ตอนที่ 12-16 ห้าปี
สงครามระหว่างจักรวรรดิบาลุคและโรฮอลท์อยู่ในสภาพชะงักงัน
“ท่านพ่อ, ทุกท่าน พวกท่านคิดว่าเราจะทำยังไงดี?” ภายในห้องประชุมใหญ่ของปราสาทเลือดมังกรมีคนกลุ่มหนึ่งร่วมประชุมกัน ประกอบไปด้วยซีน่า วอร์ตัน เกทส์ ฮิลแมนและนีน่า พวกเขากำลังปรึกษาวิธีรับมือยอดฝีมือระดับเซียนใหม่สองคนที่ปรากฏออกมาในจักรวรรดิโรฮอลท์อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
วอร์ตัน ซาสเลอร์ เกทส์และคนอื่นๆเพิ่งฟังคำอธิบายของซีน่าจบ
พวกเขาตกใจกันมาก
“จักรวรรดิโรฮอลท์นี้...ไปได้เซียนที่ทรงพลังสองคนเมื่อใดกัน?” ฮิลแมนขมวดคิ้ว
ตอนนี้เขาสามารถฝึกพลังปราณจนถึงระดับสุดยอด เขาเป็นนักรบระดับแปดแล้ว แม้ว่าพลังของเขายังด้อยกว่าวอร์ตันเกทส์และคนอื่นๆ ห่างไกล แต่สถานะของเขาในปราสาทเลือดมังกรยังคงสูงส่งมาก
“ท่านพ่อ, ท่านลุงท่านมั่นใจไหมว่าจะสามารถจัดการกับยอดฝีมือทั้งสองเหล่านี้ได้?” ซีน่ามองมาทางวอร์ตันและเกทส์
วอร์ตันพึมพำ “แม้ว่าเราจะไม่มีความรู้แจ้งกฎในระดับสูง แต่เรามีสมบัติเทพและเป็นสุดยอดนักรบ ถ้าเราต้องสู้กับเซียนทั้งสองนั่นจริงๆ เราน่าจะคว้าชัยชนะได้สำเร็จ”
เกทส์ อังเก้และคนอื่นๆ พยักหน้ากันหมด
ซาสเลอร์หัวเราะเบาๆ “วอร์ตัน, เจ้าตั้งใจจะแก่งแย่งกับเจ้าพวกนั้นหรือเปล่า?”
“เป็นยังไงหรือ?” วอร์ตันมองดูซาสเลอร์
“ซาสเลอร์, ท่านคิดว่านั่นไม่ใช่ทางเลือกหรือ?” เกทส์และอังเก้มองดูซาสเลอร์
ซาสเลอร์หัวเราะเบาๆ แต่เสียงเต็มไปด้วยความเยือกเย็นและน่ากลัว “ก่อนอื่นเลย ข้าอยากถามพวกเจ้า ถ้าข้าขอให้เจ้าคนหนึ่งสู้กับมังกรทองและมังกรหฤโหดพร้อมกัน พวกเจ้าจะเอาชนะมังกรเซียนทั้งสองนั้นได้ง่ายๆหรือเปล่า?”
“นี่...” วอร์ตัน เกทส์และคนอื่นๆ ลังเลกันหมด
สู้กับอสูรเวทระดับเซียนตัวเดียวอาจจะค่อนข้างง่าย
แต่กับสอง.. พวกมันสามารถสู้ได้ยันเอาไว้
“ฮืม.. เจ้าไม่สามารถทำเช่นนั้นแล้วเจ้ายังต้องการจะไปอีกหรือ?” ซาสเลอร์หัวเราะอย่างยโส “หรือว่าพวกเจ้าลืมไปแล้วว่าลอร์ดลินลี่ย์พูดอะไรไว้ก่อนจะขังตัวฝึกฝน?”
