ตอนที่แล้วChapter 10 : เสริมแกร่งกายา (ขั้น1) – ติดกับ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 12 : เปิดประเด็น

Chapter 11 : บทสรุป


หลังจากผ่านไปหลายชั่วโมงประตูก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป มันถูกพวกซอมบี้ที่อยู่ด้านนอกทำลายจนสิ้นซากและเกือบจะหลุดออกจากกรอบประตูอย่างสมบูรณ์ เฟอนิเจอร์ที่ใช้ขวางประตูเองก็ถูกพวกซอมบี้พากันดันเข้ามา

“เวรเอ๊ย! ต้องคิดหาทางหนีแล้วไม่อย่างนั้นได้ติดอยู่กลางดงซอมบี้แน่”

โจวเฉินรู้ดีว่าเขาจะมามัวนั่งอยู่เฉยๆรอความตายต่อไปไม่ได้แน่ เขาลุกขึ้นยืนและคว้าหอกกับขวานเล็กขึ้นมาและกระโดดขึ้นไปบนเฟอนิเจอร์ชิ้นแรกที่ใช้ขวางประตูเอาไว้ในทันที

ในที่สุดเมื่อประตูถูกพวกซอมบี้ผลักจนหลุดจากกรอบประตูเขาก็กระชับหอกในมือแทงเข้าใส่หัวของซอมบี้ยักษ์ทันควัน

ซอมบี้ร่างยักษ์ตัวนี้เห็นได้ชัดเลยว่ามีสกิลเสิรมแกร่งกายาติดตัวและก็เป็นมันนี่แหละที่เป็นตัวตั้งตัวตีในการพังประตู

ต้องขอบคุณความแข็งแกร่งของโจวเฉินโดยแท้ หอกที่เขาแทงออกไปพุ่งทะลุหัวของซอมบี้ยักษ์และสังหารมันลงในพริบตา

[พรสวรรค์ช่วงชิงสกิลติดตัวทำงาน : ท่านทำการช่วงชิงสกิลติดตัวของซอมบี้ ‘เสริมแกร่งกายา (ขั้น1)’ ระบบตรวจพบว่าสกิลติดตัวนี้ไม่ได้ดีไปกว่าสกิลที่ท่านครอบครองอยู่จึงไม่สามารถดูดซับได้ – ทำการลบสกิลโดยอัตโนมัติ]

โจวเฉินจึงได้ทราบแล้วว่าสกิลติดตัวที่มีชื่อเดียวกันไม่สามารถซ้อนทับกันได้และจะถูกแทนที่ด้วยระดับขั้นที่ทรงพลังกว่าเท่านั้น

ยังไงก็ตามตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องพวกนี้เพราะว่าทันทีที่ซอมบี้ยักษ์ร่วงลงไปซอมบี้ตัวอื่นๆที่อยู่รอบๆก็เหยียบย่ำศพของมันและเหยียดกงเล็บอันเหม็นเน่าของพวกมันเข้าใส่โจวเฉินที่ยืนอยู่บนกองเฟอร์นิเจอร์

เมื่อเห็นดังนี้โจวเฉินก็เหวี่ยงหอกด้วยความเร็วสูงสุดส่งซอมบี้ที่อยู่ใกล้ตัวเขาที่สุดไปเกิดใหม่อย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็พลันย่อตัวและกระโดดลงจากเฟอร์นิเจอร์ เท้าของเขาหาได้แตะพื้นแต่อย่างใดแต่กลับเหยียบไปบนหัวหรือไม่ก็ไหล่ของพวกซอมบี้ที่อยู่บนทางเดินไปจนถึงบริเวณทางเดินว่างเปล่าด้านหลังของพวกมัน จากนั้นเมื่อเท้าแตะพื้นอีกครั้งเขาก็ออกวิ่งทันที

เหตุผลที่ทำไมเขาถึงทำเช่นนี้ได้ไม่ใช่แค่เพราะค่าสถานะร่างกายและความเร็วที่สูงขึ้นเท่านั้น แต่ยังต้องขอบคุณความสามารถจากศาสตร์การต่อสู้ด้วยที่ทำให้เขาได้รับสเต็ปเท้าและการจัดระเบียบร่างกายอันยอดเยี่ยมมาครอบครอง

หลังจากหลบหนีมาจากซอมบี้ที่ล้อมห้องของเขาเอาไว้ได้ก็ใช่ว่าเขาจะไม่เจออันตรายอะไรอีก กลับกันด้วยซ้ำเพราะเขายังต้องเผชิญหน้ากับฝูงซอมบี้กลุ่มใหญ่ที่เดินเตร็ดเตร่อยู่ด้านนอกอีก ตอนนี้เวลาย่างเข้าสู่วันที่สามแล้วและจำนวนของซอมบี้ภายในเมืองเองก็ทวีคูณมากขึ้นเรื่อยๆจึงยากนักที่จะหาสถานที่ซ่อนตัวได้

ขณะที่วิ่งอยู่นั้นเขาก็โจมตีซอมบี้ที่ขวางทางด้วยหอกในมือไปด้วยและหลบหนีไปยังพื้นที่ที่มีซอมบี้บางตาที่สุด

หลังจากสังหารซอมบี้ไปกว่าสามสิบตัวติดต่อกันเขาก็หลีกเลี่ยงความสนใจจากซอมบี้จำนวนมากได้สำเร็จและหนีไปหลบซ่อนตัวอยู่ด้านหลังถังขยะในซอยร้างแห่งหนึ่ง

เขาจัดการสังหารซอมบี้ในพื้นที่นี้ทั้งหมดอย่างรวดเร็วจึงทำให้พื้นที่บริเวณนี้เป็นเซพโซนชั่วคราว ยังไงก็ตามทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมาก็ใช้ทั้งแรงกายและแรงใจไปอย่างมหาศาล

สู้ไปด้วยวิ่งหนีไปด้วยเป็นอะไรที่เหนื่อยเป็นอย่างยิ่ง บวกกับการที่เขาไม่ค่อยมีอะไรตกถึงท้องมาถึงสองวันเต็มดังนั้นสภาพร่างกายของเขาในตอนนี้จึงย่ำแย่เป็นอย่างมาก

หลังจากสถานการณ์ทุเลาลงระดับหนึ่งเขาก็วางอาวุธและทิ้งตัวลงกับพื้น

“นี่เราต้องอยู่ในสภาพนี้ทั้งคืนเลยจริงดิ? รู้สึกเหมือนจะทนไม่ไหวอยู่ลอมล่อแล้วนะเนี่ย”

เขาหอบหายใจอย่างรุนแรง แม้ว่าเขาจะอยากนอนพักอยู่บนพื้นเช่นนี้ซักหลายชั่วโมงแต่กลับเป็นไปไม่ได้

ไม่กี่นาทีต่อมาเขาก็สังเกตเห็นว่าซอมบี้จำนวนมากเริ่มปรากฏตัวใกล้ๆกับซอยที่เขาอยู่แล้ว เขาที่ไร้ทางเลือกจึงได้แต่ต้องรวบรวมความกล้า หยิบอาวุธขึ้นมาและวิ่งต่อไปเพื่อตามหาสถานที่ปลอดภัยหลบซ่อนตัว

“ต้องหาที่ปลอดภัยให้ได้ ตราบใดที่ผ่านคืนสุดท้ายนี้ไปได้ทุกอย่างก็จะจบลงแล้ว”

แม้ว่าเขาพึ่งจะถูกซอมบี้ไล่ที่ออกมาจากห้องหมาดๆแต่โจวเฉินก็ต้องยอมรับว่าการซ่อนตัวภายในตึกนั้นสะดวกสบายกว่ามาก อย่างน้อยก็ดีกว่ามาพเนจรอยู่ด้านนอกแบบนี้

หลังจากวิ่งมาซักพักเขาก็เห็นเงาร่างร่างหนึ่งกำลังวิ่งมาทางจากบริเวณทางแยกอีกฝั่ง ด้านหลังเงาร่างนั้นคือซอมบี้กลุ่มใหญ่ที่ตามมาติดๆ

เขารู้จักคนผู้นี้ เขาคนนี้ก็คือคนที่ดูจะมีอายุเยอะที่สุดในบรรดาเซอร์ไวเวอร์ที่ถูกส่งมา เป็นชายวัยกลางคนใส่เสื้อแขนสั้นที่เสนอไอเดียให้ทุกๆคนร่วมมือกันนั่นเอง

สภาพของเขาดูไม่ดีเท่าไหร่นัก เสื้อผ้าเองก็ขาดรุ่งริ่งและเต็มไปด้วยรอยเลือดที่แห้งกรังไปนานแล้ว ไม่รู้เลยว่าเขาต้องประสบพบเจออะไรมาบ้าง

ความทนทานของร่างกายเองก็ตกลงไปอย่างเห็นได้ชัด เขาถูกซอมบี้กลุ่มนั้นไล่ตามมาติดๆและก็ไม่อาจสลัดพวกมันหลุดได้เลย

ทันใดนั้นเองซอมบี้สามตัวที่ยืนขวางอยู่ด้านหน้าก็ถูกความวุ่นวายที่เกิดขึ้นลากเข้าไปพัวพันด้วยและพุ่งเข้าใส่ชายผู้นั้นเช่นกัน  แม้เขาจะหลบพวกมันสองตัวไปได้แต่ก็ใช้แรงกายไปจนหมดแขนของเขาจึงถูกซอมบี้ตัวที่สามคว้าเอาไว้ได้สำเร็จ เขาที่ไม่เหลือเรี่ยวแรงจึงสลัดไม่หลุดและไม่นานนักก็ถูกซอมบี้ที่ตามมาจากด้านหลังรุมทึ้ง

เสียงกรีดร้องดังและเงียบลงอย่างรวดเร็วทิ้งไว้เพียงเสียงกัดแทะ ฉีกกระชากผิวหนังเลือดเนื้อโดยฝีมือของพวกซอมบี้เท่านั้น

“แค่ที่ฉันเห็นมากับตาก็มีเซอร์ไวเวอร์สี่คนแล้วนะที่ต้องตายลง นี่เป็นแค่ความยากระดับทองแดงจริงดิ?”

เมื่อได้ประสบภาพบาดตาบาดใจด้วยตาตนเองโจวเฉินก็เริ่มเกิดความสงสัยในดันเจี้ยนแห่งนี้ขึ้นมาอย่างจริงจังแล้ว แม้ว่าระดับความยากของดันเจี้ยนนี้จะอ่อนแอที่สุดในระดับทองแดงแต่ก็ทำให้มีเซอร์ไวเวอร์ตกตายไปแล้วหลายคน เขาไม่กล้าจินตนาการเลยว่าระดับความยากที่สูงกว่านี้จะเป็นยังไง

เขาถอนหายใจออกมาเล็กน้อยภายในใจจากนั้นจึงมุ่งหน้าไปยังพื้นที่ถัดไปเนื่องจากเขาเห็นว่ามีซอมบี้บางตัวเริ่มสังเกตุเห็นเขาแล้ว

เวลาล่วงเลยผ่านไปเรื่อยๆ โจวเฉินยังคงหลบหนีไปมาด้วยความระมัดระวังแล้วในขณะเดียวกันก็มองหาสถานที่เหมาะๆสำหรับซ่อนตัวไปด้วย

ท้ายที่สุดแล้วเขาก็เลือกที่จะสังหารซอมบี้ทั้งหมดในบ้านที่ค่อนข้างห่างไกลบริเวณชานเมืองหลังหนึ่งและซ่อนตัวอยู่ที่นี่

