2088 - ผู้แข็งแกร่งอันดับหนึ่งของเต๋ามนุษย์
2088 - ผู้แข็งแกร่งอันดับหนึ่งของเต๋ามนุษย์
“เด็กคนนี้เป็นตัวแปรจริงๆ เขาอายุเพียงพันปี? เป็นเรื่องที่คิดไม่ถึงจริงๆ เขาพุ่งขึ้นไปบนสวรรค์ด้วยความสามารถของเขาเอง สามารถฆ่าลูกหลานของราชาอมตะได้!”
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาพบว่าสือฮ่าวบรรลุเต๋าก่อนหนึ่งพันปี ทำลายข้อห้ามห้าร้อยปี ฝูงชนก็ตะลึงในทันที!
อายุแบบนี้สำหรับผู้บ่มเพาะที่มีอายุยืนยาว มันยังค่อนข้างอ่อนเยาว์ แต่เขาบรรลุเต๋าแล้วหรือ? นี่เป็นรุ่นอัจฉริยะที่บดขยี้ไปทุกด้านอย่างแท้จริง!
บรรลุถึงขอบเขตสูงสุดแห่งเต๋ามนุษย์ด้วยอายุต่ำกว่าห้าร้อยปี นี่เป็นเหมือนเรื่องราวในจินตนาการ กี่ปีแล้วที่สิ่งมีชีวิตประเภทนี้ปรากฏตัวขึ้น?
เมื่อพวกเขาไตร่ตรองเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด หากมีใครบางคนสามารถบรรลุเต๋าในช่วงเวลานี้ก็ต้องย้อนกลับไปถึงยุคสมัยที่จักรพรรดิร่วงหล่นเลยทีเดียว!
สิ่งมีชีวิตประเภทนี้ ตราบใดที่สามารถรักษาชีวิตไว้ได้ในที่สุดเขาจะกลายเป็นราชาอมตะที่ไม่มีใครเทียบ!
น่าเสียดายที่อัจฉริยะระดับนี้ไม่เคยมีใครสามารถบรรลุความเป็นอมตะได้ พวกเขาล้วนถูกสังหารก่อนวัยอันควรจนหมดสิ้น
ส่วนคนที่ผงาดขึ้นแทนพวกเขากลับเป็น เอ๋าเฉิง ฮั่นหยวนและคนอื่น ๆ
ว่ากันว่าอัจฉริยะที่แข็งแกร่งเหล่านั้นล้วนเสียชีวิตจากมือของ เอ๋าเฉิง ฮั่นหยวนและราชาพาน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก
หลังจากนั้นราชาพานและคนอื่นก็ปกครองโลกนี้มาอย่างยาวนานหลายร้อยล้านปี!
“ฮวง ปล่อยเอ๋ากาน!” ด้านล่างมีคนตะโกนไม่หยุด ไม่ทราบว่าพวกเขามาจากมหาอำนาจใดกันแน่
ในส่วนของคนตระกูลเอ๋าก็ไม่สามารถนั่งนิ่งๆได้เช่นกัน พวกเขาทั้งหมดเห็นว่าฮวงไม่รู้สึกกลัวใดๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาอยู่ในเวทีนี้
บางทีหากยั่วยุเขามากเกินไป เอ๋ากานที่อยู่ในมือของเขาอาจถูกสังหารไปได้ตลอดเวลา นี่เป็นสิ่งที่ทุกคนไม่ต้องการเห็น
แต่สำหรับบางคนแล้วพวกเขาก็พยายามยั่วยุให้ฮวงสังหารเอ๋ากานตายต่อหน้าต่อตาทุกคน
“ได้โปรดเถิด ปล่อยเอ๋ากานไป!” ผู้อมตะมากมายของตระกูลเอ๋าต่างลุกขึ้นประสานมือมาในทิศทางของเวทีประลองเพื่อขอความเมตตา
การแสดงออกของสือฮ่าวเย็นชา แต่เขารู้ว่าที่นี่เขาไม่สามารถสังหารฝ่ายตรงข้ามได้เขาจึงโยนเอ๋ากานลงบนพื้นแล้วถามว่า
“จะเอาอีกหรือไม่”
เขาต้องการฆ่าเอ๋ากานจริงๆ ยิ่งเขาทราบว่าบรรพบุรุษของตระกูลนี้เคยทำร้ายเทพหลิวอย่างไรยิ่งทำให้เขาโกรธแค้นมากขึ้นเท่าทวีคูณ
ในตอนนี้ขอเพียงเอ๋ากานไม่ยอมรับความพ่ายแพ้เขาจะลงมือสังหารทันที!
เอ๋ากานจ้องมองเขาด้วยความโกรธไม่พูดอะไรสักคำ
คนของตระกูลเอ๋าเริ่มวิตกกังวล มีคนตะโกนว่า “ฮวงโปรดอย่าลงมืออีก เอ๋ากานพ่ายแพ้ไปแล้ว เขาแพ้แล้ว!”
“เอ๋ากานถอยออกมาอย่าทำตัวดื้อดึงอีกต่อไป!” ในเวลาเดียวกันก็มีคนส่งเสียงไปที่เอ๋ากานด้วยกลัวว่าเขาจะท้าทายฮวงอีกครั้ง หากเป็นเช่นนี้เขาจะตายอย่างแน่นอน
ใบหน้าของเอ๋ากานบิดเบี้ยว เขาไม่เคยพ่ายแพ้มาก่อนเลยในชีวิตนี้ แต่ในวันนี้เขาต้องก้มหน้ายอมรับความพ่ายแพ้ อีกทั้งยังพ่ายแพ้ต่อหน้าหญิงสาวที่เขาหมายปองมันทำให้เขายากที่จะยอมรับจริงๆ
“ทักษะของข้าสู้คนอื่นไม่ได้ ข้ายอมรับความพ่ายแพ้!” เอ๋ากานพูดพลางกัดฟันแน่น หลังจากพูดเช่นนี้ใบหน้าของเขาก็ซีดเผือดราวกับว่าเขาใช้พละกำลังของเขาจนหมด
“สือห่าว ปล่อยเขาไป!” ชิงยี่ยืนขึ้นและอ้อนวอนร่วมกับทุกคน
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาอัจฉริยะแห่งสวรรค์ของตระกูลเอ๋าได้ดูแลนางมาเป็นอย่างดี แม้ว่ามันจะเป็นการขัดต่อเจตนาของสือฮ่าวแต่นางจำเป็นต้องเอ่ยปากขอร้อง
สือฮ่าวไม่ได้ลงมืออีก เขาสะบัดแขนเสื้อและถอยกลับหลังไป
ผู้เชี่ยวชาญสองคนจากตระกูลเอ๋าก็รีบบินขึ้นไปประคองเอ๋ากานที่ร่างกายชุ่มโชกไปด้วยเลือด
เอ๋ากานลุกขึ้นด้วยความยากลำบากและผลักพวกเขาออกไป เขาหันกลับมามองสือฮ่าวอย่างลึกซึ้ง
“เมื่อข้าบรรลุความเป็นอมตะ เราจะต่อสู้อีกครั้งอย่างแน่นอน!”
คนของตระกูลเอ๋าโล่งใจ ตราบใดที่เอ๋ากานไม่สูญเสียจิตวิญญาณการต่อสู้ ด้วยพรสวรรค์ของเขาเขาจะสามารถผงาดขึ้นอย่างแน่นอน
แต่ก็มีมหาอำนาจบางส่วนที่ค่อนข้างผิดหวัง หากว่าฮวงฆ่าเอ๋ากานนั่นคงจะดีมาก มันจะเป็นการป้องกันไม่ให้ตระกูลเอ๋ามีราชาอมตะขึ้นมาอีกคน
หลายคนรู้สึกว่าเอ๋ากานอาจไม่สามารถเป็นราชาอมตะได้ แต่หากจะอยู่ในระดับอสูรผู้ยิ่งใหญ่นั้นไม่น่าจะเป็นปัญหาแต่อย่างใด!
“ทุกคนที่เคยพ่ายแพ้ต่อข้าไม่เคยมีใครสามารถต่อสู้กับข้าได้อีก ระยะทางระหว่างพวกเรามีแต่จะเพิ่มขึ้นเท่านั้น” สือฮ่าวกล่าวอย่างใจเย็น
ทุกคนตกตะลึง นี่เป็นความเย่อหยิ่งอะไรเช่นนี้?
แต่ถึงกระนั้นทุกคนก็รู้สึกว่าความเชื่อมั่นของเขาไม่ผิด เขาเป็นผู้ที่แข็งแกร่งจริงๆ เมื่อมาถึงระดับนี้แล้วบางทีเขาอาจจะสามารถทะลวงเข้าสู่การเป็นสิ่งมีชีวิตอมตะได้ทุกเมื่อ!
บางทีอาจเป็นเพราะเหตุนี้เองที่เขาสามารถบรรลุความสำเร็จที่เขามีในวันนี้ได้ เพราะว่าเขามองแต่สิ่งที่อยู่สูงกว่าเท่านั้น!
สหายเก่าของสือฮ่าวต่างถอนหายใจออกมาด้วยความชื่นชม
ในสายตาของพวกเขา ฮวงมีคุณสมบัตินี้อย่างแท้จริง เฉพาะผู้ที่เข้าใจเขาเท่านั้นที่รู้ว่าเส้นทางของเขารุ่งโรจน์อยู่เสมอ
“แข็งแกร่งเกินไป ตอนนี้แหละข้ารู้แล้วว่าหญิงสาวที่ชื่อชิงยี่มองไม่ผิด ข้ารู้สึกอิจฉานางจริงๆ” หญิงสาวคนหนึ่งพึมพำเบาๆ
ดวงตาของหญิงสาวคนอื่นๆก็ส่องประกาย และเริ่มพูดคุยกันเอง
สีหน้าของคนรุ่นก่อนมืดลง บางคนปล่อยเสียงแค่นเบาๆ จากนั้นการสนทนาของพวกนางก็หยุดลง
สือฮ่าวยืนอยู่บนสนามโดยไม่พูดอะไร แม้จะไม่มีเสียงพูดของเขาแต่ทุกคนก็รู้ดีว่าเขากำลังมองหาคนที่กล้าขึ้นมาประลองคนต่อไป? นี่เป็นการข่มขู่แบบเงียบๆ!
เอ๋ากานพ่ายแพ้แล้ว แต่การต่อสู้ที่แท้จริงยังไม่ถือว่าเสร็จสิ้น เมื่อมีผลของต้นท้อเซียนเป็นเดิมพันดังนั้นยังมีคนที่คิดจะลองดูอยู่อีกไม่น้อย
แต่คิดก็ส่วนคิดใครจะกล้าขึ้นไป? ทุกคนรู้ดีว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาแล้วจะขึ้นไปรนหาที่ตายทำไม
“ข้าจะสู้กับเจ้าเอง!”
ในที่สุดก็มีใครบางคนขึ้นบนเวที เป็นหญิงสาวที่รูปร่างเพรียวบางและแข็งแรง รูปร่างหน้าตาของนางค่อนข้างดี ผิวของนางไม่ได้ขาวสดใสแต่มีลักษณะคล้ายกับทองแดง ซึ่งผิวพรรณเช่นนี้แทบจะไม่เคยปรากฏออกมาในอาณาจักรเซียนเลย
“ฮั่นเทียนขึ้นไปแล้ว!” มีคนพูดด้วยความตกใจ
นางเป็นทายาทของราชาอมตะฮั่นหยวน มีชื่อเสียงคู่กับพานยี่และเอ๋ากานซึ่งเป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่มีอำนาจสูงสุดในโลกปัจจุบัน ความแข็งแกร่งของนางช่างน่าสะพรึงกลัว
ฮ่อง!
ไม่มีการพูดคุยกันมากนัก การต่อสู้เริ่มต้นขึ้นโดยตรง ชื่อฮั่นเทียนดูเหมือนจะไม่ค่อยเหมือนชื่อเด็กผู้หญิง แต่บุคลิกของนางก็ค่อนข้างแข็งแกร่งมิหนำซ้ำการโจมตีของนางทุกครั้งก็เต็มไปด้วยความหนักหน่วงน่ากลัวอย่างถึงที่สุด
“คัมภีร์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ตลอดกาล!” มีคนร้องออกมาด้วยความตกใจ
มันเป็นเพียงจุดเริ่มต้น แต่นางได้แสดงคัมภีร์ราชาอมตะที่ทรงพลังที่สุดของตระกูลแล้ว
เป้ง!
หลังจากต่อสู้กันไปหนึ่งพันสี่ร้อยกระบวนท่า มังกรผู้ยิ่งใหญ่ก็พุ่งออกมาจากกระดูกของสือฮ่าว แขนขาทั้งสี่ก็เอื้อมไปถึงสุดขอบโลกและโจมตีต่อฮั่นเทียนจนต้องถอยหลังไม่หยุดและกระอักเลือดออกมาในที่สุด
นางมีบุคลิกที่ตรงไปตรงมาเป็นอย่างมาก เมื่อถอยหลังกลับไปจนถึงจุดหนึ่งนางก็กล่าวออกมาว่า
“ข้าแพ้แล้ว!”
จากนั้นนางก็กระโดดลงจากเวที
“เจ้ายังเป็นชายอยู่หรือเปล่า” ในเวลานี้ฮั่นเทียนก็ตวาดใส่พานยี่
หลายคนเผยสีหน้าแปลกๆทันทีเมื่อได้ยินเรื่องนี้
เป็นเพราะว่ากันว่าราชาอมตะฮั่นหยวนและสายเลือดของราชาพานตั้งใจจะเกี่ยวข้องกันด้วยการแต่งงาน คนที่ได้รับเลือกคือสองคนนี้
พานยี่รู้สึกเขินอายเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ขึ้นไปที่สนามต่อสู้พร้อมกับส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไปเจรจากับสือฮ่าว
“ให้ข้าชนะเพื่อปลอบโยนแม่เสือนั่นหน่อยเป็นไร”
“ไม่ได้!” สือฮ่าวปฏิเสธ
“ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นก็ไว้หน้าข้าหน่อย!” พานยี่กล่าว
ฮ่อง!
การต่อสู้ครั้งใหญ่ได้ปะทุขึ้น แม้ว่าพานยี่จะขอความเมตตาก่อนการต่อสู้จะเริ่มขึ้น แต่นั่นก็เป็นเพียงเรื่องตลก
เมื่อเขาลงมืออย่างแท้จริงความแข็งแกร่งของเขาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าทั้งสองคน มิหนำซ้ำอาจจะแข็งแกร่งกว่าอีกด้วย
หงหลง!
อย่างไรก็ตาม เมื่อการต่อสู้ของพวกเขาไปถึงหนึ่งพันสี่ร้อยกระบวนท่า พานยี่ก็ยังพ่ายแพ้ เขาถอยหลังอย่างรวดเร็วจนมาถึงขอบเวที
“หยุด! เจ้าจะเอาอะไรอีก ข้าแพ้แล้วยังไม่พอใจเจ้าอีกหรือ!” พานยี่เป็นคนเปิดเผยและซื่อสัตย์อย่างยิ่ง เขาสามารถยอมรับความพ่ายแพ้โดยที่หน้าไม่แดงแม้แต่น้อย