ตอนที่แล้วตอนที่ 388 ดินแดนฝันประหลาด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 390 ทำนองที่สี่ของขลุ่ยวิเศษ

ตอนทที่ 389 ทฤษฎีของผี่ผา 


ปิงวิเคราะห์อาวุธจักรกลวิญญาณใหม่ที่อยู่ต่อหน้าเขามันมีสีน้ำเงินเข้มคล้ายกับท้องฟ้า มันดูเหมือนพยัคฆ์ฟ้า แต่มีลายเส้นถูกแกะสลักไว้มาก ข้อต่อได้รับการพัฒนามากขึ้น ทุกๆ ข้อดูเหมือนจะสร้างอย่างประณีตและเอาใจใส่ทำให้ดูงดงามมาก  มันมองดูเหมือนพยัคที่มีชีวิตมีราศีสง่างาม

ปีกที่โปร่งแสงสีน้ำเงินเป็นประกายมีหกข้างซึ่งตรงราวกับดาบ

“นี่คืออาวุธจักรกลวิญญาณรุ่นใหม่ล่าสุดของท่าน  การรบเมื่อครั้งก่อนของท่านทำลายพยัคฆ์ฟ้าไปทั้งหมดโดยเฉพาะอย่างยิ่งจิตวิญญาณยุทธ ข้าใช้รังสีของจิตวิญญาณยุทธที่ยังเหลืออยู่ผสานเข้ากับจิตวิญญาณยุทธใหม่สร้างเป็นอาวุธจักรกลวิญญาณนี้

เซรีนขออภัยเนื่องจากนางรู้ว่าพยัคฆ์ฟ้ามีความหมายต่อปิง

“ขอบคุณ” ปิงส่ายศีรษะ “เจ้าทำอย่างดีที่สุดแล้ว”

“ใช่แล้ว” เซรีนเห็นด้วย “นี่คืออาวุธจักรกลวิญญาณที่แข็งแกร่งที่สุดที่ข้าเคยสร้างและพัฒนาขึ้น!  ถ้าท่านพบกับเย่เฉาเกอท่านต้องลองใช้อาวุธนี้สู้กับเขาอีก  ดูซิว่าเขายังสามารถทำลายมันได้เหมือนครั้งก่อนไหม    เพราะอาวุธจักรกลวิญญาณนี้ข้าได้ดำเนินการทดลองมากมายอย่างสมบูรณ์แบบและลองใช้กับคนที่ถังโฉ่วดูแลด้วย”

นางยังคงหมกมุ่นครุ่นคิดถึงการถูกทำลายของพยัคฆ์ฟ้า

สตรีมักจดจำความแค้นได้เสมอ...

ปิงหลั่งเหงื่อและเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “งั้นแนะนำข้าเรื่องผลงานประดิษฐ์ของเจ้าหน่อย  มันดูสวยงามดี!”

เซรีนกระตือรือร้น  “ไม่เพียงแต่ดูดีเท่านั้นแต่ท่านจะรู้ว่ามันทรงพลังมากเมื่อท่านลองใช้มัน ข้าลองค้นคว้ารูปแบบการต่อสู้ของท่านแล้ว และบอกตามตรง ข้าพบว่าพลังประจำตัวของท่านยังไม่ทรงพลังเทียบเท่าขุนพลวิญญาณผู้นำทหาร ข้าปรับแต่งมันให้เพิ่มพลังให้ท่านจนถึงระดับนายพลใช้กัน นี่คืออาวุธชิ้นแรกที่ข้าเคยสร้างให้ผู้นำกองทัพ”

“ออกแบบมาเพื่อผู้นำทหาร!”  ปิงตื่นเต้นปิงวิ่งเข้ามาหาเซรีน  “เจ้าทำได้ยังไง?”

อาวุธจักรกลวิญญาณพิเศษที่ใช้ได้โดยผู้นำกองทหารถูกกองทัพค้นคว้ามาหลายปีแล้ว  แต่เขาไม่สามารถสร้างมันออกมาได้

เซรีนกลับสร้างมันได้

เขาไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เขาได้ยิน

เซรีนผงะเพราะความตื่นเต้นของปิง  “ปัญหานี้ผี่ผาช่วยคลี่คลายให้”จากนั้นนางตะโกนเรียก “ผี่ผา ผี่ผา!”

“มาแล้วๆ” ผี่ผาตะโกนกลับข้ามมาจากห้องหนึ่งไม่ใช่ครั้งแรกที่นางถูกเซรีนเรียกให้มาช่วยงานประหลาดๆ

เมื่อนางเห็นปิงนางคำนับคารวะทันที “ใต้เท้าปิง!”