เหตุผลที่เขาเลือกที่นี่ก็เพราะพื้นที่บริเวณนี้มีซอมบี้อยู่น้อยที่สุด อีกด้านหนึ่งนั้นก็คือเขาสังเกตุเห็นว่ประตูของบ้านหลังนี้เป็นประตูนิรภัยที่ค่อนข้างหนาในระดับหนึ่งซึ่งต่อให้คิดจะทำลายก็คงพังไม่ง่ายอย่างแน่นอน

หลังจากกวาดพวกซอมบี้จนเหี้ยนโจวเฉินก็ดันเฟอร์นิเจอร์และของใช้หนักๆทั้งหมดไปขวางประตูกับหน้าต่างเอาไว้เพื่อเตรียมจะใช้ที่นี่เป็นฐานที่มั่นจนถึงวินาทีสุดท้าย

ตอนนี้เขาเหลือแรงไม่มากแล้ว ถ้าซอมบี้พังประตูเข้ามาได้อีกครั้งเขาคงจบสิ้นอย่างแน่นอน ตอนนี้คงทำได้เพียงทำทุกวิถีทางเพื่อให้มั่นใจว่าประตูกับหน้าต่างจะหนาแน่นพอที่จะพาเขาผ่านค่ำคืนนี้ไปได้

ไม่ช้าไม่นานค่ำคืนสุดท้ายก็มาถึง ซอมบี้ด้านนอกเองก็พบตำแหน่งของโจวเฉินแล้วเช่นกัน พวกมันมารวมตัวกันและพยายามกระแทกประตูและหน้าต่างเข้ามา สถานการณ์ที่เขาเผชิญอยู่ไม่ต่างอะไรไปจากบททดสอบความอดทนทางจิตใจเลยแม้แต่น้อย

โจวเฉินเตรียมการเอาไว้ทุกอย่างแล้ว ถ้าพวกมันพังเข้ามาได้เขาก็จะเสี่ยงชีวิตสู้กับพวกมันให้ถึงที่สุด

เขาใช้เวลาอยู่ในห้องมืดเป็นเวลายาวนาน ในตอนที่เขารู้สึกว่าจิตใจกำลังจะพังทลายอยู่ลอมล่อและประตูดูเหมือนกำลังจะทนไม่ไหวอีกต่อไปในที่สุดเขาก็พบว่ามีแสงสว่างสาดส่องลงมา ตัวเขาถูกส่งกลับมายังห้องเช่าเป็นที่เรียบร้อย ใต้เท้าของเขามีมีดสั้น มีดอีโต้และชะแลงหล่นอยู่ ด้านหน้าเองก็เป็นนาฬิกาเรือนหนึ่ง

เขามองไปที่ตัวเลขดิจิตอลบนนาฬิกาและเห็ว่าเวลากับวันที่ไม่แตกต่างไปจากก่อนที่เขาจะถูกส่งไปยังดันเจี้ยนเลยแม้แต่น้อย ราวกับว่าเวลาสามวันที่เขาใช้ในเมืองห่าซอมบี้นั่นจะเป็นเพียงเรื่องเพ้อฝันเท่านั้น

[ท่านทำภารกิจเสร็จสิ้น – รางวัล : คัมภีร์กายา (ทองแดงขั้นต่ำ) 1 เล่ม , ท่อนเหล็ก (ทองแดงขั้นต่ำ) 1 ชิ้น , โค้ก (ทองแดงขั้นต่ำ) 1 กระป๋อง]

เสียงแจ้งเตือนบรรลุภารกิจดังขึ้นมาติดๆ

“คัมภีร์กายา? ไม่เลว ท่อนเหล็กนี่ก็ใช้ได้แต่ไอ้โค้กนี่มันห่าอะไรวะ?”

โจวเฉินที่เหนื่อยล้าทั้งกายและใจรู้สึกพูดไม่ออกขึ้นมา เขาไม่คิดเลยว่าหลังจากถูกทรมานมาสามวันเต็มๆรางวัลที่ได้กลับมีโค้กธรรมดาๆโผล่มาด้วยกระป๋องนึง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด