ตอนที่ 375 - มัดเจ้าโง่นี่ ทุบตีเขา
“เป็นความผิดของข้าทั้งหมด วันนั้นข้าไม่ได้แจ้งให้หมดว่า สมบัติของแอนตันทั้งหมดเปลี่ยนมือเป็นของท่านแล้ว ทั้งนี้รวมทั้งเหมืองทางตะวันตก, สนามต่อสู้ใต้ดิน, ร้านค้าสิบแห่ง, และแผงลอยอีกสองร้อยแผง นอกจากนี้ยังมีกระท่อมดินสามพันแห่งและบ่าวทาสอีกห้าพัน มีทาสจำนวนมากหนีไปแล้ว และบางส่วนก็เปลี่ยนความภักดีไปหาเจ้านายอื่น อย่างไรก็ตาม ข้าประเมินดูว่าพวกที่ยังเหลืออยู่เพราะไม่มีที่จะไปก็ประมาณสามพัน ยิ่งกว่านั้นท่านเฉินยังบอกว่าแอนตันยังคงมีทรัพย์สินหลักอยู่ที่ทวีปฉีหลานอีกมากรอให้ท่านไปจัดการรับมอบ ทว่าท่านเฉินออกไปแล้วยังมิได้กลับมา และบันทึกยังคงอยู่ในมือของเหยียนเจิ้ง อ่า.. เหยียนเจิ้งเป็นพ่อบ้านที่ท่านเฉินจ้างให้เจ้า” จั๊ดด์พูดไม่หยุดและเย่ว์หยางก็รับฟังอยู่นาน ตอนนี้เขาจึงพบว่าชัยชนะของเขานำมาซึ่งความยุ่งเหยิง
“เจ้าพยายามจะบอกว่าแอนตันทิ้งเรื่องยุ่งๆ นี้ไว้โดยไม่เหลือเงินไว้ให้เลยสักเก๊เดียวงั้นหรือ?” เย่ว์หยางถาม
“ก็ไม่ถึงกับเป็นเช่นนั้นจริงๆ แอนตันเป็นวายร้ายที่อู้ฟู่ฟุ่มฟือยมาก แค่เครื่องประดับคฤหาสน์และสมบัติอย่างเดียวรวมกันก็ได้สองล้านเหรียญทอง เจ้าต้องรู้นะว่า ขนาดพรมยังทำจากกำมะหยี่ อะแฮ่ม! เรายังคงมีเงิน แต่ท่านเยาถงมาที่นี่เมื่อวานและขนเงินส่วนใหญ่ไปมากมาย เขาบอกว่าถือเป็นการชดใช้การเสียชีวิตของเอ้อเมิ่งและเหนียนหู่ ข้ารู้สึกว่านี่มันผิดปกติไปบ้าง ท่านไตตันไม่ควรเป็นฝ่ายต้องสูญเสีย เพราะท่านเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ของแอนตัน อย่างไรก็ตาม ท่านเยาถงเป็นหนึ่งในสามผู้นำป้อมสายฟ้าและเขามีตำแหน่งรองจากราชาฉงนี่เท่านั้น ยิ่งกว่านั้น ท่านไตตันไม่ได้อยู่ที่นี่ ดังนั้นข้าไม่รู้จะห้ามเขายังไง” หน้าของจั๊ดด์ยังเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น เขากลัวว่าทันทีที่เย่ว์หยางโกรธ เขาจะโดนตัดศีรษะในที่สุด
