บทที่ 1 เด็กหนุ่มผู้ว่าราชการมณฑล
โลกเซียน มณฑลเฉวียน
...
ลู่อวิ๋นลุกขึ้นนั่งบนเตียงอย่างกะทันหัน หายใจหอบเหนื่อย เหงื่อเย็นเต็มหน้าผาก
"โธ่เอ๊ย ขายหน้าสุดๆ ไปแล้ว! ยิงนกชำนาญมานาน ดันมาโดนนกจิกตาเข้าให้ได้!"
"ในสุสานชาวบ้านสมัยฮั่น ทำไมถึงมีรูปแบบ 'ความตายสิ้นสูญ' แอบซ่อนอยู่ได้! มันเป็นฝีมือใครกันแน่ที่ขาดคุณธรรมขนาดนี้!"
"เดี๋ยวนะ ไม่ใช่สิ ข้ายังไม่ตาย?"
ชั่วขณะถัดมา ลู่อวิ๋นอึ้งไป
"ฮ่าๆๆๆๆ...แน่นอน คิดว่าข้าลู่อวิ๋นผู้ศึกษาไขปริศนาสวรรค์ รู้แจ้งทั้งโบราณและปัจจุบัน เป็นโจรปล้นสุสานที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ จะง่ายดายไปตายในสุสานธรรมดาๆ ได้อย่างไร หากไม่ใช่เพราะรูปแบบความตายสิ้นสูญนั่นปรากฏอย่างกะทันหัน ข้าจะเข้าไปติดกับดักได้อย่างไรกัน"
ลู่อวิ๋นหัวเราะชอบใจ ไม่เป็นไรขอแค่ยังไม่ตาย อย่างน้อยก็ไม่ได้ทำให้บรรพบุรุษสูญเสียหน้า
"แต่น่าเสียดายหนังสือสำริดโบราณนั่นไม่ได้เอาออกมาด้วย ดูท่าทางน่าจะมีมูลค่าไม่น้อยเลยทีเดียว"
ลู่อวิ๋นจุ๊ปาก
"เดี๋ยวก่อน นี่ที่ไหนกัน?"
อีกครู่ ลู่อวิ๋นเพิ่งจะตอบสนอง เขาเงยหน้ามองไปรอบๆ
นี่เป็นห้องแบบโบราณที่ตกแต่งหรูหรา วางผังอย่างสง่างาม ที่มุมห้องทั้งสี่
มีไข่มุกราตรีวางอยู่ส่องประกายระยิบระยับ ทำให้ทั้งห้องสว่างไสว
แต่ลู่อวิ๋นกลับรู้สึกหนาวยะเยือกอย่างไม่ทันตั้งตัว
"เจ้าของห้องนี้อยากตายเองหรือจะฆ่าข้ากันแน่"
"ผังห้องนี้ชัดเจนว่าเป็นค่ายกลสังหารฮวงจุ้ยเก้าหยินพิฆาตหยาง แถมยังหันหน้าเข้ากระจกทองแดงพอดี... เขาไม่กลัวเลี้ยงผีขึ้นมาหรือไง"
"ที่นี่มันที่ไหนกันแน่ เจ้าของห้องช่วยข้าไว้ น่าจะไม่ทำร้ายข้าหรอก… ตอนจัดห้องเขาไม่ได้ให้คนมาดูฮวงจุ้ยบ้างหรือไง"
เก้าหยินพิฆาตหยาง ตามชื่อก็คือ รูปแบบฮวงจุ้ยนี้สามารถรวมพลังหยินชั่วร้าย คนที่อยู่ในรูปแบบฮวงจุ้ยเช่นนี้นานๆ จะอ่อนแอเจ็บป่วยง่าย อายุสั้น
เอี๊ยด--
ในตอนที่ลู่อวิ๋นกำลังเหม่อลอย ประตูห้องก็ถูกเปิดออก
เด็กสาวในชุดเขียวถือถาดอาหารเดินเข้ามา
เด็กสาวคนนี้ยังเยาว์วัย ดูเพียงสิบห้าสิบหกปี ผมยาวถึงเอว ดวงตาใสแจ๋วฟันขาวผ่อง เป็นสาวน้อยที่สวยงามผิดปกติ
