ตอนที่แล้วตอนที่ 379 เคล็ดสังหาร รังสีฉลาม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 381 ถูจื่อซานประมุขตำหนักเจ็ด วิญญาณมืด

ตอนที่ 380 ข้าคือนักสู้ระดับทอง


ลู่ไห่ได้ยินเสียงร้องเบาๆ จากจีเสี่ยวหย่า  ใจของเขาสั่นสะท้าน  จีเสี่ยวหย่ากำลังจะใช้เคล็ดสังหารของนาง!

แต่ตอนนี้เขาฟุ้งซ่านเกินไป ขาของเขายึดอยู่กับพื้นขณะเตรียมป้องกันการบุกจู่โจมของหลิงซิ่ว

เขาโกรธที่หมัดของเขาถูกหอกหลิงซิ่วทำร้ายบาดเจ็บ  แต่ความโกรธของเขาเป็นเพราะความเสียหายของหมัดแห่งกลุ่มดาวภูเขาโกรธเพราะบาดแผลของเขา เวลาที่เขาต้องใช้ในการปรับแต่งเปลี่ยนแปลงมันให้เป็นอาวุธสมบัติชั้นทองถูกใช้ไปนับไม่ถ้วนแค่จะฟื้นฟูความเสียหายของอาวุธที่ได้รับความเสียหายในวันนี้คงต้องทุ่มค่าใช้จ่ายและเวลาอีกหลายวัน

เจ้าเด็กบ้าพวกนี้

ลู่ไห่ที่กำลังโกรธไม่มีการเก็บรั้งพลังไว้แต่อย่างใด เนื่องจากถุงมือหมัดหนักของเขาปลดปล่อยพลังในระดับสูงสุด

ว่ากันในเรื่องของพลัง ลู่ไห่มีความได้เปรียบ  เขาไม่เคยพบคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่าเขาในแง่ของพลังมาก่อน  เขายังได้ฆ่านักสู้ด้วยหมัดเพียงอย่างเดียวมาแล้ว

พรสวรรค์ของเขาอยู่ในระดับทั่วไปขณะที่ฝึกมาแต่เพียงเพลงหมัดที่หนักหน่วงธรรมดา แต่กระนั้นเขาก็สามารถกลายเป็นนักสู้ระดับทองได้เนื่องจากสร้างวิธีการฝึกฝนที่พิเศษ สมาพันธ์ชาวยุทธมีความเด่นที่สุดในเรื่องการปรับแต่งสมบัติและอาวุธ  อย่างไรก็ตามลู่ไห่ไม่เคยปรับแต่งสมบัติของเขาได้ดีเลย  เขากลับค้นพบวิธีอย่างอื่นแทน  เขาใช้วิธีการบางอย่างขององค์การวิญญาณมืดแทนโดยการฉีดพลังหมัดหนักแห่งกลุ่มดาวภูเขาเข้าไปในแขนทั้งสองข้างของเขา

เมื่อเลือดเนื้อของเขาและพลังสมบัติเริ่มผสานเข้าด้วยกัน  พลังของเขาก็เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ และระดับการปรับแต่งพลังหมัดหนักแห่งกลุ่มดาวภูเขาก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน  เขาไม่สนใจแยแสความเข้ากันได้อย่างกลมกลืนระหว่างร่างกายของเขากับอาวุธสมบัติ

ลู่ไห่มุ่งมั่นจนกลายเป็นนักสู้ระดับทองและยินดีจะขยายขอบเขตพลังออกไปเพื่อไปให้ถึงฝั่งฝันของเขา  ตอนนี้เขาไปได้ในระดับที่สูงเป็นประวัติการณ์

แม้ว่าหอกของหลิงซิ่วจะไม่เลวแต่ความแข็งแกร่งของเขาไม่อาจเทียบได้กับลู่ไห่ลู่ไห่ผลักดันต้อนเขาออกไปไกลเป็นไมล์ด้วยหมัดเพียงหมัดเดียว  ลู่ไห่ไม่รู้เหตุผลที่หลิงซิ่วมักกลับขึ้นมายืนได้ใหม่หลังจากทนการโจมตีได้  เป็นการโจมตีเขาต่อเนื่องกันถึงสามครั้ง  ต่อให้เขาเป็นบุรุษเหล็กแต่ทั้งสามหมัดเหล่านี้สามารถทำให้เขาร่างระเบิดกระจายได้  แต่แม้ว่าร่างของเขาจะมีเลือดหยดเต็มแต่หลิงซิ่วก็ยังบุกใส่เขาอย่างบ้าคลั่ง

เจ้าเด็กนี่บ้าไปแล้ว

ความโกรธของลู่ไห่พลุ่งขึ้นมาเพราะความหงุดหงิดเนื่องจากเขากำลังสู้กับหลิงซิ่วผู้ไร้เหตุผลและจะไม่หยุดจนกว่าเขาจะตาย

ฆ่าเขา!

หมัดนี้ต้องจบชีวิตของเขาให้ได้

ลู่ไห่เตรียมตัว เขาตั้งท่าตนเองและเงื้อหมัดเตรียมโจมตีใส่หลิงซิ่วที่กำลังเข้ามา

วีดดด

เสียงหวีดหวิวของกระบี่ดังขึ้นข้างหูของเขาทำให้ลู่ไห่รู้สึกกระวนกระวาย ถ้าหลิงซิ่วถูกมองว่าเป็นแมลงสาบที่ตายยากตายเย็นอย่างนั้นอาเฮ่ออาจถูกมองว่าเป็นแค่แมลงวันน่ารำคาญที่สร้างปัญหาให้กับลู่ไห่ไม่หยุดหย่อน

กระบี่อ่อนแอโจมตีใส่ลู่ไห่ก็เหมือนกับการละเล่นเด็กที่ไม่มีผลคุกคามต่อเขาแม้แต่น้อย

แค่เพียงปรบมือ ลู่ไห่ก็สามารถสลายพลังโจมตีได้  อาเฮ่อเหมือนกับนกกระเรียนดำยักษ์กางมือออกและบินวนอย่างว่องไว อย่างไรก็ตามลู่ไห่ไม่ได้จับตาสนใจอาเฮ่อซึ่งอยู่ในอากาศและเปล่งออกจากดวงตา

หลิงซิ่วขึ้นขี่ฟลามิงโกพุ่งเข้ามาในสายตาของอาเฮ่อ

ได้เวลาแล้วหรือ?

แสงสว่างฉายออกจากนัยน์ตาอาเฮ่อ  เขาจับด้ามกระบี่แน่นพุ่งผ่านหมู่เมฆ

ลู่ไห่ได้ยินเสียงร้องของกระเรียนที่ด้านบนเหนือศีรษะของเขาขณะที่เขาแหงนหน้ามอง

ช่วงเวลาต่อมาสีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด

ร่างดำที่เหมือนกันสิบสามร่างก่อตัวเป็นวงกลมแต่ละร่างถือกระบี่เล็งไปที่ศูนย์กลางวงกลม กระบี่ทั้งสิบสามเล่มชี้เข้าหาจรดปลายกันและกันหมุนอยู่กลางอากาศเหมือนกุหลาบดำยักษ์เกิดลมรุนแรงพัดหอบฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั้งสนามรบ เงามืดทั้งหมดปกคลุมสายตาของลู่ไห่

เสียงดังหวีดหวิวหยุดชะงักทันที เงาทั้งสิบสายสายเริ่มร่ายรำท่ากระบี่ในมือพวกเขา

วี้.....!

ลู่ไห่สามารถรู้สึกได้ถึงกระแสไฟฟ้าที่ลอยผ่านผิวของเขาขณะที่เหงื่อกลิ้งหยดจากตัว อาวุธจักรกลที่น่ากลัวทั้งสิบสามระดมพุ่งลงมาใส่เขาเหมือนกับเสาแหลมคมทั้งสิบสาม

นี่คือ

ในสายตาของเขาลู่ไห่สามารถเห็นร่างที่เหมือนกลีบกุหลาบดำแยกหลุดออกมาเงาร่างทั้งสิบสามโถมเข้าหาตัวเขาทันที

สีหน้าของลู่ไห่เปลี่ยนไป เขารีบยกฝ่ามือทั้งสองกางเป็นโล่เหนือศีรษะเขา

บึ้ม!

ขณะที่ลู่ไห่ปลดปล่อยพลังฝ่ามือของตนเอง  ฝ่ามือของเขาพองขยายขนาดขึ้นสร้างเป็นกำแพงที่แข็งแกร่งขณะที่เขาผลักฝ่ามือออกไปข้างหน้าต้านรับร่างสีดำที่กำลังเข้ามาความรู้สึกถึงอันตรายทำให้ลู่ไห่ใช้พลังจนถึงขีดสุด ด้วยระยะใกล้ขนาดนั้นมันจะกระแทกทำลายร่างเหล่านั้น

ติง ติง ติง

เกิดประกายไฟกระเด็นไปทั่วร่างทั้งสิบสามผลัดกันโถมเข้าโจมตีโล่ฝ่ามือด้วยตัวเองขณะที่ใช้วิชากระบี่โจมตีที่แตกต่างทำให้พลังป้องกันเคลื่อนไหวอย่างสับสน

ลู่ไห่ไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่เขาเห็นทั้งสิบสามร่างล้วนเป็นร่างจริงหมด!

ทั้งสิบสามร่างโจมตีใส่ฝ่ามือโล่ของเขา  พลังโจมตีแต่ละครั้งเกิดประกายจนตาพร่า  นี่ไม่ใช่ภาพลวงตาแน่นอน

เป็นไปได้ยังไง?

ตุ้บ!

ไม่ว่าวิชาฝ่ามือของเขาจะทรงพลังมากขนาดไหนแต่การโจมตีต่อเนื่องของร่างทั้งสิบสามอาจสลายพลังป้องกันของเขาได้

ไม่ดีเลย!

ลู่ไห่เปลี่ยนกลยุทธเนื่องจากเขาใช้ฝ่ามือข้างเดียวต้านรับการโจมตีต่อเนื่องขณะที่ใช้ฝ่ามืออีกข้างหนึ่งโจมตีร่างทั้งสิบสาม

ฮ่าาาาาา

เงาร่างทั้งสิบสามนี้ลอยขึ้นไปเหนือท้องฟ้าเหมือนกับขนนก

ลู่ไห่ไม่กล้าหยุด เขาระดมปล่อยหมัดแล้วหมัดเล่าใส่ท้องฟ้าขณะที่เงาร่างบินสูงขึ้นทุกทีในท้องฟ้า แต่ลู่ไห่ไม่สามารถสังเกตเห็นได้ว่าร่างทั้งสิบสามเกาะรวมกันอยู่เป็นเส้นแนวตั้ง

ทันใดนั้นกระเรียนทั้งสิบสามร่างลืมตาพร้อมกัน

กระเรียนตัวที่บินสูงที่สุดกางปีกพุ่งลงมาใส่หัวกระเรียนตัวที่สอง ร่างกระเรียนทั้งสองปะทะกันโดยความเร็วมิได้ลดลงและเกิดปรากฏการณ์ที่ประหลาด กระเรียนทั้งสองเริ่มผสานเข้าด้วยกัน

แคร้ง แคร้ง

เสียงร้องดังออกมาจากกระบี่

ร่างกระเรียนทั้งหลายเริ่มต่อตัวกันและผสานเข้าด้วยกันจนเป็นหนึ่ง

แคล้ง แคล้ง แคล้ง!

เสียงร้องแหลมดังอย่างต่อเนื่องฉีกผ่านอากาศและดังมากขึ้นทุกขณะ

ทั้งสิบสามร่างผสานเข้ากันทั้งหมด!

นักรบชุดดำโผล่ออกมาขณะที่ผมยาวสีดำของเขาพัดพลิ้วตามสายลม

ปลายกระบี่กระเรียนส่องแสงเจิดจ้า นี่คือปรากฏการณ์เมื่อกระบี่ผสานกับพลังระดับสูง จึงทำให้เกิดขึ้น

รังสีแสงสีดำเริ่มฉายลงมาจากท้องฟ้า

บึ้ม, หมัดภูผาของลู่ไห่แตกกระจายเป็นชิ้นๆแขนขวาของเขาระเบิดเป็นเสี่ยง

“ข้าจะฆ่าเจ้า”

ลู่ไห่โถมเข้าหาอย่างบ้าคลั่ง

“โง่จริงๆ”

เสียงด่าดังขึ้นทั้งสนามต่อสู้

หลิงซิ่วสามารถเห็นหลุมบนถนน  หน้าของเขาเต็มไปด้วยเลือดแต่กลับยิ้มอ่อนโยน เขาใช้นิ้วควบคุมหอกเงิน  หอกเงินหายไปทันที

ท้องฟ้าเหลืออยู่แต่เพียงจุดดาวระยิบระยับ

คอของลู่ไห่ระเบิดเปิดกว้างออกทุกทีเกิดรูขนาดเท่ากำปั้น ความโกรธของเขาปรากฏอยู่เต็มใบหน้าขณะที่เขาปากอ้าตาค้าง

มัน มันเป็นไปแบบนี้ ได้ยังไง...

บึ้ม เขาร่วงกระแทกพื้นเหมือนกับท่อนไม้

อาเฮ่อลอยตัวลงมาจากอากาศลงสู่พื้นอย่างนุ่มนวล เขาเกือบจะทรุดตัวคุกเข่ากับพื้นเนื่องจากใช้พลังไปจนหมด

หลิงซิ่วหันหน้าที่เปรอะเลือดมาทันที  “เฮ้, เจ้าเด็กผู้ดี, เจ้าใช้วิชาอะไรออกมา?”

อาเฮ่อปาดเลือดที่ริมฝีปาก “กระบี่ระบำวงล้อกระเรียน”

*******

ถังเทียนตกอยู่ในอันตราย

ประกายไฟเล็กๆ นี้มีอันตรายถึงตาย  พวกมันสามารถทะลวงอาคารได้อย่างง่ายดายเหมือนมีดตัดเนยอ่อน

ปัง

พื้นที่บ้านพักของผู้คนหลังเล็กๆ พังทลายเป็นเสี่ยงๆจากประกายระเบิด ประกายเหล่านี้เปลี่ยนศิลาให้เป็นผงธุลี เมื่อมันพุ่งผ่านไป

นี่เป็นครั้งแรกที่ถังเทียนเห็นประจักษ์ถึงวิชาสังหารแบบนั้น

เพียงอย่างเดียวที่เขาทำได้คือหลบหลีกการโจมตีทั้งหมด

แต่จำนวนประกายอาวุธมีอย่างไม่จำกัดและแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะหลบได้พ้นทั้งหมด

ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ

เลือดฉีดพุ่งทุกที่เนื่องจากถังเทียนได้รับบาดแผลหลายแห่งในไม่กี่วินาที  แม้ว่าแผลจะไม่ลึก แต่เลือดเปรอะเปื้อนย้อมชุดเขาแดงฉานดูน่าสยดสยอง

เลือดทำให้ถังเทียนโกรธ

เขาเหมือนสัตว์ร้ายได้รับบาดเจ็บ เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว

ใช่แล้ว ข้ารู้ว่าข้าไม่อาจหลบมันได้ แต่ทำไมข้าต้องหลบด้วยเล่า?

แสงรัศมีแพรวพราวปรากฏอยู่บนฝ่ามือของเขาขณะที่ก้าวเท้ายาวมุ่งเข้าโจมตีจีเสี่ยวหย่า

เสียงระเบิดเบาๆ สามารถได้ยินได้ขณะที่วิชากรงเล็บโจมตีใส่ประกายไฟที่โจมตี ก่อให้เกิดแสงรัศมีที่ใช้สลายประกายที่เกิดพลังโจมตีของฝ่ายตรงข้าม

จีเสี่ยวหย่ามองดูจากระยะไกล  นี่เป็นครั้งแรกที่นางเห็นคนที่เบี่ยงเบนวิถีวิชาวังวนฉลามได้สำเร็จ  แต่ว่ายากจะป้องกันพลังที่เหมือนกับฝูงฉลามได้  แม้วว่าท่านจะฆ่าฉลามไปสิบตัว   ท่านก็ยังไม่ปลอดภัยเนื่องจากจะดึงดูดฉลามมามากยิ่งขึ้น

การดิ้นรนป้องกันตัวเป็นสิ่งที่เปล่าประโยชน์

จีเสี่ยวหย่ามองดูถังเทียนใช้วิชากรงเล็บเบี่ยงเบนประกายแสงแม้ว่าการโจมตีจะเข้มข้นมากขึ้น เมฆประกายแสงที่ดูรุนแรงพุ่งเข้าโจมตีถังเทียนโดยตรง

ถังเทียนตวาดก้องบุกทะลวงผ่านประกายแสงที่เข้มข้นหนาแน่น

จีเสี่ยวหย่ายินดีที่ได้ยินเสียงร้องเจ็บปวดของเขาดิ้นรนเข้าไป ดิ้นเข้าไป ยิ่งเจ้าดิ้นรน เจ้าก็จะตายเร็ว

ทันใดนั้นเสียงครางร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดดังก้องมาแต่ไกล สีหน้าของจีเสี่ยวหย่าเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด  เป็นเสียงของลู่ไห่  หรือว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับเขา?

ไม่มีทาง นางรู้ว่านางต้องจบการต่อสู้ให้เร็ว

เมื่อจีเสี่ยวหย่ามั่นใจแต่ตอนนี้นางเพิ่งจะตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ ถังเทียนยังรอดอยู่และดิ้นรนอยู่ได้มากกว่าสิบนาที

เสียงร้องก้องระหว่างสู้ของเขายังคงดังให้ได้ยินอยู่ในท่ามกลางประกายแสง  เขายังไม่ตาย

นั่นเป็นไปได้อย่างไร?

ไม่เคยมีใครอยู่ในวงล้อมประกายแสงเกินกว่าสามนาทีแล้วยังมีชีวิตรอด

จีเสี่ยวหย่าชำเลืองมองตำแหน่งของถังเทียน  ประกายไฟที่เคยเข้มข้นในตอนนี้ค่อยๆ ลดลงเผยให้เห็นเงาร่างของถังเทียนที่ค่อยๆ เดินตรงเข้าหานาง

แสงประกายไฟเริ่มจางออกไป

เป๊ง เป๊ง เป๊ง!

ร่างถังเทียนเต็มไปด้วยเลือดและทางที่เขาเดินเข้ามาเป็นทางเลือดยาว เขายังคงรุกโจมตีประกายไฟอาวุธนั้นอย่างต่อเนื่องด้วยพลังกรงเล็บของเขา

เขารู้วิธีแก้ไขปัญหาอยู่เพียงวิธีเดียว  เป็นวิธีที่ง่ายมาก

กระแทกทำลายชิ้นส่วนอาวุธนั้น กระแทกทำลายทุกชิ้น!

ไม่ว่าประกายชิ้นส่วนจะมีมากมายเพียงใดจะเป็นร้อยหรือเป็นพัน มันจะต้องสลายออกไปจนหมด

ตราบใดที่เขาสามารถโจมตีประกายอาวุธทั้งหมดด้วยวิชากรงเล็บของเขา  เขาไม่มีอะไรจะต้องหลบเลี่ยง

เขาโจมตีประกายชิ้นอาวุธที่เข้ามาหาอย่างเมามันเพื่อป้องกันตัวเองจากการโจมตี  อย่างไรก็ตามเขาสูญเสียเลือดไปมากและมีบาดแผลและเริ่มรู้สึกมึนงงและอ่อนแอ

ชัยชนะเป็นของข้า ไม่มีใครพรากมันไปจากข้าได้

เมื่อข้าเอาชนะนาง ข้าจะกลายเป็นนักสู้ระดับทอง ถังเทียน เจ้าต้องแน่วแน่และอดทน

เจ้าพูดอย่างนั้นไว้ก่อนแล้วใช่ไหม?

ยิ่งเลือดหยดจากตัวถังเทียนมากเท่าใดจำนวนประกายไฟสังหารก็ค่อยๆ ลดลง

ในที่สุดคลื่นประกายไฟสังหารระลอกสุดท้ายก็ถูกทำลาย ร่างที่เลือดท่วมยืนอยู่หน้าของจีเสี่ยวหย่าที่มึนงงอยู่กับที่

เขากัดฟันและเลียเลือดที่ริมฝีปาก  ตอนนี้เขาถูกความเชื่อมั่นครอบงำสิ้นเชิง

เฮ้, ตอนนี้ข้าเป็นนักสู้ระดับทองแล้วนะ!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด