะเลเลือด
ลินลี่ย์เริ่มรู้สึกถึงภาพทางจิตได้รำไร ภาพทางจิตนี้มีกระบี่ยาวสีม่วงดูชั่วร้ายกำลังหลั่งเลือดออกมาจากมัน แล้วะยังมีบุรุษผู้มีกลิ่นอายชั่วร้ายคนหนึ่งมีผมยาวสีม่วง ชุดยาวสีม่วง คิ้วเหมือนกระบี่นัยน์ตามีแววกระหายเลือดจ้องมองเขาอยู่
นี่ไม่มีอะไรมากไปกว่าสิ่งที่พลังจิตของเขารู้สึกได้ แต่ลินลี่ย์ยังคงรู้สึกกดดันอย่างมากรุนแรงมากจนเขารู้สึกหายใจไม่ออก
“กระบี่นั่นคือเลือดม่วง” ลินลี่ย์มั่นใจ “และบุรุษผมม่วงก็คือ... เขาคือเจ้าของคนก่อนของเลือดม่วง?”
ภาพฉากแล้วฉากเล่าของบุรุษผู้ร้ายกาจกวัดแกว่งควงกระบี่เลือดม่วงมีส่วนร่วมในการสังหารวาบผ่านใจของลินลี่ย์เร็วราวกับสายฟ้า อย่างไรก็ตามแต่ละฉากภาพเลือนรางไม่ชัดเจนบางครั้งก็ชัดขึ้นบ้าง แต่จากนั้นภาพก็หายไปอย่างสิ้นเชิง
“สนุก สนุก” ขณะร่ายรำกระบี่เลือดม่วงในมือลินลี่ย์เริ่มหัวเราะ
เขาหวังว่าจะค้นพบอะไรภายในกระบี่เลือดม่วงจึงลอบกระตุ้นกระบี่เลือดม่วง
“ไม่ว่าจะเป็นอาวุธเทพที่ทรงพลังเพียงไหน แต่ก็ยังเป็นแค่อาวุธ มันไม่ใช่สิ่งมีชีวิตเป็นไปได้ยังไงที่มันจะบอกข้า ว่ามันใช้พลังโจมตีพิเศษได้ยังไง? ข้ายังต้องอาศัยตนเองค้นคว้าอยู่ดี” ลินลี่ย์เข้าใจว่าบางทีเจ้าของกระบี่เลือดม่วงคนก่อนคงรู้วิธีใช้งานกระบี่เลือดม่วง แต่... เขาไม่สามารถหาเจ้าของคนก่อนได้
บางทีเจ้าของคนก่อนคงตายไปแล้ว ที่สำคัญ ถ้าเขายังไม่ตาย เขาจะผูกทำสัญญาโลหิตสิ้นสุดการทำงานผนึกประตูมิตินั้นได้ยังไง?
“อย่างไรก็ตามอย่างน้อยเขาก็รู้สองเรื่องแล้วในตอนนี้ หลังจากถ่ายพลังเทพลงไปกระบี่เลือดม่วงจะกลายเป็นคมกล้าอย่างไม่มีอะไรเทียบได้ เมื่อเทียบกับการโจมตีด้วย ‘สัจธรรมแห่งความเร็ว – ดาบมิติบั่นเศียร’พลังก็ยังเหนือกว่ามากมาย” ลินลี่ย์รู้สึกมั่นใจมาก “นอกจากนี้, เสียงร้องกระหึ่มนั่นยังมีพลังสั่นสะท้านวิญญาณผู้คนสร้างผลกระทบให้กับคนอื่นได้”
เมื่อเขาสู้รบ เขาสามารถปล่อยเสียงนั่นได้อย่างต่อเนื่อง ศัตรูจะได้รับผลกระทบ แต่คงไม่ทำนี่จะช่วยสร้างความได้เปรียบมากมาย
“อย่างไรก็ตามข้ายังจำเป็นต้องวิเคราะห์ว่าเสียงร้องของกระบี่สร้างผลกระทบอย่างไร” ลินลี่ย์เก็บกระบี่เลือดม่วงไว้ในแหวนเก็บสมบัติอีกครั้ง และจากนั้นเพ่งความสนใจไปที่ของที่มีค่ามากที่สุด...แหวนมังกรขนด!
เขาได้ค้นพบแหวนมังกรขนดในบ้านของบรรพบุรุษของเขา
เจ้าของแหวนมังกรขนดคนก่อนก็คือเดลิน โคเวิร์ท เพราะแหวนมังกรขนดเขาจึงได้พบกับปู่เดลินและทำให้ก้าวเข้าสู่เส้นทางของการกลายเป็นยอดฝีมือได้
ลินลี่ย์รู้สึกตื่นเต้นมาก แต่เมื่อเห็นแหวนมังกรขนด เขาสงบจิตใจลง เหมือนกับว่าเขามองเห็นปู่เดลินผู้ใจดีมีผมขาวโพลนอยู่ภายในนั้น ในช่วงเวลาของเขาปู่เดลินฝันว่าจะกลายเป็นเทพได้ แต่หลังจากถูกบังคับให้เข้าไปในแหวนมังกรขนด เขาจึงสูญเสียโอกาส ดังนั้นเขาทุ่มเทปลูกฝังและอบรมลินลี่ย์หวังว่าลินลี่ย์จะสามารถไปถึงจุดสูงสุดได้
“ปู่เดลิน, วันนี้ข้าเข้าถึงระดับเทพได้แล้ว” ลินลี่ย์ถอนหายใจเบาๆ อยู่ในใจ
“ถ้า..ปู่เดลินยังมีชีวิตอยู่ จะดียอดเยี่ยมเพียงไหน” ลินลี่ย์ถอนหายใจอยู่ในใจ
หลังจากสูดหายใจลึกลินลี่ย์ถ่ายเทพลังเทพสายธาตุลมลงไปในแหวนมังกรขนด แต่ลินลี่ย์พบว่า... “ใช้ไม่ได้? ถ่ายเทพลังเทพเข้าไปในแหวนมังกรขนดแล้วยังใช้ไม่ได้อีกหรือ?” ลินลี่ย์ค่อนข้างสับสน เมื่อใดก็ตามที่สมบัติเทพได้รับพลังเทพอย่างน้อยก็ต้องมีการตอบสนอง
แต่แหวนมังกรขนดไม่มีการตอบสนองแม้แต่น้อย
“เป็นไปได้ไหมว่านี่เป็นสมบัติเทพที่ค่อนข้างพิเศษ?” ลินลี่ย์รั้งพลังเทพกลับ จากนั้นส่งพลังจิตเข้าไปในแหวนมังกรขนด
เมื่อกลายเป็นเทพ กฎธรรมชาติมีอยู่รอบตัวลินลี่ย์เป็นธรรมดา ดังนั้นแทนที่จะแบ่งครึ่งหลังจากมีปฏิสัมพันธ์กับกฎธรรมชาติ วิญญาณของลินลี่ย์กลับกลายอยู่ในระดับธรรมดา
ผู้กลายเป็นเทพทุกคนจะมีการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้เป็นธรรมดา
การเปลี่ยนแปลงทางจิตของลินลี่ย์ก่อให้เกิดแอ่งพลังจิตขนาดใหญ่ ทั้งวิญญาณของเขาก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน หลังจากพลังจิตที่บริสุทธิ์นี้ถูกส่งเข้าไปในแหวนมังกรขนด แสงสีฟ้าเลือนรางวาบผ่านแหวนมังกรขนดพร้อมกัน ลินลี่ย์สามารถรู้สึกได้ถึงภายในแหวน มีพลังงานแปลกประหลาดมาก
“อะไรนี่?”
