ตอนที่ 12-6 เข่นฆ่าถึงเกาะศักดิ์สิทธิ์
“อย่างนี้รับไม่ได้แน่นอน ถ้าเจ้าจะทำแบบนี้ อย่างนั้นข้า..” ไดลินต้องการพูด“ข้าก็ไม่สามารถรับประกายศักดิ์สิทธิ์นี้ได้”
แต่ประกายศักดิ์สิทธิ์นี้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับไดลิน
“ท่านไดลิน อย่าคิดมากไปเลย ท่านก็น่าจะรู้ว่าข้าจะกลายเป็นเทพได้ด้วยตัวเอง ดังนั้นข้าคิดว่าท่านคงจะต้องการมากกว่าข้า” ลินลี่ย์รีบเปลี่ยนหัวข้อ “ท่านไดลิน ข้าต้องไปแล้ว”
เมื่อเห็นว่าลินลี่ย์ทำท่าจะจากไป ไดลินอดห้ามเขาไว้ไม่ได้
“ลินลี่ย์, ข้าไม่มีสมบัติล้ำค่าอื่นที่เอามาตอบแทนได้” ไดลินมองดูลินลี่ย์ และพูดจริงจังยิ่งกว่าเมื่อก่อน “แต่ลินลี่ย์, แต่ข้าจะจำความกรุณาที่เจ้ามีต่อข้าในวันนี้ไว้ ถ้าในอนาคตมีอะไรที่เจ้าต้องการ ข้าไดลินจะไม่บ่นคัดค้านแม้แต่คำเดียว”
ลินลี่ย์ยิ้ม
“ท่านไดลิน, งั้นเราแยกทางกันตรงนี้เถอะ”
……
ลินลี่ย์กลับไปที่ปราสาทเลือดมังกร และแจ้งเดเลีย วอร์ตันและคนอื่นๆ ให้ทราบถึงการตัดสินใจของเทพสงครามและมหาพรต วอร์ตัน พี่น้องบาร์เกอร์และซาสเลอร์เมื่อได้ทราบข่าวนี้ต่างก็ตื่นเต้น
พี่น้องบาร์เกอร์และซาสเลอร์มีบุญคุณความแค้นเก่าอยู่กับศาสนจักรเจิดจรัส
ตลอดเวลามานี้วอร์ตันเองก็ต้องการช่วยลินลี่ย์เพื่อภารกิจล้างแค้น ในอดีต เขายังแข็งแกร่งไม่พอ แต่ตอนนี้วอร์ตันก็ถึงระดับเซียนด้วยเช่นกันและเมื่อเขาแปลงกายเป็นนักรบเลือดมังกรระดับเซียน เขาทรงพลังมากพอๆกับเกทส์และคนอื่น
ยามราตรี พระจันทร์เสี้ยวลอยอยู่ในท้องฟ้า
ลินลี่ย์ลุกจากเตียงสวมชุดยาวเดินออกไปที่ระเบียงจ้องมองท้องฟ้ายามราตรี
“พรุ่งนี้ พรุ่งนี้แล้ว ศาสนจักรเจิดจรัสกับข้าจะสู้กันครั้งสุดท้าย” คืนนี้ลินลี่ย์นอนไม่หลับไม่ว่าจะพยายามยังไงก็ตาม
เพราะเหตุผลบางอย่างภาพในสมัยที่เขายังเด็กผุดขึ้นมาในใจของเขา ไม่ว่าเมื่อใดก็ตามที่เขาคิดถึงความจริงว่าวันพรุ่งนี้ เขาจะไปจัดการกับศาสนจักรเจิดจรัสและเขาจะบรรลุเป้าหมายที่เขาต้องการมาเป็นเวลานานปี เขารู้สึกตื่นเต้น
“ลินลี่ย์” เดเลียเดินมาอยู่ข้างตัวลินลี่ย์เช่นกัน “เจ้ากำลังคิดเรื่องบุกโจมตีศาสนจักรเจิดจรัสพรุ่งนี้หรือ?”