ลู่อวิ๋นแม้จะเป็นคนผ่านโลกมามาก แต่พอเห็นสาวน้อยคนนี้ หัวใจก็อดที่จะเต้นช้าลงเล็กน้อยไม่ได้
"กำลังแต่งชุดโบราณอยู่หรือเปล่า เป็นนักแสดงกำลังถ่ายละครหรือเปล่า ไม่แปลกที่จะสวยขนาดนี้ ข้าหลงเข้าไปในกองถ่ายหรือเปล่านะ"
ลู่อวิ๋นมองไปรอบๆ แต่ไม่เห็นกล้องถ่ายรูปหรือคนอื่น
"ท่านผู้ว่าราชการ ท่านตื่นแล้ว"
เด็กสาวยกถ้วยหยกที่แกะสลักราวกับหยกขาวไปยังหน้าลู่อวิ๋น ลู่อวิ๋นได้กลิ่นหอมละมุนลอยเข้าจมูก
ไม่รู้ว่าเป็นกลิ่นกายของเด็กสาว หรือกลิ่นของน้ำซุปสีม่วงอ่อนที่ส่องประกายในชามกันแน่
น้ำซุปส่องประกาย? ของพรรค์นี้กินได้หรือเปล่านะ
"เดี๋ยวก่อน!"
ลู่อวิ๋นถอยหลังเล็กน้อย "เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ ท่านผู้ว่าราชการ?"
ลู่อวิ๋นเริ่มงุนงง
ในฐานะโจรขุดสุสานที่รู้แตกฉานในประวัติศาสตร์จีน ลู่อวิ๋นย่อมรู้ว่าผู้ว่าราชการคืออะไร
แผ่นดินจีนมีเก้ามณฑล ผู้ว่าราชการเป็นผู้ปกครองมณฑลทั้งเก้า สมัยฮั่นก็มีผู้ว่าราชการแล้ว
"หรือว่าเป็นกองถ่ายละครสมัยฮั่น สาวน้อยคนนี้เข้าถึงบทมากไปจนตื่นไม่ขึ้นแล้วหรือไง"
ลู่อวิ๋นลูบหน้าผาก "คุณน้องครับ คุณจำผิดคนแล้ว ผมไม่ใช่นักแสดงในกองถ่ายคุณ คุณก็ไม่ต้องมาพูดบทกับผมหรอก"
ลู่อวิ๋นหมดหนทางแล้ว
"ที่นี่ที่ไหน"
ลู่อวิ๋นหันไปถามต่อ เขารู้สึกว่าควรไปหาคนปกติมาคุยด้วยซะหน่อย
"ที่นี่คือเมืองเฉวียนโจว"
ว่านเฟิงตอบ
"เมืองเฉวียนโจวอยู่ที่ไหน"
ลู่อวิ๋นมึนงงเล็กน้อย ประเทศจีนเหมือนไม่มีที่อย่างนี้
"เมืองเฉวียนโจวก็อยู่ในมณฑลเฉวียนไง"
"แล้วมณฑลเฉวียนอยู่ที่ไหน"
"อยู่ในหลางเสี๋ยเทียน (ฟ้าสุกใสหลางเสี๋ย)"
"หลางเสี๋ยเทียนคือที่ไหนอีกล่ะ"
ลู่อวิ๋นงงไปหมดแล้ว
"หลางเสี๋ยเทียน...ก็คือหนึ่งในเก้าสวรรค์สิบโลกสี่มหาสมุทรเซียนของอาณาจักรเทพไงเจ้าคะ"
ปุ๊บ!
ลู่อวิ๋นตากลอกขาว ล้มลงไปบนเตียงอีกครั้ง
บ้าไปแล้ว บ้าไปหมดแล้ว
สาวน้อยผิวพรรณงดงามผุดผ่องคนนี้ ดันเป็นคนบ้า!
ว่านเฟิงม้าปากเล็กน้อย แทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว
ท่านผู้ว่าราชการฟื้นขึ้นมาได้ยากเย็นแค่ไหน แต่กลับเป็นลมไปอีกแล้ว
ว่านเฟิงวางชามน้ำซุปสีม่วงลงบนโต๊ะเล็กข้างเตียง แล้วเดินออกไปเบาๆ
...
ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไร ลู่อวิ๋นฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง
"เด็กสาวบ้านั่นไปแล้วหรือ"
ลู่อวิ๋นลูบหน้า มองเห็นชามซุปบนหัวเตียง
"รู้สึกหิวขึ้นมาหน่อย"
ลู่อวิ๋นลังเลอยู่เล็กน้อย แต่ก็ยกชามน้ำซุปประหลาดนี้ขึ้นมาดื่มรวดเดียวจนหมด
"เฮ้อ ดีที่ไม่มีพิษ..."
ลู่อวิ๋นเรอเบาๆ โล่งอก
ทันใดนั้น เขารู้สึกมีไอร้อนวิ่งวนไปทั่วร่างกาย แรงเริ่มกลับคืนสู่ร่างที่อ่อนเปลี้ยเมื่อครู่
"กองถ่ายนี้รวยจริงๆ แค่ชามนี้...คงมีค่าหลายสิบล้านกระมัง… ใช้ถ้วยหยกราคาหลายสิบล้านมาเป็นอุปกรณ์ประกอบฉาก ช่างสุรุ่ยสุร่ายสิ้นดี"
ด้วยความเคยชิน ลู่อวิ๋นเก็บถ้วยหยกใส่อกเสื้อไปโดยอัตโนมัติ
"ยังเปลี่ยนชุดโบราณให้ข้าอีก...ใส่วิกผมให้ด้วย บางทีเห็นข้าหล่อเหลาสง่างามจริงๆ เลยให้ข้ามาเล่นพระเอกหรือเปล่านะ"
ลู่อวิ๋นลุกขึ้นจากเตียง ยืนโซเซอยู่บนพื้น
"ต้องทำลายรูปแบบฮวงจุ้ย 'เก้าหยินพิฆาตหยาง' ในห้องนี้ก่อนว่ะ"
ลู่อวิ๋นมายืนตรงหน้ากระจก ใช้สองมือจับกระจกเพื่อจะขยับมันออก
แต่กระจกนี้เหมือนตอกติดกับพื้นอย่างไรอย่างนั้น ไม่ว่าลู่อวิ๋นจะพยายามเพียงใด กระจกก็ไม่ขยับเขยื้อนสักนิด
"หืม?"
ทันใดนั้น ลู่อวิ๋นก็นิ่งอึ้งไป
เขามองร่างกายในกระจกอย่างงุนงง
เป็นเด็กหนุ่มอายุราวสิบห้าสิบหกที่หน้าตาหล่อเหลาดูดี ขาวสะอาดสะอ้าน
เหมือนหนุ่มขี้ขลาดไร้เดียงสา… แต่ใบหน้าของเขาซีดเผือด ไร้สีเลือดโดยสิ้นเชิง รูปร่างก็ผอมแห้งเป็นพิเศษ เหมือนลมอ่อนๆ ก็พัดปลิวไปได้
คนนี้...ไม่ใช่ตัวเองแน่นอน!
ภาพหลอน?
ลู่อวิ๋นยกมือขึ้น หนุ่มหล่อในกระจกก็ยกมือขึ้นตาม
ลู่อวิ๋นส่ายหน้า คนในกระจกก็ส่ายหน้าตาม
ปุ๊บ!
ลู่อวิ๋นล้มลงไปกองกับพื้นอีกครั้ง
"นี่มันไม่ใช่ตัวกูสักนิด!"
"เกิดอะไรขึ้นกันแน่!?"
ลู่อวิ๋นงงงวยสุดขีด
สมองของเขาทำงานอย่างรวดเร็ว พยายามย้อนนึกถึงเหตุการณ์ก่อนสลบ
หรือพูดได้ว่าก่อนหมดสติในวินาทีสุดท้าย
"เหมือนข้า...ไม่ได้หนีออกมาจากค่ายกลความตายสิ้นสูญนั่น แสดงว่าข้าน่าจะตายไป แล้วก็อาศัยร่างของเด็กหนุ่มคนนี้ฟื้นคืนชีพขึ้นมา"
ลู่อวิ๋นนึกถึงความสิ้นหวังในวินาทีที่เขาตายไป
"เด็กสาวเมื่อครู่พูดจริงหรือเปล่านะ… ที่นี่เป็นโลกเซียนจริงๆ และเด็กหนุ่มที่ข้ายืมร่างมาเกิดใหม่นี้ก็เป็นผู้ว่าราชการมณฑลจริงๆ?"
"โลกเซียน โลกของเหล่าเซียน แสดงว่าข้าก็เป็นเซียนแล้วสินะ"
ดวงตาลู่อวิ๋นเป็นประกาย
จากนั้น เขาก็ยืดตัวขึ้น กระโดดลุกพรวด...
เอี๊ยด
เอวเคล็ด
ลู่อวิ๋นนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น ไม่ขยับเขยื้อน
เซียนอะไรเนี่ย!
"โอ๊ย ท่านเป็นอะไรไปเจ้าคะ!"
พอดีกับตอนนั้น ว่านเฟิงเปิดประตูเข้ามา เธอเห็นลู่อวิ๋นนอนแข็งทื่ออยู่บนพื้น รีบเข้าไปประคองเขาลุกขึ้น
"เอวเคล็ด..."
ลู่อวิ๋นกุมเอวตัวเอง "ข้าผู้เป็นเซียน เอวดันเคล็ด"
"เซียน?"
ว่านเฟิงอึ้งไปเล็กน้อย แล้วสีหน้าก็หม่นลง "ท่านผู้ว่าพูดติดตลกแล้ว ถ้าท่านเป็นเซียนจริง ท่านจักรพรรดิสวรรค์จะถอดถอนตำแหน่งผู้ว่าราชการมณฑลของท่านได้อย่างไร"
ว่านเฟิงพูดไป พลางพยุงลู่อวิ๋นขึ้นเตียงไป
จากนั้น นิ้วของเธอก็ปรากฏแสงเขียวจางๆ เมื่อลูบไปที่เอวลู่อวิ๋น เขาก็รู้สึกมีลมเย็นไหลเวียนเข้าไปในเอว ความปวดแปลบก็จางหายไป
คราวนี้ ลู่อวิ๋นเชื่อแล้วจริงๆ ว่า...เด็กสาวสวยหยาดเยิ้มคนนี้ เป็นเซียนหญิงแน่นอน!
"แล้วข้ายังไม่ใช่เซียนอีกหรือ"
ลู่อวิ๋นยืดหลังขึ้น รีบถามต่อ
"ท่านผู้ว่าราชการ ท่านเองก็ไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์เซียนด้วยซ้ำ ยังจะพูดถึงเรื่องเซียนอะไรอีก"
ว่านเฟิงถอนหายใจ พูดอย่างจนใจว่า "เพราะท่านไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์เซียน ท่านจักรพรรดิสวรรค์จึงออกคำสั่ง หากภายในครึ่งปีท่านยังไม่สามารถฝึกยุทธ์เซียน ไม่ได้เป็นผู้ฝึกยุทธ์เซียน ก็จะถอดถอนตำแหน่งผู้ว่าราชการเฉวียนของท่าน"
"ผู้ฝึกยุทธ์เซียน?"
