ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 30 หากภักดีจะได้ติดตามข้า หากต่อต้านฆ่าไม่เลี้ยง
ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 30 หากภักดีจะได้ติดตามข้า หากต่อต้านฆ่าไม่เลี้ยง
โหลวหยวนเชื่อฟังตามเจตจำนงวิญญาณของฉู่เซวียน
นั่นคือเหตุผลว่าเหตุใดเขาจึงกล่าวว่าได้รับวาสนาและต้องการเป็นเจ้าลัทธิมาร
หากติดตามโหลวหยวน พวกเขาจะพบว่าความแข็งแกร่งของโหลวหยวนน่าสะพรึงกลัวเป็นอันมาก
และพวกเขาก็จะรู้สึกว่าโหลวหยวนได้รับวาสนา ความแข็งแกร่งของเขาเลยบังเอิญพุ่งทะยานขึ้น ทำให้เขาเกิดความทะเยอทะยานจนปรารถนาตำแหน่งเจ้าลัทธิมาร
ผู้อาวุโสทุกคนต่างหน้าดำคล้ำ
โดยเฉพาะผู้อาวุโสที่แข็งแกร่งกว่าโหลวหยวน เมื่อเห็นโหลวหยวนอวดดีก็คิดว่าเขารนหาที่ตาย
ลัทธิมารล้วนมีแต่คนชั่วร้าย
“โหลวหยวน เจ้ากำลังกล่าวอันใด? ถึงเราทุกคนเป็นพี่น้องกัน แต่เรื่องบางเรื่องก็ใช่ว่าจะล้อเล่นกันได้!”
เจิ้งตูรีบกล่าว
เขามีความสัมพันธ์อันดีกับโหลวหยวน ทั้งสองอยู่ฝ่ายเดียวกัน อาจกล่าวได้ว่าพวกเขาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเพื่อช่วยเพิ่มสิทธิในการออกเสียงในลัทธิมาร
ทว่าโหลวหยวนกลับจ้องเขม็งกลับมาที่เขา
“เจิ้งตู เจ้าขยะ ช่างน่าสมเพชเสียจริงที่ข้าเคยร่วมมือกับเจ้า!”
มารดาเจ้าเถอะ
เจิ้งตูโมโหจนหน้าเขียวปั๊ด
เจ้าโหลวหยวนเอาสมองกลับมาไม่ได้แล้วจริง ๆ !
“จงบอกมา ใครต่อต้าน ใครติดตามข้า”
โหลวหยวนได้เหยียดหยามทุกคน
“พักดีจะได้ติดตามข้า ต่อต้านข้าจะฆ่าไม่เลี้ยง!”
เจ้าสารเลว!
ผู้อาวุโสทุกคนต่างพากันโกรธเกรี้ยว
แม้แต่เจ้าลัทธิก็ไม่กล้ากล่าวจาโอหังเช่นนี้
โหลวหยวนมีสิทธิ์อะไรในการกล่าวจาเช่นนี้?
เจ้าคิดว่าตนเองเป็นผู้ยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิต้าเซี่ยหรือ?
“หากข้าค้าน! เจ้าจะทำอย่างไรล่ะ”
เจิ้งตู่ลุกขึ้นมากล่าวด้วยความโกรธเป็นคนแรก
เจิ้งตู่ตัดสินใจแล้วว่าหลังจากวันนี้ เขาจะไม่ร่วมมือกับโหลวหยวนอีกแล้ว ชายผู้นี้ต้องป่วยทางจิต หากเขาอยู่ใกล้โหลวหยวน สักวันหนึ่งเขาคงจะถูกโหลวหยวนพาไปตาย
“ดี งั้นก็ลงนรกซะ!”
โหลวหยวนเคลื่อนไหวในทันที
ตูม!
ดาบฟันออกไป
โหลวหยวนเปิดฉากโจมตีด้วยพลังมหาศาล
เจิ้งตูคิดไม่ถึงว่าโหลวหยวนจะลงมือจริง ๆ
เจิ้งตูไม่ทันได้ตั้งตัว ด้วยเวลากระชั้นชิดเขาได้แต่สกัดกั้นอย่างรีบร้อน
ผัวะ!
แขนข้างหนึ่งถูกแยกออกจากร่างกายของเจิ้งตู เลือดเนื้อกระจายไปทั่วซึ่งสะท้อนกับแสงของคมดาบ!
“อ๊าก!”
เจิ้งตู่และโหลวหยวนนั้นมีความแข็งแกร่งใกล้เคียงกัน แต่อยู่ ๆ โหลวหยวนก็แข็งแกร่งขึ้นจนเขาสกัดกั้นไม่ได้แม้แต่กระบวนท่าเดียว
เจิ้งตูได้รับบาดเจ็บสาหัสทันที!
“โหลวหยวน เจ้าบ้าไปแล้ว”
โชคดีที่ผู้อาวุโสซึ่งอยู่ใกล้เจิ้งตูได้เคลื่อนไหวช่วยเหลือ เจิ้งตู่จึงไม่ตายคาที
“ดี เจ้าบังอาจต่อต้านข้า แล้วขัดขวางไม่ให้ข้าสังหารมัน? งั้นจงตายเสียเถอะ!”
โหลวหยวนโมโหเป็นอันมาก เขาเริ่มลงมือโจมตีอีกครั้ง
เจ้าสารเลว!
ผู้อาวุโสคนนั้นโกรธเกรี้ยว เขารีบสกัดกั้นอย่างรวดเร็ว
โหลวหยวนเป็นบ้าไปแล้ว
“โหลวหยวนหยุดมือเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นอย่าตำหนิว่าพวกเราไม่สุภาพ!”
ผู้อาวุโสทุกคนต่างก็ตกตะลึงและพากันโกรธเกรี้ยว
“บังอาจ!”
โหลวหยวนเต็มไปด้วยความโกรธ
“คนที่ติดตามข้าอยู่ คนที่ต่อต้านข้าตาย ในเมื่อพวกเจ้าบังอาจท้าทายข้า พวกเจ้าก็จงตายซะให้หมด!”
โหลวหยวนลงมือโจมตีด้วยพลังอันรุนแรงอย่างต่อเนื่อง เขาต่อสู้กับผู้อาวุโสทั้งหมดด้วยตัวคนเดียว
ผู้อาวุโสลัทธิมารแทบจะกระอักเลือด โหลวหยวนเป็นบ้าไปแล้ว ทั้งคำกล่าวจาและท่าทางของเขาเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง เขาคิดว่าตนเองเป็นจักรพรรดิมารหรือ?
“สังหารมัน! มันเป็นบ้าไปแล้ว สังหารมัน!”
เจิ้งตูกล่าวด้วยความโกรธจัด
“ข้าจะสังหารเจ้าก่อนเอง!”
โหลวหยวนคำรามลั่น พลังอันมหาศาลก็ประทุออกมาจากร่างกายของเขา
การโจมตีของเขากวาดออกไปทันที ต่อให้มีคนพยายามช่วยกันสกัดกั้น เจิ้งตูก็ยังกลายเป็นศพ!
สังหารครั้งแรกสำเร็จ!
ผู้อาวุโสทุกคนต่างตกตะลึง
พลังอันมหาศาลที่ประทุออกมาจากร่างกายของโหลวหยวนเต็มไปด้วยความทรงพลังและน่าสะพรึงกลัว
พวกเขาสัมผัสได้ถึงความอันตราย
โหลวหยวนบังเอิญได้รับวาสนาจริงด้วย!
ไม่แปลกใจเลยที่โหลวหยวนทำตัวบ้าคลั่งเช่นนี้!