เดเลียจะไปพร้อมกับลินลี่ย์ในวันพรุ่งนี้ด้วย แม้ว่าเดเลียยังหลอมรวมกับประกายศักดิ์สิทธิ์ไม่สมบูรณ์ แต่เดเลียก็ยังเป็นเซียนจอมเวทธาตุลม นอกจากนี้แม้ว่า ‘สนามพลังเทพ’ของนางยังไม่สมบูรณ์แต่ก็ส่งผลต่อสถานการณ์ได้แน่นอน
“ถูกแล้ว พรุ่งนี้คือวันที่ข้ารอคอยมานาน” หัวใจของลินลี่ย์สะท้อนอารมณ์ “น่าเสียดาย, ปู่เดลิน..ไม่สามารถเห็นได้”
“ถ้าปู่เดลินของเจ้ายังมีชีวิตอยู่ เขาจะต้องภูมิใจตัวเจ้ามากแน่นอน” เดเลียปลอบเขา เดเลียก็รู้เรื่องเดลิน โคเวิร์ทด้วยเช่นกัน
“ท่านแม่ตาย ท่านพ่อตาย แม้แต่ปู่เดลินผู้แลข้ามาตลอดเวลาก็ยังมาตายจากอีก” ลินลี่ย์จ้องมองไปทางทิศตะวันตก “ทั้งหมดต้องโทษศาสนจักรเจิดจรัส! อ้างตัวเองเป็น ‘แสงสว่าง’ อ้างตัวเองว่า ‘รักโลก’ ศาสนจักรเจิดจรัส! พวกเขาทำลายทุกสิ่ง”
ลินลี่ย์ส่ายศีรษะและแค่นเสียง “ขณะที่ข้า... ข้าไม่มีอะไรมากไปกว่าหนึ่งในครอบครัวนับไม่ถ้วนที่พวกเขาทำลาย บาร์เกอร์และน้องๆ ของเขา,รีเบ็คกาและพี่สาวนาง... ครอบครัวของพวกเขาถูกล้มล้างเช่นกัน! เป็นเพราะศาสนจักรเจิดจรัสที่ก่อเรื่องเช่นนี้!”
ความโกรธแค้นของลินลี่ย์เริ่มก่อตัว
“ลินลี่ย์, อย่าคิดเรื่องพวกนี้มากไปเลย พรุ่งนี้ทุกอย่างจะจบลง” เดเลียปลอบโยนเขา เดเลียรู้ดีว่า..ถ้าไม่ใช่เพราะความเกลียดชังมากมายที่เขารู้สึก ลินลี่ย์จะบังคับตนเองให้ทนได้ยังไง และในวัยสิบแปดปีเขาต้องเข้าไปในเทือกเขาอสูรวิเศษที่กว้างขวางไม่มีผู้คนอาศัยถึงสามปีเต็ม และจากนั้นฝึกฝนอยู่ในชนบทน้อยถึงห้าปี?
“ถูกแล้ว พรุ่งนี้ทุกอย่างจะต้องจบลงแน่” ลินลี่ย์เงยหน้ามองดูท้องฟ้ายามราตรี
ชั่วขณะหนึ่ง... ดูเหมือนภาพบิดาของเขาปู่เดลินและมารดาที่อยู่ในความทรงจำอย่างเลือนรางของเขาปรากฏเลือนรางในท้องฟ้าราตรีกำลังมองดูเขา!
รุ่งเช้าวันที่ 8 เมษายน ดวงอาทิตย์ยามเช้าลอยอยู่เหนือปราสาทเลือดมังกร
“โกรวววว” เสียงคำรามลึกดังขึ้น
ดูเหมือนร่างมังกรมหึมาตัวหนึ่งขดตัวอยู่ใกล้ปราสาทเลือดมังกร แต่ทหารของปราสาทเลือดมังกรไม่ตกใจแม้แต่น้อย พวกเขาหลายคนรู้ว่ามีมังกรระดับเซียนสามตัวพักอาศัยอยู่ในปราสาทเลือดมังกร บางครั้งมังกรระดับเซียนก็บินออกไป ขณะที่บางครั้งพวกเขาก็บินกลับมา
นี่คือเหตุผลที่มีตำนานเมืองเล่าว่าปราสาทเลือดมังกรมีมังกรยักษ์อยู่ใกล้ๆ
ภายในเขตฝึกฝนอบรมที่กว้างขวางของปราสาทเลือดมังกร
ยอดฝีมือฝ่ายลินลี่ย์มาถึงกันนานแล้ว การเดินทางสู่เกาะศักดิ์สิทธิ์ครั้งนี้ ฝ่ายลินลี่ย์มี.. ลินลี่ย์, บีบี, เดเลีย,วอร์ตัน, ห้าพี่น้องบาร์เกอร์, ซาสเลอร์และมังกรระดับเซียนสามตัว รวมเป็นสิบสาม
สำหรับปราสาทเลือดมังกร ให้แฮรุอยู่เฝ้ารักษาการ
แต่ละคนที่ออกเดินทางในครั้งนี้เป็นเซียนชั้นสูงระดับยอดฝีมือ ไม่มีใครมีพลังอ่อนแอกว่าไฮเดนส์สักคน
“พวกเขายังมาไม่ถึงอีกหรือ?” วอร์ตันเริ่มจะใจร้อน
ตอนนี้, มีคนกลุ่มใหญ่รอส่งพวกเขาอยู่เช่นกัน หนึ่งในนั้นคือฮิลแมนที่กำลังหัวเราะและกล่าว “วอร์ตัน, อย่าใจร้อนนี่ยังเช้าอยู่เลยทุ่งราบใหญ่อยู่ไกลจากเรามาก อย่างน้อยก็หมื่นกิโลเมตรแล้ว ต่อให้บินมาก็ยังต้องใช้เวลานานอยู่ดี”
“กลุ่มของเดลี่อาจมาถึงเร็วกว่าเล็กน้อย แต่ถูลี่และคนอื่นจะต้องใช้เวลาอีกช่วงหนึ่งอย่าเพิ่งใจร้อน แค่รออีกสักพัก” ลินลี่ย์กล่าว แต่แม้ว่าเขาจะให้ความสำคัญกับความอดทน แต่เขาอดมองไปที่ท้องฟ้าไม่ได้
เขารอวันนี้มานานแล้ว
“พี่ใหญ่, ข้าคิดว่าท่านใจร้อนมากกว่าข้าอีกนะ” วอร์ตันพูดพลางหัวเราะ
ลินลี่ย์ได้แต่หัวเราะตอบ
“โอว, พวกเขามาถึงกันแล้ว!” บีบียืนอยู่บนไหล่ลินลี่ย์,และส่งเสียงร้องอย่างแปลกใจและดีใจพร้อมกัน
กลุ่มของลินลี่ย์เห็นทันทีว่าในขอบฟ้าไกลออกไปกลุ่มของมนุษย์กำลังบินมาทางเขาด้วยความเร็วสูง หนึ่งในนั้นบินได้รวดเร็วเป็นแนวแสงสีขาวสังเกตเห็นได้ชัดและลินลี่ย์จำเขาได้ทันที เป็นเดลี่นั่นเอง!
“หืม?” ลินลี่ย์ประหลาดใจอีกครั้ง
จากในขอบฟ้าห่างออกไปยังมีคนมากกว่าสิบคนบินเข้ามาด้วยเช่นกัน นอกจากเดลี่, เพนสลีน, ฮิกกินสัน, มิลเลอร์, ฟอร์ดและลิฟวิงสโตนแล้ว ยังมียอดฝีมืออีกหกคนกำลังบินมาด้วยเช่นกัน ยอดฝีมืออีกหกคนนำโดยถูลี่
“ถูลี่และศิษย์ของเขามาถึงด้วยเช่นกันหรือนี่?” แม้ว่าลินลี่ย์จะประหลาดใจที่ถูลี่อาศัยอยู่ในที่ไกลเกินกว่าหมื่นกิโลเมตรห่างออกไป แต่เขาก็ยังมาถึงได้รวดเร็ว เขารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง
ทุกคนมาพร้อมกันแล้ว นั่นหมายความว่าพวกเขาสามารถออกได้ในอีกไม่นาน
กลุ่มของเดลี่และถูลี่ลงมาอยู่ที่ปราสาทเลือดมังกรพร้อมกัน
ถูลี่เดินออกมาข้างหน้าพร้อมกับรอยยิ้มที่ยากจะปรากฏบนใบหน้าของเขา “เราไม่ได้มาสายเกินไปใช่หรือเปล่า?”
“ไม่สายเลยเพียงแต่ทำไมท่านถึงมาพร้อมกับกลุ่มของท่านเดลี่ได้? พวกท่านพบเจอกันระหว่างทางหรือ?ทั้งที่ท่านอยู่ไกลถึงทุ่งราบตะวันออกไกล...” ก่อนที่ลินลี่ย์จะพูดจบ เดลี่ที่อยู่ใกล้ๆ ก็หัวเราะและตอบ “ลินลี่ย์,ถูลี่พาศิษย์ของเขามายังที่พักข้าเมื่อวานนี้ ทำให้เช้านี้เราจึงออกมาพร้อมกัน”
ตอนนี้ลินลี่ย์เข้าใจ
“ข้ากลัวว่าจะมาสายและทำให้พวกเจ้าทั้งสองฝ่ายต้องกระวนกระวาย นั่นคงไม่ดีแน่” ถูลี่หัวเราะ “เดลี่กับข้าไม่ได้สังสรรค์ด้วยกันมาระยะหนึ่งแล้ว ดังนั้นข้าเลยไปพักค้างที่พักเขาหนึ่งคืน”
“ทุกคนมาพร้อมกันแล้ว คุยกันพอแล้ว อย่างนั้นก็ไปกันได้แล้ว” บีบีกล่าว
ลินลี่ย์ เดลี่และถูลี่มองหน้ากันเอง จากนั้นก็หัวเราะ ลินลี่ย์พยักหน้า แล้วประกาศเสียงดัง “ดีละ, งั้นออกเดินทางกันเดี๋ยวนี้” ลินลี่ย์จ้องไปทางขอบฟ้าทิศตะวันตก ตาของเขาเป็นประกาย “จุดหมายปลายทางของเรา –เกาะศักดิ์สิทธิ์ศาสนจักรเจิดจรัส!”
วันที่ 8 เมษายน ศักราชยูลานที่ 10034 ลินลี่ย์ เดลี่และถูลี่เป็นผู้นำพาเซียนยอดฝีมือทั้ง 25บินออกจากปราสาทเลือดมังกรบินผ่านม่านเมฆมุ่งสู่ทิศตะวันตก
ทหารประจำปราสาทเลือดมังกรถอนหายใจอัศจรรย์กันทุกคนกับภาพที่พวกเขาเห็น
เซียนทั้งยี่สิบห้าคนบินออกไปพร้อมกัน คนธรรมดาเคยได้เห็นภาพที่น่าเหลือเชื่อเช่นนั้นเมื่อใดกัน?
ภายในเรือลำใหญ่ที่กำลังแล่นสู่เกาะศักดิ์สิทธิ์ของศาสนจักรเจิดจรัสอย่างรวดเร็ว
คลื่นกระทบชายหาดขณะที่เรือแล่นมาถึงและเทียบท่าเกาะศักดิ์สิทธิ์ ที่หน้าท่าเรือมือปราบพิเศษของศาลศาสนจักรในชุดม่วงจ้องมองเรืออย่างเย็นชา มือปราบระดับสูงเข้าไปดูเรือลำทันทีที่เทียบท่า
“เจ้าบรรทุกคนมาเท่าใด?” หัวหน้ามือปราบพิเศษพูดอย่างเย็นชา
มือปราบที่ลงมาจากเรือรายงานด้วยความเคารพ “ใต้เท้า ครั้งนี้เรามีคนมาด้วยแปดร้อย”
“อืม” มือปราบศาลศาสนจักรนั้นพยักหน้าเล็กน้อย “เร็วเข้า รีบพาพวกเขาไปชำระตัวก่อนแล้วค่อยให้ชุดสะอาดพวกเขา”
“ขอรับ!”
ทันใดนั้น ทาสที่เนื้อตัวสกปรกถูกผู้คุมนำตัวขึ้นไปทีละคน
“ศาสนจักรเจิดจรัส? พวกสุนัขเจิดจรัสนี่เอง!” ทาสคนหนึ่งคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวจากในกลุ่มคนที่อยู่ข้างล่าง แต่เขาถูกแส้หวดใส่ทันที
“ถ้าเจ้ามีความสามารถจะทำเช่นนั้น อย่างนั้นก็ฆ่าข้าได้เลย ข้าตาบอดเองที่เชื่อว่านี่เป็นการแสวงบุญ”ทาสคนหนึ่งร้องเสียงแหบแห้ง “เมียข้า,ลูกสาวข้าล่ะ? พวกเจ้าพาพวกนางมาด้วยใช่ไหม?พวกเจ้าอ้างว่าเป็นการแสวงบุญหรือนี่? ข้าตาบอดจริงๆ ฮือๆๆๆ”
ประกายดาบเล่มหนึ่งวูบขึ้นปรากฏรูใหญ่ที่ปากของทาสและลิ้นของเขาขาดตกลงมา
“นี่มันอะไรกัน?” มือปราบพิเศษตะคอกใส่ผู้คุมตำแหน่งน้อยที่คอยกวัดแกว่งแส้
“ใต้เท้า, ข้าไม่รู้อะไรอื่น” เจ้าหน้าที่ผู้น้อยหวาดกลัว “ขณะที่บรรทุกพวกเขาลงเรือเจ้าคนดื้อพวกนี้ไม่ทำตามระเบียบวินัยนานแล้ว ข้าคาดไม่ถึงเลยว่าเจ้านี่ยังจะก่อเรื่องในเวลานี้”
ทาสผู้ถูกตัดลิ้นจ้องมองพวกเจ้าหน้าที่อย่างเกลียดชัง
ทาสส่วนใหญ่รู้สึกปลงต่อชะตาชีวิตมานานแล้ว พวกเขาเดินไปข้างหน้าอย่างมึนชา
ภายในอุโมงค์กว้าง
ไฮเดนส์อยู่ในชุดขาวบริสุทธิ์กำลังอยู่ต่อหน้านักบวชหญิงผู้งดงามในชุดขาว ขณะนี้ทาสส่วนใหญ่ได้รับการชำระทำความสะอาดแล้ว และตอนนี้อยู่ในชุดสะอาดและถูกต้อนผ่านอุโมงค์มืดไปยังอีกด้านหนึ่ง
“อือ..”ทาสที่ถูกตัดลิ้นก็ถูกชำระล้างและผลัดเปลี่ยนชุดใหม่ด้วยเช่นกัน
เขาจ้องมองไฮเดนส์ และถลึงตาใส่อย่างน่ากลัว
ในสหภาพศักดิ์สิทธิ์ไฮเดนส์เคยเป็นนักบวชสูงสุดมีอำนาจเหนือพื้นที่ขนาดใหญ่ในอดีต ทาสผู้นี้กล้าจ้องไฮเดนส์ทั้งที่รู้ว่าไฮเดนส์คือจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์แห่งศาสนจักรเจิดจรัส
ทันใดนั้น เขาเริ่มทำเสียงโกรธ ‘อื้อออ’ ต่อไฮเดนส์
“เร็วเข้า” ทันใดนั้นหนึ่งในผู้คุมด้านหลังเขาหวดแส้ใส่อย่างรุนแรงทำให้ร่างของทาสสะดุ้งเฮือกจากแรงหวด
“เจ้าพวกโง่นั่น พวกมันควรจะรู้สึกภูมิใจที่สามารถให้ชีวิตท่านลอร์ดชิกิต้าได้” นักบวชหญิงด้านหลังไฮเดนส์พูดเสียงเย็นชา
ไฮเดนส์หัวเราะอย่างใจเย็น
“วิญญาณอีกกี่ดวงที่ลอร์ดชิกิต้าต้องการก่อนที่เขาจะฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์?” ไฮเดนส์ถามนักบวชสตรี
นักบวชหญิงเรียนด้วยความเคารพ“ท่านจักรพรรดิศักดิ์สิทิ์ ในปีที่ผ่านมาเราส่งวิญญาณหลายหมื่นดวงไปแล้ว แต่ลอร์ดชิกิต้าฟื้นฟูพลังเกือบหมดแล้ว เพียงแต่ตามที่ลอร์ดชิกิต้าพูดการฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์ เขาต้องการดวงวิญญาณมากกว่าหมื่นดวง”
“วิญญาณมากกว่าหมื่นดวง? นั่นยังต้องใช้เวลานาน” ไฮเดนส์ขมวดคิ้ว
“แต่แน่นอน, วิญญาณเซียนสักสิบคนก็เพียงพอ” นักบวชสตรีชุดขาวกล่าว
ไฮเดนส์ขมวดคิ้วมองนักบวชสตรีชุดขาว“วิญญาณเซียน? ฮืม.. จำเอาไว้พวกเจ้าทุกคนต้องดูแลลอร์ดชิกิต้าให้ดีอย่ายุ่งกับเรื่องอื่น”
“เจ้าค่ะ” นักบวชหญิงชุดขาวรับคำด้วยความเคารพ
ไฮเดนส์มองดูที่ปลายอีกฝั่งหนึ่งของอุโมงค์จากนั้นมองดูทาสที่เพิ่งล้างตัวถูกนำตัวเข้ามาไม่ขาดสาย เขาลอบถอนหายใจ “ก่อนที่วิญญาณของพวกเขาจะเหือดแห้งไปเขาต้องการให้ทาสได้เปลี่ยนชุดสะอาดหรือ? ชิกิต้าผู้นี้.. ฮึ่ม..”
ไฮเดนส์รู้สึกรังเกียจต่อชิกิต้าผู้นี้
แต่ไฮเดนส์รู้ว่าชิกิต้าทรงพลังขนาดไหน
นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ในแดนอนารยชนซึ่งเขาฉีกข้อตกลงกับลินลี่ย์และล้มเหลวในที่สุด ไฮเดนส์เริ่มวางแผนอย่างรอบคอบในกรณีที่กลุ่มเซียนนำกำลังเข่นฆ่ามาถึงเกาะศักดิ์สิทธิ์
“โชคดีที่มหาเทพเจิดจรัส ยังมีเมตตาในช่วงเวลาวิกฤติอย่างนี้ เขาอนุญาตให้ลอร์ดชิกิต้าลงมายังโลก” ไฮเดนส์พึมพำกับตนเอง
แต่สิ่งที่ไฮเดนส์ไม่รู้ก็คือในตอนนี้ลินลี่ย์นำกลุ่มเซียนยี่สิบห้าเดินทางข้ามสมุทรบินมายังเกาะศักดิ์สิทธิ์ด้วยความเร็วสูง