เซรีนโบกมือ“มานี่ ช่วยอธิบายให้นายพลปิงทราบถึงเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ที”

“อธิบายอะไร?” ผี่ผาถาม แม้ว่านางยังป่วยอยู่ แต่นางก็ดูดีกว่าแต่ก่อนมาก ผู้เฒ่าเฟ่ยยังไม่หยุดค้นคว้าเรื่องอาการป่วยของนาง  หลังจากใช้ความพยายามไปมาก  ก็มีความคืบหน้าให้เห็นจากการที่ผี่ผาอาการดีขึ้นเล็กน้อย

เซรีนตอบอย่างเหลืออด  “ก็เรื่องเกี่ยวกับกองทัพไงเล่าผู้นำทหารและนักสู้ โธ่เอ๊ย ยิ่งคิดข้าก็ยิ่งปวดหัว  เจ้าพูดดีกว่า”

“โอว, ข้าเพิ่งเข้าใจเดี๋ยวนี้” ผี่ผาตอบ  “สิ่งที่ข้าพูดอาจจะไม่ถูกต้องทีเดียว....”

“ไม่เป็นไร แค่บอกข้ามาว่าเจ้ารู้อะไร” ปิงอธิบายพยายามทำให้เสียงดูอบอุ่นและนุ่มนวลมากที่สุดเท่าที่ทำได้

“...ข้าข้าได้อ่านมาจากหนังสือยุคของสามกองทัพมหาอำนาจ กองทัพและผู้นำทหารถูกผลักดันเข้าสู่ความสับสน”  จากนั้นผี่ผาคืนสู่ความสงบ  นางค่อยๆ เรียกความมั่นใจกลับคืนมา  “ข้าคิดว่านี่สืบเนื่องมาจากวิวัฒนาการของวิทยายุทธ  หลังจากยุคสามกองทัพมหาอำนาจ ความหลากหลายของวิทยายุทธและนักสู้ผู้แข็งแกร่งปรากฏออกมา ในไม่ช้าพัฒนาการของวิทยายุทธก็ขึ้นสู่จุดสูงสุดก่อนก่อเกิดวิชาจิตวิญญาณที่แข็งแกร่ง แม้แต่พลังส่วนบุคคลก็เข้าถึงระดับที่สูงส่ง”

“ภายใต้สถานการณ์เหล่านี้  ความได้เปรียบของการมีนักสู้จำนวนมากถูกแทนที่โดยสุดยอดนักสู้ ดังนั้นสวรรค์วิถีถูกควบคุมโดยสุดยอดนักสู้  เป็นช่วงระหว่างเวลาที่องค์การวิญญาณมืดและสมาพันธ์ชาวยุทธเกิดขึ้นมาถ้ายุคสามกองทัพมหาอำนาจถูกมองว่าเป็นยุคของกองทัพ  อย่างนั้นหลังจากนั้น ก็ควรจะเป็นยุคของนักสู้”

ปิงรู้สึกทึ่งแต่เขาเห็นด้วย  ผี่ผาอธิบายได้ตรง

“ตั้งแต่แรกเริ่มยุคนักสู้ก็มีการพัฒนาที่หลากหลาย  การค้นคว้าจิตวิญญาณพลังยุทธทำให้เกิดพัฒนาการนับไม่ถ้วน  การฝึกฝนวิชาทางกายเป็นเรื่องง่ายมากขึ้น  ตอนนี้เกือบทุกคนเรียนรู้วิทยายุทธหนึ่งหรือสองอย่าง  วิทยายุทธกำลังกลายเป็นระบบใหม่ที่สุดยอดเมื่อสองร้อยปีมาแล้ว  ความแข็งแกร่งระหว่างนักสสู้กลายเป็นว่ามีความใกล้ชิดกัน ประโยชน์ของการมีจำนวนนักสู้มาก และตอนนี้กลับมาเกี่ยวข้องอีกครั้ง  กลับเป็นราชสีห์เลโอนเพิ่งค้นพบปรากฏการณ์นี้”

ผี่ผายิ้มแย้มแจ่มใส  ขณะที่นางพูดคำพูดสุดท้ายพูดด้วยความเร็วพอดีไม่เร่งหรือไม่ช้า กลับทำได้พอดีๆ

“พญาราชสีห์ เลโอน?” ปิงตกใจ

“ถูกแล้ว” ผี่ผาพยักหน้า “ราชสีห์เลโอนเริ่มสร้างกองทัพของเขาเอง หลังจากกองทัพของราชสีห์เลโอนถูกก่อตั้งขึ้น  นอกจากนี้เขาไม่เคยพบกับความพ่ายแพ้  เพราะตอนนั้นผู้คนเห็นประจักษ์ถึงพลังของกองทัพและความสำคัญของผู้นำทัพกลายเป็นที่น่าสนใจสำหรับหลายคนกองทัพได้รับความนิยม

“เจ้ากำลังพูดถึงว่ายุคกองทัพจะเกิดขึ้นมาอีกครั้งหรือ?”  ปิงถาม เขาไม่กล้าดูแคลนความรู้ที่สาวน้อยผู้นี้มี

“ไม่เลย มันจะกลายเป็นยุคที่มีความยุ่งเหยิงแทน”  ผี่ผาสั่นศีรษะ

“ยุคแห่งความวุ่นวาย?”  ปิงประหลาดใจ

“ถูกแล้วเพราะตอนนี้ไม่มีความได้เปรียบชัดเจนระหว่างกองทัพและสุดยอดฝีมือ  ทั้งสองอย่างมีความคู่คี่กัน  ดังนั้น จะกลายเป็นยุคแห่งความยุ่งเหยิง”

ผี่ผารำพึงและตอบ“ในยุคแห่งความวุ่นวาย คนขับเคลื่อนที่สำคัญก็คือเลโอนและอาวุธจักรกลวิญญาณที่เซรีนสร้างขึ้นมา”

เซรีนกระตือรือร้นดีใจ  หน้าของนางมีความภูมิใจ  “ฮ่าฮ่า น้องสาวเจ้านำข้าเข้าไปเทียบกับราชสีห์เลโอน เจ้ายกย่องผู้พี่เกินไปแล้ว”

ปิงทึ่งกับสิ่งที่ผี่ผาพูด  เขาจ้องมองนางและถาม  “ทำไมเจ้าถึงพูดเช่นนั้น?”

“เพราะจิตวิญญาณเป็นองค์ประกอบที่สำคัญมากที่สุด”  ผี่ผาตอบ“อาวุธจักรกลและอาวุธจักรกลวิญญาณไม่ใช่อาวุธแค่ยุคเดียว อาวุธจักรกลวิญญาณเป็นเหมือนสมบัติลับที่สามารถเพิ่มพลังได้ตลอดเวลา  จะมีความเหนืออาวุธสมบัติเนื่องจากผลิตออกมาได้จำนวนมาก  ข้าไม่มีข้อมูลกองทัพของเลโอนมากนัก  แต่ข้าคาดได้ว่ากลยุทธการต่อสู้ของเขาคงต้องใช้จิตวิญญาณยุทธในการรบ”

ปิงพูดไม่ออกเนื่องจากเขาพยายามแยกแยะสิ่งที่ผี่ผาได้บอกเขา

หลังจากเสร็จแล้วความเชื่อมั่นในตอนแรกของผี่ผาหายไปหมดแล้ว ตอนนี้นางดูเต็มไปด้วยความกลัวและกระวนกระวาย

“นี่, ลุงหน้าไพ่  สาวน้อยกลัวหมดแล้ว  พูดอะไรบ้างสิ!”เซรีนพูดอย่างเหลืออด

ปิงเรียกความรู้สึกกลับคืนมาและมองผี่ผาด้วยความรู้สึกขออภัย  “ข้าคิดเพลินไปหน่อย แต่ข้ารู้สึกว่าสิ่งที่เจ้าพูดนั้นสมเหตุผล  เจ้าคิดยังไงกับเรื่องนั้น?”

“ข้า.. ข้าอ่านมาจากหนังสือเล่มหนึ่ง”  ผี่ผมตอบอ้อมแอ้ม

ปิงยกย่องนาง“เจ้าคืออัจฉริยะ”

ผี่ผาอายเพราะคำยกย่อง“นั่นเป็นแค่ความคิดฝ่ายเดียวของข้า ข้าไม่รู้ว่าจะถูกหรือเปล่า”

“คำพูดของเจ้ามีผลกระทบต่อข้ามาก”  ปิงกล่าว“เราคงได้แต่คอยดูว่าสิ่งที่เจ้าพูดจะถูกต้อง”

“ถ้าคุณชายอยู่ที่นี่ด้วยทุกอย่างจะไม่เป็นอะไร..” ผี่ผาตอบอย่างอ่อนโยน  ในสายตานางนางยังรู้สึกว่าถังเทียนแข็งแกร่งทรงพลังที่สุด

เซรีนพลอยขมวดคิ้วไปด้วย  “เฮ้, เจ้าเด็กนั่นไปไหน?  ไม่เจอตั้งหลายวัน เป็นเจ้านายประสาอะไร? ฐานทัพนี้อยู่ภายใต้การดูแลของเขาแท้ๆ  เขาไม่สนใจฐานนี้หรือไง,ข้าควรจะเรียกเขามาและรีดเงินออกจากกระเป๋าของเขาบ้าง”

ปิงก็ขมวดคิ้ว  เขาคิดอยู่ “การฝึกของเขาครั้งนี้ดูเหมือนจะใช้เวลานานเกินไป...”

