ตอนที่ 379 เคล็ดสังหาร รังสีฉลาม
ลู่ไห่รู้ว่าเขาตกอยู่ในอันตราย เขายกฝ่ามือและตวาดก้อง ฝ่ามือของเขาเหมือนกับใบไม้ป้องกันการจู่โจมจากด้านบน
ติง!
ปลายกระบี่สีขาวแหลมคมไม่สามารถแทงผ่านฝ่ามือของลูไห่ได้ แต่กระบี่เหล็กที่เขาใช้เป็นคู่มือไม่สามารถรับมือกับพลังโจมตีได้ทำให้แตกสลายเป็นชิ้นๆ อาเฮ่อสนองตอบอย่างรวดเร็ว เขาปล่อยด้ามกระบี่ขณะที่ใช้ฝ่ามือผลักเศษกระบี่หักพุ่งไปข้างหน้าของศัตรูเขา
เศษกระบี่พุ่งฝ่าอากาศตรงไปยังตำแหน่งที่ลูกไห่อยู่
ติง ติง ติง!
ประกายไฟกระเด็นไปทุกที่ ฝ่ามือของลู่ไห่ใช้ออกเหมือนกับโล่ทองแดงใช้ป้องกันการโจมตีไว้ได้
หอกเงินของหลิงซิ่วปรากฏขึ้นและจู่โจมใส่ลู่ไห่ทันที
พลังโจมตีที่น่ากลัวจากหลิงซิ่วเต็มไปด้วยความแข็งแกร่งและความต้องการต่อสู้เพื่อบรรลุระดับพลังที่สูงสุดที่ปลดปล่อยออกไป
พลังระเบิดปะทุออกมาขณะที่หอกของหลิงซิ่วและวิชาหมัดประหลาดของลู่ไห่ปะทะกัน
ปัง!
หอกแทงใส่บนโล่เหล็กระลอกพลังที่รุนแรงกระจายผ่านหอก หลิงซิ่วไม่มีเวลาสนองตอบ เนื่องจากเขาถอยหลังจากแรงกระแทก เขารู้สึกงงจากแรงปะทะ
ลู่ไห่ไม่แยแส ตอนนี้เขาดูมาดมั่นมุ่งร้ายมากกว่าก่อนนี้
หมัดของเขาเริ่มหลั่งโลหิต ขณะที่หอกกรีดผ่านผิวของเขา
หลิงซิ่วและฟลามิงโกร่วงกับพื้นอย่างแรง แรงปะทะปลุกหลิงซิ่วตื่นจากอาการมึนงง เขายิ้มเหี้ยมเกรียม
เขาตระหนักว่าเขาโง่งมเพียงไหน ปลายหอกของเขามีหยดของเหลวเงินที่ออกมาจากตัวของเขา
ของเหลวนั้นมีพลังทำลายล้าง จนถึงตอนนี้หลิงซิ่วยังไม่พบวิธีป้องกัน
ตอนนี้เขามีของเหลวเงินห้าหยดอยู่ในร่างของเขา
เขายังไม่เข้าใจถึงธรรมชาติที่แท้จริงของของเหลวเงิน อย่างไรก็ตามทุกๆในช่วงเวลาของเหลวนี้จะหนาขึ้นด้วยตัวมันเอง เมื่อมันมาถึงจุดสูงสุดมันจะแข็งและหนา
ของเหลวเริ่มกัดเซาะเข้าไปในเนื้อและกล้ามเนื้อของเขา
ลูไห่ตะโกน “ภูผา!”
เสียงกึกก้องดังออกมาจากแขนของเขารอยสักทองเริ่มมีชีวิตชีวาอีกครั้ง แขนเริ่มมีวัสดุเหมือนหินครอบคลุม เหมือนกับเป็นถุงมือซึ่งครอบคลุมหุ้มกำปั้นของเขา
มันคือถุงมือหนักภูผาได้มาจากกลุ่มดาวภูเขาแห่งขอบฟ้าใต้ หลังจากปรับแต่งโดยสมาพันธ์ชาวยุทธเป็นเวลาเกินสิบสองปีคุณภาพของมันก็แทบจะเทียบเท่าอาวุธชั้นทอง
ลู่ไห่รู้สึกได้ถึงลมที่มาจากเบื้องบนจึงยันฝ่ามือซ้ายขึ้นข้างบน
อาเฮ่อรู้สึกถึงพลังมหาศาลที่กำลังตรงมาที่ตำแหน่งของเขา เขาไม่มีเวลาพอจะหลบ ขณะที่เขาถูกแรงอัดกระเด็นฝ่าอากาศเหมือนกับลูกธนู เขาถูกดันถอยไปมากกว่าสามสิบเมตร
พลังที่แข็งแกร่ง!
พลังที่มหาศาลนั้นไม่ทำให้อาเฮ่อสะทกสะท้าน เขาจับกระบี่กระเรียนแน่น เขาสามารถรู้สึกได้ถึงระลอกพลังงานผ่านฝ่ามือของเขา
กระบี่เหล็กตอนนี้ไม่สามารถรับมือกับพลังจากกระบี่โจมตีของเขาได้ก่อนที่กระบี่จะโจมตีถูกลู่ไห่ มันแตกทำลายภายใต้แรงอัดดันของพลัง
หลิงซิ่วลุกขึ้นยืนและกลับไปอยู่บนหลังฟลามิงโกของเขา เขาถ่มสิ่งสกปรกที่เข้าไปในปากเขาหลังจากที่ล้ม เขาไม่ได้กลัว ความจริงเขายิ่งมุ่งมั่นมากขึ้นกว่าเดิม
มิน่าเล่าเขาถึงได้เป็นนักสู้ระดับทอง
เขาถอยกลับมาตั้งท่าสู้เตรียมพร้อมสำหรับการโจมตีครั้งต่อไป
อังเดรชำเลืองมองหยวนจี๋ซึ่งต่อสู้อย่างดุเดือดจากระยะไกล เขาเปลี่ยนความสนใจและเปลี่ยนสายตากลับไปมองสตรีที่อยู่ต่อหน้าเขา “ข้าคาดไม่ถึงเลยว่าท่านจะส่งนักสู้ระดับทองออกมาถึงสามคนดูเหมือนว่าแรงกดดันของเรายังไม่มากเพียงพอ”
สตรีตัวสูงและขาของนางสวมชุดหนังสีดำ ชุดของนางมีจุดทองปกคลุมเป็นลายคล้ายยีราฟ คนส่วนใหญ่คิดว่านี่เป็นเครื่องแต่งกายปกติ แต่อังเดรรู้ว่ามันคือของที่พิเศษมากกว่า
นั่นก็คือลายเสือ สมบัติชั้นเงินจากกลุ่มดาวยีราฟแห่งสิบเก้าดาวขอบฟ้าเหนือ
ลายทองที่ปรากฏได้ผ่านการตกแต่งมาก่อนแล้ว มันค่อยๆ เปลี่ยนสภาพไปเป็นสมบัติทอง
สตรีนางนั้นตอบ “ฝ่าบาท ข้าคือจีเหม่ยหวี่จากสาขาทองที่เจ็ดแห่งสมาพันธ์ชาวยุทธ ฝ่าบาทเดาผิดเสียแล้วนักสู้ระดับทองไม่ได้มีแค่สามแต่มีห้าคน”
“ห้าคน?”อังเดรประหลาดใจกับจำนวนที่แท้จริง “คิดๆดูแล้ว ถังเทียนและสหายทั้งสามคนนี้เป็นเป้าหมายอันดับแรกของพวกเจ้า แต่สำหรับพลังของพวกเขานักสู้ระดับทองสองคนก็น่าจะพอโค่นเขาได้ หยวนจี๋ก็อีกคนหนึ่ง และเหลือสองคนเตรียมไว้รับมือข้าสินะ”
“ท่านพูดถูกฝ่าบาท ถ้าฝ่าบาทพ่ายแพ้ที่นี่ก็จะเป็นชัยชนะยิ่งใหญ่ของเราด้วยเช่นกัน” จีเหม่ยหวี่ตอบพร้อมกับยิ้มนางมองดูโดดเด่นมากกว่าเมื่อเทียบกับแอนเดรียนา รูปร่างของนางสูงโปร่งเปี่ยมเสน่ห์