ลินลี่ย์ประหลาดใจเป็นพิเศษ
ทันใดนั้นรัศมีทรงพลังยิ่งใหญ่สัมผัสกับพลังจิตลินลี่ย์ รัศมีนี้ทรงพลังมากจนลินลี่ย์เริ่มสั่นสะท้านใจลึกๆ มันทรงพลังมากรัศมีที่แฝงอยู่ในแหวนมังกรขนดทรงพลังยิ่งกว่ารัศมีที่แฝงอยู่ในกระบี่เลือดม่วงเสียอีก
“โชคดีนะ สหายน้อย”เสียงทุ้มลึกก้องกังวานอยู่ในใจของลินลี่ย์ “นี่คือแหวนที่ข้าชอบมากเมื่อคราวที่ข้ายังมีชีวิต มันคือสมบัติมหาเทพใช้ปกป้องวิญญาณ เพียงแต่ตอนนี้มันได้รับความเสียหาย มันจึงไม่สามารถปกป้องข้าได้สำเร็จ และเพราะมันได้รับความเสียหายจึงจำเป็นต้องซ่อมแซม สิ่งเดียวที่เจ้าต้องทำก็คือค่อยๆ รักษามันผ่านพลังจิตของเจ้า..ต้องใช้เวลานานเพียงไหน ข้าไม่อาจคาดการณ์ได้ ความจริงข้าเองก็ต้องการรู้ว่าใครจะเป็นผู้รับช่วงแหวนนี้ไปจากข้า โชคร้ายจริงๆ ข้าไม่มีโอกาส ข้าไม่เคยมีโอกาสเลย..”
เสียงก้องลึกค่อยๆ จางหายไป
ลินลี่ย์ตกตะลึงงัน
สมบัติมหาเทพสำหรับปกป้องวิญญาณ? และได้รับความเสียหาย?
“สมบัติมหาเทพ?” ร่างของลินลี่ย์สั่นเล็กน้อย เขาเพียงแต่ได้ยินว่ามีสมบัติเทพ แต่ไม่เคยมีใครบอกเขาว่ามีสิ่งที่เรียกว่าสมบัติมหาเทพ
เหนือระดับเซียนก็มีเทพชั้นต้น เทพชั้นกลาง เทพชั้นสูงและมหาเทพ
ดังนั้นอาวุธก็ยังแบ่งเป็นสมบัติเทพ และสมบัติมหาเทพ
“สมบัติมหาเทพใช้ปกป้องวิญญาณ?” ลินลี่ย์พบว่าแหวนมังกรขนดบรรจุพลังพิเศษอยู่ในนี้ “เนื่องจากนี่คือสมบัติมหาเทพ,อย่างนั้น...” ลินลี่ย์ควบคุมพลังงานเฉพาะนี้และถ่ายพลังของมันเข้าไปในวิญญาณของเขา ทันใดนั้นเอง.....
พลังงานเป็นชั้นบางใสขนาดใหญ่รูปร่างเหมือนเกล็ดคลุมรอบทะเลจิตสำนึกของเขาทันที รวมทั้งประกายศักดิ์สิทธิ์และร่างเดิมของเขา เยื่อพลังโปร่งใสนี้แฝงไปด้วยรัศมีพลังงานมิติ เยื่อพลังที่น่ากลัวสร้างจากพลังงานมิติ
เพียงแต่...
ในใจกลางเยื่อพลังงานโปร่งใส มีรูอยู่รูหนึ่งเนืองจากมันถูกตัดขาด
“จุดเสียหาย มันได้รับความเสียหายจริงๆ” ลินลี่ย์ถอนหายใจ
สิ่งที่สำคัญที่สุดต่อเทพก็คือวิญญาณของเขา
สมบัติเทพประเภทปกป้องวิญญาณเป็นของมีค่ายิ่งเป็นสมบัติมหาเทพสำหรับปกป้องวิญญาณนั่นคือสิ่งที่ไม่หวังจะได้รับกันง่ายๆ น่าเสียดาย แหวนนี้ยังมีจุดเสียหาย
ตัวอย่างเช่น ไหมวิญญาณโจมตีหุ้มห่อวิญญาณไว้ทั้งหมดเมื่อไหมวิญญาณปริมาณมากรวมตัวกันอยู่ที่นั่นมันจะสามารถท่วมผ่านเข้าไปในจิตสำนึกของเขาและผ่านช่องว่างเข้าไปได้ แม้ว่าพื้นที่อื่นของของเยื่อป้องกันนี้จะคงทนก็ตามแต่แค่ช่องว่างดังกล่าวนี้ก็ทำให้พลังของมันลดลงอย่างมาก
“ใช้พลังจิตซ่อมแซมหรือ?”
ลินลี่ย์ฝืนหัวเราะ
เขาสามารถคาดเดาได้ว่าเสียงทุ้มลึกนั้นมีแนวโน้มว่าจะเป็นมหาเทพผู้ล่วงลับไปแล้ว สำหรับสมบัติมหาเทพสำหรับปกป้องวิญญาณนี้ถูกทำให้แตกและเสียหายได้ เสียงนั่นบางทีไม่มีอะไรมากไปกว่าข้อมูลที่มหาเทพผู้ล่วงลับฝากทิ้งไว้
แต่แน่นอนว่าอาจไม่ใช่มหาเทพก็ได้
ไม่จำเป็นว่าต้องมีแต่มหาเทพเท่านั้นถึงจะมีสมบัติมหาเทพได้
“แม้ว่ายอดฝีมือนั้นไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลาซ่อมแซมเท่าใด แต่ก็ต้องเป็นเวลานานมากแน่นอน” ลินลี่ย์ทดสอบผสานพลังจิตเข้าไปในเยื่อใสเหมือนเกล็ดนั้น ทันใดนั้นพลังจิตปริมาณมหาศาลของเขาไหลเข้าไปในเยื่อใสผ่านไปถึงช่องว่างนั้น
ขณะเดียวกันพลังจิตปริมาณมหาศาลก็เริ่มพยายามอุดช่องว่าง
การอุดนี้สร้างมาจากพลังจิตของลินลี่ย์ทำให้สามารถอุดช่องว่างได้
“พลังป้องกันของการอุดด้วยพลังจิตของข้ายังนับว่าต่ำมาก” อย่างไรก็ตามลินลี่ย์พบว่าขณะที่เขาใช้ใช้พลังจิตเพื่อหล่อเลี้ยงเยื่อพลังโปร่งใสนี้พลังที่อุดช่องว่างอยู่ค่อยๆเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน
เพียงแต่ความเร็วในการเพิ่มจะช้ามาก
“การถึงระดับเดียวกับพลังป้องกันให้เท่ากับเยื่อพลังป้องกันที่น่ากลัวส่วนอื่นที่เหลือมีแนวโน้มว่าต้องใช้เวลาเป็นพันปีจะดีที่สุด” ลินลี่ย์ส่ายศีรษะถอนหายใจ “เพียงแต่ตอนนี้ ทั้งหมดที่ข้าต้องทำก็คือเพ่งใช้พลังจิตเพื่อป้องกันช่องว่างเล็กน้อยนี้และข้าก็แค่ปล่อยส่วนที่เหลือเท่านี้ก็ช่วยให้พลังป้องกันวิญญาณข้าเพิ่มขึ้นมากมายแล้ว”
ในแง่พลังสมบัติมหาเทพประเภทป้องกันวิญญาณและได้รับความเสียหายอยู่นี้ยังด้อยกว่าสมบัติเทพที่ใช้ป้องกันวิญญาณอย่างธรรมดาทั่วไปจริงๆ
“หือ?” ขณะที่พลังจิตของลินลี่ย์ถูกถ่ายเทเข้าไปในแหวนมังกรขนดมากขึ้น เขาพบว่า...
หลังจากพลังของเยื่อใสจางหายไป ยังคงมีรัศมีพลังงานสองสายบรรจุอยู่ในแหวนมังกรขนด
รัศมีพลังงานสายหนึ่งมาจากหยดเลือดสีทอง ขณะที่พลังงานอีกสายหนึ่งมาจากหยดน้ำสีฟ้า
“ของเหลวสีทอง?” เพราะบางเหตุผลเมื่อลินลี่ย์รู้สึกได้ว่าของเหลวสีทอง ลินลี่ย์รู้สึกได้ว่าร่างเดิมของเขาเริ่มสั่น ลินลี่ย์เปลี่ยนสลับเป็นร่างเดิมโดยไม่ลังเลใจทันทีเก็บร่างแยกศักดิ์สิทธิ์กลับเข้าไปไว้ในแดนวิญญาณ
ความจริงความรู้สึกในตอนนี้ชัดเจนมากขึ้น
เลือดที่อยู่ภายในร่างของเขาเริ่มเดือดพล่านเรื่องที่แปลกก็คือ ขณะนี้เองหยดเลือดทองลอยออกมาจากในแหวนมังกรขนดจากนั้นผสานเข้ากับร่างหลักของลินลี่ย์
“นี่มัน...?” ลินลี่ย์ตกใจ
“ลินลี่ย์?” เดเลียที่อยู่ใกล้ๆ มองดูลินลี่ย์อยู่ตลอดเวลา เมื่อนางเห็นหยดเลือดลอยเข้าไปในร่างลินลี่ย์นางประหลาดใจลึก แต่จากนั้น...เดเลียแตกตื่น เพราะลินลี่ย์เริ่มส่งเสียงคำรามต่ำ
“เดเลีย..ข้า... ข้าไม่เป็นไร! ลินลี่ย์กัดฟันพูด
เมื่อเห็นท่าทีที่ดุร้ายบนใบหน้าลินบี่ย์และอาการกล้ามเนื้อกระตุกของเขา เดเลียไม่ยอมเชื่อว่าลินลี่ย์จะไม่เป็นไร
เทียบกับเมื่อครั้งก่อนเมื่อตอนที่วิญญาณของเขาถูกแบ่งครึ่ง อย่างน้อยครั้งนี้ลินลี่ย์ยังมีสติ
“อ๊า...!”ลินลี่ย์อดแหงนหน้าคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวไม่ได้ “ปัง!” ชุดสีฟ้าที่คลุมร่างของเขากระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและในทันทีนั้นเกล็ดมังกรเป็นประกายน้ำเงินเข้มผุดขึ้นจากร่างลินลี่ย์แม้แต่หางก็งอกออก
ตอนนี้ลินลี่ย์อยู่ในร่างแปลงนักรบเลือดมังกรที่ไม่อาจควบคุมได้
“ลินลี่ย์” เดเลียมองดูลินลี่ย์ ตาของนางเต็มไปด้วยความห่วงใย
เกล็ดมังกรสีน้ำเงินเข้มค่อยๆ เปลี่ยนไป เกล็ดสีน้ำเงินเข้มกำลังเปลี่ยนแปลงจากตอนแรกสีฟ้า เหมือนกับนักรบเลือดมังกรบริสุทธิ์และจากนั้นหางมังกรเริ่มเปล่งสีทองเลือนราง
เกล็ดมังกรสีทองผสมฟ้าครอบคลุมทั้งตัวลินลี่ย์
เขาที่กลางหน้าผากของลินลี่ย์และหนามตามแนวกระดูกสันหลังเปลี่ยนแปลงไปด้วยเช่นกัน..
“อ๊า...” ลินลี่ย์เต็มไปด้วยความเจ็บปวด เขาปล่อยเสียงคำรามลึก ความเจ็บปวดจากแปลงร่างเป็นมังกรนี้หนักกว่าตอนที่ลินลี่ย์ดื่มเลือดมังกรเกราะหนามและเปลี่ยนแปลงเสียอีก เพียงแต่ความอดทนของลินลี่ย์ในตอนนี้เหนือกว่าเมื่อก่อนมาก ดังนั้นเขาจึงไม่หมดสติเหมือนเมื่อตอนเยาว์วัย
แม้ว่าเขาจะเจ็บปวดอย่างหนัก แต่ใจของลินลี่ย์ก็เต็มไปด้วยความดีใจ
“หยดเลือดทองนั่นคืออะไรกันแน่? ร่างของข้า...มัน... มันทรงพลังนัก!” ร่างนักรบเลือดมังกรของเขายังคงเปลี่ยนแปลงช้าๆ แต่ลินลี่ย์สามารถรู้สึกว่าร่างของเขาเต็มไปด้วยพลังไม่มีขีดจำกัด เกล็ดแต่ละเกล็ดเป็นประกายแสงสีฟ้าทองและเขาบนหน้าผากแหลมคมกล้าไม่มีใดเปรียบ
นี่ยังทรงพลังมากกว่าร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ของเขาเสียอีก!