วอร์ตันและคนอื่นๆ ตกใจทันที
ตอนนี้พวกเขาจำได้แล้ว
ครั้งหนึ่งลินลี่ย์ได้ย้ำนักย้ำหนากับพวกเขาไว้ว่าถ้าเผชิญกับสถานการณ์ที่แปลก วอร์ตันและคนอื่นถูกห้ามฝืนทำอะไรเกินตัว นอกจากนี้ลินลี่ย์ยังคงกล่าวว่าสงครามครั้งนี้มีอันตรายใหญ่แฝงอยู่ในนี้ นี่คือเหตุผลที่ลินลี่ย์ไม่สบายใจ
“ครั้งนั้นลอร์ดลินลี่ย์พูดว่ามีอันตรายที่น่าสยดสยองซ่อนอยู่ในสงครามครั้งนี้ อันตรายที่แม้แต่นักสู้ระดับเทพก็ยังประมาทไม่ได้” ซาสเลอร์มองดูวอร์ตันและคนอื่น “พวกเจ้าบอกว่าพวกเจ้าไม่เข้าใจว่าสงครามที่ดูเหมือนง่ายนี้ที่ผลของสงครามแทบจะถูกกำหนดไว้แน่นอนจะมีอันตรายแฝงเร้นได้ยังไงใช่ไหม? ตอนนี้พวกเจ้าก็รู้แล้วนี่”
ตอนสงครามเริ่มแม้แต่ลินลี่ย์ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นอันตรายแบบไหนกันแน่
แค่เพียงเพราะคำเตือนของลอร์ดเบรุต ลินลี่ย์รู้สึกว่าไม่ง่ายดังนั้นเขาจึงเตือนวอร์ตันและคนอื่นๆ ด้วยเช่นกัน
วอร์ตันและคนอื่นๆ ไม่เข้าใจ พวกเขารู้สึกว่าในสงครามครั้งนี้ไม่น่าจะมีเหตุที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น
“ท่านซาสเลอร์, อย่างนั้นท่านตั้งใจจะทำยังไง?” ซีน่าขมวดคิ้ว
วอร์ตัน เกทส์และคนอื่นๆ ก็ลอบตกใจเช่นกัน
“เจ้าต้องใช้สมอง มีเซียนเพียงไม่กี่คนในทวีปยูลาน อย่างลอร์ดลินลี่ย์และลอร์ดเดลี่น่าจะรู้จักพวกที่ฝึกฝนถือสันโดษจริงไหม? แต่แต่ทั้งสองกล่าวว่าจักรวรรดิโรฮอลท์ไม่มีเซียนระดับสุดยอดดังนั้นเซียนสองคนนี้จะมาจากไหนกันเล่า?” ซาสเลอร์กล่าว
“พวกเขาจู่ๆก็ปรากฏตัวออกมาและทำให้สงครามอยู่ในภาวะชะงักงัน
ซาสเลอร์หัวเราะอย่างใจเย็น “เห็นได้ชัดว่าอันตรายแฝงเร้นในสงครามครั้งนี้เริ่มจะเผยตัวมันเองออกมาแล้ว”
“อย่างนั้นตอนนี้ เรา...” วอร์ตันมองดูซาสเลอร์ เขาจำสิ่งที่ลินลี่ย์บอกพวกเขาไว้ ถ้าพวกเขาเผชิญกับเหตุการณ์ใหญ่ พวกเขาต้องคุยปรึกษากับซาสเลอร์ผู้มีประสบการณ์สูง
ซาสเลอร์พูดอย่างใจเย็น “มันง่ายมากไม่ต้องรีบร้อนจัดการกับเซียนทั้งสองนั้น ลอร์ดลินลี่ย์ยังบอกไว้ว่าในสงครามนี้เป้าหมายของเราไม่จำเป็นต้องครอบครองจักรวรรดิอื่นให้ได้ทั้งหมด จะดีกว่าถ้าเรายึดครองได้น้อยลงบ้าง แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือเราต้องปกป้องตัวเอง”
ทุกคนพยักหน้าเล็กน้อย
วอร์ตันพูดเสียงต่ำ “ได้, สำหรับตอนนี้ เราแค่มองและดูว่ามีอะไรซ่อนอยู่ในสงครามนี้”
“ถ้าเราเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ใหญ่สำคัญๆก็ไม่ควรเข้าไปยุ่ง เวลานั้นจะดีที่สุดก็คือไปถามขอความช่วยเหลือจากลอร์ดลินลี่ย์” ซาสเลอร์กว่า “แต่แน่นอน ตอนนี้, ลอร์ดลินลี่ย์เพิ่งจะฝึกมาครึ่งปี และสถานการณ์ยังไม่รุนแรงเกินไปเราไม่จำเป็นต้องรบกวนลอร์ดลินลี่ย์”
เวลาไหลไปเร็วเหมือนสายน้ำ ในพริบตา ลินลี่ย์ฝึกมานานถึงห้าปีแล้ว
ระหว่างห้าปีนี้ ทวีปยูลานตกอยู่ในสภาพสับสนวุ่นวายลับๆ สงครามของจักรวรรดิบาลุค,จักรวรรดิยูลานและจักรวรรดิโอเบรียนทั้งหมดอยู่ในสภาพชะงักงันและแม้แต่สหภาพศักดิ์สิทธิ์และพันธมิตรมืดก็มียอดฝีมือลึกลับปรากฏอยู่ในพวกเขาด้วย
ยอดฝีมือลึกลับเหล่านี้มีพลังมากมาย
สงครามหยุดชะงัก
ฤดูหนาว ปีศักราชยูลานที่ 10039 ราตรีในฤดูหนาวอันมืดมิดอากาศหนาวจัดมีบุรุษวัยกลางคนสามคนสวมชุดคลุมหนาขี่ม้าลักษณะสง่างามควบผ่านดินแดนรกร้างด้วยความเร็วสูงผ่านถนนที่ไม่มีผู้คนมุ่งสู่เมืองที่อยู่ใกล้
“ฮ่าฮ่า, เมืองบลูเลียนอยู่ข้างหน้าแล้ว เมื่อเราไปถึงเมืองบลูเลียนเราสามพี่น้องต้องหาเหล้าดีๆ ดื่มช่วยร่างกายให้อบอุ่น” ผู้นำของทั้งสามคนเป็นบุรุษร่างใหญ่หัวเราะลั่นการเดินทางทำธุรกิจเที่ยวนี้ได้กำไรอย่างงดงามและตอนนี้พวกเขามีอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
กำแพงเมืองบลูเลียนปรากฏอยู่ข้างหน้าพวกเขา
พวกเขาควบม้าผ่านเข้าไป
“หือ, แปลก, ทำไมเงียบนักเล่า?” สามพี่น้องขี่ม้าผ่านประตูเมืองบลูเลียน แต่พบว่าประตูเปิดและไม่มีผู้คน พวกเขาไม่พบใครสักคน
“แม้ว่าเมืองบลูเลียนจะไม่ใช่เมืองใหญ่ แต่ก็เป็นเมืองค่อนข้างคึกคัก มีประชากรแสนคน ทำไมทั้งที่เช้าแล้วแต่ไม่เห็นผู้คนเลยสักคน?” สามพี่น้องลงจากหลังม้าเดินสำรวจในเมืองด้วยความสงสัย
ถนนกว้างขวาง แต่ไม่มีคนแม้แต่คนเดียว
สงบเงียบ!
นี่เป็นเวลาเช้าราว เจ็ดหรือแปดนาฬิกาว่ากันตามความเป็นจริง ป่านนี้ถนนน่าจะมีเสียงดังคึกคักแล้ว
“นี่มันบ้าอะไรกัน?” สามนักเดินทางผู้มีประสบการณ์รู้สึกใจสั่นสะท้านอย่างช่วยไม่ได้
ฉากภาพแปลกประหลาดข้างหน้าทำให้พวกเขารู้สึกไม่สบายใจ
“ดูข้างบนสิ, นั่นอะไร?” หนึ่งในสามคนชี้ไปข้างด้วยความตกใจ ใกล้ๆ กันนั้นมีคนสองคนนอนอยู่บนถนน บุรุษวัยกลางทั้งสามคนวิ่งเข้าไปดูใกล้ๆ ทันที
แต่ทันทีที่พวกเขาเข้าไปใกล้...
“พวกเขาตายแล้ว!” สีหน้าของบุรุษวัยกลางคนทั้งสามเปลี่ยน คนที่นอนอยู่บนพื้นหลั่งเลือดจากทวารทั้งหมดและรอยเลือดของพวกเขาเปื้อนอยู่บนพื้นเป็นแอ่งเลือดสีม่วงอยู่รอบตัวพวกเขา
ลมฤดูหนาวพัดกระโชกทำให้บุรุษวัยกลางคนทั้งสามสั่นสะท้านทันที
“กรี๊ดดดดด!” เสียงร้องโหยหวนดังมาจากที่ไกล
บุรุษวัยกลางคนทั้งสามหันหน้าไปดูทันที พวกเขาเห็นว่าในที่ห่างออกไป มีสตรีคนหนึ่งผมกระเซิงกำลังวิ่งหนีอย่างหวาดผวา
“เจ้าวิ่งหนีทำไม? เกิดอะไรขึ้น?” หัวของคนทั้งสามตะโกนขึ้นทันที พวกเขาเป็นผู้เดินทางไปมาทั่วแผ่นดิน พบเห็นความตายและคนตายอยู่บ่อยครั้งก็ยังไม่ทำให้เขาตกใจ สิ่งที่ทำให้พวกเขาไม่สบายใจก็คือ...สภาพแวดล้อมนี้ ยังคงอยู่เหมือนเดิม
“ตาย, ทุกคนตายแล้ว ทุกคนตายหมด” สตรีนางนั้นมองดูบุรุษวัยกลางคนสามคน ตานางเบิกกว้างและสั่นสะท้าน
“เจ้าหมายความว่ายังไง พวกเขาตายหมด?” แววตื่นกลัวเกิดขึ้นในใจของทั้งสามคน
“คนทั้งหมดในเมืองนี้ตายแล้ว ทุกคนตาย ทุกคนตายกันหมด!” สตรีนางนั้นพูดด้วยท่าทางแปลกๆ
บุรุษวัยกลางคนทั้งสามตะลึงหวาดกลัวทันที
ทุกคนในเมืองนี้ตาย?
“ตายหมด ทุกคนตาย!” สตรีประหลาดวิ่งวนไปอย่างบ้าคลั่ง
ในคืนเดียว เมืองบลูเลียนที่มีประชากรแสนคนตอนนี้มีผู้โชคดีรอดชีวิตเพียงไม่กี่สิบคน ที่เหลือตายกันหมด ผู้โชคดีรอดตายพอตอนกลางวันก็วิ่งออกจากประตูเมืองอย่างหวาดผวาหนีไปจากเมืองที่น่าสยดสยองแห่งนี้
เมืองแห่งความตาย!
ข่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้แพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวงอย่างรวดเร็ว และรู้ถึงจักรพรรดิซีน่า
ซีน่ากริ้วและส่งคนไปสืบสวนทันที ทำไมและเหตุใดเมืองบลูเลียนถึงกลายเป็นเมืองแห่งความตายเพียงชั่วข้ามคืน ขณะเดียวกันเขาส่งคนไปถามพวกคนที่รอดชีวิตถึงเหตุที่เกิดขึ้น
เมื่อการสืบสวนเสร็จสิ้น ซีน่ารู้สึว่าหลายอย่างกำลังจะกลายเป็นเลวร้ายจึงรีบมาที่ปราสาทเลือดมังกรทันที
ภายในปราสาทเลือดมังกร
มีคนหลายคนประชุมรวมกันในปราสาท ไม่ใช่แค่วอร์ตันและเกทส์, แม้แต่นีน่า,รีเบ็คกา, ลีนาและคนอื่นๆ ก็มาด้วยเช่นกัน ทุกคนรู้สึกว่านี่คือปัญหาที่ยากลำบากและทุกคนมาประชุมพูดคุยกันถึงวิธีคลี่คลายปัญหานี้
“สถานการณ์แปลกมาก ประชาชนเกือบแสนคนในเมืองตายกันหมดเลือดไหลออกจากทวารและไม่มีรอยแผลอื่นบนร่างกาย ตั้งแต่ทารกยันนักรบระดับเจ็ด.. เป็นเหมือนกันหมด” ซีน่ากล่าว
ในช่วงเวลาคืนเดียว ประชาชนทั้งเมืองตายด้วยอาการประหลาดอย่างนั้น
แม้แต่ยอดฝีมืออย่างวอร์ตันและคนอื่นๆก็ยังรู้สึกหนาวยะเยือกในหัวใจพวกเขา
“จากสิ่งที่ข้ารู้นี่ไม่ใช่เป็นครั้งแรกที่คนทั้งเมืองตายอย่างนี้” ซีน่าพูดอย่างเคร่งขรึม
“โอว?” วอร์ตันมองดูซีน่า
ซีน่ายังคงพูดต่อ “จากสิ่งที่ข้ารู้ เมื่อหนึ่งเดือนมาแล้ว ที่ชายแดนของจักรวรรดิโอเบรียนมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับพวกเขาเช่นกัน เพียงคืนเดียวผู้คนในเมืองตายกันหมด อย่างไรก็ตามเพราะเรื่องไม่ได้เกิดภายในเขตแดนของจักรวรรดิเราข้าจึงไม่ได้สนใจมากนัก”
พ่อบ้านแอชลี่ย์ขมวดคิ้ว “เหตุการณ์นี้แปลกมาก ตัวอย่างว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับชาวเมืองบลูเลียนตั้งแสนคน และทำไมถึงมีคนรอดเพียงไม่กี่สิบคน?”
“ใช่แล้ว, ทำไมถึงมีคนรอดเพียงไม่กี่สิบคน?” ซาสเลอร์เองรู้สึกว่านี่เป็นเรื่องน่าสงสัยมาก
ถ้าเป็นนักสู้ที่ทรงพลังมากใช้วิชาเวทต้องห้ามบางอย่างที่ไม่รู้จักเพื่อฆ่าพวกเขา ทุกคนที่อยู่ในรัศมีเวทน่าจะต้องตายไปด้วย แม้ว่าจะมีคนโชคดีไม่กี่คน ผู้รอดชีวิตน่าจะเป็นตัวนักสู้ที่ทรงพลังเอง แต่ผู้โชคดีรอดชีวิตกลับเป็นสามัญชนธรรมดา
“นอกจากนี้ยังไม่มีการทำความเสียหายให้กับอาคารที่อยู่อาศัยแม้แต่น้อย” ซีน่ากล่าวต่อ
ทุกคนในห้องประชุมสับสน
“ข้าใช้คนไปสืบดู แต่เราไม่สามารถหาร่องรอยอะไรพบเลย” ซีน่าละอาย “โอว..จริงสิ มีคนธรรมดาหลายสิบคนที่รอดชีวิตมาได้”
ทุกคนในห้องประชุมหันไปมองซีน่าทันที
“ผู้โชคดีรอดตายเหล่านั้นจะอยู่ในพื้นที่ยากต่อการเข้าถึงตัวอย่างเช่น มีผู้โชคดีรอดตายครึ่งหนึ่งถูกขังลึกอยู่ในคุกเมืองบลูเลียนส่วนคนอื่นๆ ทุกคนจะอยู่ในใต้ดินหรือไม่ก็พื้นที่ยากเข้าถึง” ซีน่าอธิบาย
“พื้นที่ยากเข้าถึง.. ดังนั้นพวกเขาเลยไม่ตาย?” ซาสเลอร์พยักหน้า “บางทีนี่ไม่ใช่เวทมนต์ก็เป็นได้ ที่สำคัญคือ เวทจะสามารถครอบคลุมได้ทั้งเมืองไม่ต้องสนใจว่าจะเป็นพื้นที่ยากเข้าถึงหรือไม่”
“ข้าขอเสนอว่าเราควรขอความช่วยเหลือจากลอร์ดลินลี่ย์” ซาสเลอร์ถอนหายใจ
“ลอร์ดลินลี่ย์?” สายตาของวอร์ตันและคนอื่นเป็นประกาย
ถ้าลินลี่ย์ออกมาพวกเขาจะรู้สึกมั่นใจกับการปรากฏตัวของผู้นำเขาและคงไม่อยู่ในสภาพยุ่งเหยิงเมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้น
“ใช่แล้วในช่วงเวลาห้าปีที่ผ่านมา มีเหตุการณ์แปลกประหลาดเกิดขึ้นมากมายตัวอย่างเช่นสงครามเข้าสู่สภาวะชะงักงัน หรือสองศาสนาลึกลับใหม่ปรากฏขึ้นในจักรวรรดิของเรา หรืออย่างเมืองมรณะนี้..” ซาสเลอร์พูดรวดเดียว
“ข้าเห็นด้วยว่าเราควรพูดกับพี่ใหญ่ของข้า” วอร์ตันพยักหน้า
หน้าของลีนามีรอยยิ้ม “ถ้าพี่ใหญ่ลีย์ออกมา เรื่องนี้จะคลี่คลายได้ง่ายอย่างแน่นอน พี่ใหญ่ลีย์ฝึกฝนมานานถึงห้าปีแล้วข้าสงสัยว่าตอนนี้พี่ลีย์บรรลุไปถึงระดับใดแล้ว”
หน้าของทุกคนมีรอยยิ้มเมื่อพวกเขาพูดถึงลินลี่ย์
ที่สำคัญ วอร์ตัน เกทส์และซาสเลอร์ทำหน้าที่เป็นตัวแทนกลุ่มและเดินไปที่ประตูทางเข้าห้องฝึก
“รอสักครู่” ร่างของวอร์ตันคลุมไปด้วยชั้นปราณ และจากนั้นเขาเดินตรงเข้าไปในห้องมิติ
ครู่ต่อมา
“แครก แครก” ชั่วเวลาต่อมาวอร์ตันและลินลี่ย์ที่อยู่ในชุดยาวสีฟ้าและผมยาวสยายเดินผ่านกระแสพลังโจมตีออกมา ซาสเลอร์ เกทส์ เมื่อเห็นลินลี่ย์รู้สึกสบายใจมากขึ้นทันที
“เกทส์, ซาสเลอร์ เกิดอะไรขึ้นกับทุกคนหรือถึงต้องเร่งรีบมาหาข้า?” ลินลี่ย์พูดพลางยิ้ม