ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 29 การสวนกลับหมื่นลี้
ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 29 การสวนกลับหมื่นลี้
ฉู่เซวียนก้มหน้ามองโหลวหยวนก่อนเอ่ยว่า “เจ้าเป็นใคร? เจ้ามาจากลัทธิมารรึ? ข้าอยากรู้นักตัวตนบุตรชายของฉู่ชิวหลัวเป็นโด่งดังขนาดนั้นเลยหรือ?”
โหลวหยวนใจเย็นลง เขาสัมผัสได้ว่าในบ้านหลังเล็กนี้ไม่มียอดฝีมือของตระกูลฉู่ มีเพียงบุตรชายของฉู่ชิวหลัวและอสูรอสรพิษที่พันตัวของเขาอยู่
เช่นนั้นจึงไม่ใช่เหยื่อล่อตระกูลฉู่วางเอาไว้ แต่เป็นบุตรชายของฉู่ชิวหลัวซึ่งได้รับการปกป้องจากสัตว์อสูรขอบเขตว่างเปล่า
ฉู่ชิวหลัวทิ้งสัตว์อสูรไว้ให้บุตรชายของเขา?
หรือว่าฉู่ชิวหลัวได้ทะลวงไปยังขอบเขตรวมศูนย์ แล้วฝึกสัตว์อสูรขอบเขตว่างเปล่าให้เชื่องได้?
โหลวหยวนไม่ตอบ เนื่องจากเขาไม่ได้ถูกซุ่มโจมตี เขาก็รู้สึกว่าตนเองยังมีโอกาสหลบหนี
เขาแอบไหลเวียนพลังวิญญาณ มองหาจุดอ่อนของอสูรอสรพิษเพื่อเตรียมการหลุดออกจากพันธนาการของอสูรอสรพิษแล้วจับตัวฉู่เซวียนทันที เช่นนี้ภารกิจของเขาก็จะเสร็จลุล่วงซะที
“ไม่อยากกล่าวรึ? ไม่เป็นไร”
ฉู่เซวียนยิ้มอย่างเฉยเมย
ทันใดนั้น อสรพิษก็อ้าปากอันขนาดมหึมาและกลืนโหลวหยวนทั้งที่กำลังจ้องมองด้วยดวงตาเบิกกว้างอยู่
หลังจากที่กลืนโหลวหยวนเข้าไป อสรพิษก็ค่อยๆ แตกสลายพร้อมกับโหลวหยวนที่ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง อสรพิษได้รวมเข้ากับร่างกายของเขา
อสรพิษตัวนี้ถูกสร้างจากพลังวิญญาณของฉู่เซวียน
พลังวิญญาณนี้จะซ่อนอยู่ในร่างกายของโหลวหยวน ทำให้เขามีพลังวิญญาณอันไร้ที่สิ้นสุดและช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้เขา
โหลวหยวนตกตะลึง เหตุใดอสูรอสรพิษถึงสลายไปล่ะ?
โหลวหยวนไม่มีเวลาคิดหาเหตุผล เขารีบยกมือเพื่อคว้าตัวของฉู่เซวียน
ทว่าสิ่งที่ทำให้เขาหวาดกลัวก็เกิดขึ้น
จู่ๆ เต่ายักษ์ก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าฉู่เซวียน มันใช้กระดองของมันป้องกันการโจมตีของเขา
เขาไม่รู้ว่าเต่ายักษ์ตัวนี้ปรากฏตัวขึ้นได้อย่างไร
โหลวหยวนเกิดความคิดที่หวาดกลัวขึ้นมาจับใจ
พลังที่เสกสร้างสรรพสิ่งให้เป็นจริง!
เอกลักษณ์ของยอดฝีมือขอบเขตจริงแท้
เต่ายักษ์ตรงหน้าเขาหรืออสรพิษยักษ์ตัวก่อนต่างก็เป็นสัตว์อสูรจริงๆ ไม่ว่าเขาจะมองอย่างไร ไม่ว่าจะตาเปล่าหรือเจตจำนงวิญญาณ สัตว์อสูรทั้งสองต่างก็เป็นสัตว์อสูรที่มีเลือดเนื้อ
ทว่าพวกมันปรากฏตัวขึ้นอย่างฉับพลันเกินไป
ต่อให้เอาออกมาจากถุงสัตว์อสูรก็ไม่ปรากฏตัวในทันที น่าจะมีร่องรอยที่เขาสามารถตรวจจับได้
หนังศีรษะของโหลวหยวนด้านชา ใบหน้าของเขาซีดเผือด!
ยอดฝีมือขอบเขตจริงแท้!
ตระกูลฉู่ครอบครองยอดฝีมือขอบเขตจริงแท้ อีกทั้งยังเด็กขนาดนี้?
โหลวหยวนมองไปยังหน้าตาอันหล่อเหลาของฉู่เซวียน ทันใดนั้นเขาก็เห็นเงาของฉู่ชิวหลัวอย่างคลุมเครือ
“เจ้า เจ้าคือฉู่ชิวหลัว?”
หัวใจของเขากำลังสับสนวุ่นวาย ข่าวของฉู่ชิวหลัวและภรรยาที่หายตัวไปขณะสำรวจเขตแดนลับจะต้องเป็นข่าวปลอม!
ฉู่ชิวหลัวได้ทะลวงไปยังขอบเขตจริงแท้แล้ว ตระกูลฉู่ได้สร้างเรื่องโกหกอันซับซ้อนนี้ขึ้นมาก็เพื่อปกปิดมัน
หากฉู่ชิวหลัวทะลวงไปยังขอบเขตจริงแท้ในเวลาอันสั้นๆ ได้เช่นนี้ ไม่ใช่ว่าในอนาคตเขาอาจทะลวงไปยังขอบเขตจักรจักรพรรดิได้หรือ?
บางทีฉู่ชิวหลัวอาจได้รับโชควาสนา เพื่อหลีกเลี่ยงการตกเป็นเป้าหมายของขุมอำนาจใหญ่ในแผ่นดินหนานโจว เขาจึงวางแผนนี้ขึ้นมาโกหกว่าหายตัวไป แต่ความจริงแล้วซ่อนตัวอยู่ในตระกูลฉู่
เขาถึงกับเปลี่ยนรูปลักษณ์ของตนเองด้วยซ้ำ!
ยิ่งเขาคิดมากเท่าไร โหลวหยวนก็ยิ่งรู้สึกว่าสถานการณ์ดังกล่าวเป็นไปได้ เหงื่อเย็นเยียบหยดลงมาจากหน้าผากโดยไม่รู้ตัว
เขาค้นพบความลับอันยิ่งใหญ่และกำลังจะถูกฆ่าปิดปาก!
“ข้าชื่อฉู่เซวียน บุตรชายของฉู่ชิวหลัว ไม่ต้องกลัวไป ข้าจะไม่สังหารเจ้า”
ฉู่เซวียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เอาล่ะ บอกข้ามาว่าเจ้ามาจากลัทธิมารสาขาไหน”
โหลวหยวนเต็มไปด้วยเหงื่อเย็นเยียบ เขาไม่กล้าปิดปังแล้วกล่าวด้วยเสียงสั่นเครือ “ข้า... ข้าไม่ได้มาจากลัทธิมารแห่งแคว้นฉิน ข้าคือโหลวหยวนผู้อาวุโสลัทธิมารแห่งแคว้นจื่อเย่ว”
ฉู่เซวียนตกตะลึง อีกฝ่ายเพิ่งกล่าวว่าแคว้นจื่อเย่ว?
แคว้นจื่อเย่วอยู่ติดกับแคว้นฉิน และแคว้นฉู่ก็อยู่ติดกับเมืองหนึ่งของแคว้นจื่อเย่ว
ในด้านความแข็งแกร่ง แคว้นจื่อเย่วแข็งแกร่งกว่าทุกคนตระกูลในแคว้นฉิน อย่างไรก็ตาม หากทั้งสี่ตระกูลรวมกันเป็นหนึ่ง ความแข็งแกร่งโดยรวมของแคว้นฉินไม่ด้อยกว่าแคว้นจื่อเย่วเลย
“เจ้ามาจากแคว้นจื่อเย่ว... เหตุใดเจ้าถึงมายังดินแดนของแคว้นฉินเพื่อจับตัวข้า?”
ฉู่เซวียนก่นด่าอยู่ในใจ พวกคนจากลัทธิมาร...ฝึกเคล็ดวิชามารจนสมองเพี้ยนไปหมดแล้วหรือ?
ลัทธิมารแห่งแคว้นจื่อเย่วรับผิดชอบอยู่แต่ในแคว้นจื่อเย่วมาโดยตลอด
ถึงแม้ลัทธิมารแห่งแคว้นต่างๆ จะเป็นองค์กรของจักรวรรดิต้าเซี่ยแต่ลัทธิมารก็มีขุมกำลังและดินแดนเป็นของตนเองเช่นกัน
ลัทธิมารแคว้นจื่อเย่วเข้ามาในแคว้นฉินเท่ากับว่าล้ำเส้น เว้นแต่ลัทธิมารทั้งสองสาขาจะได้หารือและตกลงร่วมมือกัน
โหลวหยวนไม่กล้าที่จะหมกเม็ดแต่อย่างใด เขาเปิดโปงหยวนฉ่งในทันที
ฉู่เซวียนถึงกับกล่าวไม่ออก เหตุผลเป็นเช่นนี้เอง ครั้งก่อนที่แคว้นฉินได้ดำเนินการต่อต้านการสังหารของจู้เฉียงประสบความสำเร็จอย่างเห็นได้ชัด จนกระทั่งสังหารหนึ่งในผู้คุมกฎของลัทธิมารแห่งแคว้นจื่อเย่ว
เมื่อมองไปยังโหลวหยวน หัวใจของฉู่เซวียนก็เต้นแรงขึ้น
หากลัทธิมารแห่งของแคว้นจื่อเย่วมุ่งเป้ามาที่เขาจริง เช่นนั้นก็อย่าตำหนิเขาแล้วกัน
ถึงแม้ข้าจะออกจากบ้านไม่ได้ แต่ข้าก็สวนกลับได้
ยิ่งไปกว่านั้นโหลวหยวนยังมามอบหัวให้ถึงเขียง เขาถึงกับเดินทางมาส่งมอบนับพันลี้ คงเป็นเรื่องเสียเปล่าหากข้าไม่ใช้ประโยชน์จากการเสียสละซะหน่อย?
ทันใดนั้นฉู่เซวียนก็ใช้ตราประทับเมล็ดวิญญาณกับโหลวหยวน
ในเวลาเดียวกันเขาก็ฝังพลังวิญญาณเข้าสู่ร่างกายของอีกฝ่าย
เช่นนี้จึงรับประกันได้ว่าโหลวหยวนจะสามารถต่อสู้ด้วยพลังสูงสุดได้เรื่อย ๆ พลังวิญญาณนี้จะไหลเข้าสู่ตัวเขาอย่างไม่ขาดสายจนใช้ได้แทบไม่หมดสิ้น ทำให้แม้แต่ผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตว่างเปล่าขั้นที่เก้าก็สังหารเขาไม่ได้ง่าย ๆ
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อโหลวหยวนประชิดตัวผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตความว่างเปล่าขั้นที่เก้าแล้วระเบิดตัวเอง เขาจะสามารถระเบิดผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตความว่างเปล่าขั้นที่เก้าให้ตายโดยไม่มีทางรอด
การโต้กลับคราวนี้จะสร้างผลลัพธ์ได้มากยิ่ง
ลัทธิมารแห่งแคว้นจื่อเย่วอาจจะเสียหายหนัก
เมื่อลัทธิมารอ่อนแอลง ตราบใดที่แคว้นจื่อเย่วแข็งแกร่งขึ้นเล็กน้อย ถึงแม้พวกเขาอาจจะกวาดล้างลัทธิมารภายในเขตของพวกเขาโดยสมบูรณ์ไม่ได้ แต่ก็ย่อมส่งผลถึงรากฐานของลัทธิมาร
เป็นผลให้จักรวรรดิต้าเซี่ยมุ่งเป้าไปยังแคว้นจื่อเย่วมากขึ้น แรงกดดันที่ตระกูลฉู่ต้องเผชิญจะลดลงมาก
เช่นนี้จึงช่วยให้สถานการณ์รอบตัวฉู่เซวียนสงบสุขได้ชั่วคราว ตราบใดที่เขาทะลวงไปยังขอบเขตจักรพรรดิได้ในช่วงเวลานั้น เขาก็ไม่ต้องเกรงกลัวจักรวรรดิต้าเซี่ยอีก
มาหนึ่งเขาจะสังหารหนึ่ง มาสองเขาจะสังหารสอง!
โหลวหยวนได้รับเจตจำนงวิญญาณของฉู่เซวียนที่สั่งให้สังหารสาวกมารคนอื่นในแคว้นจื่อเย่ว
ความคิดของโหลวหยวนยังชัดเจนอยู่เช่นเดิม แต่เขาต่อต้านเจตจำนงวิญญาณที่ฝังอยู่ในวิญญาณไม่ได้ นอกจากความสับสนวุ่นวายในวิญญาณที่คอยบั่นทอนความคิดของเขา ไม่ว่าจะสีหน้าหรือพฤติกรรมของเขาไม่มีอะไรผิดปกติแต่อย่างใด
เพราะเหตุนี้โหลวหยวนจึงรู้สึกสิ้นหวังมากยิ่งขึ้น
เขายิ่งหวาดกลัวมากยิ่งขึ้นไปอีก
เขาจำยอมถูกควบคุมโดยสมบูรณ์กลายเป็นหุ่นเชิดไร้สติดีกว่าการถูกทรมานเช่นนี้
ฉู่เซวียนอดทนรอดูผลการโต้กลับของโหลวหยวน หลังจากที่การโต้กลับสำเร็จ รางวัลของระบบอาจจะมาในตอนนั้นเช่นกัน
เขาหวังว่ารางวัลจะเป็นการเพิ่มพลังยุทธ์เพื่อช่วยให้เขาเพิ่มความแข็งแกร่งได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
ถึงแม้แคว้นจื่อเย่วจะอยู่ติดกับแคว้นฉู่ แต่ระยะทางจากอาณาเขตตระกูลฉู่ไปยังแคว้นจื่อเย่วไม่ได้ใกล้ขนาดนั้น
ครั้งนี้อาจเรียกว่าการโต้กลับหมื่นลี้
ภายในตำหนักใต้ดิน กลุ่มผู้อาวุโสลัทธิมารแห่งแคว้นจื่อเย่วได้มารวมตัวกัน
นอกจากรองเจ้าลัทธิมารหยวนฉ่งแล้ว ผู้อาวุโสส่วนใหญ่ก็มากันหมด
โหลวหยวนลอบสังเกต ครั้งนี้ผู้อาวุโสเกือบทั้งหมดของแคว้นจื่อเย่วปรากฏตัว ยกเว้นเพียงไม่กี่คน
หลังจากสังหารทุกคนในที่แห่งนี้ ลัทธิมารแห่งแคว้นจื่อเย่วจะต้องสูญเสียครั้งใหญ่อย่างแน่นอน
เช่นนี้คำสั่งโต้กลับของเจตจำนงวิญญาณที่ฝังอยู่ในตัวเขาก็จะสำเร็จลุล่วง
ไม่มีคำสั่งให้สังหารหยวนฉ่ง
การที่หยวนฉ่งไม่อยู่จึงมิใช่เรื่องสำคัญ
ได้เวลาลงมือแล้ว
“เขาอยู่ที่ไหน? เจ้าจับตัวเขาไม่ได้หรือ?”
ผู้อาวุโสคนหนึ่งขมวดคิ้วมองไปที่โหลวหยวน
ล้มเหลวหรือ?
“ฮึ่ม พวกเจ้าไม่มีสิทธิ์มาสั่งข้า หยวนฉ่งเป็นตัวตนเช่นไร? นับตั้งแต่วันนี้ไป ข้าจะรับตำแหน่งเจ้าลัทธิมารเอง!”
โหลวหยวนตะคอกอย่างเย็นชา
ผู้อาวุโสทุกคนต่างพากันตกตะลึง
โหลวหยวนสมองเพี้ยนไปแล้วหรือ?
ความแข็งแกร่งของเขาท่ามกลางผู้อาวุโสอยู่ในระดับปานกลางค่อนไปต่ำเท่านั้นเอง เขาด้อยกว่าหยวนฉ่งมาก
เขากล้าที่จะกระหายในตำแหน่งเจ้าลัทธิมาร ใครมอบความกล้าให้กล่าววาจาเช่นนี้?
“ข้าโหลวหยวนได้รับวาสนา การทะลวงไปยังขอบเขตรวมศูนย์อยู่ใกล้แค่เอื้อม ตำแหน่งเจ้าลัทธิมารย่อมเป็นของข้า ใครติดตาม ใครต่อต้าน จงบอกมา”
โหลวหยวนทำตัวเย่อหยิ่งและดูถูกทุกคนในที่แห่งนี้