ตอนที่ 378 ต่อสู้ดุเดือด
ร่างของถังเทียนหายไปในอากาศทันที
กระบี่แสงที่จีเสี่ยวหย่ากวัดแกว่งเพิ่งจะปรากฏออกมาครึ่งเดียวม่านตาของนางหดลีบ, ไวมาก
ทันใดนั้นเงาร่างมาปรากฏที่ด้านซ้ายของนาง ประกายแสงจากด้านซ้ายของนางทำให้นางตาพร่า เป็นกรงเล็บโจมตีข้างหนึ่ง นางใช้ฝ่ามือซ้ายป้องกันการโจมตีนั้นพลังนั้นทำให้ไหล่ซ้ายของนางรู้สึกชาจากการป้องกัน
พลังโจมตีทางกายภาพที่หนักหน่วงในระยะใกล้คือจุดอ่อนของนาง พลังโจมตีดันนางถอยออกไปสองเมตร
แต่จีเสี่ยวหย่าเป็นนักสู้ระดับทอง ที่สำคัญนางมีประสบการณ์การต่อสู้มากมาย ขณะที่ฝ่ามือของนางป้องกันพลังโจมตีของกรงเล็บ นางจัดการกระจายสลายพลังออกไปจากนาง แม้ว่านางจะเสี่ยงต่อการโจมตีดังกล่าว
นางสามารถหลบการโจมตีได้
เหมือนกับว่าถังเทียนจะทราบการเคลื่อนไหวของนางขณะที่เขาหายไปอีกครั้งและรุกใส่อีกครั้ง
ทันใดนั้นนางสามารถได้ยินเสียงลมหวีดหวิวจากด้านหลังของนาง จีเสี่ยวหย่าไม่ประมาท นางสร้างกระบี่แสงและแปลงพลังเป็นโล่ มีเสียงดังปังและประกายไฟกระจาย พลังดันนางไปเจ็ดเมตร
ขณะที่นางพยายามรักษาสมดุลเสียงหวีดหวิวที่ได้ยินชัดดังมาจากด้านบนอีก
จีเสี่ยวหย่ายื่นฝ่ามือซ้ายออกไปป้องการพลังโจมตี ปัง! พลังที่แข็งแกร่งกว่าการโจมตีสองครั้งก่อน แขนของนางอ่อนแรงเพิ่มขึ้น เนื่องจากพลังโจมตีบังคับให้นางต้องคุกเข่าลงกับพื้น
นางร่วงลงกับพื้นแรงตุ้บ... ฝุ่นและทรายฟุ้งไปทั่วสนามต่อสู้
การแสดงพลังที่น่ากลัวทำให้นางต้องเพิ่มความระวังสำหรับการโจมตีที่จะมาจากทุกด้าน ความโกรธในตัวนางรุนแรงจนถึงขีดสุด นางไม่อยากเชื่อเลยว่านางจะถูกตรึงโดยนักสู้ที่อ่อนแอกว่า
เป็นเวลานานมากตั้งแต่นางพบเจอกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก
นักสู้ระดับทองในสมาพันธ์ชาวยุทธล้วนได้รับความเคารพทุกคน สาขาทองที่สิบสามอยู่ในศูนย์กลางอำนาจ แต่ละสาขาจะมีนักสู้แข็งแกร่งทรงพลังนับไม่ถ้วน
พลังของนักสู้ระดับทองยิ่งใหญ่มากกว่าผู้อาวุโสคนใดๆเสียอีก
นักสู้เหล่านี้ถือดีและถูกมองว่าเป็นนักรบที่ทรงพลัง จีเสี่ยวหย่าเป็นนักสู้ระดับทองตัวนางเองในตอนนี้ถูกถังเทียนต้อนเข้ามุมความหยิ่งที่นางมีมาเป็นเวลานานถูกบดขยี้ด้วยพลังที่คาดไม่ถึงของถังเทียน แม้ว่าเขาจะใช้แต่เพียงความเคลื่อนไหวต่อเนื่องไม่กี่ท่าก็ตาม
นางจำได้ว่าผู้อาวุโสมอบหมายให้นางเชิญถังเทียนเข้าสำนักอย่างจริงใจแต่ตอนนี้มีแต่เพียงความคิดในใจนางก็คือฆ่าถังเทียนเพื่อล้างแค้นที่ทำร้ายความภาคภูมิใจของนางจนขาดรุ่งริ่ง
กระบี่แสงตอนนี้เปลี่ยนสภาพเข้ามาอยู่ในฝ่ามือนางทั้งหมด สายลมมาจากทางด้านขวาของนางจากนั้นเพียงพริบตาก็ทำให้นางตาพร่า นางสะบัดกระบี่นางไปทางตำแหน่งนั้นชิงรุกแทนรับ
เป๊ง!
เสียงเยือกเย็นเสียดถึงกระดูกสันหลังปะทะกันในอากาศ รังสีเป็นประกายบินไปทั่วทั้งอากาศ
ขณะที่นางเหวี่ยงกระบี่ บ้านหลังเล็กอยู่ไม่ไกลออกไปถูกฟันกลายเป็นสองส่วนจากพลังโจมตี
โครม...
จากด้านล่างจีเสี่ยวหย่ารัศมีสามร้อยเมตรห่างจากเขตเมืองถูกทำลาย ทั่วทั้งพื้นที่อยู่ในควันและฝุ่นและชิ้นส่วนเศษเล็กเศษน้อย
พลังของวิชากระบี่สร้างความตกใจให้กับผู้สังเกตการณ์มองดูการต่อสู้
สิ่งที่น่าตกใจก็คือพื้นที่นี้คือพื้นที่ทำธุรกิจและร้านค้ามีอยู่หนาแน่น เพื่อป้องกันการถูกลักขโมยร้านเหล่านี้ได้เสริมความแข็งแรงด้วยวัสดุที่แข็งแรง นักสู้ทั่วไปไม่มีพลังพอจะทำลายผนังกำแพงเหล่านี้
แต่ด้วยการฟาดฟันกระบี่ของนาง ร้านค้าเหล่านี้เหลืออยู่แต่เพียงซากอิฐปูน
พวกที่มองดูเหตุการณ์ต่างวิ่งหนีเอาตัวรอด ตอนแรกพวกเขาคิดว่าระยะของพวกเขานั้นปลอดภัยเพียงพอจะดูการต่อสู้ แต่หลังจากเห็นพลังวิชากระบี่ของจีเสี่ยวหย่า พวกเขาทุกคนในตอนนี้กลัวว่าพวกเขาจะอยู่ในวิถีของการต่อสู้
อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าผู้ดูทุกคนจะขลาดกลัว
บุรุษสองคนที่มีท่าทีดุร้ายกำลังสนทนากันอยู่พื้นหลัง
บุรุษศีรษะล้านหัวเราะ “พลังโจมตีของจีเสี่ยวหย่ามีชื่อว่ารังสีกระบี่ฉลามเป็นสุดยอดวิชาโดดเด่น ยังนับว่าดีกว่าวิชากรงเล็บเพลิงภูตพรายของถังเทียน ปัจจุบันนี้นางยังสวมเกราะครีบปลาบินซึ่งมาจากกลุ่มดาวปลาบิน ข้าได้ยินว่านางใช้พลังภายในของนางปรับแต่งและเสริมพลังของเกราะเกินกว่าสิบปีโดยไม่เปลี่ยนมันเลย พลังของมันในตอนนี้อาจจะเทียบเท่ากับสมบัติระดับเซียนแค่เป็นรองเกราะระดับทองเล็กน้อย
บุรุษผอมพูดอย่างใจเย็น “ข้าได้ยินมาว่านางเป็นนักรบที่มีพรสวรรค์มีความอดทน แข็งแรงและมีความรู้ความสามารถมาก แม้ว่าเกราะครีบปลาบินจะอยู่ในระดับต่ำ แต่มันก็สามารถเสริมสุดยอดวิชาโดดเด่นทำให้มันใช้พลังได้เต็มที่ ถ้ากลุ่มดาวครีบปลาบินรู้เรื่องนี้ บางทีพวกเขาอาจไปร่วมกับกลุ่มดาวราชสีห์ก็เป็นได้”
“ฮ่าฮ่านั่นสินะ” บุรุษหัวล้านตอบพลางหัวเราะพลาง “ถ้าจีเสี่ยวหย่าสามารถปรับแต่งและพัฒนาเกราะครีบปลาบินให้เป็นสมบัติชั้นทองได้จริงๆ สมาพันธ์ชาวยุทธคงจะต้องการพิชิตกลุ่มดาวปลาบินด้วยตัวเองเพื่อสร้างเกราะสมบัติแห่งกลุ่มดาวปลาบินแน่”
บุรุษผอมตอบ “พวกเขาคงไม่กล้า เพราะมันจะทำให้เป็นศัตรูกับกลุ่มดาวอื่นทั้งหมดในสวรรค์วิถี สำหรับสมาพันธ์ชาวยุทธที่กลายเป็นองค์กรใหญ่ในวันนี้คล้ายกับองค์การวิญญาณมืดของเราเป็นเพราะไม่ได้พยายามกลายเป็นเจ้าปกครองจักรวาล ถ้าพวกเขาทำลายกฎนี้ สมาพันธ์ของพวกเขาจะต้องเผชิญกับความโกรธแค้นของกลุ่มดาวอื่น”
“เจ้าพูดถูกเรื่องนั้น” บุรุษศีรษะล้านพยักหน้า “ข้าประหลาดใจกับศักยภาพของถังเทียน แต่ในยามเผชิญหน้ากับจีเสี่ยวหย่า เขาก็ยังไม่พลาดพลั้งจากพลังโจมตีของนาง หลายๆ คนพยายามเชี่ยวชาญสุดยอดวิชาโดดเด่น,ท่าเท้าลมพราง แต่มีคนประสบความสำเร็จได้น้อย อย่างไรก็ตาม ถังเทียนสามารถเชี่ยวชาญได้ในระยะเวลาสั้นๆได้ แม้แต่วิชากรงเล็บเพลิงภูตพรายของเขาก็เชี่ยวชาญจนกลายเป็นสุดยอดวิชาโดดเด่นข้าต้องการรู้จริงๆว่าสภาพใจของเขาทำงานยังไงจึงเชี่ยวชาญวิชาเหล่านี้ได้รวดเร็วนัก”
บุรุษผอมพูดไม่ออก เขาก็เช่นกันที่ประหลาดใจกับพลังของถังเทียน
อาเฮ่อและหลิงซิ่วอ้าปากสูดหายใจลึก แต่ไม่มีใครกล้าละสายตาจากการต่อสู้เหงื่อไหลย้อยมาตามใบหน้าของพวกเขา พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะกระพริบตา
ข้างหน้าของพวกเขามีนักสู้ร่างสูงใหญ่ปรากฏตัว เขามีร่างที่สูงเด่นและสง่างาม
“ข้าลู่ไห่คนของสาขาทองที่สิบสามแห่งสมาพันธ์ชาวยุทธ”
เสียงอู้อี้ของเขาดูเหมือนจะลากความกลัวออกมาจากศัตรูของเขา ด้วยส่วนสูงสี่เมตรและร่างล่ำสันทำให้เขาดูเหมือนยักษ์แต่ครั้งโบราณกาล ร่างกายท่อนบนของเขาเปลือย อุดมไปด้วยมัดกล้ามเป็นลอนเหมือนคลื่น ไหล่ของเขาซึ่งกว้างกว่าต้นขาด้านบนของเขาสักเป็นรูปปีศาจสีทองคลุมทั้งหมด
เขามีท่าทางขึงขัง ทุกย่างก้าวที่เดินทำให้พื้นสั่นสะเทือน
“พวกเจ้าจะยอมแพ้หรือยอมตาย!”
เสียงทุ้มลึกดังใกล้เข้ามา
หลิงซิ่วลุกขึ้นยืนทันทีและขยับคอได้เสียงเสียงกระดูกลั่นแครกจากนั้นเขากล่าว “เฮ้, เสี่ยวเฮ่อ ถอยไปก่อน”
อาเฮ่อยืนขึ้นขณะที่เขาปาดเหงื่อจากหน้าผาก เขาค่อยๆ ดึงขวดน้ำออกมาและอธิบาย“ข้าต้องการให้ตัวเองมีความชุ่มชื้นมากขึ้น ข้าเสียเหงื่อมากเกินไปหน่อย”
หลิงซิ่วไม่พอใจ “เฮ้, เจ้าคนสุขุมาลชาติ ก็แค่ให้แน่ใจว่าเจ้าจะไม่เข้ามาแทรกแซงเมื่อข้าสังหารเจ้ายักษ์โง่นี่ในหอกเดียว”
อาเฮ่อเตือนอย่างสุภาพ “ในฐานะพยานข้ายังคงมีส่วนแบ่งในเหตุการณ์นี้ เจ้าแบกรับไว้คนเดียวไม่ใช่วิธีปฏิบัติต่อสหายที่ดี”
“ฮ่า”เสียงหัวเราะเบาๆ ดังออกมาจากปากหลิงซิ่ว ใบหน้าที่ห้าวหาญและม่านตาสีเพลิงของเขาที่เหมือนมอดมานาน บัดนี้กลับลุกโชนเหมือนเป็นทะเลเพลิงอีกครั้ง
นักสู้ระดับทอง?
เขาเลียริมฝีปากของเขาด้วยลิ้นแดงขณะที่เขากวาดตาจากข้างหนึ่งไปอีกข้างหนึ่งเหมือนกับเขากำลังจับจ้องเหยื่อเตรียมพร้อมกระโจนเข้าใส่ได้ทุกเมื่อ
หอกเงินปรากฏในมือของเขาขณะที่เขาค่อยๆลูบมันซึ่งเหมือนอสูรมีเขี้ยวแหลมคมมองเหยื่อ
ด้านล่างเขานกฟลามิงเงียบเป็นพิเศษ ตอนนี้มันพร้อมแล้ว
อาเฮ่อดื่มน้ำช้าๆเขาพริ้มตาขณะดื่มด่ำกับรสชาติของเครื่องดื่มชุดนักสู้สีดำของเขาพัดพลิ้วเป็นระลอกในสายลม
ทันใดนั้นยิ้มที่อบอุ่นของเขาตอนนี้เปลี่ยนเป็นเหมือนมีกระแสนุ่มนวล ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาที่สามารถทำให้หญิงสาวสะเทิ้นอาย กลับมีราศีที่เฉียบคม
เขายังยืนอยู่ในความเงียบร่างสูงโปร่งของเขากับรอยยิ้มบนใบหน้าที่สุดหยั่งคาดค่อยๆ กลายสภาพเป็นเฉยชา
“อะไร?”
ลู่ไห่หยุดอยู่กับที่นัยน์ตาครึ่งหลับครึ่งตื่นของเขาตอนนี้เบิกกว้าง
นี่ชักน่าสนใจ
อย่างไรก็ตามสำหรับนักสู้ระดับทองวิชาอย่างนั้นไม่มีอะไรน่าตกใจพอจุดประกายเรียกความสนใจของเขา
“ฆ่า!”
หลิงซิ่วโห่ร้องขณะกระตุ้นฟลามิงโกของเขาซึ่งลากตัวมันเป็นเพลิงยาวเหมือนสายเพลิง
ทัศนวิสัยการมองของหลิงซิ่วเริ่มพร่ามัวและลมแรงกระโชกใส่ซึ่งเกิดจากความเร็วของฟลามิงโกทำให้เขายากจะเห็นได้รู้สึกเหมือนกับว่าเขาตกอยู่ในเพลิง รัศมีร้อนแรงของฟลามิงที่แผ่ไปทั่วพื้นที่ราบ
ร่างที่ปรากฏในสายตาของเขาขยายใหญ่ขึ้นและชัดเจนขึ้นขณะที่มันใกล้เข้ามาจากระยะไกล
นักสู้ระดับทอง นั่นคือนักสู้ระดับทองจริงๆ ด้วย
หลิงซิ่วถลึงมองอย่างดุดัน เขาหมอบต่ำและถือหอกเงินในแนวนอน นิ้วที่จับหอกคลายจากการยืดช้าๆ
ลู่ไห่ผงะเนื่องจากที่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นอัศวินหลังม้าที่ขี่อสูรจักรกล เป็นเรื่องยากที่จะได้เห็นอัศวินขี่อสูรจักรกลในการรบที่มีมาตรฐานสูง ปกติจะใช้อสูรดวงดาวแทน
อสูรจักรกลรวดเร็วมากและมีพลังที่แข็งแกร่งซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับลู่ไห่ รังสีนักสู้ของอัศวินผู้ขับขี่ดูเหมือนจะหลอมรวมกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกัน
พลังที่น่ากลัวจริงๆ
ลู่ไห่ผิดหวัง ถ้าคนแบบนี้ร่วมกับสาขาทองของพวกเขา เขาสามารถฝึกฝนให้เป็นนักสู้ระดับทองได้ ไม่น่าแปลกใจเลยว่าหัวหน้าสาขาถึงได้เตือนแล้วเตือนล่าว่าต้องการเขา
อย่างไรก็ตามไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะรับมือคนทั้งสองนี้
ลู่ไห่ไม่ประหลาดใจ อัจฉริยะมักจะหยิ่งผยอง แต่ก็เป็นสิ่งที่เขาพอใจ
ทันใดนั้นเขาตั้งท่าสู้ทันทีและยกแขนเสมอไหล่จากนั้นรอยสักทองที่คลุมอยู่ที่แขนของเขากลายเป็นมีชีวิตแขนของเขาใหญ่อยู่แล้วพลันเพิ่มขนาด ตอนนี้ใหญ่พอๆ กับอกของเขา
เขาปลดปล่อยพลังเป็นเสียงระเบิดเสียงดังขณะที่เขาค่อยๆ รวบกำปั้น
เขาจับตามองหลิงซิ่วที่กำลังใกล้เข้ามา
หลิงซิ่วใช้หอกเงินซึ่งเหมือนกับมังกรรอการเข้าจู่โจม
พลังของหลิงซิ่วและฟลามิงโกถูกควบรวมอยู่ใหอกรัศมีที่ทรงพลังรวมกันอยู่ที่ปลายหอกทำให้ลู่ไห่ประหลาดใจ
จังหวะเวลาที่ดี!
พลังภายในดวงตาของลู่ไห่พลันเพิ่มขึ้นพรวดพราด จากนั้นเขาปล่อยพลังโจมตีใส่หมัดขวา
ทันใดนั้นเขาเปลี่ยนสายตา
ร่างสูงโปร่งเลือนรางปรากฏอยู่เหนือหัวเขาทันที
มันมาพร้อมกับภาพกระบี่ที่พลิ้วไหวจากในระยะไกลเหมือนสายลม