ไม่สิ เป็นไปได้มากว่าโหลวหยวนอาจได้รับผลกระทบจากพลังนี้และเสียสติไปแล้ว
การสู้รบปะทุขึ้น
โหลวหยวนสู้กับผู้อาวุโสลัทธิมารหลายคนเพียงลำพัง
ในหมู่ผู้อาวุโส ความแข็งแกร่งของโหลวหยวนไม่ถือว่าแข็งแกร่งมากนัก
อย่างไรก็ตาม ด้วยพลังวิญญาณที่ฉู่เซวียนฝังเอาไว้ในร่างกายของโหลวหยวน ทำให้เขาเต็มไปด้วยพลังมหาศาล
ภายในเวลาอันสั้น โหลวหยวนก็ได้สังหารผู้อาวุโสไปแล้วสองคน
ผู้อาวุโสที่เหลือต่างโกรธจัด แม้ว่าพวกเขาจะร่วมมือกันก็ยังรู้สึกกดดันอยู่ดีทั้งยังเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายได้ทุกเวลา
พลังลึกลับภายในร่างกายของโหลวหยวน ทำให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัวและกังวลใจ
พวกเขาต้องการหลบหนี แต่โหลวหยวนขวางทางเข้าไม่ยอมปล่อยให้พวกเขาออกไป
การสู้รบหนักหน่วงรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
ต้องไม่ลืมว่าฉู่เซวียนได้มอบพลังวิญญาณขอบเขตจริงแท้ให้แก่โหลวหยวน แม้เพียงเศษเสี้ยวก็มากพอที่จะสังหารยอดฝีมือขอบเขตว่างเปล่า
ผู้อาวุโสคนหนึ่งตกอยู่ภายใต้การประทุพลังอันมหาศาลของโหลวหยวน
และร่างกายของโหลวหยวนก็ค่อยๆ ปรากฏรอยแตกร้าวเช่นกัน
ภายใต้การปะทุของพลัง ร่างกายของโหลวหยวนไม่สามารถทนต่อการใช้พลังวิญญาณขอบเขตจริงแท้ได้อย่างต่อเนื่อง
เมื่อการต่อสู้ใกล้จะสิ้นสุดลง ก็เหลือผู้อาวุโสที่แข็งแกร่งที่สุดเพียงสี่คนเท่านั้น
โหลวหยวนเองชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้ายเช่นกัน
ผู้อาวุโสทั้งสี่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่เมื่อพวกเขาคิดถึงจำนวนผู้อาวุโสที่ล้มตายไป ลัทธิมารจะต้องสูญเสียครั้งใหญ่หลังจากจบการต่อสู้ครั้งนี้ พวกเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกทุกข์ระทมใจ
เจ้าสารเลวโหลวหยวน! เหตุใดมันถึงไม่ระเบิดตัวตายไปซะ?
เหตุใดมันถึงกลับมาทำร้ายคนอื่น!
“ตาย! มาตายด้วยกันเถอะ!”
อย่างคาดไม่ถึง อยู่ ๆ โหลวหยวนก็พุ่งเข้ามาหาพวกเขา ร่างกายของเขาขยายใหญ่ขึ้น เขากำลังจะระเบิดตัวเอง!
แย่แล้ว!
ผู้อาวุโสทั้งสี่หวาดกลัวจับใจ โหลวหยวน ไอ้เลวระยำนั่นกำลังจะระเบิดตัวเองและลากพวกเขาไปตายด้วยกัน!
ตูม!
พลังวิญญาณโหมกระหน่ำ ตำหนักใต้ดินพังทลาย ฝุ่นควันฟุ้งกระจายวอนไปทั่ว
หลังจากเวลาผ่านไปโดยไม่ทราบว่านานเท่าใด มือเปื้อนเลือดข้างหนึ่งก็โผล่ยื่นออกมาจากฝุ่นควัน ตัวเขาชโลมไปด้วยเลือดและบาดแผลทั่วร่างซึ่งคลานออกมา เขาสูญเสียแขนและขาไปอย่างละข้าง
ในหมู่ผู้อาวุโสทั้งหมด เขาเป็นคนเดียวที่รอดชีวิต
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังได้รับบาดเจ็บหนัก อาจกล่าวได้ว่าเขาพิการครึ่งหนึ่งก็ไม่ผิด!
หยวนฉ่งรีบพุ่งเข้าไปด้านในด้วยสีหน้าตื่นตระหนก เขาเพิ่งมาถึงก็ตอนที่ตำหนักใต้ดินระเบิด เขาคิดว่ายอดฝีมือของแคว้นจื่อเย่วกำลังโจมตี ดังนั้นเขาจึงรีบมาช่วยพวกผู้อาวุโส
พอมาถึง หยวนฉ่งก็เห็นผู้อาวุโสใหญ่คลานลมหายใจโรยรินอยู่บนพื้น
“ฝีมือใคร? แล้วคนอื่นอยู่ที่ใด?”
หยวนฉ่งถามด้วยความโกรธแค้นเมื่อหาศัตรูไม่เจอ
“เป็นฝีมือไอ้เลวระยำโหลวหยวน!”
ผู้อาวุโสใหญ่กระอักเลือดออกมา เขาโกรธจนแทบกระอักเลือดตาย
สายตาที่ผู้อาวุโสใหญ่มองไปยังหยวนฉ่งไม่ได้เป็นมิตรมากนักเช่นกัน
หากหยวนฉ่งไม่แนะนำให้ไปจับตัวบุตรชายของฉู่ชิวหลัว โหลวหยวนก็คงไม่อาสาแล้วสิ่งเหล่านี้คงไม่เกิดขึ้นตั้งแต่แรก
“โหลวหยวน?”
หยวนฉ่งตกตะลึง
โหลวหยวนแข็งแกร่งเช่นนี้ได้อย่างไร?
“แล้วคนอื่นอยู่ที่ใด”
“คนอื่นตายหมดแล้ว เหลือข้าเพียงคนเดียว”
ผู้อาวุโสใหญ่กระอักเลือดออกมาขณะที่เอ่ยคำนั้น
สมองของหยวนฉ่งแข็งค้างทันที พวกเขาตายหมดแล้วหรือ?
ผู้อาวุโสอย่างน้อยเจ็ดในสิบส่วนถูกกำจัดหมด?
นี่คือการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่สำหรับลัทธิมารแห่งของแคว้นจื่อเย่ว!
หลังจากสูญเสียอย่างหนักเช่นนี้แล้ว เขาจะแข่งกับเจ้าลัทธิมารคนอื่นได้อย่างไร
ราชสำนักก็คงจะไม่พอใจเขาและรู้สึกว่าเขาไร้ความสามารถ!
ผู้อาวุโสใหญ่ที่ยังกระอักเลือดมองไปยังหยวนฉ่งซึ่งกำลังทำหน้ามึนงง เขาก็กัดฟันด้วยความโกรธจัด
มารดามันเถอะ รีบมาช่วยข้าเร็วๆ สิ! เจ้ามัวมึนงงอะไรอยู่?
หลังจากนั้นไม่นาน ในที่สุดหยวนฉ่งก็กลับมามีสติ เขาหยิบโอสถออกมาช่วยชีวิตผู้อาวุโสใหญ่ แล้วถามถึงเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังลงมือของโหลวหยวน
…
“โฮสต์ไม่ออกจากบ้านแต่กลับสังหารศัตรูจากหมื่นลี้ โฮสต์ได้รับรางวัลคือการฝึกฝนพลังยุทธ์สิบปีและระเบิดอัศนีหนึ่งกล่อง”
เสียงของระบบดังขึ้น ฉู่เซวียนรู้สึกมีเรี่ยวแรงขึ้นมาทันที
รางวัลสำหรับการโต้กลับครั้งนี้ค่อนข้างดีทีเดียว
หลังจากได้รับการฝึกฝนพลังยุทธ์สิบปี คลื่นแห่งความรู้แจ้งก็ไหลเข้าสู่ร่างกายและวิญญาณของฉู่เซวียน
พลังยุทธ์ค่อยๆ เพิ่มขึ้นจากขอบเขตจริงแท้ขั้นที่หนึ่งไปยังขั้นที่สาม
อย่างที่คาดเอาไว้ ยิ่งขอบเขตสูงเท่าใด พลังยุทธ์ก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเชื่องช้าเท่านั้น
การฝึกฝนพลังยุทธ์สิบปีได้ช่วยเพิ่มพลังยุทธ์ของฉู่เซวียนสองขั้นย่อยเท่านั้น
ฉู่เซวียนมองไปที่ระเบิดอัศนี
ระเบิดอัศนีคืออาวุธวิญญาณแบบใช้ครั้งเดียวซึ่งมีเศษเสี้ยวของพลังแห่งสายฟ้า มันมีผลอย่างมากต่อผู้ฝึกยุทธ์มาร
เมื่อระเบิดอัศนีระเบิดขึ้น พลังของการระเบิดนั้นมากพอที่จะทำร้ายยอดฝีมือขอบเขตจริงแท้ขั้นที่หนึ่งได้อย่างรุนแรง
ภายใต้ขอบเขตจริงแท้ เว้นแต่จะมีสมบัติป้องกันอันทรงพลัง ไม่เช่นนั้นก็ปางตายอย่างแน่นอน
เมื่อใช้กับผู้ฝึกยุทธ์มาร พลังของมันยิ่งแล้วใหญ่ มันสามารถทำร้ายผู้ฝึกยุทธ์มารขอบเขตจริงแท้ขั้นที่สองได้อย่างรุนแรง
ฉู่เซวียนเข้าใจแล้ว นี่คือระเบิดมือในโลกแฟนตาซีนี่เอง
เขาตัดสินใจแล้วว่าหากมีสาวกมารมารังครานเขาอีก เขาจะขว้างระเบิดอัศนีไปสักสองสามลูก
หรือเขาน่าจะไปที่จักรวรรดิต้าเซี่ยแล้วขว้างระเบิดสักหลายลูกดี!