“เขาเอาทรัพย์ไปเท่าไหร่?” เย่ว์หยางถาม
“สามล้าน หรือบางทีอาจเป็นสี่ล้าน นางบำเรอเผ่าพันธุ์ซัคคิวบัสของแอนตันสองนางรู้สถานที่ๆ แอนตันเก็บของมีค่าไว้ ก่อนที่เหยียนเจิ้งจะมาถึง ท่านเยาถงก็ขนสมบัติไปเป็นจำนวนมากเสียแล้ว” จั๊ดด์มองดูเย่ว์หยางและเขาก็ยังดูดีไม่ถึงกับเดือดดาล เขาเสริมว่า “นอกจากนี้เขาอาจเอามุกที่มีค่าและผลึกเวท 2-3 ชิ้นไปด้วย”
“อย่างนั้นตอนนี้เหลือทรัพย์สินอยู่มากน้อยเพียงใด?” เย่ว์หยางสันนิษฐานว่าเขาคงไม่ถึงกับกลายเป็นคนอนาถาทันที
“1,680,951 เหรียญทอง” จั๊ดด์หวังอย่างจริงใจว่าเจ้าของในอนาคตคงจะไม่โกรธหลังจากได้ยินจำนวนเงินที่เหลือนี้ ที่สำคัญที่สุด เงินที่เหลือไม่ได้ครึ่งของที่มีทั้งหมด ยิ่งกว่านั้น ที่เหมืองแร่ในตอนนี้คนงานกำลังจับอาวุธลุกฮือ
“แล้วเหยียนเจิ้งพ่อบ้านคนใหม่เป็นยังไงบ้าง?” หลังจากที่เย่ว์หยางได้ฟังแล้ว จิตใจเขาสงบลง โชคดีที่ในความยุ่งเหยิงนี้ยังมีเงินเหลือไว้ให้เขาเป็นจำนวนมาก
“เขา…เมื่อเขากำลังกำลังเจรจากับคนงานที่ลุกฮือ, เขาโดนกักตัว” จั๊ดด์ปาดเหงื่อที่หน้าผาก
“ถ้าท่านไตตันไม่ว่ากระไร, ยังไม่มีอันตรายในการเปลี่ยนมือเวทีต่อสู้ใต้ดิน ขอให้ข้าช่วยท่านผ่านวิกฤตินี้ด้วยเถอะ ท่านควรจะรู้ไว้ หอการค้าร้อยศึกให้ความสนใจเวทีต่อสู้ใต้ดินเสมอมา แน่นอนว่า ถ้าท่านเห็นด้วยที่จะขายเหมืองแร่ให้เรา อย่างนั้นก็น่าจะดีกว่า” ที่ด้านนอกประตู มีพ่อค้าคนหนึ่งใบหน้าเต็มไปด้วยความกระหยิ่มพยายามดำเนินการภายในขั้นตอนใหญ่ หน้าของเขามีความมั่นใจในตนเอง มองดูเย่ว์หยางอย่างยโส เหมือนกับว่าเขาเป็นขุนนางมองดูเด็กบ้านนอกตื่นกรุง
เขาไม่ได้คำนับจั๊ดด์
เย่ว์หยางไม่ยอมรับคนหยิ่งยโสอย่างนี้และรังเกียจคนที่มีทัศนคติชอบวางอำนาจมาก
ขณะที่เขาสวมหน้ากากทองเจมินี่ อารมณ์ของเย่ว์หยางก็ไม่มีใครเห็นได้ เขาต้องการดูว่าผู้ใดจะกล้าเข้ามาและเจรจาต่อรองราคากับเขา เป็นไปได้ไหมว่าการจับอาวุธลุกฮือของคนงานเหมืองจะเกี่ยวข้องกับคนผู้นี้?
“ท่านคือ…?” เย่ว์หยางกวาดตามองอย่างไม่ใส่ใจนัก พลังของเขาไม่สูงส่ง แค่นักสู้ระดับ 6 แต่สมุนที่คุ้มครองเขาสองคนเป็นนักสู้ระดับ 7
“ข้าคือฝูเล่าจากสมาคมร้อยศึก ข้าอยู่ในความดูแลของสมาคมในป้อมสายฟ้า เป็นพ่อค้าดาวทองระดับ 8” เขาพยายามสื่อว่าเย่ว์หยางไม่ควรปฏิบัติต่อเขาในระดับเดียวกับจั๊ดด์
“เจ้าต้องการเวทีต่อสู้ใต้ดิน? กำหนดราคาไว้เท่าไหร่?” เย่ว์หยางเลิกคิ้ว ไม่มีผู้ใดมองเห็นสีหน้าของเขาผ่านหน้ากากเจมินี่ได้
“หนึ่งล้านห้าแสนเหรียญทอง” ฝูเล่าให้ราคาที่ต่ำมาก
“ไม่, ราคาแค่นี้ เหมาะกับขอทาน” จั๊ดด์กลัวว่าเย่ว์หยางจะพลาดท่าจึงรีบพูดขัดจังหวะ “ท่านไตตัน อภัยด้วยเถอะ ข้าขอบอกตามตรง ท่านจะยอมรับราคานี้ไม่ได้เด็ดขาด เจ้างั่งแอนตันซื้อมาจากคนอื่นสี่ล้านเหรียญทอง หลังจากซ่อมแซมและเปลี่ยนแปลงและจัดซื้อนักสู้และสัตว์ประหลาดมาเพิ่มอีก ราคาของเวทีต่อสู้นั้นอย่างต่ำก็ห้าล้านเหรียญทอง หนึ่งล้านห้าแสนเหรียญทอง ถือว่าเป็นการดูถูกท่านชัดๆ!”
“ระวังคำพูดของเจ้าไว้ให้ดี เจ้ากบอ้วน! ข้าจะบอกเจ้าให้ก็ได้ เจ้าหุบปากซะเป็นดีที่สุด หรือจะให้ข้าจับเจ้าโยนออกไป เป็นไปได้อย่างไรที่พ่อค้าระดับ 3 แสนกระจอกที่มีหอการค้ากบที่ไร้ประโยชน์หนุนหลัง บังอาจกล้าร้องแรกแหกกระเฌอกับสิบสุดยอดหอการค้า? เจ้ากบที่น่ารำคาญ เจ้าเข้าใจถึงสิ่งที่เรียกว่ากฎหรือเปล่า? เจ้าเข้าใจถึงความโกรธของคนมีระดับหรือเปล่า? เจ้ากำลังจะชวนทะเลาะ หยามเกียรติและท้าทายศักดิ์ศรีสมาคมของเรา! แค่โบกมือเพียงครั้งเดียว เราก็กำจัดหอการค้าของเจ้าได้แล้ว ข้าขอเตือนเจ้าไว้ ไสหัวไปให้พ้นๆ ซะ ที่นี่ไม่มีที่ให้เจ้าพูด!” ฝูเล่าคิดว่าจั๊ดด์เป็นแค่พ่อค้าคนหนึ่งที่เข้ามาประมูลแข่งขัน เห็นได้ว่าเขาไม่รู้ว่าจั๊ดด์เป็นตัวแทนเจรจาของเย่ว์หยาง เขาระดมคำบริภาษจั๊ดด์ด้วยภาษาที่หยิ่งผยอง แม้อยู่ต่อหน้าลูกค้าอย่างเย่ว์หยาง เขาก็ยังจะพรั่งพรูคำพูดเช่นนี้ออกมา ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นคนที่หยิ่งและป่าเถื่อนเป็นนิสัย
“….” จั๊ดด์ตกใจมากขนาดที่เขาไม่กล้าพูดต่อไป ขณะที่เขาถอยไปอยู่ที่มุมๆ หนึ่ง
เขาลอบขยิบตาให้เย่ว์หยาง เหมือนกับหวังว่าเย่ว์หยางจะพูดสัก 2-3 คำชี้แจงระบุว่าเขาเป็นผู้อยู่ในความดูแลของเย่ว์หยาง
ด้วยพลังเพียงเล็กน้อย โดยไม่ต้องมีนักสู้หนุนหลัง การแข่งขันกับสมาคมร้อยศึกเท่ากับว่าพยายามทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เขามีแต่จะโดนพัวพันจนตาย
จั๊ดด์เป็นคนที่เย่ว์หยางหวังเอาไว้ใช้งาน
แม้ว่าเย่ว์หยางไม่เคยพูดเป็นทางการ แต่เขาก็เคยเห็นเรื่องราวทางการเมืองมามากแล้ว เขาเข้าใจกลเม็ดซ่อนเร้นที่ถูกนำมาใช้
เย่ว์หยางจงใจปล่อยให้จั๊ดด์อารมณ์เย็นลงก่อน
เขายังไม่รีบพูดและปล่อยให้กลุ่มอื่นพูดก่อน ฝูเล่าเข้าใจผิด เขาปล่อยให้ฝูเล่าแสดงความโอหังเพิ่มอีกเล็กน้อย
พอเห็นเย่ว์หยางไม่กล่าวสนับสนุน, จั๊ดด์รู้สึกหดหู่ทันที เขาเข้าใจชัดเจนว่าหอการค้าร้อยศึกและแอนตันแตกต่างกัน พวกเขาเป็นหนึ่งในสิบสุดยอดหอการค้าในหอทงเทียน แค่พวกเขาใช้พลังเพียงหนึ่งในร้อย ก็สามารถกวาดหอการค้ากบทองได้ทั้งหมด ไตตันอาจดูแคลนแอนตันได้ แต่เขาไม่อาจละเลยตัวแทนหอการค้าร้อยศึกได้ แน่นอนว่าในใจเขา จั๊ดด์ต้องการให้เย่ว์หยางพูดอะไรสักประโยค แค่ประโยคเดียวก็ยังดี
เขาตั้งใจไว้แล้วว่าจะพึ่งพาเย่ว์หยางและรอโอกาสแสดงความภักดีของเขา
เขาหวังว่าคงเป็นตอนนี้ แต่โชคไม่ดี เย่ว์หยางมิได้พูดอะไร
เมื่อฝูเล่าเห็นว่าเย่ว์หยางไม่พูด เขาคิดว่าเย่ว์หยางถูกชื่อเสียงของหอการค้าร้อยศึกขู่จนขวัญฝ่อ ก็ยิ่งทำให้เขามีความคิดที่เย่อหยิ่งกว่าเดิม
เขาจงใจใช้ท่าทีเย่อหยิ่งเช่นนั้นพล่ามต่อไป “นักสู้หนุ่มน้อย, ข้าได้ยินมาว่าเจ้าเป็นคนแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม เจ้ายังเทียบได้กับท่านหัวหน้าหอการค้าร้อยศึกได้ไหม? เขาบรรลุเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 8, ท่านเสิ่นพ่าน เขา, องค์ชายเงาดำและท่านซุ่นเทียนเป็นสหายที่ดีต่อกันและเป็นพันธมิตรร่วมกันอีกด้วย ข้าเชื่อว่าเจ้าคงคุ้นเคยชื่อของนักสู้ทั้งสามนี้ ไม่ได้ดูถูกหรอกนะ พวกเขาอยู่มานานและมีชื่อเสียงมากกว่าประมุขป้อมสายฟ้า ราชาฉ่งนี่เสียอีก”
“การเป็นศัตรูกับหอการค้าร้อยศึกของพวกเราไม่มีประโยชน์ ถ้าเจ้าให้ความร่วมมือและทำธุรกิจกับเรา อย่างนั้นก็ถือว่าจบลงโดยมีผลประโยชน์ร่วมกัน ราคาหนึ่งล้านห้าแสนสำหรับสนามต่อสู้ใต้ดินไม่ถือว่าไร้เหตุผลเลย สามนักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดก็ถูกเจ้าสังหารไปเรียบร้อยแล้ว นักสู้ในเวทีส่วนใหญ่ก็หนีไปขณะที่เจ้าไม่อยู่ บางคนก็ขโมยสัตว์ประหลาดที่แข็งแกร่งไปด้วย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ หลังจากเกิดเรื่องนี้ ฉงนี่สั่งว่าในอนาคต เหล่านักพนันมิอาจวางหลักประกันเป็นเดิมพันอีก เพื่อหลีกเลี่ยงมิให้เกิดภัยพิบัติที่คล้ายกันนี้อีก ความสูญเสียครั้งนี้ส่งผลต่อราคาขายโดยตรง” ฝูเล่าพูดบรรยายให้เย่ว์หยางนักธุรกิจมือใหม่ฟังไม่ยอมหยุด
“ในที่สุดนอกจากเรา หอการค้าร้อยศึก ไม่มีคนที่สองที่จะจ่ายเงินซึ้อเวทีต่อสู้ใต้ดิน ข้าไม่คิดว่าจะต้องชี้แจงอะไรมาก ท่านไตตัน! ท่านควรจะเข้าใจที่ข้าพูดนะ พอเห็นความแข็งแกร่งของท่านไตตันและความจำเป็นต้องใช้เงินเร่งด่วน ถือว่าเราให้ราคาที่สูงในการเจรจาต่อรองแล้ว ท่านไตตัน! เรากำหนดราคาไว้ที่หนึ่งล้านห้าแสนเหรียญทองแล้ว เป็นราคาสูงสุดในป้อมสายฟ้าแล้ว และถือว่าให้ราคาเพียงเท่านี้ก็พอแล้ว นอกจากเราแล้ว ไม่มีใครจะเสนอราคาต่างจากนี้”
สิ่งที่ฝูเล่าพยายามบอกก็คือเขาต้องการเวทีต่อสู้ใต้ดินนี้ ไม่ว่ายังไงก็ตาม
ถ้าเย่ว์หยางไม่ต้องการขายให้พวกเขา อย่างนั้นเขาก็ไม่อาจขายให้คนอื่นได้แน่นอน ยิ่งกว่านั้นไม่มีใครเสนอราคาแข่งกับพวกเขา
ถ้าเรื่องที่เขาพูดตอนแรกเป็นแค่คำบรรยาย อย่างนั้นสิ่งที่เขาพูดตอนท้ายก็เป็นการกรรโชกอย่างมิต้องสงสัย
เขาเห็นว่าเย่ว์หยางไม่ส่งเสียงพูดก็เลยคิดว่า เย่ว์หยางกลัวหอการค้าร้อยศึก ดังนั้นเขาจึงสำทับด้วยน้ำเสียงจริงจังและเตือนเด็กน้อยให้รู้จักประมาณตัว
“……” เย่ว์หยางแค่ต้องการหัวเราะ ตอนแรกเขาคิดจะปรามจั๊ดด์ผู้มีความคิดว่าเจ้าโง่นี่จะให้ความร่วมมือกับเขาจริงๆ
เสิ่นพ่าน เขาเคยได้ยินชื่อนักสู้ปราณก่อกำเนิดผู้นี้
เขาเป็นคนที่เชื่อว่าตัวเขามีความชอบธรรม
เดิมทีเขาชื่อเสิ่นจี้ หลังจากยกระดับเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดแล้ว จึงเปลี่ยนชื่อเป็น เสิ่นพ่าน
เสิ่นพ่านเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 8 แน่นอน อย่างไรก็ตาม พลังปราณก่อกำเนิดระดับ 8 ของเขาเป็นเพียงการคุยโว ไม่ว่าจะเป็นระดับหรือในเรื่องพลัง ฉงนี่ที่ยังเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 8 ก็ยังสูงส่งกว่ามาก ในทำเนียบนักสู้ของหอทงเทียนชั้นหก เสิ่นพ่านผู้นี้ถูกมองว่าเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 8 ที่อ่อนแอที่สุด
เรื่องนี้จะว่าไปก็เหมือนกับระดับของนักสู้ในเกมดัง ที่นักสู้บางตัวระดับชีวิตสูง แต่ก็ยังสู้สัตว์ที่ระดับต่ำกว่าบางตัวไม่ได้
หอการค้าร้อยศึกที่เสิ่นพ่านได้สร้างขึ้น เป็นหนึ่งในสิบสุดยอดหอการค้าในหอทงเทียนแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ขณะเดียวกันก็เป็นหอการค้าที่อ่อนแอที่สุดในบรรดาสิบสุดยอดหอการค้าด้วย
แน่นอนว่าเมื่อเทียบกับนักสู้ปราณก่อกำเนิดเทียม ประสบการณ์ความแข็งแกร่งของเสิ่นพ่าน เป็นเรื่องที่นักสู้อื่นๆ ยังมิอาจเอื้อมได้ แม้แต่ในสายตาของนักสู้ปราณก่อกำเนิดเทียม เขาก็ยังเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 8 ผู้แข็งแกร่ง
สิ่งที่ทำให้เย่ว์หยางต้องขมวดคิ้วกลับเป็นอีกชื่อหนึ่ง
องค์ชายเงาดำ
ตอนนี้เย่ว์หยางเข้าใจแล้วว่าเงาดำที่ร่วมือกับซุ่นเทียนจู่โจมทำร้ายเขาในวันนั้น ไม่ใช่ประมุขนิกายพันปีศาจ แต่เป็นองค์ชายเงาดำ
องค์ชายเงาดำเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดที่ลึกลับ เขามีพลังความแข็งแกร่งมากมาย ไม่มีผู้ใดรู้จักร่างต้นเดิมของเขา เพราะคนที่รู้จักเขาล้วนตายหมด พวกเขาทุกคนถูกคนผู้นี้กำจัดหมด องค์ชายเงาดำคือหนึ่งในสิบสุดยอดนักฆ่าที่ถูกขึ้นบัญชีเลือด ระดับและความแข็งแกร่งของเขายังอยู่เหนือฉงนี่ เขาอยู่ในระดับเดียวกับซุ่นเทียนและประมุขนิกายพันปีศาจ
คนผู้นี้เป็นผู้ร้ายสำคัญที่เย่ว์หยางเพิ่งจะเพิ่มไว้ในรายชื่อของคนที่จำต้องฆ่า
เมื่อเขาไปเยี่ยมแม่สี่, หัวซิ่วรี่ จักรพรรดิแห่งเทียนหลัวได้ว่าจ้างให้คนส่งจดหมายให้เย่ว์หยาง ในจดหมาย เย่ว์หยางได้รับรายงานลับเกี่ยวกับองค์ชายเงาดำ
หัวซิ่วรี่ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับองค์ชายเงาดำได้ยังไง อาจเป็นได้ว่าได้รับจากจักรพรรดินีราตรีกระมัง?
ตอนนี้ เย่ว์หยางพักเรื่องราวเหล่านี้เอาไว้ก่อน
อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับความลับที่องค์ชายเงาดำลอบทำร้ายวันนั้นและเกือบฆ่าเขากับนางเซียนหงส์ฟ้า เย่ว์หยางจะต้องแก้แค้นแน่นอน
“ถ้าท่านไตตันตัดสินใจ อย่างนั้นก็ลงชื่อในสัญญาโอนนี้” น้ำเสียงของฝูเล่า เหมือนกับว่าเขากำลังบริจาคให้องค์กรการกุศล ถ้าเขาไม่ได้ยินเรื่องที่ไตตันฆ่าเอ้อเมิ่งและเหนียนหู่ผู้แข็งแกร่งต่อหน้าผู้ชมก่อนที่เขาจะมาถึงที่นี่ เขาคงกดราคาต่ำจนเหลือเพียง 550,000 เหรียญทองเท่านั้น ฝูเล่ามองดูเด็กหนุ่มผู้นี้ซึ่งสวมหน้ากากทองปิดหน้าและหัวเราะเยือกเย็นในใจ เขาจะแข็งแกร่งแค่ไหนกัน? ฝีมือเหนือกว่าเสิ่นพ่าน เจ้านายของเขาไหม? เจ้าเด็กนี่คิดจะกลายเป็นผู้มีชื่อเสียงในหอทงเทียนชั้นหก แต่เขายังอายุเยาว์เกินไป เขาควรจะเรียนรู้วิถีโลกเสียก่อน ขณะเดียวกันฝูเล่าจะให้บทเรียนเจ้าเด็กนี่เป็นคนแรก
“ผัวะ!”
