Chapter 13 : เตือน
“โพสต์วิดีโอลงในเน็ตงั้นรึ? ฉันเป็นแค่ตาแก่คนนึงเท่านั้นจะไปรู้วิธีของพวกหนุ่มๆสาวๆได้ยังไง....”
เถ้าแก่หลิวส่ายหัวทันทีหลังจากได้ยินคำพูดของโจวเฉิน ท่าทีของเขาบ่งชี้ชัดเจนว่าตัวเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับอินเตอร์เน็ตเลยซักนิด
“ถ้าคุณไม่รู้ว่าจะโพสต์มันยังไงเดี๋ยวผมช่วยเอง”
โจวเฉินตอบด้วยท่าทีสบายๆ
แต่พอคำๆนี้หลุดออกมาจากปากเขาก็ต้องรู้สึกเสียใจขึ้นมา ตัวเขาที่เป็นเซอร์ไวเวอร์ก็ถือว่าเอาชีวิตไปแขวนไว้บนเส้นด้ายแล้ว ทำไมต้องเอาตัวเองเข้าไปมีเอี่ยวกับเรื่องไม่เป็นเรื่องของชายชราประหลาดๆในนี้ด้วยนะ?
“หนุ่มน้อยฉันมองเธอผิดไปจริงๆ ไม่เพียงแต่เธอจะเป็นอัจฉริยะทางด้านวิชายุทธเท่านั้นแต่ยังเป็นคนที่ยินดีจะยื่นมือช่วยเหลือผู้อื่นด้วย ถ้างั้นก็ต้องลำบากเธอแล้วล่ะ”
เมื่อเถ้าแก่หลิวเห็นว่าโจวเฉินพูดออกมาแล้วรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าแก่ชรานั้น เขาตอบรับข้อเสนอของโจวเฉินอย่างยินดี
“เอาล่ะเดี๋ยวเอาไว้กินเสร็จค่อยคุยต่อเถอะ...”
โจวเฉินรู้สึกหมดคำจะพูดขึ้นมาแต่ในเมื่อพูดออกไปแล้วจะกลับคำก็คงไม่ได้
นอกจากนี้มันก็แค่โพสต์วิดีโอแสดงทักษะการต่อสู้เองนี่ ไม่เห็นจะยากเลย
หนึ่งชั่วโมงต่อมาโจวเฉินเริ่มจากการพาเถ้าแก่หลิวไปยังร้านขายมือถือเพื่อซื้อสมาร์ทโฟนมาเครื่องนึงเพราะเขาสังเกตุเห็นว่ามือถือของเถ้าแก่หลิวมันล้าหลังเกินไปหน่อยแถมยังไม่มีฟังก์ชั่นกล้องถ่ายรูปด้วย
หลังจากซื้อสมาร์ทโฟนมาโจวเฉินก็ทำการสมัครไอดีบล็อกเกอร์สำหรับอัพโหลดวิดีโอในเครื่องของชายชราบนแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งที่โด่งดังที่สุดในจักรวรรดิมังกร จากนั้นเขาก็สอนวิธีการถ่ายและอัพโหลดวิดีโอให้กับชายชรา
เพื่อเป็นการสาธิตโจวเฉินจึงถ่ายและอัพโหลดวิดีโอวิชายุทธของชายชราวิดีโอแรกให้ดูเป็นตัวอย่าง ซึ่งก็ใช้เวลาไปราวๆครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้
ในเวลาเดียวกันโจวเฉินก็กระทั่งตั้งชื่อคลิปเกินจริงให้ดูน่าสนใจด้วยโดยเขาตั้งชื่อว่า – ตะลึง! ปรมาจารย์วิชายุทธวัย60ปีหวนคืนสู่โลกแห่งวิชายุทธแล้ว!
ช่วยไม่ได้ โลกใบนี้ก็ไม่ได้ต่างอะไรจากโลกใบเดิมที่โจวเฉินเคยอยู่ ไม่มีใครอยากจะดูหรอกถ้าชื่อคลิปมันดูแล้วไม่โอเว่อร์ซักหน่อย
“เสี่ยวโจววิดีโอที่เธอถ่ายออกมามันดีมากเลย! เธอจะไม่ลองคิดเกี่ยวกับข้อเสนอของฉันอีกทีนึงรึ?! ฉันยินดีให้ที่พักบวกกับอาหารสามมื้อเป็นเวลาสามเดือนกับเธอเลยนะ”
หลังจากโพสต์วิดีโอเถ้าแก่หลิวก็จ้องมองดูวิชายุทธบ้าๆบวมๆของตัวเองบนหน้าจอแต่เขากลับไม่รู้สึกว่ามันประหลาดเลยแม้แต่น้อย กลับกันด้วยซ้ำเพราะยิ่งดูเท่าไหร่เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเขามีท่าทางของปรมาจารย์ตัวจริง ในเวลาเดียวกันเขาก็พยายามชวนโจวเฉินเข้ารีตดูอีกครั้ง
“ไม่ๆ เถ้าแก่หลิววิชายุทธของคุณมันเหนือชั้นเกินไปหน่อยผมเรียนไม่ไหวหรอก ไม่ต้องห่วงน่าถ้าวิดีโอของคุณมันเกิดดังขึ้นมาต้องมีคนจำนวนมากอยากมาเรียนกับคุณแน่ๆ”
โจวเฉินปฏิเสธอีกครั้งโดยไม่แม้แต่จะคิด แม้แต่อาหารสามมื้อกับที่พักฟรีก็ยังไม่พอจะดึงดูดใจเขาได้
“ที่เสี่ยวโจวพูดมาก็ถูก ทองแท้ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ย่อมเปล่งประกาย ฉันเชื่อเหลือเกินว่าวิดีโอหมัดเพลิงนรกของฉันจะต้องโด่งดังในเว็บไซต์นี้แน่ๆ สิ่งนี้จะเป็นตัวดึงดูดเหล่ารุ่นเยาว์มาเรียนรู้และพัฒนาตนเอง”
ยิ่งเถ้าแก่หลิวดูวิดีโอของตัวเองมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งยิ้มกว้างมากเท่านั้น ท่าทีของเขาราวกับกำลังคิดว่าตัวเองกลายเป็นสุดยอดปรมาจารย์วิชายุทธระดับโลกไปแล้วก็ไม่ปาน
หลังจากเสร็จกิจโจวเฉินก็บอกลาเถ้าแก่หลิวและเดินออกมาจากโรงฝึกเว่ยเจียง
เอาจริงๆแล้วตัวเขาก็ไม่มีอะไรให้ทำหรอกแต่ก็ไม่อยากอยู่ทำอะไรบ้าๆบอกับเถ้าแก่หลิวคนนั้นต่อเหมือนกัน
“วันอันแสนสงบแบบนี้โคตรมีค่าเลยน้า สงสัยจริงๆว่าดันเจี้ยนที่จะเจอในอีกสองวันให้หลังจะมีอะไรรออยู่....”
ขณะที่เดินคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยอยู่บนถนนโจวเฉินก็พลันได้ยินเสียงแจ้งเตือนจากระบบดังขึ้นในหัว นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาได้ยินเสียงแจ้งเตือนนี้ มันเป็นเสียงแจ้งเตือนข้อความที่ดังมาจากรายชื่อเพื่อน
“เจ้าหมอนั่นส่งข้อความมางั้นหรอ? ดูเหมือนหมอนั่นเองก็ผ่านดันเจี้ยนซอมบี้มาเหมือนกันสินะ”
โจวเฉินเปิดหน้าต่างระบบขึ้นมาและทำการตรวจสอบข้อความในหน้ารายชื่อเพื่อนที่มีเพียงชื่อเดียวในทันที
เขาทดลองใช้งานหน้าต่างระบบมาหลายวันแล้วและก็ยืนยันได้แล้วด้วยว่าไม่มีผู้ใดนอกจากเขาที่มองเห็น ดังนั้นเขาจึงยืนตรวจสอบข้อความกลางที่สาธารณะได้อย่างสบายใจ
[ไมค์ : นายยังอยู่ดีใช่ไหม?]
ข้อความจากเพื่อนเพียงคนเดียวในรายชื่อเพื่อนค่อนข้างสั้นมากเพียงแค่ทักมาถามว่าเขายังมีชีวิตอยู่หรือเปล่าเท่านั้น
“เจ้าหมอนี่หน้าตาเป็นคนของจักรวรรดิมังกรชัดๆแต่ดันใช้ชื่อเล่นเป็นชื่อของคนต่างชาติซะได้....”
ชื่อในรายชื่อเพื่อนทั้งหมดล้วนเป็นชื่อเล่นทั้งสิ้น นอกจากอีกฝ่ายเต็มใจคนอื่นๆก็ไม่อาจรู้ชื่อจริงของพวกเขาได้แต่อย่างใด ส่วนชื่อเล่นที่โจวเฉินตั้งให้ตัวเองก็คือ ‘ดวงดาว’
[ดวงดาว : เออยังอยู่...ไม่ต้องห่วงยังไม่ตาย]
พอโจวเฉินตอบไปอีกฝ่ายก็ตอบกลับมาทันที
[ไมค์ : รู้อยู่แล้วล่ะว่านายต้องรอดมาได้แน่ๆ ชื่อของนายยังไม่เปลี่ยนเป็นสีดำนี่หว่า ที่ทักมานี่แค่อยากจะเตือนนายให้ระวังตัวไว้ ฉันได้ยินมาว่ามีไอ้พวกโรคจิตที่กำลังออกไล่ล่าเซอร์ไวเวอร์คนอื่นอยู่ด้วย]
[ดวงดาว : มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรอ? พวกมันทำไปเพราะไอเทมในช่องเก็บของของพวกเรารึไง?]
[ไมค์ : สำหรับเซอร์ไวเวอร์บางคนในหมู่พวกมันก็ใช่ พวกมันเล็งของที่อยู่ในช่องเก็บของของเซอร์ไวเวอร์คนอื่นเพื่อเพิ่มโอกาสรอดของตัวเองจริงๆ แต่บางคนก็ทำไปเพราะสนใจเกี่ยวกับสิ่งของที่ระบบสร้างขึ้นมาแค่นั้นเองแหละ]
[ดวงดาว : เข้าใจล่ะ...ถึงฉันจะเดาไว้แล้วว่าต้องมีเรื่องแบบนี้แต่ก็ขอบใจที่เตือนแล้วกัน]
[ไมค์ : นอกจากนี้พวกเจ้าหน้าที่ในจักรวรรดิมังกรของพวกเราก็ดูเหมือนจะมีการเคลื่อนไหวบางอย่าง นายต้องระวังตัวให้ดีล่ะ เลวร้ายที่สุดพวกเราอาจจะต้องไปซ่อนตัวที่ต่างประเทศก็ได้]
[ดวงดาว : เข้าใจแล้ว คอยดูสถานการณ์ไปก่อนแล้วกัน]
[ไมค์ : ยังไงก็เถอะนายอยากจะขายของที่ได้มาไหม? ถ้านายมีอะไรอยากขายก็บอกฉันมาได้เลย มั่นใจได้เลยว่าฉันจะให้ราคาที่นายพอใจแน่นอน]
[ดวงดาว : เข้าใจแล้วแต่ตอนนี้ยังไม่มีแพลนว่าจะขายอะไรอ่ะ ถ้ามีอะไรจะขายจะทักไปแล้วกัน]
…
โจวเฉินคุยกับไมค์อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะจบบทสนทนา
เขายังไม่ได้สนิทกับไมค์ขนาดนั้น เขากับหมอนั่นพึ่งจะเคยเจอกันครั้งแรกก็ในเมืองซอมบี้นั่นแหละแล้วก็เคยร่วมมือกันสู้กับซอมบี้ชนิดพิเศษก็เท่านั้น ระดับความเชื่อใจที่เขามีต่อหมอนั่นยังไม่ได้สูงมากแต่อีกฝ่ายดูๆไปแล้วก็น่าจะไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร น่าจะพอคบได้
โจวเฉินหวนคิดไปถึงสิ่งที่ไมค์เตือนเมื่อครู่ ยังไงซะตัวเขาก็ไม่ได้นั่งอ่านฟอรั่มไปอย่างเสียเปล่าซะหน่อย เขารู้ดีว่ามีโอกาสที่ไอเทมในช่องเก็บของจะดร็อปออกมาเมื่อเซอร์ไวเวอร์ถูกสังหารดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่ในบรรดาเหล่าเซอร์ไวเวอร์ด้วยกันเองจะมีพวกที่ไม่ประสงค์ดีปะปนอยู่ด้วย
นอกจากนี้ยังมีหัวข้อเกี่ยวกับรัฐบาลและองค์กรพลเรือนในฟอรั่มอีกด้วย ข่าวคราวเกี่ยวกับระบบเอาชีวิตรอดไร้จำกัดและเหล่าเซอร์ไวเวอร์ล้วนรู้ถึงหูของหน่วยงานราชการของหลายๆประเทศกันทั้งนั้น ยังไงซะก็มีเซอร์ไวเวอร์จำนวนไม่น้อยในแต่ละประเทศ การที่จะมีรายงานเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้จึงไม่ถือว่าเป็นเรื่องแปลกอะไร ยังไงก็ตามดูเหมือนระบบจะไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองอะไรเป็นพิเศษกับเรื่องนี้ ตัวมันไม่สนใจเลยว่าชนชั้นปกครองของดาวสีน้ำเงินใบนี้จะจัดการกับเรื่องนี้ยังไง
“รู้สึกว่าทางจักรวรรดิมังกรอาจจะส่งทีมตรวจสอบออกมาสำรวจ ถ้างั้นก็ควรจะไปหลบอยู่ต่างประเทศจริงๆนั่นแหละ...”
โจวเฉินยังคงตัดสินใจจะปิดบังซ่อนเร้นตัวตนต่อไปเนื่องจากพรสวรรค์ที่เขามีมันไม่ธรรมดา ถ้าเขาถูกขุดคุ้ยก่อนที่จะแข็งแกร่งถึงระดับหนึ่งแล้วคงจะอันตรายไม่น้อย
“ในอนาคตคงต้องหาหน้ากากหรืออะไรมาใส่เวลาอยู่ในดันเจี้ยนซะแล้วสิ ไอ้ของพวกนี้มันพอจะหาซื้อในพื้นที่แลกเปลี่ยนได้รึเปล่าวะ?”
โจวเฉินรู้สึกว่าตัวเขาควรจะมีมาตรการรับมือซักหน่อย ถึงแม้ตัวเขาจะลงดันเจี้ยนมาครั้งเดียวและเซอร์ไวเวอร์คนอื่นๆเองก็ไม่มีพวกอุปกรณ์บันทึกภาพ ดังนั้นโอกาสที่จะตามรอยของเขาจึงมีไม่มากแต่ถ้าเป็นในอนาคตก็ยากจะกล่าวเหมือนกัน