ลู่อวิ๋นอึ้งไปครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ถามต่อ
ลู่อวิ๋นไม่ใช่คนโง่ เขารู้ว่าถ้าถามมากไป เกรงว่าจะแสดงพิรุธ
เด็กสาวสวยที่ชื่อว่านเฟิงตรงหน้า แม้จะน่ารักไร้เดียงสา แต่ใครจะรู้ว่าหากเธอรู้ว่าตนยืมร่างมาเกิด ชิงเอาร่างผู้ว่าราชการคนก่อนไปเกิดใหม่ จะเกิดอะไรขึ้น
"ท่านไม่ต้องกังวล ถึงท่านจะไม่เป็นผู้ว่าราชการแล้ว ข้าก็จะยังอยู่เคียงข้างท่านต่อไป ข้าเข้าถึงขั้นก่อปราณ มีอาคมแล้ว ถึงจะสู้คนพวกนั้นไม่ได้ แต่พาท่านหนีไปก็ไม่มีปัญหา"
ว่านเฟิงดูเต็มไปด้วยความมั่นใจ
"ดูเหมือนข้าจะมีเจ้าศัตรูหัวใจไม่น้อยนะ"
ลู่อวิ๋นหัวเราะขื่น
ว่านเฟิงก็เงียบลง
เจ้าของร่างนี้ก่อนหน้า ก็ชื่อลู่อวิ๋นเช่นกัน
ตระกูลลู่แห่งเฉวียน สืบทอดมาหลายชั่วอายุคน แม้จะมีคนน้อย แต่กิจการใหญ่โต เป็นตระกูลผู้ฝึกยุทธ์เซียนอันดับหนึ่งของเฉวียน ได้ครอบครองตำแหน่งผู้ว่าราชการ
แต่ตระกูลนี้กลับมีชื่อเสียงเลวร้ายมาก โดยปกติแล้ว จะข่มเหงรังแกคนอื่นทั้งหญิงและชาย ทำชั่วไม่เลือก
ลู่อวิ๋นปู่และพ่อของเขา ยิ่งเป็นนักเลงอันดับหนึ่งของสวรรค์
อาจเป็นเพราะทำเรื่องชั่วร้ายมากไป ปู่และพ่อของลู่อวิ๋น จึงตายในทัณฑ์สวรรค์เรียงกันไป และลู่อวิ๋นเองก็เป็นผู้ไร้พรสวรรค์ที่ฝึกยุทธ์ไม่ได้
แม้ลู่อวิ๋นจะฝึกยุทธ์ไม่ได้ ไม่เป็นผู้ฝึกยุทธ์เซียน แต่พอทำเรื่องชั่วกลับไม่น้อยไปกว่าพ่อและปู่ของเขาเลย หรือบางทีอาจจะเกินกว่าด้วยซ้ำ
ผู้ฝึกยุทธ์เซียนทั่วทั้งเฉวียน ล้วนแต่แค้นฝังหุ่นลู่อวิ๋นนัก
แต่ในฐานะผู้ว่าราชการ ใต้บัญชาลู่อวิ๋นมีฝีมือดีอยู่มาก หลายคนก็แค่โกรธในใจ ไม่กล้าพูดออกมา
แต่เมื่อสามวันก่อน จักรพรรดิสวรรค์หลางเสี๋ยกลับออกพระราชโองการ
ภายในครึ่งปี หากลู่อวิ๋นผู้ว่าราชการคนใหม่ยังไม่สามารถฝึกยุทธ์เซียน เป็นผู้ฝึกยุทธ์เซียน ก็จะถูกถอดถอนตำแหน่งผู้ว่าเฉวียน และแต่งตั้งใหม่
ผู้ว่าคนก่อนที่สุขภาพไม่ดีอยู่แล้ว กลอกตาขาว ล้มลงไปโดยตรง
ในเวลาปกติ ผู้ฝึกยุทธ์เซียนที่ภักดีต่อตระกูลลู่ ก็หายตัวไปในทันที หนีหายกันเป็นการใหญ่ ถือตามคำที่ว่า ต้นไม้ล้มลิงกระจาย
ในจวนผู้ว่าแม้จะยังมีคนอยู่บ้าง แต่พวกเขาก็รอคอยผู้ว่าคนใหม่หลังจากครึ่งปีนี้ล...
ว่านเฟิงคิดว่าลู่อวิ๋นได้รับความกระทบกระเทือนอย่างหนัก จิตใจสับสน จึงเล่าสถานการณ์ปัจจุบันของเขาให้ฟังอีกครั้ง เพื่อให้เตรียมพร้อมตั้งแต่เนิ่นๆ
"ว่านเฟิง ข้ารู้สึกกระจกนั่นมันน่ารำคาญ ช่วยเคลื่อนมันออกไปที"
ลู่อวิ๋นชี้ไปที่กระจกตรงหน้าเตียง
"ได้เจ้าค่ะ"
ว่านเฟิงโบกมือเบาๆ...กระจกที่ลู่อวิ๋นมองว่าขยับไม่ได้ ลอยออกจากห้องไปอย่างง่ายดาย
"กระถางต้นไม้ที่วางตรงนั้น ก็โยนทิ้งไปด้วย!"
ดวงตาลู่อวิ๋นเป็นประกาย ว่านเฟิงเป็นเซียนหญิงจริงๆ...หรือว่าเป็นผู้ฝึกยุทธ์เซียน?
แม้ครู่ก่อนว่านเฟิงจะพูดแค่ว่าเป็นผู้ฝึกยุทธ์ ไม่ใช่เซียน แต่ลู่อวิ๋นกลับไม่ได้สังเกต
แม้ว่านเฟิงจะงงงวย แต่ก็ทำตาม
ทันทีที่กระถางต้นไม้ลอยออกไป ลู่อวิ๋นก็รู้สึกเหมือนอากาศอึดอัดที่กดทับร่างเขาตลอด หายไปอย่างกะทันหัน
ทั้งตัวเขาก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมา
เก้าหยินพิฆาตหยาง สามารถฆ่าคนธรรมดาได้อย่างร้ายแรง… แต่สำหรับผู้ฝึกยุทธ์เซียนอย่างว่านเฟิงที่เข้าถึงขั้นก่อปราณ มีอาคม พลังหยินชั่วร้ายนิดหน่อยนี้ไม่นับเป็นอะไรเลย
"ว่านเฟิง ห้องนี้ใครจัดเตรียมไว้"
ลู่อวิ๋นระบายลมหายใจยาว แล้วเอ่ยถาม
"เป็นพ่อบ้านใหญ่เชียจัดเตรียมไว้ค่ะ"
ว่านเฟิงรู้สึกเหมือนห้องเกิดการเปลี่ยนแปลง แต่ว่าเปลี่ยนแปลงอย่างไรนั้นเธอก็พูดไม่ถูก
"พ่อบ้านใหญ่เชีย? เขาอยู่ไหน"
คิ้วลู่อวิ๋นขมวด ในโลกเซียนก็มีสมาชิกลับด้วยหรือ
ผังห้องนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นค่ายกลฮวงจุ้ยสังหาร ฆ่าคนโดยไร้ร่องรอย
ที่ลู่อวิ๋นยืมร่างมาเกิด เป็นเพราะลู่อวิ๋นในโลกเซียนถูกค่ายกลเก้าหยินพิฆาตหยางนี้สังหารแน่นอน
หากลู่อวิ๋นอยู่ในห้องนี้นานวัน เขาก็จะเป็นแบบเจ้าของร่างคนก่อน
ลู่อวิ๋นเป็นโจรปล้นสุสานชั้นยอด เชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ชีพจรฮวงจุ้ยและดูฮวงจุ้ย ไม่มีอะไรที่ไม่รู้
"เพราะค่ายกลจวนผู้ว่าต้องซ่อมแซม พ่อบ้านเชียจึงไปซื้อศิลาฐานค่ายกลมาช่วงก่อนหน้านี้ค่ะ"
ว่านเฟิงตอบ
"ค่ายกล?"
ลู่อวิ๋นอึ้งไปเล็กน้อย
"ใช่ค่ะ พ่อบ้านเชียเป็นถึงปรมาจารย์ค่ายกลเลยนะคะ เขาบอกว่าท่านสร้างศัตรูไว้มาก จึงจัดค่ายกลป้องกันไว้ให้ท่านเป็นพิเศษในห้องท่านเอง"
ลู่อวิ๋นลูบหน้าผาก
ค่ายกลโลกเซียน? ผังฮวงจุ้ย?
"พยุงข้าออกไปดูสักหน่อย"
ลู่อวิ๋นสูดหายใจเข้าลึกๆ บอกว่านเฟิง ตอนนี้ร่างกายของเขายังอ่อนแรงอยู่
"ได้เจ้าค่ะ!"
ว่านเฟิงยื่นมือขาวนวลเล็กๆ ออกมา ประคองตัวลู่อวิ๋นไว้
สัมผัสได้ถึงร่างกายนุ่มนิ่มของว่านเฟิง หัวใจลู่อวิ๋นก็หวั่นไหวขึ้นมา
...