เย่ว์หยางยกมือตบหน้าฝูเล่าอย่างรุนแรง
แรงตบทำให้ฟันเขาหลุดออกมเป็นซี่ๆ จนเลือดพุ่งออกมา
นักสู้ระดับ 7 สองคนรีบเข้ามาคุ้มกันเขา เย่ว์หยางยื่นมือคว้าคนทั้งสองไว้เหมือนหิ้วลูกไก่ จากนั้นยกคนทั้งสองทุ่มลงบนพื้นอย่างรุนแรง ศีรษะของคนทั้งสองแตกโพละกระแทกกับพรมกำมะหยี่แต่พื้นเป็นหินอัคนี พวกเขาถูกกระแทกเละเหมือนกับผลแตงโม
“เจ้ากล้าทำร้ายข้า?” ฝูเล่าไม่เชื่อว่าจะเป็นเรื่องจริง เขาเป็นตัวแทนเจรจาของเสิ่นพ่าน เจ้าเด็กนี่กล้าทำร้ายเขา?
“ทำร้ายเจ้าเป็นเรื่องจำเป็น, ไม่ทำร้ายเจ้าก็จะอึดอัดเสียเปล่า” เย่ว์หยางตบหน้าฝูเล่าอีก 2-3 ที จากนั้นเย่ว์หยางฟาดเขาลงกับพื้นและย่ำใส่อีกสองสามครั้ง เมื่อฝูเล่าตะเกียกตะกายหลบหนี เย่ว์หยางเตือนว่า “ข้าขอประกาศว่าฝูเล่าผู้จัดการหอการค้าร้อยศึกสาขาป้อมสายฟ้าลบหลู่เกียรติไตตันนักสู้ปราณก่อกำเนิด เขาต้องถูกลงโทษรุนแรงที่สุดเพื่อระงับความโกรธเกรี้ยวของนักสู้ผู้นี้ ถ้าเจ้าบังอาจหนี อย่างนั้นข้าจะตอบโต้หอการค้าร้อยศึกเป็นร้อยเท่า ขณะเดียวกัน ข้าจะสั่งคร่ากุมเจ้าไปที่สมาคมนักรบด้วย!”
“ว่าไงนะ?” ฝูเล่าตกตะลึง เขาไม่เข้าใจว่าทำไมฝ่ายตรงข้ามถึงได้โกรธนัก ถ้าไม่ต้องการจะขายเวทีต่อสู้ ก็ลืมๆ ไปเสียก็ได้ ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีการแบบนี้
“…..” จั๊ดด์ถึงกับตัวสั่น
เขารู้ว่าไตตันผู้นี้ไม่ใช่พ่อพระ และไม่ใช่คนที่ใครจะรังแกได้
อย่าว่าแต่ฝูเล่าเลย เขายังกล้ากำจัดนักสู้ปราณก่อกำเนิดอย่างเอ้อเมิ่งและเหนียนหู่ต่อหน้าคนมากมายมาแล้ว เขาทำเป็นเฉยและทำเช่นนี้เพื่อหักหน้าเยาถงและยังทำให้แอนตันจนลงในทันที
เขาสามารถนำยาพลังยุทธมาได้อย่างสบาย, ทำให้ท่านเฉินปฏิบัติต่อเขาเป็นอย่างดี สามารถทำให้ฉงนี่ผู้นำป้อมสายฟ้าต้องแอบยกย่องเขา ดังนั้นเขาจะกลัวฝูเล่าได้ยังไง? เสิ่นพ่านแข็งแกร่งมากจริงๆ อย่างไรก็ตาม เขาจะเสี่ยงล่วงเกินท่านไตตันเพียงเพราะบริวารที่เป็นผู้จัดการสาขาป้อมสายฟ้าไหม? มิอาจบอกได้แน่นอน แต่พลังที่หนุนหลังท่านไตตันอยู่หลังฉากอาจจะแข็งแกร่งกว่าเสิ่นพ่านก็ได้
คิดได้เช่นนี้ จั๊ดด์ก็มีนัยตากระจ่างขึ้นทันที
เขากำหมัดทั้งสอง ถ้าจะมีความลังเลใดๆ ในใจเขามาก่อน อย่างนั้นตอนนี้ไม่มีอยู่อีกแล้ว เขาตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะติดตามท่านไตตัน
เหมือนอย่างที่ว่า ใต้ร่มไม้ใหญ่ย่อมมีความอุดมสมบูรณ์ ไตตันผู้ไม่ใส่ใจแม้แต่เสิ่นพ่านเป็นเจ้านายที่เขาต้องการรับใช้ในชีวิตนี้
เขาไม่ได้ทำผิดพลาดอย่างแน่นอน
“จั๊ดด์!” เย่ว์หยางเรียก
“ขอรับ!” เมื่อจั๊ดด์ได้ยินเช่นนี้ เขารู้สึกเลือดลมพลุกพล่านถึงลำคอถึงกับทำให้เสียงแหบแห้งเล็กน้อย
“มัดเจ้านี่ไว้และทุบตีเขาซะ ถ้าเขากล้าขัดขืน ให้เลาะซี่โครงให้สุนัขกิน” เย่ว์หยางตบไหล่จั๊ดด์และพูดอย่างจริงจัง “จงทำตัวเหมือนเป็นสหายข้าและหุ้นส่วนธุรกิจที่ข้าเลือกไว้ เจ้ามีสถานะอันมีเกียรติ ฟังนะ ใครก็ตามที่หักหน้าเจ้า อย่างนั้นก็หมายความว่าพวกมันหักหน้าของข้าด้วย จำตรงนี้ไว้ให้ดีจั๊ดด์ เจ้าเป็นสหายข้าแล้ว ถ้าคนอื่นบังอาจสบถสาปแช่งเจ้า เจ้าต้องตบหน้ามัน ถ้ามันกล้าต่อยเจ้า อย่างนั้นเจ้าจงเลาะซี่โครงของมัน ข้าไตตันไม่มีสหายที่ขี้ขลาด ข้ามีเกียรติและมีสหายนักรบผู้สง่างาม จงซื่อตรงต่อตัวเองและนำความยิ่งใหญ่ของเจ้าออกมา ลงโทษเจ้างี่เง่านี่ ไม่ต้องปราณี!”
“ขอรับ, ท่าน!” จั๊ดด์ตื่นเต้นจัด เขารู้สึกเหมือนเส้นเลือดในตัวจะระเบิด เขาว้ากดังที่สุดในชีวิต
เย่ว์หยางแกล้งปั้นสีหน้าจริงจัง แต่ในใจนั้นพอใจ แม้ว่าเขาจะไม่ถึงกับเป็นพ่อค้ามีพรสวรรค์ แต่เขาก็มีทักษะมากพอที่จะหลอกล่อพ่อค้าที่หางานแปลกๆ มาให้เขาโดยใช้ลูกไม้เพียงเล็กน้อย
ต่อไป เขาต้องรับมือเรื่องในเหมืองแร่
ทาสคนงานเหมืองไม่ได้ลุกฮือก่อนนั้น แต่ปัญหาเกิดขึ้นหลังจากเขาจากไป เป็นไปได้ว่ามีบางคนแอบก่อกวนให้เกิดปัญหากระมัง?
***********