เกี่ยวกับพลังของถังเทียนทะเลกระจกครามน่าจะถูกเขาควบคุมได้

เป็นเวลาสองเดือนแล้วที่ยังไม่มีวี่แววของเขา

แต่ทันทีที่ทะเลกระจกครามเปิดการใช้งาน  จะไม่มีทางเปิดได้จากด้านนอก นอกจากนี้ค่ายทหารจะยังทำงานได้ดีแม้จะไม่มีการปรากฏตัวของถังเทียน  ปิงยังเบาใจเรื่องนั้น

เซรีนหมดความสนใจทันทีหลังจากชะงักไป  “เขาชอบทำอะไรตามใจตัวเอง  ข้าจะไม่สนใจเขาต่อไปอีกแล้ว”

ทันใดนั้นสัญญาณเตือนภัยดังขึ้นในอากาศ

ปิงมีสีหน้าเต็มไปด้วยรังสีฆ่าฟัน

“เยี่ยมเลย,ตอนนี้ท่านสามารถออกไปลองได้แล้ว” เซรีนอุทาน

ปิงตอบ  “ข้าจะไปดูก่อน  ปิดประตู”

หลังจากพูดจบเขาสวมชุดจักรกลวิญญาณชุดใหม่และออกไปทันที

เมื่อสัญญาณเตือนภัยดังขึ้นครั้งแรก  ป้อมบรอนซ์ตกอยู่ในความเงียบชั่วขณะภายในไม่กี่วินาทีก็กลายเป็นโกลาหล

แสงทั้งหมดฉายไปทั่วป้อมทั้งหมดสว่างไสว

“หน่วยที่หนึ่งเตรียมพร้อม  เป้าหมายของพวกเจ้าคือ ค่ายฝึกอบรมไปที่นั่นเร็วเข้า!”  ม่อจื่อหวีตะโกน  เขาตื่นเต้นขณะที่วิ่งไปที่คลังแสงทหาร  พวกเขายังคงฝึกฝนไม่เสร็จ  ดังนั้นอาวุธจักรวิญญาณที่ใช้ประจำถูกเก็บไว้ที่คลังแสง

“หน่วยที่สอง!ตามมา!” ม่ออู๋เว่ยตะโกนบอกอย่างเยือกเย็น

เงาร่างมากมายตามผู้นำทั้งสองไป  บางคนยังไม่ทันได้แต่งตัว สวมแต่เพียงกางเกงขาสั้นเท่านั้น  ทุกคนรู้ว่าเวลามีค่า

ถังโฉ่วประจำที่เกิดเหตุแล้ว  หน้าของเขาถมึงทึงแน่วแน่และไม่เปลี่ยนแปลง

ศึกแรกของข้ากำลังจะมา...

เขาไม่สามารถเข้าใจไฟที่กำลังเผาผลาญอยู่ภายในตัวเขา  เขากำลังโหยหาการรบ....

เสียงของกระบี่และโล่กระทบกันในอากาศ เขาสามารถเห็นเงามากมายในระยะไกลกำลังปีนกำลังแพงชั้นนอก

จำนวนศัตรูประมาณหลายร้อยมีพลังที่น่ากลัว พวกเขามีมาตรฐานพลังราวๆ ระดับหก มีอยู่สองสามคนที่แข็งแกร่งมากสามารถหลบกับดักที่ติดตั้งไว้ที่กำแพงป้องกัน  ด้วยการนำของนักสู้ที่มีฝีมือเหล่านี้ศัตรูสามารถเล็ดรอดผ่านการป้องกันและกับดักได้

ถังโฉ่วยังคงอยู่ในสภาพสงบ  ศัตรูเป็นโจรกลุ่มใหญ่  พวกเขามีผู้นำที่แข็งแกร่งหลายคนคอยแนะนำพวกเขา

ทันใดนั้นเสียงซอโหยหวนดังขึ้นมาจากความมืดสร้างความหวาดกลัวให้กับคนเหล่านั้น กลับเป็นบทเพลงโศกศัลย์จับใจของผู้คน

เฒ่าบอดซอกำศรวลโจมตีแล้ว

มีเงาร่างนับไม่ถ้วนที่กำลังแนบร่างกับกำแพง  นักสู้บางส่วนมีพลังต่ำทราบใครก็มองออกว่าพวกเขากลัวการต่อสู้

ในท่ามกลางความมืดสีหน้าของบุรุษวัยกลางคนเปลี่ยน เขามีพลังที่แข็งแกร่งน่ากลัว เมื่อเขาได้ยินเสียงเครื่องสายพวกเขารู้ว่าพลังของเฒ่าบอดซอกำศรวลแข็งแกร่งมากกว่าที่พวกเขาคาด

ด้วยพลังขนาดนี้เขาไม่ใช่พวกที่อยู่ท้ายของทำเนียบสวรรค์วิถีแน่นอน

บุรุษคนหนึ่งหันไปรอบๆและตะโกนทันที

“อาหมิง!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด