ตอนที่ 12-12 ตัวแปรใหม่
ฝากความไว้วางใจกับเขา?
ลินลี่ย์มองดูซีซาร์ด้วยความสับสน “ท่านซีซาร์, เชิญบอก!”
ที่สำคัญคือ ซีซาร์เป็นคนสำคัญผู้ก่อตั้งองค์การดาบโค้งหนึ่งในสี่สมาคมนักฆ่าใหญ่ของทวีปยูลาน สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ เขามีองค์การดาบโค้งเป็นลูกมือ ซีซาร์จะขอให้เขาฆ่าก็หมายความว่างานนี้ไม่ง่ายแน่นอน
“ลินลี่ย์! เมื่อไม่นานมานี้โอเบรียนกับแคทเธอรีนสหายจอมละโมบทั้งสองบอกว่าพวกเขาต้องการจะยึดครองโลกทั้งหมดใช่ไหม?” ซีซาร์กล่าว
“ถูกแล้ว,เป็นเช่นนั้น” ลินลี่ย์พยักหน้า
ซีซาร์พยักหน้าเช่นกัน “ไม่ว่าโลกจะถูกแบ่งเป็นสามส่วนในระหว่างพวกเจ้ายังไง ข้าไม่ห่วง แต่เจ้าน่าจะรู้ว่าโรซารี่กับข้ามี..ความสัมพันธ์..ที่พิเศษ” ซีซาร์หัวเราะ “ข้าเข้าใจอารมณ์ของโรซารี่ดีเช่นกัน นางยังรักษาตำหนักเจ้าแม่หิมะน้ำแข็งไว้ตลอดเวลาเป็นเพราะนางใส่ใจตำหนักเจ้าแม่หิมะน้ำแข็ง”
ลินลี่ย์พยักหน้า
โรซารี่ฝึกฝนมานานหลายพันปี แต่นางก็ยังรั้งอยู่ที่ตำหนักนั่น จากตรงนี้สามารถบอกได้ว่านางให้คุณค่าต่อตำหนักเจ้าแม่หิมะน้ำแข็งมากเพียงไหน
ยอดฝีมือกี่คนของศาสนจักรเจิดจรัสหรือลัทธิเงาที่ยังฝึกฝนมาเป็นพันๆปียังคงรั้งอยู่ในศาสนจักรของพวกเขาสักกี่คน? ที่สำคัญคือเป้าหมายของยอดฝีมือเหล่านี้ผู้ฝึกฝนมาเป็นพันๆปีก็เพื่อจะกลายเป็นเทพได้! ถ้าพวกเขาเองอยู่ในเส้นทางกลายเป็นเทพ ทำไมพวกเขาจึงต้องการได้รับการบูชาในฐานะเทพเจ้าด้วย?
พวกเทพจำเป็นต้องได้ศรัทธาจากผู้คน
อย่างไรก็ตามโรซารี่ไม่ได้อยู่ที่ตำหนักเจ้าแม่หิมะน้ำแข็งมาตลอดเนื่องจากศรัทธานางในเจ้าแม่หิมะน้ำแข็ง แต่เป็นเพราะนางผูกพันกับตำหนักเจ้าแม่หิมะน้ำแข็ง
“วันนี้,โอเบรียนบอกว่าเขาต้องการได้สิบแปดแคว้นอิสระเหนือผนวกเข้ากับจักรวรรดิโอเบรียน” ซีซาร์ส่ายศีรษะอย่างจนใจ “ความจริงไม่ใช่เรื่องสำคัญเลยถ้าเขาจะยึดดินแดนเหล่านั้น เพียงแต่เจ้าควรจะเข้าใจนะว่าจักรวรรดิโอเบรียนมีระเบียบกฎหมายที่ให้เทิดทูนบูชาเฉพาะเทพสงครามเท่านั้นศาสนาอื่นล้วนต้องห้าม”
ลินลี่ย์พยักหน้า
แม้แต่ศาสนจักรเจิดจรัสและลัทธิเงาก็ทำได้แต่เพียงจัดตั้งเครือข่ายข่าวกรองภายในจักรวรรดิโอเบรียนเท่านั้นพวกเขาไม่กล้ากระทำการอย่างเปิดเผยในวงกว้าง
“ทันทีที่สิบแปดแคว้นเหนือถูกปราบปรามเนื่องจากกฎเหล็กของเทพสงครามโอเบรียน เขาจะไม่อนุญาตให้ตำหนักเจ้าแม่หิมะน้ำแข็งคงอยู่ต่อไป” ซีซาร์ขมวดคิ้ว “ข้ากลัวว่าโรซารี่จะด่วนใจร้อนและต่อสู้กับจักรวรรดิโอเบรียน”
ตอนนี้ลินลี่ย์เข้าใจเหตุผลที่ซีซาร์กังวล
“ท่านซีซาร์ ทำไมท่านถึงได้กังวลเรื่องอะไรอย่างนี้มากนักเล่า? ตราบใดที่ท่านยังมีชีวิตข้าคิดว่าเทพสงครามจะไม่กระทำการเกินเลย” ลินลี่ย์หัวเราะ
ซีซาร์พยักหน้า “ก็ถูก, ตราบใดที่ข้ายังมีชีวิต ก็คงเป็นอย่างนั้นแต่จะเป็นยังไง..ถ้าข้าตายในการเดินทางไปสุสานเทพเจ้า? เทพสงครามจะยังปฏิบัติต่อตำหนักเจ้าแม่หิมะน้ำแข็งอย่างสุภาพอีกไหม?” ร่องรอยไม่พอใจปรากฏให้เห็นบนใบหน้าของซีซาร์
“นี่...”
ลินลี่ย์เงียบไปชั่วครู่ “ท่านซีซาร์, ทำไมท่านถึงมีความมั่นใจในตัวเองน้อยนักเล่า?”
“ไม่ใช่อย่างนั้น” ซีซาร์ส่ายศีรษะ “ลินลี่ย์! เจ้ายังไม่เข้าใจ แม้ว่าเราทั้งสี่คนจะเป็นเทพชั้นต้นแต่ก็ยังมีความแตกต่างกันในระหว่างเทพชั้นต้นเองอยู่มาก ตัวอย่างเช่น พวกเซียนใหม่ เป็นไปได้ยังไงจะเอาไปเทียบกับเจ้าในเรื่องพลัง?”
เซียนระดับต้น?
แม้แต่ปีศาจดาบอเวจีเป็นล้านยังไม่สามารถต้านทานลินลี่ย์ที่ฆ่าสังหารพวกเขาได้ตามอำเภอใจ ความแตกต่างระหว่างพวกเขามากมายราวฟ้ากับดิน
“แม้ว่าเราทั้งหมดจะเป็นเทพชั้นต้น แต่พลังของข้าต่ำที่สุดในสี่คน ตัวอย่างเช่น, ไดลินเขาเป็นเทพชั้นต้นที่อยู่ในระดับสูงแล้ว และคาดกันว่าอีกไม่นานก็จะบรรลุระดับกลายเป็นเทพชั้นกลางได้” ซีซาร์ส่ายศีรษะขณะกล่าว
ที่สำคัญ ซีซาร์เป็นเพียงระดับเทพหน้าใหม่
คนอื่นเล่า? เทพสงครามโอเบรียนเป็นเทพมาห้าพันปีแล้วและมหาพรตกลายเป็นเทพเมื่อหมื่นปีที่แล้ว ส่วนไดลินเล่า? เขากลายเป็นเทพมาหมื่นปีแล้วเช่นกัน
“คนที่มีโอกาสตายมาที่สุดในสุสานเทพเจ้าความจริงก็คือข้าเอง” ซีซาร์กล่าว
“งั้น. ท่านซีซาร์! ทำไมท่านต้องไปสุสานเทพเจ้าด้วยเล่า?” ลินลี่ย์ถาม
“เหตุผลข้อแรกคือข้าถูกบังคับให้ไป ประการที่สองคือ..” ซีซาร์ตาเป็นประกาย “ชีวิตที่เกียจคร้านมายาวนานมันน่าเบื่อเหมือนกัน ข้าอยากมีประสบการณ์ตื่นเต้นดิ้นรนเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายสักครั้งในชีวิต ในอดีตเมื่อข้ายังอยู่กับอาร์มันด์เราเดินเฉียดขอบเหวความเป็นความตายมาแล้ว นอกจากนี้ข้ายังมีอาชีพเป็นมือสังหารนั่นเป็นชีวิตที่ตื่นเต้นอย่างแท้จริง ข้าคิดถึงเรื่องนี้มาก”
ซีซาร์ยังคงมีหัวใจของนักรบอยู่
ลินลี่ย์เข้าใจ
นักรบอย่างซีซาร์ไม่สามารถเอาแต่หลับใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบตลอดไปได้ สิ่งที่พวกเขาต้องการก็คือสู้รบการมีเรื่องให้ตื่นเต้น การบรรลุสิ่งใหม่ๆ และการเสี่ยงชีวิตในระดับที่สูงๆ ขึ้นไป
“ลินลี่ย์ เจ้ายินดีจะช่วยเรื่องของโรซารี่ไหม?” ซีซาร์ถามโดยตรง
“แน่นอนว่าข้ายินดี ท่านซีซาร์ข้าจะไม่ยินดีได้ยังไงเล่า?” ลินลี่ย์พูดพลางยิ้ม
“เจ้าเด็กร้ายกาจ” ซีซาร์ก็ยิ้มเช่นกัน
ภายในเวลาราวๆ สิบปี ลินลี่ย์จะกลายเป็นทพ และที่สำคัญยิ่งกว่า..ลินลี่ย์มีความสัมพันธ์พิเศษกับบีบีและเบรุต นี่คือเหตุผลที่ซีซาร์มาขอให้ลินลี่ย์ช่วย ตราบใดที่ลินลี่ย์ยินดีช่วยแก้ไข ต่อให้เทพสงครามกลับมาจากสุสานเทพเจ้าก็ตาม เขาก็คงไม่ต่อต้านโรซารี่
“ลินลี่ย์, โอเบรียน, แคทเธอรีน!”
ทันใดนั้นเสียงชราภาพดังขึ้นในใจของลินลี่ย์ แต่ใช่แค่เพียงลินลี่ย์เท่านั้น, แต่เทพสงครามที่อยู่ภูเขาเทพสงครามและมหาพรตที่จักรวรรดิยูลานทั้งสองได้ยินเสียงพร้อมกัน
ลินลี่ย์สีหน้าเปลี่ยน
ลอร์ดเบรุต!
“ข้ารู้ว่าพวกเจ้าวางแผนจะก่อสงครามในทวีป ข้าไม่สนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับทวีปยูลานส่วนที่เหลือ แต่มีสองเรื่องที่พวกเจ้าต้องจำไว้ เรื่องแรกคือพวกเขาต้องไม่รบกวนความสงบของไพรทมิฬ เรื่องที่สองคือกองทัพของพวกเจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าสิบแปดแคว้นเหนือและพวกเจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้เข่นฆ่าสิบแปดแคว้นแดนเหนือ เข้าใจไหม?”
“ขอรับ, ลอร์ดเบรุต”
เทพสงคราม, มหาพรต, และลินลี่ย์ตอบรับในใจพร้อมกัน
ใครจะกล้าขัดขืนคำสั่งของลอร์ดเบรุตกันเล่า?
ลอร์ดเบรุตถอนสำนึกศักดิ์สิทธิ์จากใจพวกเขาทันที
“น่ากลัวจริง สำนึกศักดิ์สิทธิ์ของเขาสามารถครอบคลุมทวีปยูลานได้ทั้งหมด” ลินลี่ย์ถอนหายใจชื่นชม “พลังของลอร์ดเบรุตยิ่งใหญ่มากจริงๆ เหนือกว่าพวกเทพสงครามห่างไกล”
“เกิดอะไรขึ้น,ลินลี่ย์?” ซีซาร์พอเห็นว่าลินลี่ย์เหมือนสูญเสียความคิด จึงอดสงสัยไม่ได้
ลินลี่ย์มองซีซาร์ จากนั้นเข้าใจ ตอนนั้นลอร์ดเบรุตเพียงแต่พูดด้วยสำนึกศักดิ์สิทธิ์ของเขาออกคำสั่งลินลี่ย์เทพสงครามและมหาพรต ยอดฝีมืออื่นไม่รู้เรื่องนี้
“ท่านซีซาร์ท่านยังห่วงเรื่องของโรซารี่อยู่ไม่ใช่หรือ?” ลินลี่ย์หัวเราะ
ซีซาร์พยักหน้ามองดูลินลี่ย์ด้วยความสงสัย
“ไม่ต้องห่วงอีกต่อไปแล้ว” ลินลี่ย์กล่าว
ซีซาร์ค่อนข้างงง “เกิดอะไรขึ้น?”
“เมื่อครู่นี้ลอร์ดเบรุตสั่งทางใจกับตัวข้า,เทพสงครามและมหาพรตแล้วว่า สิบแปดแคว้นแดนเหนือจะถูกจำกัดไว้ ไม่มีกองทัพใดได้รับอนุญาตให้รุกรานไม่อนุญาตให้ทำสงครามเข่นฆ่าที่นั่น” ลินลี่ย์หัวเราะให้ซีซาร์ “ท่านซีซาร์, ตอนนี้ท่านน่าจะสบายใจได้แล้ว”
ซีซาร์ถอนหายใจยาว จากนั้นค่อยยิ้มออก
“แต่ข้าไม่เข้าใจ ทำไมลอร์ดเบรุตถึงทำอย่านี้? เป็นไปได้หรือว่าเขาทำเพื่อประโยชน์ข้า? ข้าคิดว่า... ถ้าแค่เฉพาะข้า ก็คงไม่สำคัญสำหรับเขา” ซีซาร์ไม่เข้าใจ
“ถ้าท่านหาเหตุผลไม่พบ อย่างนั้นก็เลิกกังวลเถอะยังไงก็เป็นเรื่องดีอยู่แล้วใช่ไหม?” ลินลี่ย์หัวเราะ
ซีซาร์เองก็หัวเราะเช่นกัน “ฮ่าฮ่า, ใช่แล้ว เป็นเรื่องที่ดีจริงๆ , งั้นลินลี่ย์, ข้าคงไม่รบกวนเจ้าอีกแล้ว” หลังจากพูดเสร็จ ซีซาร์หายไปในอากาศเบาบาง แม้แต่ระดับพลังของลินลี่ย์ก็ยังเห็นร่างแปลงเลือนรางและหายไปในอากาศของซีซาร์ไม่ชัด
“วิชาร่างเงานี้ถึงระดับที่ทำให้เงาเขากลายเป็นมองไม่เห็น ช่างน่ากลัวจริงๆ” ลินลี่ย์ถอนหายใจชื่นชม
คืนนี้ไม่ใช่คืนธรรมดาเลยจริงๆ
หลังจากซีซาร์ออกไปได้ไม่นานยังมีอีกคนหนึ่งปรากฏตัวในห้องหนังสือของลินลี่ย์ แต่เมื่อคนผู้นี้มาถึง ลินลี่ย์ไม่ทันสังเกตถึงการปรากฏตัวของเขาแม้แต่น้อย และเขายังคงอ่านหนังสือต่อไป เพียงแต่หลังจากพลิกหนังสือไปหลายหน้าเขาจึงค่อยสังเกตได้จากหางตาว่าคนผู้นั้นอยู่ในห้องกับเขาแล้ว
ลินลี่ย์ตกใจจนหัวใจกระตุกทันที
“ลอร์ดเบรุต” ลินลี่ย์ลุกขึ้นยืนทันที
บุรุษผู้นั้นสวมชุดยาวดำ ผมดำเคราดำและมีรอยยิ้มบนใบหน้า เป็นราชันย์แห่งทวีปยูลาน..ลอร์ดเบรุตพูดพร้อมกับยิ้มน้อยๆ “ลินลี่ย์, รอสักครู่เถอะ เมื่อบีบีกลับมาเราจะคุยกัน”
“บีบี?” ลินลี่ย์สับสน
“ควั่บ!” วินาทีต่อมา เงาดำสายหนึ่งปรากฏขึ้นมาทันทีและบีบีกระโดดมาอยู่หน้าเบรุต “ปู่เบรุต,ทำไมปู่ถึงมาที่นี่ได้เล่า?”
เบรุตมองดูบีบีรอยยิ้มแย้มแจ่มใสปรากฏในดวงตาหยีเล็กของเขา เบรุตมีชีวิตมายาวนานแล้ว แต่ในบรรดาลูกหลานของเขา มีแต่เพียงบีบีเท่านั้นที่เป็น ‘หนูกินเทพ’ อาจกล่าวไดด้ว่า..บีบีสำหรับตัวเขาเองเป็นสิ่งสำคัญเท่าชีวิตของเขาเลยทีเดียว
“เหตุผลที่ข้ามาในวันนี้ก็เพื่อนำบีบีกลับไปไพรทมิฬ” เบรุตพูดขณะที่มองดูบีบีตรงๆ
“กลับไปไพรทมิฬ? ทำไมข้าต้องไปที่นั่น? ข้าชอบอยู่ที่นี่” บีบีค่อนข้างไม่ยินยอม
แต่ลินลี่ย์มีความคิดหนึ่งทันที
ลอร์ดเบรุตย่อมไม่ทำแบบนี้โดยไม่มีเหตุผลแน่นอน เขาต้องมีวัตถุประสงค์พิเศษบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้
“ลอร์ดเบรุต ข้าขอถามได้ไหม ทำไมถึงทำอย่างนี้” ลินลี่ย์มองดูเบรุต
เบรุตลูบบีบีเบาๆ “บีบีเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ ‘หนูกินเทพ’ และมาถึงช่วงการเจริญเติบโตระยะสุดท้ายแล้ว ในไม่ช้าเขาจะเป็นผู้ใหญ่ เมื่อเป็นผู้ใหญ่ บีบีจะเข้าถึงระดับเทพโดยธรรมชาติ ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาสำคัญสำหรับเขา”
“ข้ากำลังจะกลายเป็นเทพหรือ?” บีบีพูดอย่างประหลาดใจปนดีใจ
“มีแนวโน้มเช่นนั้น เจ้าจะต้องใช้เวลาอีกสิบปี ช่วงสิบปีนี้, บีบี! จะเป็นช่วงเวลาสำคัญสำหรับชีวิตเจ้า” เบรุตพูดอย่างจริงจัง
ลินลี่ย์เข้าใจ เบรุตเองก็เป็น ‘หนูกินเทพ’ และในพิภพจักรวาลทั้งสิ้นลอร์ดเบรุตเป็นผู้ที่รู้เรื่องหนูกินเทพมากที่สุด ลินลี่ย์ก็ใส่ใจกับบีบีเช่นกันและอยากให้บีบีพัฒนาไปในทางที่ดีและกลายเป็นผู้ทรงพลังในอนาคต “บีบี, ไปไพรทมิฬเถอะ ที่สำคัญระหว่างช่วงเวลานี้ข้าจำเป็นต้องขังตัวฝึกฝนเหมือนกัน เป็นไปได้ว่าคงใช้เวลาราวๆ สิบปี”
บีบีเงียบอยู่ครู่หนึ่งและจากนั้นมองดูลินลี่ย์ก่อนจะพยักหน้า “เอาอย่างนั้นก็ได้ แต่พี่ใหญ่ ถ้าท่านว่างท่านต้องคุยกับข้าทางใจบ้างนะ”
“ย่อมได้” บีบีหัวเราะ
เบรุตยิ้มเต็มหน้าเช่นกัน เขาพอใจกับการแสดงออกของลินลี่ย์
“ลินลี่ย์, มีบางอย่างที่ข้าต้องให้เจ้ารู้เอาไว้” เบรุตกล่าว
ลินลี่ย์สำรวมใจ และพูดด้วยความเคารพทันที “ลอร์ดเบรุต เชิญบอก” เบรุตพยักหน้า แล้วพูดต่อ “ข้ารู้ว่าเจ้าเตรียมตัวจะโจมตีจักรวรรดิอื่นและรวมทวีปยูลาน เมื่อสองสามทศวรรษหรือศตวรรษที่ผ่านมาเรื่องนี้คงเป็นงานง่าย แต่ตอนนี้..”
เบรุตส่ายศีรษะ
ลินลี่ย์อดประหลาดใจไม่ได้ คำพูดของเบรุตคงไม่ผิดพลาดแน่นอน แต่เกี่ยวกับแผนที่เทพสงครามและนักสู้อื่นเตรียมไว้ ไม่น่ามีปัญหาอะไร หลังจากกำจัดเซียนฝ่ายศัตรูจากนั้นส่งกองทัพขณะที่ใช้เซียนฝ่ายตนเองเพื่อคุกคามฝ่ายศัตรูหรือใช้เวทต้องห้ามขู่ขวัญพวกเขาเท่าที่จำเป็น...
นี่น่าจะเป็นสิ่งที่แน่นอน
“ลอร์ดเบรุต, ท่านหมายความว่ายังไง?” ลินลี่ย์มองดูเบรุต
เบรุตยิ้มขณะมองดูลินลี่ย์ “สงครามครั้งนี้ไม่ง่ายอย่างที่เจ้าคิด ข้าแค่เตือนเจ้าได้เท่านั้นว่าอย่าทะเยอทะยานเกินไป พอเถอะ, ข้าพูดเท่าที่จะพูดได้แล้ว ได้เวลาไปแล้ว”
“พี่ใหญ่” บีบีโบกมืออำลาลินลี่ย์เช่นกัน
เบรุตอุ้มบีบีไว้ในอ้อมแขนและหายไปจากห้องหนังสือ เขาไวมากจนลินลี่ย์บอกไม่ได้ว่าเขาเคลื่อนไหวได้ยังไง หรือใช้วิชาที่ทรงพลังแบบไหน วิชาของเขาเห็นได้ชัดว่าสูงส่งกว่าซีซาร์มาก
“ทำไมลอร์ดเบรุตถึงเตือนข้าอย่างกะทันหัน?” ลินลี่ย์นั่งในห้องหนังสือและค่อยๆขมวดคิ้ว “สงครามครั้งนี้จะไม่ง่ายอย่างที่เราคิดหรือ? หรือว่าจะมีบางอย่างคาดไม่ถึงเกิดขึ้น? และเขาบอกข้าว่าอย่าทะเยอทะยานเกินไป?”ลินลี่ย์มีความคิดอย่างหนึ่งทันที
“ลอร์ดเบรุตสั่งเราไม่ให้โจมตีสิบแปดแคว้นแดนเหนือ”
พอรวมประเด็นต่างๆเหล่านี้เข้าด้วยกันทำให้ลินลี่ย์รู้สึกกดดันทันที
“เราต้องระมัดระวังในการทำสงครามครั้งนี้ เราจำเป็นต้องช้าลง” ลินลี่ย์ทำใจ พรุ่งนี้เช้าเขาจะไปหาซีน่าและให้คำแนะนำบางอย่างแก่เขา
สำหรับคืนนี้....
เทือกเขาอสูรวิเศษ ลึกลงไปในหุบเขาสายหมอก
สถานที่นี้ครั้งหนึ่งเคยเป็นรังของมังกรเกราะหนาม ในอดีตลินลี่ย์โชคดีได้กินเลือดและผลึกมังกรของมังกรเกราะหนามกระตุ้นเชื้อสายเลือดมังกรในร่างของเขาและทำให้เขาแปลงร่างเป็นนักรบเลือดมังกร และที่นี่อีกเช่นกัน...
ไดลินหลังจากลินลี่ย์ชักกระบี่เลือดม่วงออกมา เขากับราชสีห์ทองหกตาทั้งสามบุตรของเขาได้รับการปล่อยตัว
ในสถานที่เดียวกันนี้เอง...
“วิ้วววววว” มิติที่นี่สั่นไหวเป็นระลอกเหมือนน้ำระลอกสั่นไหวนั้นเพิ่มมากขึ้นทุกที และในที่สุดเกิดรูที่มิติและฉีกขยายออก
“แคว่ก แคว่ก แคว่ก!”
มีร่างแปดร่างพุ่งออกมาด้วยความเร็วสูงทั้งหมดมีลักษณะร่างคล้ายมนุษย์ บางคนก็มีเขา ขณะที่คนอื่นห่อหุ้มตัวด้วยชุดที่ขาดรุ่งริ่ง ทั้งแปดร่างที่หนีออกมาจากช่องนั้นมีสภาพทุลักทุเลแต่พวกเขายินดีอย่างบ้าคลั่ง
“อ๊า... นี่แสงประจำธาตุ.. ช่างน่าทึ่งจริงๆ” ร่างที่ทรงพลังนั้นมีเขาเหมือนกับวัวอยู่บนศีรษะ เขาตื่นเต้นจนสั่นไปทั้งตัว
“กลับมาแล้ว! ในที่สุด ข้าก็กลับมา!” อีกคนหนึ่งคุกเข่ากับพื้นร้องไห้อย่างตื่นเต้น “ในที่สุดข้าก็หนีออกมาจากที่บัดซบนั่นได้ กลิ่นของแผ่นดินช่างน่าหลงใหลจริงๆ”
ทั้งแปดร่างตื่นเต้นกันยกใหญ่
“ทุกคน, เราทั้งหมดหนีออกมจากพิภพจองจำเกบาโดสได้แล้ว..ตอนนี้..เราแยกย้ายกันก่อน” บุรุษรูปงามหูยาวตั้งผมสีหยกพูดพร้อมกับหัวเราะลั่น
“ฮ่าฮ่า หลังจากมีชีวิตอย่างหวาดผวามาหลายพันปี ก็ได้เวลาสนุกสนานของเราบ้างแล้ว” ร่างทั้งแปดหายไปจากพื้นและบินออกไปในทิศต่างๆ