ตอนที่แล้วตอนที่ 12-14 การเยี่ยมเยือนจากเยล
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 12-16 ห้าปี

ตอนที่ 12-15 เปลี่ยนแปลงกะทันหัน


ในฤดูหนาวปีศักราชยูลานที่ 10034 เป็นปีที่เลวร้ายสำหรับจักรพรรดิกัฟนีย์แห่งจักรวรรดิโรฮอลท์

“ฝ่าบาทเพคะ” สนมคนโปรดที่สุดของกัฟนีย์อายุสิบแปดปีเป็นจอมเวทธาตุน้ำกำลังนอนหนุนตัวเขาและใช้อกของนางกดทับร่างกัฟนีย์อย่างจงใจ จักรพรรดิกัฟนีย์เป็นนักรบระดับเจ็ด และมีร่างกายแข็งแรง

ถ้าเป็นในอดีต เขาอาจจะพลิกร่างสาวงามและดำเนินบทพิศวาสก็ได้

แต่วันนี้ เขาไม่มีอารมณ์

“ไม่เอาน่า..” จักรพรรดิกัฟนีย์ผลักพระสนมคนงามออกไปจากตัวอย่างหงุดหงิด

หญิงงามผมน้ำตาลได้แต่ถอยออกไปสองก้าวอย่างช่วยไม่ได้และจากนั้นนางฝืนยิ้มโค้งคำนับและถอยออกมา

หญิงงาม?

เขากำลังจะสูญเสียจักรวรรดิ  แล้วจะมีอารมณ์สุขสำราญกับสาวงามได้ยังไง?

“พวกเจ้าทุกคนออกไป ไปให้หมด!” กัฟนีย์กวาดแขนส่งผลให้หนังสือและเอกสารบนโต๊ะข้างหน้าเขารวมทั้งเครื่องประดับบางส่วนปลิวว่อนกระแทกกับพื้นหินอ่อน  นางกำนัลและมหาดเล็กหวาดกลัวทันที และทุกคนออกมาด้วยความกริ่งเกรงทันที

“จักรวรรดิบาลุคนี้บังอาจเกินไปแล้ว บังอาจเกินไป!” ตาของกัฟนีย์เต็มไปด้วยความโกรธ  แต่หน้าผากเขามีเหงื่อเกาะพราว

เขาโกรธ!

แต่ขณะเดียวกัน เขารู้สึกไร้พลัง

“ทำไม?  ทำไมจึงต้องเป็นแบบนี้?”  กัฟนีย์รู้สึกจนใจและตื่นเต้น “ทำไมพวกเซียนของจักรวรรดิโรฮอลท์ทุกคนจึงไม่ให้ความสนใจเราอีกต่อไป? ทำไมพวกเขาถึงหายไปหมด?  พวกเขากลัวลินลี่ย์หรือ?  ลินลี่ย์เพิ่งจะมีชื่อเสียงขึ้นมาไม่กี่สิบปีมีอะไรต้องกลัวด้วย?”

กัฟนีย์สบถด้วยความโกรธ...แต่ในใจเขา กัฟนีย์รู้ว่าทั้งหมดที่เขาทำได้ก็คือสบถ

เมื่อเผชิญกับการรุกรานหลายชั้นจากจักรวรรดิบาลุค  ไม่มีอะไรที่เขาทำได้แม้แต่น้อยพวกเซียนของจักรวรรดิเขาทั้งหมดดูเหมือนจะหายหัวไปหมด  เขาหาไม่พบแม้แต่คนเดียว   เซียนคนเดียวที่ภักดีกับราชตระกูลก็ถูกกระแทกเละเป็นเนื้อเลอะเลือนจากพลังฟาดหางของมังกรอำมหิต

เขาไม่มีเซียนให้ใช้งาน!

“จะทำยังไง? จะทำยังไงดี?  จักรวรรดิโรฮอลท์ของข้ากำลังจะถูกทำลายลักษณะนี้หรือ?”  กัฟนีย์ไม่รู้จะทำยังไง

ตั้งแต่ข่าวแพร่สะพัดไปทั่วว่าจักรวรรดิยูลาน, จักรวรรดิโอเบรียนและจักรวรรดิบาลุคก่อตั้งความเป็นพันธมิตร เซียนหลายคนในจักรวรรดิโรฮอลท์ก็หนีหาย ที่สำคัญเซียนเหล่านี้ทั้งหมดเข้าใจว่าความเป็นพันธมิตรของจักรวรรดิใหญ่ทั้งสามนี้เป็นตัวแทน....

ความเป็นพันธมิตรระหว่างเทพสงคราม, มหาพรตและลินลี่ย์!

เมื่อไม่นานมานี้ลินลี่ย์ได้ทำลายเกาะศักดิ์สิทธิ์ของศาสนจักรเจิดจรัส  บางทีคนทั่วไปอาจไม่รู้เรื่องนี้ แต่เซียนผู้แข็งแกร่งทุกคนได้รับรู้เรื่องนี้  แม้ว่าศาสนจักรเจิดจรัสจะหยั่งรากไว้นานแล้ว ก็ยังถูกทำลายได้  พวกเซียนของจักรวรรดิโรฮอลท์รู้ว่าต่อต้านไปก็ไม่มีอะไรนอกจากตาย

จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ไม่มีใครยินดีพบกับจักรพรรดิกัฟนีย์ไม่มีใครเชื่อฟังคำสั่งเขา

เมื่อจักรวรรดิโรฮอลท์ไม่มีเซียนคนใดอยู่อีกต่อไปผลของการสู้รบก็เป็นใจให้กับลินลี่ย์

“จักรวรรดิคงอยู่มาหลายพันปีหรือว่าจะต้องล่มสลายในรัชสมัยของข้ากัฟนีย์?”  กัฟนีย์รำพึง  บ่ายนี้เขาได้รับข่าวว่ามีอีกเมืองถูกจักรวรรดิบาลุคพิชิตได้  แม้ว่ากองทัพจะต้านทานอย่างดีที่สุดแล้วก็ตาม...

ศัตรูมีมังกรระดับเซียนสามตัว

แม้ว่ามังกรระดับเซียนไม่ได้โจมตีจริงๆอะไรมากมาย  แค่บินอย่างเกียจคร้านพวกมันยังฆ่าระดับหัวหน้าของจักรวรรดิโรฮอลท์ไปถึงสาม กำลังใจของชาวจักรวรรดิโรฮอลท์ย่อมสั่นสะเทือนเป็นธรรมดา  ทหารหลายคนเมื่อเห็นมังกรระดับเซียนจะหวาดกลัวจนแข้งขาอ่อน

พวกเขาจะสู้รบแบบนี้ได้ยังไง?

“เจ้าคือกัฟนีย์ใช่ไหม?” เสียงแหบแห้งดังขึ้นในห้องหนังสือ

กัฟนีย์ที่กำลังอยู่ในอารมณ์โกรธตกใจจนหัวใจกระตุกทันทีนี่เป็นห้องหนังสือส่วนตัวของเขาและประตูทางเข้าก็ปิดและยืนรักษาการณ์โดยราชองครักษ์  ประตูไม่ได้เปิด และไม่มีการขยับแม้แต่น้อย

แต่มีคนเข้ามาในห้องหนังสือได้

กัฟนีย์ข่มความกลัวของเขาและหันไปมองต้นเสียง

มีคนร่างผอมสองคนสวมเสื้อแขนสั้น  การสวมเสื้อแขนสั้นทั้งที่เป็นฤดูหนาวไม่น่าประหลาดใจที่สำคัญในฐานะนักรบระดับเจ็ด เขาก็ทำได้เช่นกัน  แต่สิ่งที่ทำให้กัฟนีย์ตกใจก็คือตาของคนทั้งสองเต็มไปด้วยความโกรธสายตาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

แม้ว่าบุรุษทั้งสองจะไม่ได้ลงมือทำอะไรแต่ในทันทีนั้นพวกเขากลับทำให้ห้องหนาวเหน็บไปด้วยรังสีอำมหิตโหดร้าย

“พวกท่าน...เข้ามาที่นี่ได้ยังไง?” กัฟนีย์พูดอย่างหวาดผวา

“เราเข้ามาในห้องนี้ได้ยังไงน่ะหรือ?”บุรุษร่างผอมศีรษะล้านพูดอย่างเยาะเย้ย  “ง่ายๆ เราแค่ฆ่าทหารข้างนอก จากนั้นเปิดประตูเข้ามา แล้วก็ปิดประตู  มันง่ายแค่นั้นเอง”

“เปิดประตู และปิดประตู?” กัฟนีย์ไม่อยากเชื่อ

เขาอยู่ในห้องหนังสือแต่ไม่ทันสังเกตว่าประตูเปิดปิด

หัวใจของกัฟนีย์เต็มไปด้วยความหวาดหวั่นพรั่นพรึงรังสีอำมหิตโหดร้ายที่ทั้งสองแผ่ออกมาทำให้เขาประหลาดใจ  “หรือว่าพวกเขามาที่นี่เพื่อสังหารข้า?  พวกเขามาตามคำสั่งของลินลี่ย์?”  ขณะที่กัฟนีย์เห็น  บางทีลินลี่ย์ผู้เป็นตำนานสามารถสั่งยอดฝีมือที่ทรงพลังทั้งสองให้มาที่นี่เพื่อสังหารเขาก็ได้

“กัฟนีย์, ฟังให้ดี” บุรุษผอมศีรษะโล้นพูดขณะหัวเราะอย่างเยือกเย็น  “การมาถึงของเราสองพี่น้องนับเป็นวาสนาของเจ้า”

“วาสนาบ้าอะไรกันนี่มันน่ากลัวชัดๆ”  กัฟนีย์ลอบสบถในใจ  แต่เขาไม่แสดงความไม่พอใจในสีหน้า เขากลัวว่าถ้าเขาโกรธสองคนนี้  เขาคงจะถูกฆ่าจริง

คนร่างผอมอีกคนหนึ่งไว้ผมสีทองตัดสั้นมองดูเหมือนกับเส้นลวดแข็ง  บุรุษผมทองมองดูกัฟนีย์จากนั้นพูดอย่างเย็นชา  “เราสองพี่น้องมีเงื่อนไขง่ายมาก ประการแรกอวยยศเราเป็นดยุค  และจากนั้นเจ้าต้องมอบบริวารบ่าวไพร่สองสามพันคนให้เราเพื่อให้เราใช้ตามต้องการ จากนั้นเราสองพี่น้องจะกำจัดมังกรระดับเซียนทั้งสามให้เจ้า”

กัฟนีย์ขยี้ตาจ้องมองบุรุษทั้งสองข้างหน้าด้วยความตกใจ

เขาค่อนข้างตกใจ

“ไม่ได้ยินข้าพูดหรือไง?” บุรุษผอมศีรษะโล้นตะคอกอย่างโมโห

สองพี่น้องมีชีวิตอยู่พิภพจองจำเกบาโดสมาหลายพันปี  ชีวิตในนั้นแย่ยิ่งกว่าสุนัข

ในพิภพจองจำเกบาโดสเซียนระดับสุดยอดเป็นสิ่งมีชีวิตอ่อนแอที่สุดในนั้น  พวกเขามีชีวิตด้วยการต่อสู้และหวาดกลัวได้แต่เอาตัวรอดไปวันๆ  พวกเขากลัวว่าวันต่อไปอาจต้องพบกับความตาย  นี่เป็นเพราะพิภพจองจำเกบาโดสไม่มีพลังธาตุธรรมชาติเลยแม้แต่น้อย  พลังงานที่พวกเขาใช้ไม่สามารถเติมเต็มได้เลยมีเพียงวิธีเดียวที่จะฟื้นฟูพลังได้คือฆ่ายอดฝีมืออีกฝ่ายหนึ่ง  จากนั้นสูบพลังงานในร่างของนักสู้เหล่านั้น

พวกเซียนเองก็เข้าร่วมในการฆ่ากันเองอย่างต่อเนื่อง

สำหรับพวกเทพถ้าพวกเขาพบเจอกันเอง พวกเขาทำได้แต่เพียงเชื่อฟังคำสั่งเทพขณะที่กำลังหวาดกลัว  พวกเทพสามารถกำจัดพวกเขาได้ โดยไม่ให้โอกาสพวกเขาได้สู้ตอบโต้แม้แต่น้อย  นอกจากนี้สภาพแวดล้อมโดยธรรมชาติของพิภพจองจำเกบาโดสก็มีความอันตรายอยู่ในตัวเอง ถ้าใครไม่ระวังให้ดี ก็อาจตายได้ง่ายๆ

ชีวิตที่แย่ยิ่งกว่าสุนัข!

สู้รบกันนับครั้งไม่ถ้วน!

จิตใจของพวกเขาเขม็งตึงเครียดจนถึงจุดแตกหัก!

ไม่ใช่แค่พวกเขาเท่านั้นแม้แต่ยอดฝีมือระดับเทพก็ยังรู้สึกทุกข์ทนอยู่ในที่นั้น  สำหรับพวกเขามันคือการทรมานอย่างแน่นอน

แต่ตอนนี้ภายในพิภพจองจำเกบาโดสพวกเขาโชคดีพอที่ค้นพบมิติเบาบางที่ราบเรียบและสามารถบังคับตัวจนออกมาได้  พวกเขาได้กลับ และกลับมายังโลกมนุษย์ชีวิตห้าพันปีที่แย่ยิ่งกว่าสุนัขมาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว มันมีแต่จะทำให้พวกเขาเป็นบ้า

สิ่งที่พวกเขาต้องการทำในตอนนี้คือเป็นเจ้าเหนือคนบังคับให้คนอื่นทำตามความประสงค์ของพวกเขาใช้ชีวิตเหมือนคนที่ต้องการมีชีวิต

“ท่านที่นับถือท่านกำลังบอกว่า... ถ้าให้ศักดินาดยุค และบ่าวไพร่ประจำวังสองสามพันคนท่านจะกำจัดมังกรระดับเซียนใช่ไหม?”  กัฟนีย์สามารถเชื่ออย่างหวาดกลัว  เขารู้สึกเหมือนกับว่าสวรรค์โยนปาฏิหาริย์ลงบนตักของเขา

“ถูกต้อง, ว่าไง,เจ้าไม่ยินดีหรือ?”  บุรุษผอมศีรษะล้านไม่พอใจ

“ยินดีสิ, ข้าจะไม่ยินดีได้ยังไง?” กัฟนีย์รีบกล่าว “ใต้เท้าไม่ต้องเป็นห่วง แค่ข้าทาสบริวารสองสามพันคนใช่ไหม? ไม่มีปัญหา  ต่อให้ต้องการสักหมื่นคน ก็ยังไม่มีปัญหา  ศักดินาดยุคใช่ไหม? ต่อให้เทียบเท่าเจ้าชาย ก็ยังถือว่าดี”

สวรรค์โปรด!

จักรวรรดิโรฮอลท์ของเขาถูกกลืนไปทุกวันและกำลังอยู่ในเส้นทางถูกทำลาย  ตอนนี้มียอดฝีมือสองคนมาช่วยรับใช้เขามีหรือที่กัฟนีย์จะไม่ยินดีมอบค่าจ้างให้กับพวกเขา?

เขาเสียค่าใช้จ่ายไปเท่าไหร่กับการให้บ่าวทาสในวังเป็นหมื่น  ต่อให้ต้องไปซื้อมาจากตลาดทาสก็ตาม?

“ดีมาก”  บุรุษทั้งสองมีรอยยิ้มเต็มใบหน้า

“แต่ว่าใต้เท้ามังกรเซียนทั้งสามนี้ทรงพลังมาก และเบื้องหลังพวกเขายังมีเซียนที่แข็งแกร่งนามว่าลินลี่ย์” กัฟนีย์มองดูทั้งสองอย่างระมัดระวัง  เขากลัวว่าสองคนนี้จะไม่สามารถเอาชนะฝ่ายลินลี่ย์ได้

ที่สำคัญการกระทำของลินลี่ย์น่าทึ่งจนเกินไป  โดยเฉพาะอย่างยิ่งทำลายเกาะศักดิ์สิทธิ์ได้

“ลินลี่ย์?  ลินลี่ย์เป็นตัวอะไร?”  บุรุษผมทองพูดอย่างเหยียดหยาม

“เขาเป็นเซียนหรือเปล่า?” บุรุษร่างผอมศีรษะล้านถามอย่างเย็นชา

“ใช่แล้ว  มนุษย์ที่เป็นเทพไปแล้วก็คือเทพสงครามและมหาพรต”  กัฟนีย์ไม่รู้ว่าซีซาร์กลายเป็นเทพไปแล้ว

“ฮึ่ม, ไม่ต้องห่วง ตราบใดที่เขาเป็นแค่เซียนคนหนึ่ง เราสามารถกำจัดเขาได้” บุรุษอีกคนหนึ่งผู้มีผมทองสั้นพูดอย่างมั่นใจ

พิภพจองจำเกบาโดสเป็นที่มีสงครามฆ่าฟันกันอย่างต่อเนื่อง  สามารถรอดอยู่ที่นั่นได้ห้าพันปีนั่นเป็นพยานถึงความแข็งแกร่งของพวกเขา ในที่ทำนองนั้น คนอ่อนแอจะตายเร็ว  พวกเขาเป็นสุดยอดเซียนผู้ได้รับการรู้แจ้งใหม่ๆในระหว่างการสู้รบ

ตาของกัฟนีย์เป็นประกาย

“ถ้าอย่างนั้นใต้เท้า คืนนี้พวกท่านพักอยู่ในวังหลวงกันก่อน  ข้าจะจัดการทุกอย่างให้กับท่านทั้งสอง”  ทัศนคติของกัฟนีย์ที่มีต่อคนทั้งสองนอบน้อมมาก

“ดีแล้ว”  บุรุษทั้งสองพยักหน้าเล็กน้อยอย่างพอใจ

พวกเขามีความสุขมากที่ได้รับการเคารพจากคนอื่น  พวกเขาชอบความรู้สึกที่ได้อยู่เหนือคนอื่น  ห้าพันปีกับการใช้ชีวิตที่น่ากลัวต้องทนทุกข์และนั่นส่งผลต่อพวกเขามาก

………….

กองทัพจักรวรรดิบาลุคแบ่งออกเป็นสองส่วนและได้บุกเข้าเมืองภายในจักรวรรดิโรฮอลท์แล้ว

“โรววววว”

ร่างโค้งม้วนตัวขนาดใหญ่ของกิ้งก่าสายฟ้าสูงร้อยเมตรลอยอยู่ในอากาศ  เสียงคำรามของเขาสั่นสะท้านโลกทำให้เมืองที่อยู่ข้างล่างกึกก้องไปด้วยเสียง  กิ้งก่าสายฟ้าสามารถทำให้ทหารรักษาการณ์ของศัตรูหวาดกลัวจนตัวสั่น

เบื้องล่างกำแพงเมืองทหารของจักรวรรดิบาลุคมีท่าทางตื่นเต้นมีรอยยิ้มเต็มหน้า

ด้วยความเช่วยเหลือของมังกรระดับเซียนการโจมตีและพิชิตเมืองกลายเป็นเรื่องง่ายมาก

“เซียนมังกรสายฟ้า?” เสียงเยือกเย็นดังก้องขึ้นบุรุษร่างผอมศีรษะโล้นสวมชุดสีทองลอยตัวออกมาจากเมืองข้างล่างทันที  รัศมีที่รุนแรงที่เปล่งออกมาล้อมรอบตัวเขาขณะที่เขาจ้องมองกิ้งก่าสายฟ้าระดับเซียนที่ฉวัดเฉวียนอยู่

“ยอดฝีมือระดับเซียนปรากฏตัว?” กิ้งก่าสายฟ้าระดับเซียนค่อนข้างประหลาดใจ มันไม่ได้เผชิญหน้ากับยอดฝีมือระดับเซียนมานานแล้ว และดวงตาขนาดวงล้อของมันจ้องมองเซียนที่อยู่ข้างหน้า

เมื่อเข้าไปใกล้ยอดฝีมือเซียนผู้นี้กิ้งก่าสายฟ้าระดับเซียนเพิ่มความระมัดระวังทันที

รัศมีที่รุนแรงปล่อยออกมาจากบุรุษผู้นี้ทำให้กิ้งก่าสายฟ้าระดับเซียนรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย

ห้าพันปีในการเตรียมพร้อมเพื่อสู้รบและเข่นฆ่าในชั่วเวลาที่สังเกตพบ  หลังจากห้าพันปี พวกเขาจึงสามารถปล่อยรัศมีที่น่ากลัวนี้ได้

“กลับไปบอกลินลี่ย์ว่าเขาควรรู้จักประมาณตัวเองบ้างและควรทำตัวเป็นเด็กดีเรียกกองทัพของเขาให้กลับไป  มิฉะนั้น...”  เสียงของบุรุษผอมศีรษะล้านดังเหมือนสายฟ้าชัดเจน เขาไม่ให้ราคาความน่าเคารพของลินลี่ย์แม้แต่น้อย  “เซียนทุกคนที่เจ้าส่งมา  ข้าจะฆ่าซะ”

“หุบปากเจ้าซะ”  กิ้งก่าสายฟ้าระดับเซียนคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว

ทหารของจักรวรรดิบาลุคก็โกรธเช่นกัน  ในใจพวกเขาลินลี่ย์นั้นไร้เทียมทาน

“ฮึ่ม” บุรุษศีรษะโล้นหัวเราะอย่างเยือกเย็นจากนั้นเปลี่ยนสภาพเป็นสายแสงบุกเข้าใส่กิ้งก่าสายฟ้า

กิ้งก่าสายฟ้าตวาดและเปลี่ยนเป็นแนวแสงสายฟ้าและบุกเข้าหามนุษย์เช่นกัน  ในกลางอากาศมนุษย์และอสูรเวท เซียนทั้งสองปะทะกันจุดแข็งของกิ้งก่าสายฟ้าคือความเร็วของมัน มันมีความเร็วพอๆ กับบีบี

“น่าขัน!”  เสียงเยาะเย้ยดังขึ้น

บุรุษร่างผอมศีรษะโล้นเตะขาขวาใส่พลังโจมตี  ขาของเขาหวดลงเหมือนกับใบมีดขนาดใหญ่ต้านรับหางมังกรของกิ้งก่าสายฟ้า เสียงกระดูกแตกหักได้ยินชัดเจน  กระดูกหางของกิ้งก่าสายฟ้าแหลกขณะที่ร่างของมันถูกกระแทกพุ่งลงพื้นราวกับดาวตก

“ปัง!”  พื้นโลกสั่นสะเทือน  เกิดหลุมลึกและรอยแตกร้าวรอบพื้นที่ที่กิ้งสายฟ้ากระแทกกับพื้นโลก

“ตาย”  บุรุษร่างผอมศีรษะโล้นพุ่งลงมาจากอากาศ

“ควั่บ”  ร่างของกิ้งก่าสายฟ้าระดับเซียนกระพริบวาบลอยขึ้นในอากาศและหนีไปทางทิศเหนือ เลือดยังหยดออกจากหางของมัน

บุรุษศีรษะโล้นมายืนอยู่ที่ปล่องมองดูขณะที่กิ้งก่าสายฟ้าบินหนี

“ความเร็วของมันไม่เลว น่าเสียดายที่มันอ่อนแอเกินไป  ไม่สามารถทนรับพลังโจมตีจากข้าได้สักครั้ง” บุรุษหัวโล้นพูดอย่างเหยียดหยาม  เขาสังหารเซียนในพิภพจองจำเกบาโดสมามากเพียงไหนแล้ว? เขาไม่ให้ความสนใจกับกิ้งก่าสายฟ้าที่มีพลังเล็กน้อย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด