บทที่ 18: 21 ขั้นแห่งเซียนและมนุษย์
บทที่ 18: 21 ขั้นแห่งเซียนและมนุษย์
ในความเห็นของหลี่หมิงเฉียง มันก็ไม่แปลกที่ปรมาจารย์เซียนโบราณผู้นี้จะไม่เข้าใจการฝึกวรยุทธ์ของโลกในปัจจุบันของพวกเขา
เคล็ดวิชายุทธ์เซียนระดับสูงที่ถูกควบคุมโดยสำนักเซียนนั้นอาจจะไม่ได้ดีไปกว่าของเล่นของเด็กทารกเมื่ออยู่ต่อหน้าการดำรงอย่างปรมาจารย์เซียน
ด้วยเหตุนี้เอง ตราบใดที่ปรมาจารย์เซียนเข้าใจข้อมูลเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับเคล็ดวิชายุทธ์เซียนในโลกของเธอ เขาก็จะสามารถสรุปหลักการการฝึกของพวกเขาได้
ด้วยเหตุนี้เอง หลี่หมิงเฉียงจึงเล่าทุกสิ่งที่เธอรู้เกี่ยวกับวรยุทธ์ในโลกของเธอให้ซุยเฮ็งฟัง
ในขณะเดียวกัน เป่ยฉิงซูก็ได้เดินออกจากวิลล่าไปแล้ว
ข้อมูลวรยุทธ์ที่หลี่หมิงเฉียงต้องการจะพูดนั้นถือเป็นความลับของราชวงศ์ ดังนั้นนี่จึงไม่ใช่สิ่งที่เขาจะสามารถอยู่ฟังด้วยได้
…
หลี่หมิงเฉียงอธิบายทุกสิ่งที่เธอรู้ด้วยความเคารพ
ไม่ว่าจะเป็นชื่อของระดับการฝึก หรือวิธีการฝึกที่เฉพาะเจาะจง เธอบอกเขาทุกสิ่งอย่างละเอียด
มันมีแม้กระทั่งข่าวลือบางอย่างที่ยังไม่ได้รับการยืนยัน
ในบรรดาข้อมูลทั้งหมด ซุยเฮ็งก็กังวลเกี่ยวกับระบบการจำแนกวรยุทธ์ในโลกของเธอมากที่สุด
ตามที่หลี่หมิงเฉียงได้กล่าวมา ขอบเขตการฝึกยุทธ์ในโลกของเธอก็แบ่งออกเป็น 21 ระดับ และ 12 ในนั้นก็คือขอบเขตมนุษย์ได้แก่ :
ขอบเขตปรับแต่งรากฐาน, ขอบเขตบำรุงกายา, ขอบเขตสัมผัสปราณ, ขอบเขตสะสมปราณ, ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น, ขอบเขตชำระไขกระดูก, ขอบเขตควบรวมปราณ, ขอบเขตเปลี่ยนปราณ, ขอบเขตประตูลึกล้ำ, ขอบเขตเซียนเทียน, ขอบเขตสัมผัสโลกา, ขอบเขตสมบัติเทวะ
ภายใต้สถานการณ์ปกติ มันก็จะใช้เวลาอย่างน้อยสามถึงห้าปีในการฝึกตนเพื่อที่จะไปถึงขอบเขตสัมผัสปราณ และมันก็ยังต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อยถึงสิบปีกว่าจะไปถึงขอบเขตสะสมปราณ
ดังนั้นแล้วหากใครสามารถบรรลุถึงขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นได้ก่อนอายุ 30 ปี มันก็เพียงพอแล้วสำหรับบุคคลนั้นที่จะได้รับการพิจารณาว่าเป็นอัจฉริยะ
หลี่หมิงเฉียงได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตชำระไขกระดูกตอนเธออายุได้เก้าขวบ ดังนั้นเธอจึงสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าเธอนั้นมีพรสวรรค์สูงมาก
บุคคลผู้ยิ่งใหญ่ในสำนักเซียนต่างก็เคยแสดงความคิดเห็นว่าเธอมีโอกาสจะได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทียนก่อนอายุ 50 ปี
ขอบเขตเซียนเทียนเป็นเส้นแบ่งของโลกมนุษย์
ตราบใดที่คนๆ นั้นไปถึงขอบเขตเซียนเทียนได้ คนๆ นั้นก็จะสามารถปรับแต่งปราณแท้เซียนเทียนได้ มันเหมือนกับปลาที่กระโจนข้ามประตูมังกร มันจะได้ประสบกับการเปลี่ยนแปลงและความแข็งแกร่งของมันก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก
สำหรับขอบเขตสัมผัสโลกา ว่ากันว่ามันเป็นระดับการฝึกตนที่ลึกล้ำยิ่งกว่าขอบเขตเซียนเทียน
และหลังจากบรรลุความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในขอบเขตสัมผัสโลกาแล้ว ว่ากันว่าคนๆ หนึ่งก็จะสามารถปลดล็อกสมบัติภายในร่างกายและสามารถได้รับพลังวิเศษที่น่าทึ่งทุกประเภทมาครองได้
และนั่นก็คือขอบเขตสมบัติเทวะหรือที่เรียกว่า 'ขอบเขตเทพ'
ด้วยเหตุนี้เอง ขอบเขตเทพจึงเป็นจุดจบของขอบเขตมนุษย์แห่งโลกมนุษย์และเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นขีดจำกัดของโลกมนุษย์ จอมยุทธ์ที่สามารถมาถึงขอบเขตนี้ได้นั้นมักได้รับสมญานามต่างๆ
ตัวอย่างเช่น ผู้สมบูรณ์แบบ, ปรมาจารย์สวรรค์, ผู้เผยแพร่ ฯลฯ ในบางกลุ่ม พวกเขาก็จะได้รับการสรรเสริญดั่งกับเป็นเทพเจ้า
และเหนือไปจากขอบเขตมนุษย์ก็คือขอบเขตเซียนทั้งเก้า!
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเกี่ยวกับขอบเขตเซียนทั้งเก้าก็ถูกควบคุมอย่างเข้มงวดโดยสำนักเซียน มันแทบไม่เคยรั่วไหลออกมาเลย
แม้แต่วิธีที่จะเป็นเซียนก็ยังถูกควบคุมโดยสำนักเซียน มีเพียงการได้รับอนุญาตจากสำนักเซียนเท่านั้น พวกเขาจึงจะกลายเป็นเซียนได้
หลี่หมิงเฉียงเป็นองค์หญิงที่ได้รับความโปรดปรานมากที่สุดในราชวงศ์ แต่กระนั้นเธอก็ยังรู้เพียงขอบเขตเซียนขั้นแรกซึ่งก็คือขอบเขตเซียนมนุษย์
เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าขอบเขตนี้คืออะไรหรือแนวคิดของมันคืออะไร
ยิ่งขอบเขตนั้นอยู่สูงมากเท่าไหร่ ข้อมูลก็จะยิ่งน้อยลงไปมากเท่านั้น
ถึงกระนั้น ซุยเฮ็งก็รู้สึกเขาได้รับประโยชน์ค่อนข้างมากจากข้อมูลเหล่านี้
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้สัมผัสกับเส้นทางแห่งการฝึกตนของโลกภายนอก
เส้นทางแห่งการฝึกวรยุทธ์นั้นแตกต่างไปจากเส้นทางการฝึกตนที่เขาได้รับจากระบบโดยสิ้นเชิง!
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากระดับการฝึกตนของหลี่หมิงเฉียงนั้นมีจำกัด ดังนั้นเธอจึงสามารถอธิบายรายละเอียดการฝึกตนของเธอถึงได้เพียงก่อนขอบเขตชำระไขกระดูกเท่านั้น สำหรับขอบเขตควบรวมปราณ, ขอบเขตประตูลึกล้ำที่อยู่หลังจากนั้น พวกมันก็ค่อนข้างคลุมเครือเล็กน้อย
โชคดีที่เธอมีความเข้าใจเกี่ยวกับขอบเขตเหล่านี้และสามารถอธิบายแนวคิดและลักษณะการฝึกพวกมันได้
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ขอบเขตเซียนเทียนเป็นต้นไป ข้อมูลทั้งหมดก็ล้วนใช้คำว่า “น่าจะ”
สิ่งนี้ทำให้ซุยเฮ็งเปรียบเทียบขอบเขตการฝึกตนเหล่านี้กับขอบเขตการฝึกตนที่เขาได้รับมาจากระบบได้ยาก
อย่างไรก็ดี เมื่อดูจากความแข็งแกร่งที่หลี่หมิงเฉียงได้แสดงออกมาก่อนหน้านี้ เขาก็สามารถประมาณการณ์เอาคร่าวๆ ได้ว่าขอบเขตชำระไขกระดูกของเธอนั้นน่าจะเทียบได้กับขอบเขตสกัดปราณขั้นสามของเขา
และหลังจากขอบเขตควบรวมปราณเป็นต้นไป คนๆ หนึ่งก็จะได้รับความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอย่างมาก บางทีมันอาจจะสอดคล้องกับขอบเขตสกัดปราณปราณขั้นสี่และขอบเขตสมบัติเทวะก็อาจจะสอดคล้องกับขอบเขตสกัดปราณขั้นเก้า
“สิ่งที่เรียกว่าขอบเขตเซียนมนุษย์นั้นเทียบเท่ากับขอบเขตก่อเกิดรากฐานรึเปล่านะ?” ซุยเฮ็งคาดเดาในใจ
“ท้ายที่สุดแล้ว ตราบเท่าที่ใครคนหนึ่งสามารถก้าวเข้าสู่ขอบเขตก่อเกิดรากฐานได้ ไม่ว่าจะเป็นจิตวิญญาณ, ร่างกาย, ความแข็งแกร่งหรือแม้แต่อายุขัย ทุกสิ่งก็จะล้วนแตกต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง ดังนั้นมันจึงเป็นไปได้มากที่มันจะถูกเรียกว่าขอบเขตเซียนมนุษย์”
ควาปรารถนาของหลี่หมิงเฉียงคือการได้กลายเป็นเซียนหรือก็คือขอบเขตเซียนมนุษย์
ดังนั้นเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซุยเฮ็งก็นับว่ามีประสบการณ์มาก
ก่อนหน้านี้โดยการอาศัยเคล็ดวิชากระบี่ที่ยังไม่สมบูรณ์ของเจียงฉีฉี เขาก็ยังสามารถสร้างเคล็ดวิชากระบี่ที่สามารถใช้เพื่อฝึกตนจนไปถึงขอบเขตก่อเกิดรากฐานได้
มาตอนนี้ เขาก็อยู่ที่ขอบเขตก่อเกิดรากฐานช่วงปลายแล้ว ดังนั้นเมื่อรวมเคล็ดวิชายุทธ์ที่หลี่หมิงเฉียงได้อธิบายเอาไว้ข้างต้น มันก็ง่ายมากสำหรับเขาที่จะสร้าง “เคล็ดวิชายุทธ์” ที่สามารถใช้ฝึกจนไปถึงขอบเขตก่อเกิดรากฐานได้ขึ้นมา
อย่างไรก็ตาม ซุยเฮ็งก็ยังไม่ได้อธิบายโดยตรง เขากลับยิ้มให้หลี่หมิงเฉียงและพูดว่า “พรุ่งนี้เช้า คนรับใช้ของข้าจะพาเจ้าไปที่ชั้นสาม แล้วข้าจะสอนเคล็ดวิชายุทธ์ให้กับเจ้า”
“ขอบคุณท่านปรมาจารย์เซียน!” หลี่หมิงเฉียงมีความสุขมากและเธอก็รีบขอบคุณเขา