อังเดรพูดอย่างใจเย็น “อย่างนั้นอีกคนคือใคร? ไม่มีประโยชน์จะซ่อนอยู่ตรงนั้น”
“เนื่องจากฝ่าบาทเชื้อเชิญคงเป็นการไร้มารยาทถ้าข้าไม่ปรากฏตัว” เสียงต่ำก้องดังมาจากด้านหลังของอังเดร
ร่างดำปรากฏขึ้นคล้ายกับหมอกหนา เขาอยู่ในชุดคลุมไหล่สีดำบนไหล่เขามีอีกาเกาะคอยคุ้มกันอยู่หลายตัว อีกานั้นตัวดำสนิทตลอดตัวยกเว้นแต่ตาของมันซึ่งมีสีทอง
“งั้นเจ้าก็มีสมบัติของกลุ่มดาวกาสินะชุดคลุมเก้าอีกา” อังเดรพยักหน้า “มิน่าเล่ากลุ่มดาวอีกาถึงได้ล้าหลังมานาน เป็นเจ้านี่เองที่อยู่ในเงาคอยดูดเอาพลังของกลุ่มดาวมาตลอด”
“ท่านมีทักษะในการวิเคราะห์ได้ดีฝ่าบาท ข้าคาดไม่ถึงเลยว่าท่านจะจำสมบัติแบบนั้นซึ่งถูกละเลยในบางครั้ง” ซือหานตอบ
“กลุ่มขุนนางของท่านทุ่มเทกำลังมากจริงๆถึงกับส่งนักสู้ระดับทองออกมาถึงห้าคน” อังเดรหัวเราะ “อย่างไรก็ตามทำไมพวกเจ้าถึงคิดว่าข้าจะไม่ไยดีกับชีวิตข้าง่ายๆ เล่า?”
“นี่เป็นรูปแบบการทำงานของสมาพันธ์ชาวยุทธ พวกเขามักคิดว่าคนอื่นไม่ฉลาดเท่าพวกเขา”เสียงดังสอดแทรกขึ้นมา
บุรุษผมแดงคนหนึ่งเดินหัวเราะออกมา
ซือหานและจีเหม่ยหวี่ตกใจ พวกเขาตระหนักว่ายังมีคนซ่อนอยู่ในเงาเบื้องหลังพวกเขา
“เฉียนซินมาที่นี่เพื่อคารวะฝ่าบาท!” บุรุษผมแดงหันมาทักทายแอนเดรียนาโดยตรง
“วิญญาณมืด!” จีเหม่ยหวี่อุทาน
“ฮ่าฮ่าข้าถูกจดจำได้แล้ว นั่นน่ากลัวนะ” เฉียนซินตอบ “ถ้าสมาพันธ์ชาวยุทธสูญเสียนักสู้ระดับทองไปห้าคนรวดเดียวคงเป็นเรื่องเจ็บปวดไม่ใช่หรือ ฮืม.. ไม่ ข้าไม่ควรดูแคลนสมาพันธ์ชาวยุทธอย่างนั้นมีทรัพยากรมากมายอยู่ในมือ นักสู้ระดับทองไม่ควรจะมีอะไรสำหรับพวกเขา ฮ่าฮ่าฮ่า”
เฉียนซินหัวเราะอย่างบ้าคลั่งก้องทั่วห้องโถง
ทันใดนั้นร่างสีดำลอยตัวลงมากจากด้านบนห้องโถงใหญ่ เขาคือบุรุษหน้ากากที่ดูคล้ายค้างคาวและสวมชุดดำ
ซือหานโพล่งออกมา “เป็นนักฆ่าค้างคาว!”
นักฆ่าค้างคาวทำเหมือนกับว่าเขาไม่ได้ยินอะไร
อังเดร,เฉียนซินและนักฆ่าค้างคาวล้อมบุรุษทั้งสองเป็นรูปสามเหลี่ยม
แค่เพียงพริบตา สถานการณ์เปลี่ยนไปมากมาย
แอนเดรียนามองอย่างมึนงง
ถังเทียนและจีเสี่ยวหย่ากำลังสู้กันเปลี่ยนถนนทั้งสายเป็นกองอิฐหักพัง ทุกครั้งที่จีเสี่ยวหย่าควงกระบี่แสงในมือนาง นางจะสร้างคลื่นกระบี่โจมตีที่พุ่งไปได้ไกลถึงร้อยเมตร
อย่างไรก็ตาม ถังเทียนยังสังเกตดูต่อไป เขาเคลื่อนตัวเหมือนสัตว์ร้ายซึ่งมีสัญชาตญาณนักฆ่า
การเคลื่อนไหวของเขาร่างกายไวกว่าสมองทำให้เขามีความอันตรายมากขึ้น
กระบี่รังสีฉลามติดอันดับที่ 17355 ของสุดยอดวิชาโดดเด่น
กรงเล็บเพลิงภูตพรายติดอันดับ 19921 ขณะที่ท่าเท้าลมพรางติดอันดับที่ 19832
สถาบันวิทยายุทธอมตะมีระบบจัดอันดับสุดยอดวิชาโดดเด่นเป็นพิเศษมีการจัดระดับโดยให้ดาวตั้งแต่ 1 ถึง 10 ทุกดาวที่ให้จะมีทักษะแตกต่างกัน 2000 อันดับ รังสีกระบี่ฉลามมีสองดาว เทียบกับทักษะสองวิชาขอถังเทียนถือว่ายังสูงกว่าหนึ่งขั้น
แต่เมื่อเข้าสู่การรบจริงอันดับขั้นไม่สามารถรับรองได้ว่าสุดยอดวิชาใดที่เหนือกว่ากัน
วิชาตัวเบาของจีเสี่ยวหย่าแทบจะทัดเทียมถังเทียน แต่เกราะครีบปลาบินของนางไม่เพียงแต่เพิ่มพลังรังสีกระบี่ฉลามของนางได้ แต่ยังเพิ่มให้ความเคลื่อนไหวของนางให้คล่องแคล่วว่องไวอีกด้วย ด้วยความช่วยเหลือของเกราะครีบปลาบิน วิชาตัวเบาของจีเสี่ยวหย่าจึงเพิ่มพลังขึ้นอย่างมาก
วิชารังสีกระบี่ฉลามมีระดับขั้นที่สูงมากกว่ากรงเล็บเพลิงภูตพรายถังเทียนพยายามโจมตีตรงด้วยเคล็ดวิชาของเขาต่อต้านจีเสี่ยวหย่าไว้ แต่ถูกรังสีกระบี่ฉลามตีตกไปความแตกต่างระหว่างหนึ่งดาวกับสองดาวมากกว่าที่ถังเทียนคิด
แต่ถังเทียนไม่ท้อแท้ ทักษะการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยมของเขาทำให้เขาหนีการโจมตีของจีเสี่ยวหย่าได้ทั้งหมด
แรงบันดาลใจช่วยให้ถังเทียนยังคงวิเคราะห์ความเคลื่อนไหวการต่อสู้กับจีเสี่ยวหย่า แต่เขายังหาจุดอ่อนของจีเสี่ยวหย่าไม่พบ
รังสีกระบี่ฉลามเป็นวิชาที่ทรงพลัง แต่จีเสี่ยวหย่ารู้แต่วิธีปลดปล่อยพลังกระบี่แต่ไม่เข้าใจการเคลื่อนไหวที่เหมาะสมของกระบี่ที่สามารถช่วยให้นางเพิ่มพลังของอาวุธได้เทียบกับอาเฮ่อและเย่เฉาเกอแล้วความเคลื่อนไหวของกระบี่จีเสี่ยวหย่ายังมีมาตรฐานที่ต่ำกว่า
ถังเทียนพยายามควบคุมการต่อสู้เพื่อความได้เปรียบของเขาขณะที่หลบหลีกการโจมตีแต่ละกระบี่ของจีเสี่ยวหย่าอย่างรวดเร็วเนื่องจากนางไม่สามารถกวัดแกว่งกระบี่ได้อย่างถูกต้อง
ในตอนแรกดูเหมือนว่าถังเทียนกำลังจะแพ้เนื่องจากเขาหลบหลีกการโจมตีของจีเสี่ยวหย่าได้อย่างต่อเนื่อง ในความเป็นจริงถังเทียนกำลังรอโอกาสโจมตีตอบโต้นาง
“ตอนนี้ถังเทียนกำลังควบคุมจังหวะไว้ได้”
บุรุษหัวล้านที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดตกตะลึงกับการต่อสู้ ความแข็งแกร่งของถังเทียนดูยังไงก็อ่อนแอกว่าจีเสี่ยวหย่า แต่การต่อสู้กลับถูกถังเทียนควบคุมไว้โดยสิ้นเชิง ถังเทียนใช้ทักษะของเขาหลบหลีกได้เหมือนกับว่าควบคุมกระบวนท่าโจมตีของจีเสี่ยวหย่าได้
บุรุษผอมพยักหน้า “ใช่แล้ว เขาพยายามจะบั่นทอนพลังของจีเสี่ยวหย่าทั้งหมด ดูเหมือนว่าจีเสี่ยวหย่าอาจจะรู้ตัวแล้วว่าถังเทียนใช้กลยุทธสู้กับนาง”
ทั้งสองคนหยุดพูดขณะที่พวกเขาจับตาให้ความสนใจมองดูการต่อสู้ที่กำลังดำเนินอยู่
จีเสี่ยวหย่าสังเกตกลยุทธที่ถังเทียนใช้กับนางได้แล้ว นางรู้สึกว่าพลังของนางค่อยๆถูกดึงออกมาใช้ ถังเทียนได้ประโยชน์คือความคล่องแคล่วคุ้นเคยกับรังสีกระบี่ฉลามทำให้จีเสี่ยวหย่าไม่สามารถทำอันตรายแม้ชายเสื้อของเขาได้
ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไปนางอาจพ่ายแพ้
ขณะที่นางค่อยๆ ซึมซับความเป็นไปได้ของความพ่ายแพ้ ทำให้นางงุนงง คำว่าพ่ายแพ้เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้
เกิดอะไรขึ้น? นางปล่อยให้การต่อสู้ตกอยู่ในสภาพแบบนี้ได้อย่างไร? นางมีพลังมากกว่าถังเทียนอย่างเห็นได้ชัด การต่อสู้ครั้งนี้นางควรจะชนะไปแล้ว
จีเสี่ยวหย่าสูดหายใจลึก นางรวบรวมสติและเพ่งให้ความสนใจกับการต่อสู้
ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์การต่อสู้ของนาง นางรู้ว่านางความคิดของนางสะดุดและนี่คือสัญญาณอันตรายอย่างเห็นได้ชัด
ต้องจบเรื่องนี้ในทันที
ทันใดนั้นจีเสี่ยวหย่าหยุดและจ้องมองถังเทียนซึ่งอยู่ในระยะไกล นางยกมือข้างที่ถือรังสีกระบี่ฉลาม เกราะครีบปลาบินเริ่มฉายแสงทันที
ปัง
เกราะครีบปลาบินสลายและเปลี่ยนสภาพเป็นเกล็ดชิ้นเล็กๆนับไม่ถ้วน แต่ละชิ้นมีขนาดเท่าใบเล็บ เศษชิ้นเหล่านั้นเริ่มหมุนวนรอบตัวจีเสี่ยวหย่า
เนื่องจากเขาสามารถหลบหลีกได้ดีมาก อย่างนั้นข้าจะทำให้เขาไม่มีที่ซ่อนตัว
จีเสี่ยวหย่ายกกระบี่แสงของนาง และปล่อยลงมากระแทกพื้นยุบลงเข้าไปข้างในดิน
“ถึงเวลาเปลี่ยนเจ้าให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแล้ว ‘วังวนฉลาม’”
เสียงเยือกเย็นของจีเสี่ยวหย่าสามารถได้ยินทั่วทั้งนครเทพสตรี
กระบี่แสงค่อยๆ เคลื่อนลงไปในพื้นจนกระทั่งหายไป จีเสี่ยวหย่าตอนนี้มือเปล่า
จีเสี่ยวหย่าเป็นศูนย์กลางจุดศูนย์ถ่วงมีม่านแสงครอบคลุมพื้นที่สองพันเมตรปรากฏบนพื้นประกายแสงนับพันล้านขนาดเท่าใบเล็บระเบิดออกมาจากพื้นและเริ่มหมุนเป็นวังวนรอบสนามรบ
ตอนนี้ถังเทียนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ล่อแหลม