ตอนที่ 12-15 เปลี่ยนแปลงกะทันหัน
ในฤดูหนาวปีศักราชยูลานที่ 10034 เป็นปีที่เลวร้ายสำหรับจักรพรรดิกัฟนีย์แห่งจักรวรรดิโรฮอลท์
“ฝ่าบาทเพคะ” สนมคนโปรดที่สุดของกัฟนีย์อายุสิบแปดปีเป็นจอมเวทธาตุน้ำกำลังนอนหนุนตัวเขาและใช้อกของนางกดทับร่างกัฟนีย์อย่างจงใจ จักรพรรดิกัฟนีย์เป็นนักรบระดับเจ็ด และมีร่างกายแข็งแรง
ถ้าเป็นในอดีต เขาอาจจะพลิกร่างสาวงามและดำเนินบทพิศวาสก็ได้
แต่วันนี้ เขาไม่มีอารมณ์
“ไม่เอาน่า..” จักรพรรดิกัฟนีย์ผลักพระสนมคนงามออกไปจากตัวอย่างหงุดหงิด
หญิงงามผมน้ำตาลได้แต่ถอยออกไปสองก้าวอย่างช่วยไม่ได้และจากนั้นนางฝืนยิ้มโค้งคำนับและถอยออกมา
หญิงงาม?
เขากำลังจะสูญเสียจักรวรรดิ แล้วจะมีอารมณ์สุขสำราญกับสาวงามได้ยังไง?
“พวกเจ้าทุกคนออกไป ไปให้หมด!” กัฟนีย์กวาดแขนส่งผลให้หนังสือและเอกสารบนโต๊ะข้างหน้าเขารวมทั้งเครื่องประดับบางส่วนปลิวว่อนกระแทกกับพื้นหินอ่อน นางกำนัลและมหาดเล็กหวาดกลัวทันที และทุกคนออกมาด้วยความกริ่งเกรงทันที
“จักรวรรดิบาลุคนี้บังอาจเกินไปแล้ว บังอาจเกินไป!” ตาของกัฟนีย์เต็มไปด้วยความโกรธ แต่หน้าผากเขามีเหงื่อเกาะพราว
เขาโกรธ!
แต่ขณะเดียวกัน เขารู้สึกไร้พลัง
“ทำไม? ทำไมจึงต้องเป็นแบบนี้?” กัฟนีย์รู้สึกจนใจและตื่นเต้น “ทำไมพวกเซียนของจักรวรรดิโรฮอลท์ทุกคนจึงไม่ให้ความสนใจเราอีกต่อไป? ทำไมพวกเขาถึงหายไปหมด? พวกเขากลัวลินลี่ย์หรือ? ลินลี่ย์เพิ่งจะมีชื่อเสียงขึ้นมาไม่กี่สิบปีมีอะไรต้องกลัวด้วย?”
กัฟนีย์สบถด้วยความโกรธ...แต่ในใจเขา กัฟนีย์รู้ว่าทั้งหมดที่เขาทำได้ก็คือสบถ
เมื่อเผชิญกับการรุกรานหลายชั้นจากจักรวรรดิบาลุค ไม่มีอะไรที่เขาทำได้แม้แต่น้อยพวกเซียนของจักรวรรดิเขาทั้งหมดดูเหมือนจะหายหัวไปหมด เขาหาไม่พบแม้แต่คนเดียว เซียนคนเดียวที่ภักดีกับราชตระกูลก็ถูกกระแทกเละเป็นเนื้อเลอะเลือนจากพลังฟาดหางของมังกรอำมหิต
เขาไม่มีเซียนให้ใช้งาน!
“จะทำยังไง? จะทำยังไงดี? จักรวรรดิโรฮอลท์ของข้ากำลังจะถูกทำลายลักษณะนี้หรือ?” กัฟนีย์ไม่รู้จะทำยังไง
ตั้งแต่ข่าวแพร่สะพัดไปทั่วว่าจักรวรรดิยูลาน, จักรวรรดิโอเบรียนและจักรวรรดิบาลุคก่อตั้งความเป็นพันธมิตร เซียนหลายคนในจักรวรรดิโรฮอลท์ก็หนีหาย ที่สำคัญเซียนเหล่านี้ทั้งหมดเข้าใจว่าความเป็นพันธมิตรของจักรวรรดิใหญ่ทั้งสามนี้เป็นตัวแทน....
ความเป็นพันธมิตรระหว่างเทพสงคราม, มหาพรตและลินลี่ย์!
เมื่อไม่นานมานี้ลินลี่ย์ได้ทำลายเกาะศักดิ์สิทธิ์ของศาสนจักรเจิดจรัส บางทีคนทั่วไปอาจไม่รู้เรื่องนี้ แต่เซียนผู้แข็งแกร่งทุกคนได้รับรู้เรื่องนี้ แม้ว่าศาสนจักรเจิดจรัสจะหยั่งรากไว้นานแล้ว ก็ยังถูกทำลายได้ พวกเซียนของจักรวรรดิโรฮอลท์รู้ว่าต่อต้านไปก็ไม่มีอะไรนอกจากตาย
จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ไม่มีใครยินดีพบกับจักรพรรดิกัฟนีย์ไม่มีใครเชื่อฟังคำสั่งเขา
เมื่อจักรวรรดิโรฮอลท์ไม่มีเซียนคนใดอยู่อีกต่อไปผลของการสู้รบก็เป็นใจให้กับลินลี่ย์
“จักรวรรดิคงอยู่มาหลายพันปีหรือว่าจะต้องล่มสลายในรัชสมัยของข้ากัฟนีย์?” กัฟนีย์รำพึง บ่ายนี้เขาได้รับข่าวว่ามีอีกเมืองถูกจักรวรรดิบาลุคพิชิตได้ แม้ว่ากองทัพจะต้านทานอย่างดีที่สุดแล้วก็ตาม...
ศัตรูมีมังกรระดับเซียนสามตัว
แม้ว่ามังกรระดับเซียนไม่ได้โจมตีจริงๆอะไรมากมาย แค่บินอย่างเกียจคร้านพวกมันยังฆ่าระดับหัวหน้าของจักรวรรดิโรฮอลท์ไปถึงสาม กำลังใจของชาวจักรวรรดิโรฮอลท์ย่อมสั่นสะเทือนเป็นธรรมดา ทหารหลายคนเมื่อเห็นมังกรระดับเซียนจะหวาดกลัวจนแข้งขาอ่อน
พวกเขาจะสู้รบแบบนี้ได้ยังไง?
“เจ้าคือกัฟนีย์ใช่ไหม?” เสียงแหบแห้งดังขึ้นในห้องหนังสือ
กัฟนีย์ที่กำลังอยู่ในอารมณ์โกรธตกใจจนหัวใจกระตุกทันทีนี่เป็นห้องหนังสือส่วนตัวของเขาและประตูทางเข้าก็ปิดและยืนรักษาการณ์โดยราชองครักษ์ ประตูไม่ได้เปิด และไม่มีการขยับแม้แต่น้อย
แต่มีคนเข้ามาในห้องหนังสือได้
กัฟนีย์ข่มความกลัวของเขาและหันไปมองต้นเสียง
มีคนร่างผอมสองคนสวมเสื้อแขนสั้น การสวมเสื้อแขนสั้นทั้งที่เป็นฤดูหนาวไม่น่าประหลาดใจที่สำคัญในฐานะนักรบระดับเจ็ด เขาก็ทำได้เช่นกัน แต่สิ่งที่ทำให้กัฟนีย์ตกใจก็คือตาของคนทั้งสองเต็มไปด้วยความโกรธสายตาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
แม้ว่าบุรุษทั้งสองจะไม่ได้ลงมือทำอะไรแต่ในทันทีนั้นพวกเขากลับทำให้ห้องหนาวเหน็บไปด้วยรังสีอำมหิตโหดร้าย
“พวกท่าน...เข้ามาที่นี่ได้ยังไง?” กัฟนีย์พูดอย่างหวาดผวา
“เราเข้ามาในห้องนี้ได้ยังไงน่ะหรือ?”บุรุษร่างผอมศีรษะล้านพูดอย่างเยาะเย้ย “ง่ายๆ เราแค่ฆ่าทหารข้างนอก จากนั้นเปิดประตูเข้ามา แล้วก็ปิดประตู มันง่ายแค่นั้นเอง”
“เปิดประตู และปิดประตู?” กัฟนีย์ไม่อยากเชื่อ
เขาอยู่ในห้องหนังสือแต่ไม่ทันสังเกตว่าประตูเปิดปิด
หัวใจของกัฟนีย์เต็มไปด้วยความหวาดหวั่นพรั่นพรึงรังสีอำมหิตโหดร้ายที่ทั้งสองแผ่ออกมาทำให้เขาประหลาดใจ “หรือว่าพวกเขามาที่นี่เพื่อสังหารข้า? พวกเขามาตามคำสั่งของลินลี่ย์?” ขณะที่กัฟนีย์เห็น บางทีลินลี่ย์ผู้เป็นตำนานสามารถสั่งยอดฝีมือที่ทรงพลังทั้งสองให้มาที่นี่เพื่อสังหารเขาก็ได้
“กัฟนีย์, ฟังให้ดี” บุรุษผอมศีรษะโล้นพูดขณะหัวเราะอย่างเยือกเย็น “การมาถึงของเราสองพี่น้องนับเป็นวาสนาของเจ้า”
“วาสนาบ้าอะไรกันนี่มันน่ากลัวชัดๆ” กัฟนีย์ลอบสบถในใจ แต่เขาไม่แสดงความไม่พอใจในสีหน้า เขากลัวว่าถ้าเขาโกรธสองคนนี้ เขาคงจะถูกฆ่าจริง
คนร่างผอมอีกคนหนึ่งไว้ผมสีทองตัดสั้นมองดูเหมือนกับเส้นลวดแข็ง บุรุษผมทองมองดูกัฟนีย์จากนั้นพูดอย่างเย็นชา “เราสองพี่น้องมีเงื่อนไขง่ายมาก ประการแรกอวยยศเราเป็นดยุค และจากนั้นเจ้าต้องมอบบริวารบ่าวไพร่สองสามพันคนให้เราเพื่อให้เราใช้ตามต้องการ จากนั้นเราสองพี่น้องจะกำจัดมังกรระดับเซียนทั้งสามให้เจ้า”
กัฟนีย์ขยี้ตาจ้องมองบุรุษทั้งสองข้างหน้าด้วยความตกใจ
เขาค่อนข้างตกใจ
“ไม่ได้ยินข้าพูดหรือไง?” บุรุษผอมศีรษะโล้นตะคอกอย่างโมโห
สองพี่น้องมีชีวิตอยู่พิภพจองจำเกบาโดสมาหลายพันปี ชีวิตในนั้นแย่ยิ่งกว่าสุนัข
ในพิภพจองจำเกบาโดสเซียนระดับสุดยอดเป็นสิ่งมีชีวิตอ่อนแอที่สุดในนั้น พวกเขามีชีวิตด้วยการต่อสู้และหวาดกลัวได้แต่เอาตัวรอดไปวันๆ พวกเขากลัวว่าวันต่อไปอาจต้องพบกับความตาย นี่เป็นเพราะพิภพจองจำเกบาโดสไม่มีพลังธาตุธรรมชาติเลยแม้แต่น้อย พลังงานที่พวกเขาใช้ไม่สามารถเติมเต็มได้เลยมีเพียงวิธีเดียวที่จะฟื้นฟูพลังได้คือฆ่ายอดฝีมืออีกฝ่ายหนึ่ง จากนั้นสูบพลังงานในร่างของนักสู้เหล่านั้น
พวกเซียนเองก็เข้าร่วมในการฆ่ากันเองอย่างต่อเนื่อง
สำหรับพวกเทพถ้าพวกเขาพบเจอกันเอง พวกเขาทำได้แต่เพียงเชื่อฟังคำสั่งเทพขณะที่กำลังหวาดกลัว พวกเทพสามารถกำจัดพวกเขาได้ โดยไม่ให้โอกาสพวกเขาได้สู้ตอบโต้แม้แต่น้อย นอกจากนี้สภาพแวดล้อมโดยธรรมชาติของพิภพจองจำเกบาโดสก็มีความอันตรายอยู่ในตัวเอง ถ้าใครไม่ระวังให้ดี ก็อาจตายได้ง่ายๆ
ชีวิตที่แย่ยิ่งกว่าสุนัข!
สู้รบกันนับครั้งไม่ถ้วน!
จิตใจของพวกเขาเขม็งตึงเครียดจนถึงจุดแตกหัก!
ไม่ใช่แค่พวกเขาเท่านั้นแม้แต่ยอดฝีมือระดับเทพก็ยังรู้สึกทุกข์ทนอยู่ในที่นั้น สำหรับพวกเขามันคือการทรมานอย่างแน่นอน
แต่ตอนนี้ภายในพิภพจองจำเกบาโดสพวกเขาโชคดีพอที่ค้นพบมิติเบาบางที่ราบเรียบและสามารถบังคับตัวจนออกมาได้ พวกเขาได้กลับ และกลับมายังโลกมนุษย์ชีวิตห้าพันปีที่แย่ยิ่งกว่าสุนัขมาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว มันมีแต่จะทำให้พวกเขาเป็นบ้า
สิ่งที่พวกเขาต้องการทำในตอนนี้คือเป็นเจ้าเหนือคนบังคับให้คนอื่นทำตามความประสงค์ของพวกเขาใช้ชีวิตเหมือนคนที่ต้องการมีชีวิต
“ท่านที่นับถือท่านกำลังบอกว่า... ถ้าให้ศักดินาดยุค และบ่าวไพร่ประจำวังสองสามพันคนท่านจะกำจัดมังกรระดับเซียนใช่ไหม?” กัฟนีย์สามารถเชื่ออย่างหวาดกลัว เขารู้สึกเหมือนกับว่าสวรรค์โยนปาฏิหาริย์ลงบนตักของเขา
“ถูกต้อง, ว่าไง,เจ้าไม่ยินดีหรือ?” บุรุษผอมศีรษะล้านไม่พอใจ
“ยินดีสิ, ข้าจะไม่ยินดีได้ยังไง?” กัฟนีย์รีบกล่าว “ใต้เท้าไม่ต้องเป็นห่วง แค่ข้าทาสบริวารสองสามพันคนใช่ไหม? ไม่มีปัญหา ต่อให้ต้องการสักหมื่นคน ก็ยังไม่มีปัญหา ศักดินาดยุคใช่ไหม? ต่อให้เทียบเท่าเจ้าชาย ก็ยังถือว่าดี”
สวรรค์โปรด!
จักรวรรดิโรฮอลท์ของเขาถูกกลืนไปทุกวันและกำลังอยู่ในเส้นทางถูกทำลาย ตอนนี้มียอดฝีมือสองคนมาช่วยรับใช้เขามีหรือที่กัฟนีย์จะไม่ยินดีมอบค่าจ้างให้กับพวกเขา?
เขาเสียค่าใช้จ่ายไปเท่าไหร่กับการให้บ่าวทาสในวังเป็นหมื่น ต่อให้ต้องไปซื้อมาจากตลาดทาสก็ตาม?
“ดีมาก” บุรุษทั้งสองมีรอยยิ้มเต็มใบหน้า
“แต่ว่าใต้เท้ามังกรเซียนทั้งสามนี้ทรงพลังมาก และเบื้องหลังพวกเขายังมีเซียนที่แข็งแกร่งนามว่าลินลี่ย์” กัฟนีย์มองดูทั้งสองอย่างระมัดระวัง เขากลัวว่าสองคนนี้จะไม่สามารถเอาชนะฝ่ายลินลี่ย์ได้
ที่สำคัญการกระทำของลินลี่ย์น่าทึ่งจนเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งทำลายเกาะศักดิ์สิทธิ์ได้
“ลินลี่ย์? ลินลี่ย์เป็นตัวอะไร?” บุรุษผมทองพูดอย่างเหยียดหยาม
“เขาเป็นเซียนหรือเปล่า?” บุรุษร่างผอมศีรษะล้านถามอย่างเย็นชา
“ใช่แล้ว มนุษย์ที่เป็นเทพไปแล้วก็คือเทพสงครามและมหาพรต” กัฟนีย์ไม่รู้ว่าซีซาร์กลายเป็นเทพไปแล้ว
“ฮึ่ม, ไม่ต้องห่วง ตราบใดที่เขาเป็นแค่เซียนคนหนึ่ง เราสามารถกำจัดเขาได้” บุรุษอีกคนหนึ่งผู้มีผมทองสั้นพูดอย่างมั่นใจ
พิภพจองจำเกบาโดสเป็นที่มีสงครามฆ่าฟันกันอย่างต่อเนื่อง สามารถรอดอยู่ที่นั่นได้ห้าพันปีนั่นเป็นพยานถึงความแข็งแกร่งของพวกเขา ในที่ทำนองนั้น คนอ่อนแอจะตายเร็ว พวกเขาเป็นสุดยอดเซียนผู้ได้รับการรู้แจ้งใหม่ๆในระหว่างการสู้รบ
ตาของกัฟนีย์เป็นประกาย
“ถ้าอย่างนั้นใต้เท้า คืนนี้พวกท่านพักอยู่ในวังหลวงกันก่อน ข้าจะจัดการทุกอย่างให้กับท่านทั้งสอง” ทัศนคติของกัฟนีย์ที่มีต่อคนทั้งสองนอบน้อมมาก
“ดีแล้ว” บุรุษทั้งสองพยักหน้าเล็กน้อยอย่างพอใจ
พวกเขามีความสุขมากที่ได้รับการเคารพจากคนอื่น พวกเขาชอบความรู้สึกที่ได้อยู่เหนือคนอื่น ห้าพันปีกับการใช้ชีวิตที่น่ากลัวต้องทนทุกข์และนั่นส่งผลต่อพวกเขามาก
………….
กองทัพจักรวรรดิบาลุคแบ่งออกเป็นสองส่วนและได้บุกเข้าเมืองภายในจักรวรรดิโรฮอลท์แล้ว
“โรววววว”
ร่างโค้งม้วนตัวขนาดใหญ่ของกิ้งก่าสายฟ้าสูงร้อยเมตรลอยอยู่ในอากาศ เสียงคำรามของเขาสั่นสะท้านโลกทำให้เมืองที่อยู่ข้างล่างกึกก้องไปด้วยเสียง กิ้งก่าสายฟ้าสามารถทำให้ทหารรักษาการณ์ของศัตรูหวาดกลัวจนตัวสั่น
เบื้องล่างกำแพงเมืองทหารของจักรวรรดิบาลุคมีท่าทางตื่นเต้นมีรอยยิ้มเต็มหน้า
ด้วยความเช่วยเหลือของมังกรระดับเซียนการโจมตีและพิชิตเมืองกลายเป็นเรื่องง่ายมาก
“เซียนมังกรสายฟ้า?” เสียงเยือกเย็นดังก้องขึ้นบุรุษร่างผอมศีรษะโล้นสวมชุดสีทองลอยตัวออกมาจากเมืองข้างล่างทันที รัศมีที่รุนแรงที่เปล่งออกมาล้อมรอบตัวเขาขณะที่เขาจ้องมองกิ้งก่าสายฟ้าระดับเซียนที่ฉวัดเฉวียนอยู่
“ยอดฝีมือระดับเซียนปรากฏตัว?” กิ้งก่าสายฟ้าระดับเซียนค่อนข้างประหลาดใจ มันไม่ได้เผชิญหน้ากับยอดฝีมือระดับเซียนมานานแล้ว และดวงตาขนาดวงล้อของมันจ้องมองเซียนที่อยู่ข้างหน้า
เมื่อเข้าไปใกล้ยอดฝีมือเซียนผู้นี้กิ้งก่าสายฟ้าระดับเซียนเพิ่มความระมัดระวังทันที
รัศมีที่รุนแรงปล่อยออกมาจากบุรุษผู้นี้ทำให้กิ้งก่าสายฟ้าระดับเซียนรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
ห้าพันปีในการเตรียมพร้อมเพื่อสู้รบและเข่นฆ่าในชั่วเวลาที่สังเกตพบ หลังจากห้าพันปี พวกเขาจึงสามารถปล่อยรัศมีที่น่ากลัวนี้ได้
“กลับไปบอกลินลี่ย์ว่าเขาควรรู้จักประมาณตัวเองบ้างและควรทำตัวเป็นเด็กดีเรียกกองทัพของเขาให้กลับไป มิฉะนั้น...” เสียงของบุรุษผอมศีรษะล้านดังเหมือนสายฟ้าชัดเจน เขาไม่ให้ราคาความน่าเคารพของลินลี่ย์แม้แต่น้อย “เซียนทุกคนที่เจ้าส่งมา ข้าจะฆ่าซะ”
“หุบปากเจ้าซะ” กิ้งก่าสายฟ้าระดับเซียนคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว
ทหารของจักรวรรดิบาลุคก็โกรธเช่นกัน ในใจพวกเขาลินลี่ย์นั้นไร้เทียมทาน
“ฮึ่ม” บุรุษศีรษะโล้นหัวเราะอย่างเยือกเย็นจากนั้นเปลี่ยนสภาพเป็นสายแสงบุกเข้าใส่กิ้งก่าสายฟ้า
กิ้งก่าสายฟ้าตวาดและเปลี่ยนเป็นแนวแสงสายฟ้าและบุกเข้าหามนุษย์เช่นกัน ในกลางอากาศมนุษย์และอสูรเวท เซียนทั้งสองปะทะกันจุดแข็งของกิ้งก่าสายฟ้าคือความเร็วของมัน มันมีความเร็วพอๆ กับบีบี
“น่าขัน!” เสียงเยาะเย้ยดังขึ้น
บุรุษร่างผอมศีรษะโล้นเตะขาขวาใส่พลังโจมตี ขาของเขาหวดลงเหมือนกับใบมีดขนาดใหญ่ต้านรับหางมังกรของกิ้งก่าสายฟ้า เสียงกระดูกแตกหักได้ยินชัดเจน กระดูกหางของกิ้งก่าสายฟ้าแหลกขณะที่ร่างของมันถูกกระแทกพุ่งลงพื้นราวกับดาวตก
“ปัง!” พื้นโลกสั่นสะเทือน เกิดหลุมลึกและรอยแตกร้าวรอบพื้นที่ที่กิ้งสายฟ้ากระแทกกับพื้นโลก
“ตาย” บุรุษร่างผอมศีรษะโล้นพุ่งลงมาจากอากาศ
“ควั่บ” ร่างของกิ้งก่าสายฟ้าระดับเซียนกระพริบวาบลอยขึ้นในอากาศและหนีไปทางทิศเหนือ เลือดยังหยดออกจากหางของมัน
บุรุษศีรษะโล้นมายืนอยู่ที่ปล่องมองดูขณะที่กิ้งก่าสายฟ้าบินหนี
“ความเร็วของมันไม่เลว น่าเสียดายที่มันอ่อนแอเกินไป ไม่สามารถทนรับพลังโจมตีจากข้าได้สักครั้ง” บุรุษหัวโล้นพูดอย่างเหยียดหยาม เขาสังหารเซียนในพิภพจองจำเกบาโดสมามากเพียงไหนแล้ว? เขาไม่ให้ความสนใจกับกิ้งก่าสายฟ้าที่มีพลังเล็กน้อย