“เอาล่ะ ไปเรียกเป่ยฉิงซูเข้ามาที” ซุยเฮ็งโบกมือของเขา
…
เช่นเดียวกับที่ซุยเฮ็งคาดไว้
ความต้องการของเป่ยฉิงซูนั้นเหมือนกันกับของหลี่หมิงเฉียง
อย่างไรก็ตาม เหตุผลของเขาก็ต่างออกไป เขาต้องการทำเช่นนั้นเพื่อประโยชน์ของตระกูลและตัวเขาเอง เขาต้องการจะหลบหนีออกจากการกดขี่ของสำนักเซียน
ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงบอกซุยเฮ็งเกี่ยวกับวรยุทธ์ทั้งหมดของตระกูลเป่ยเท่าที่เขารู้
ในฐานะบุตรชายคนโตของตระกูลเป่ย เป่ยฉิงซูก็รู้เกี่ยวกับสำนักเซียนมากกว่าหลี่หมิงเฉียง
หลี่หมิงเฉียงรู้เพียงว่าขอบเขตเซียนเซียนนั้นมีเก้าขั้น อย่างไรก็ตาม เขาก็รู้ว่าเหนือจากขอบเขตเซียนมนุษย์แล้ว มันก็ยังมีเซียนปฐพี, เซียนสวรรค์ เขายังกล่าวอีกว่าเซียนสวรรค์นั้นสามารถบินบนท้องฟ้าและมุดลงไปในดินได้ พวกเขามีอำนาจเหนือจะจินตนาการ
แต่นั่นก็คือทั้งหมดเป่ยฉิงซูรู้ เขาไม่รู้ว่าอีกหกขอบเขตที่เหลือคืออะไร
อย่างไรก็ดี เป่ยฉิงซูก็มีความเข้าใจที่ชัดเจนมากเกี่ยวกับขอบเขตเปลี่ยนปราณ, ขอบเขตประตูลึกล้ำและขอบเขตมนุษย์อื่นๆ
โดยเฉพาะขอบเขตเซียนเทียน
เมื่อประตูอันลึกล้ำถูกเปิดออก มันก็จะมีเสียงสะท้อนดังขึ้นระหว่างภายในและภายนอก จากนั้นมันก็จะชะล้างพลังปราณทั้งหมดในร่างกายและเปลี่ยนมันกลับมาเป็นร่างเซียนเทียน
ผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนเทียนสามารถใช้พลังของเขาเพื่อควบคุมพลังแห่งธรรมชาติได้
มันคล้ายคลึงกับลักษณะของขอบเขตสกัดปราณขั้นเจ็ด
ดังนั้นแล้วแนวคิดของเขาก็ถูกต้อง
“เซียนมนุษย์น่าจะเทียบได้กับผู้ฝึกตนขอบเขตก่อเกิดรากฐาน” ซุยเฮ็งมั่นใจในการคาดเดาของเขายิ่งขึ้น “ในกรณีนี้ เซียนปฐพีก็น่าจะเทียบได้กับขอบเขตแก่นแท้ทองคำและขอบเขตเซียนสวรรค์ก็จะเทียบได้กับขอบเขตก่อเกิดวิญญาณ”
สำหรับคำอธิบายว่าทำไมเซียนสวรรค์ถึงสามารถทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าและมุดลงไปในดินได้นั้น มันก็ไม่ได้อยู่ในขอบเขตการพิจารณาของเขา
ท้ายที่สุดแล้ว แม้แต่ผู้ฝึกตนขอบเขตสกัดปราณขั้นเจ็ดก็ยังสามารถบินได้เลย
หลังจากที่ซุยเฮ็งไล่เป่ยฉิงซูออกไปแล้ว เขาก็ตกอยู่ในห้วงภวังค์ความคิดอีกครั้ง
“แม้ว่าขอบเขตของพวกเขาจะฟังดูไร้สาระ แต่มันก็ยังเป็นโลกมนุษย์ที่อันตรายเป็นอย่างยิ่ง ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของฉันที่อยู่ในจุดสูงสุดของขอบเขตก่อเกิดรากฐาน มันก็ยังนับว่าไม่เพียงพอ”
“โชคดีที่แนวคิดการฝึกตนของพวกเขาเหล่านี้สร้างแรงบันดาลใจให้กับฉันไม่น้อยเลย ดังนั้นฉันก็น่าจะสามารถอนุมานวิธีการจุดประกายรากฐานเต๋าขึ้นได้ในคืนนี้!”
“เป้าหมายต่อไป แก่นแท้ทองคำ!”
…
เช้าวันรุ่งขึ้น
คนรับใช้สุดแกร่งพาเป่ยฉิงซูและหลี่หมิงเฉียงไปที่ห้องทำสมาธิบนชั้นสาม
พวกเขางงงวย
เป็นไปได้ไหมว่าปรมาจารย์เซียนจะต้องการมอบเคล็ดวิชาให้กับพวกเขาทั้งสองคนพร้อมๆ กัน?
แต่จากคำพูดของปรมาจารย์เซียนเมื่อวานนี้ มันก็ดูเหมือนกับว่าเขาต้องการจะสร้างเคล็ดวิชาที่เหมาะสมสำหรับพวกเขาทั้งสองคน
แบบนั้นแล้วมันเกิดอะไรขึ้น?
“พวกเจ้ายืนอยู่เฉยๆ ก็พอ” ซุยเฮ็งสังเกตเห็นความงุนงงของพวกเขา และเขาก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าจะส่งมอบเคล็ดวิชายุทธ์ให้กับพวกเจ้าด้วยเคล็ดวิชาตราประทับใจ”
“ตราประทับใจ?”
“ตราประทับใจคืออะไร?”
เป่ยฉิงซูและหลี่หมิงเฉียงไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน
แต่ในช่วงเวลาถัดมา พวกเขาก็เข้าใจได้ในทันที
ซุยเฮ็งหมุนเวียนพลังปราณของเขาและบีบอัดข้อมูลของเคล็ดวิชายุทธ์ทั้งสองลงในตราประทับทั้งสองอันในทันที พวกมันเปลี่ยนกลายเป็นลำแสงสีทองและลำแสงสีเขียวที่พุ่งตรงเข้าไปในจิตใจของเป่ยฉิงซูและหลี่หมิงเฉียง
ทั้งคู่รู้สึกว่าการมองเห็นของพวกเขามืดมนลง จากนั้นพวกเขาก็รู้สึกว่ามีลูกบอลแสงปรากฏขึ้นในจิตใจของพวกเขาฃ
เมื่อใดก็ตามที่พวกเขามุ่งความสนใจไปที่ลูกบอลแห่งแสง ข้อมูลการฝึกวรยุทธ์จำนวนนับไม่ถ้วนก็จะปรากฏขึ้น
แม้ว่าข้อมูลการฝึกวรยุทธ์เหล่านี้จะไม่ได้ครอบคลุมทั้ง 21 ขอบเขต แต่คำอธิบายภายในนั้นก็เพียงพอแล้วที่จะช่วยให้พวกเขาไปถึงขอบเขตเซียน
เคล็ดวิชานี้สามารถทำให้พวกเขาบินไปมาบนอากาศ ควบคุมพลังธาตุต่างๆ และเปลี่ยนผืนดินแล้งให้กลายเป็นแม่น้ำได้!
ใบหน้าของหลี่หมิงเฉียงเต็มไปด้วยความสุข นี่แหละคือหนทางสู่การเป็นเซียน!
ในทางกลับกัน เป่ยฉิงซูก็รู้สึกตกใจและดีใจอย่างหาที่เปรียบมิได้!
นี่คือวิธีการที่เขาจะได้กลายเป็นเซียนอย่างงั้นหรอ? เห็นได้ชัดว่ามันเป็นคัมภีร์ที่สวรรค์ส่งลงมาเพื่อชี้ทางตรงไปหาเต๋าสวรรค์!
บินผ่านม่านฟ้าอย่างอิสระ เข้าออกยมโลกดั่งทางผ่าน!
เรียกลมและฝนเพื่อเปลี่ยนผืนดินแล้งให้กลายเป็นแม่น้ำ!
มีเพียงเซียนสวรรค์ในตำนานเท่านั้นที่จะสามารถทำได้!