ตอนที่ 12-11 ในคืนหนึ่ง
“บึ้ม!”
ส่วนที่เหลือของเกาะศักดิ์สิทธิ์เริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงราวกับว่ามีอสูรร้ายขนาดมหึมาจำนวนเป็นพันที่อยู่ภายใต้เกาะเขย่าจนสั่นสะเทือน รอยแยกขนาดใหญ่ปรากฏตามมาจนทั่วเกาะ และน้ำทะเลทะลักเข้าท่วมจนมิดทั้งเกาะศักดิ์สิทธิ์
มหาวิหารเจิดจรัสพังทลายไปแล้วไม่มีการปกป้องจากวงเวทศิริแห่งมหาเทพเจิดจรัสต่อไป ตอนนี้ไม่มีอะไรแตกต่างจากสิ่งก่อสร้างธรรมดา แรงสั่นสะเทือนใหญ่ที่รุนแรงนี้ทำให้วิหารเจิดจรัสทลายลงมากยิ่งขึ้น บนเกาะที่ยังเหลืออยู่มีก้อนหินมหึมามากมายร่วงลงมาจากฟ้า และผู้รอดชีวิตที่ยังเหลือไม่กี่คนของศาสนจักรเจิดจรัสหนีตายลงทะเลหวังว่าจะหลบก้อนหินมากมายได้พ้นและป้องกันไม่ให้ถูกหินหล่นกระแทกใส่
เวทระดับต้องห้าม – ฟ้าถล่มดินทลาย!
ลินลี่ย์ยืนอยู่ในกลางอากาศมีบีบีเกาะอยู่บนไหล่ขณะที่เขากุมมือเดเลีย เขามองดูเกาะศักดิ์สิทธิ์ที่พินาศล่มสลายจากที่ไกล เกาะศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดหายไปในมหาสมุทรไม่เหลือร่องรอย ในที่ตั้งเดิมของเกาะศักดิ์สิทธิ์ก่อนนั้นไม่อะไรเหลืออยู่นอกจากระลอกคลื่นและซากศพไม่กี่ซากที่ลอยอยู่บนผิวทะเล
ลินลี่ย์มองดูฉากภาพนี้อย่างเงียบงัน
เดเลียมีท่าทีจริงจังไม่ได้ส่งเสียงแม้แต่น้อย หลังจากนั้นเป็นเวลานาน...
“ไปกันเถอะ” ลินลี่ย์ระบายลมหายใจยาว
เดเลียกุมมือลินลี่ย์ไว้เองแล้วยิ้มให้ “เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่?”
“อดีต” ลินลี่ย์กล่าว
“พี่ใหญ่, อดีตเหรอ? ท่านยังมีความคิดลึกในเรื่องอดีตอีกหรือ?” บีบียิ้มทั้งที่ยังอยู่บนไหล่ของลินลี่ย์
ลินลี่ย์หัวเราะพลางเหลือบมองบีบี “ข้ายังจะคิดลึกเรื่องอะไรได้? พอเถอะกลับบ้านกัน!”
“ใช่แล้ว, กลับบ้าน!”
เดเลียและบีบีรู้สึกสะท้านใจทั้งคู่ ตอนนั้นทั้งสามนับว่าเฉียดตายจริงๆแต่ตอนนี้ทุกคนกลับบ้านอย่างปลอดภัย ผลที่เปลี่ยนแปลงเป็นโชคลาภกะทันหันนี้มีผลต่อจิตใจพวกเขา
ลมทะเลยังคงพัด ลินลี่ย์เดเลียและบีบีบินด้วยความเร็วสูงหายลับไปทางขอบฟ้าทิศตะวันออก
ลินลี่ย์จ้องมองท้องฟ้าตะวันออกสุดสายตารู้สึกเหมือนกับว่ากำลังจ้องดูทุกสิ่งทุกอย่างในช่วงชีวิตที่ผ่านมา
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ศาสนจักรเจิดจรัสถูกทำลายจนได้” รอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้าลินลี่ย์
“ท่านพ่อ ยังจำเรื่องที่ท่านบอกข้าในปีนั้นได้ไหม? ความปรารถนายิ่งใหญ่สองอย่างที่ท่านฝากฝังข้าไว้นำสมบัติของบรรพบุรุษของเรา ดาบศึกประหารปรปักษ์กลับมา...และเพื่อตระกูลให้ฟื้นฟูความรุ่งเรืองครั้งเก่าก่อน”
“ดาบศึกประหารปรปักษ์เอากลับมาได้แล้ว และจักรวรรดิบาลุคได้ก่อตั้งแล้ว ตระกูลบาลุคเราในตอนนี้เป็นตระกูลที่ทรงพลังอำนาจมากที่สุดในทวีปยูลาน”
“ปู่เดลิน, เมื่อข้ายังเด็ก ข้าทำทุกอย่างเพื่อท่านพ่อและเป้าหมายของตระกูล ข้าแบกความหวังของตระกูลไว้ด้วยตัวเอง ถ้าข้าไม่ถูกบังคับให้ต้องพึ่งพาตัวเองทุกอย่าง คงเป็นเรื่องยากมากที่จะทำเรื่องเหล่านี้ให้สำเร็จได้ แต่เพราะข้ามีท่าน, ปู่เดลิน,ท่านเปลี่ยนชีวิตข้า ฝึกเวทให้.. สอนแกะสลักของสำนักเรียนสิ่วตรง.. ความช่วยเหลือของท่าน,การสั่งสอนของท่าน ช่วยให้ข้าเติบใหญ่ไปทีละก้าว เป็นเพราะท่านช่วยข้ามาตลอดเวลา”
“เมื่อท่านตายข้าสาบานว่าจะต้องทำลายศาสนจักรเจิดจรัสแบบขุดรากถอนโคน ผ่านมากี่ปีแล้ว?ข้าไม่เคยลืมคำสาบานนั้น”
“ตอนนี้... ข้าทำได้สำเร็จแล้ว”
“ปู่เดลิน, ตอนนี้ข้ารู้สึกผ่อนคลายมากแล้ว ความจริงข้ารู้สึกสบายใจ ตอนนี้ข้ามีภรรยาสุดที่รักเคียงข้างและมีบีบีอยู่ข้างตัว เขากล้าเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายร่วมกับ ปู่เดลิน ถ้าท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านจะต้องรู้สึกมีความสุขต่อข้าเป็นแน่”
“ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเพียงใด, ข้า, ลินลี่ย์จะจดจำคำสั่งสอนของท่านที่มีต่อข้าในวัยเยาว์ตลอดไป ปู่เดลิน... ขอบคุณ..”
ขณะลอยตัวอยู่เหนือทะเลและมุ่งหน้าสู่ทิศตะวันออก ตาของลินลี่ย์สว่างสดใสมาก
นับตั้งแต่ยังอายุน้อยจนถึงบัดนี้ ลินลี่ย์มักจะแบกภาระไว้มากมายใจของเขามักตกอยู่ภายใต้แรงกดดันหนักหน่วงอยู่เสมอ แต่วันนี้ลินลี่ย์สบายใจได้ในที่สุด
ในที่สุดเขาสามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระไร้กังวลและมีความสุข
จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ไฮเดนส์เลห์แมนและท่านใบไม้ร่วงตายในการรบทั้งหมด เซียนอื่นอีกสามสิบกว่าคนล่มสลายไปด้วยเช่นกัน แม้แต่เกาะศักดิ์สิทธิ์และวิหารเจิดจรัสก็พังพินาศสูญหายไปในทะเลที่กว้างขวาง แม้ว่าสหภาพศักดิ์สิทธิ์จะมีสมาชิกศาสนจักรเจิดจรัสอยู่มากมาย แต่หากปราศจากนักสู้ระดับเซียนคอยเป็นรากฐานให้พวกเขา ศาสนจักรเจิดจรัสจะไม่มีทางรุ่งเรืองขึ้นมาอีกเลย
ที่ปราสาทเลือดมังกร
เพราะภารกิจทำลายศาสนจักรเจิดจรัสทำได้สำเร็จลินลี่ย์และยอดฝีมืออื่นที่หลบหนีรอดจากสภาพเฉียดตาย ขณะที่ลินลี่ย์เองสามารถปลดภาระของเขาลงได้ในที่สุด วันนี้ลินลี่ย์รู้สึกมีความสุข เซียนทุกคนมาชุมนุมที่ปราสาทเลือดมังกรและจัดงานเลี้ยงรื่นเริง
งานเลี้ยงฉลองนี้เป็นกิจกรรมครั้งใหญ่ที่แม้แต่ซีน่าจักรพรรดิของจักรวรรดิบาลุคก็ยังต้องรีบมาร่วมด้วย
“พี่ใหญ่,ข้าเป็นห่วงมากจริงๆ... แต่โชคดีแล้ว ท่านกลับมาได้, พี่ใหญ่ มาเถอะ พี่ใหญ่ข้าขอดื่มฉลองให้ท่าน” อารมณ์ของวอร์ตันซับซ้อนมากในขณะนี้
“มาเถอะ,ดื่ม” ลินลี่ย์หัวเราะและชูแก้วทันที
“วอร์ตัน, เดลี่และคนอื่นๆ อยู่ไหน?”
เนื่องจากนี้เป็นการเลี้ยงฉลองความสำเร็จ ลินลี่ย์อดรู้สึกจนใจไม่ได้ “วอร์ตัน, บาร์เกอร์และน้องๆและยอดฝีมืออื่น..แม้ว่าพวกเขาจะหนีไประหว่างต่อสู้ที่เกาะศักดิ์สิทธิ์ตอนที่เบลซาสปรากฏตัว แต่ข้าไม่ตำหนิพวกเขาแม้แต่น้อย”
ลินลี่ย์เข้าใจว่าวอร์ตัน บาร์เกอร์และน้องๆและยอดฝีมือที่เหลือ ตอนนี้รู้สึกยังไง
เมื่อเบลซาสปรากฏตัว ลินลี่ย์สั่งให้พวกเขาหนีไป เดลี่ ถูลี่และคนอื่นๆรวมทั้งวอร์ตันที่เคยเป็นจักรพรรดิมาแล้วรู้ว่าการรั้งอยู่เป็นความคิดที่โง่มาก
พวกเขาหนีทันที
จริงอยู่ว่านี่เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องและการตัดสินใจที่เดเลียและบีบีอยู่ก็เป็นการตัดสินใจที่อาจส่งผลให้ต้องตายอย่างไร้ความหมาย
อย่างไรก็ตาม จากจุดยืนทางอารมณ์ เดลี่ วอร์ตัน และคนอื่นยังรู้สึกผิดอยู่บ้าง
ปกติระหว่างการเลี้ยงฉลองแบบนี้ พวกเขาจะฉลองรื่นเริงกันอย่างเต็มที่และสนทนาดื่มกินกับลินลี่ย์อย่างสนุกสนานต้องการให้ลินลี่ย์มีความสุข ลินลี่ย์ไม่ได้โกรธพวกเขาแม้แต่น้อย แต่เดลี่ วอร์ตันและยอดฝีมืออื่นรู้สึกกังวลอยู่ภายใน
“ซีน่า หลังจากงานเลี้ยงนี้ ไปห้องหนังสือมีเรื่องที่ข้าจะคุยกับเจ้า” ลินลี่ย์พูดกับซีน่า
“ขอรับ, ท่านลุง” ซีน่าพูดด้วยความเคารพ
ซีน่าเติบโตเป็นหนุ่มรูปงาม ยากจะจินตนาการได้ว่าวอร์ตันที่ร่างบึกบึนล่ำสันจะมีบุตรอย่างเขาได้ ซีน่าอายุ 24ปีแล้วและรับผิดชอบเป็นจักรพรรดิมาหลายปี ไม่ว่าจะเป็นความสามารถส่วนตัวหรือทักษะในการปกครองจักรวรรดิก็มีพอกัน ลินลี่ย์พอใจซีน่ามาก
หลังจากจบงานเลี้ยงก็เป็นเวลาดึก
ภายในห้องหนังสือส่วนตัวของลินลี่ย์ในปราสาทเลือดมังกร แม้ว่าลินลี่ย์แทบจะไม่ได้ใช้ห้องหนังสือนี้ก็ยังมีคนเข้ามาทำความสะอาดในที่นี่ ห้องจึงเป็นระเบียบเรียบร้อยเป็นธรรมดา น้อยครั้งที่ลินลี่ย์จะเข้ามาในห้องหนังสือของเขา
“สงสัยจริงว่าท่านลุงขอให้ข้ามาพบที่นี่ด้วยเรื่องอะไร?” ซีน่ามองดูห้องหนังสือใกล้ๆ อย่างเงียบสงบ หัวใจของเขาเต็มไปด้วยคำถาม
ห้องหนังสือสว่างด้วยไฟตะเกียงไฟตะเกียงในยามดึกมองดูสะดุดตา
ตอนนี้ซีน่าเป็นจักรพรรดิของจักรวรรดิบาลุค และเขามีสถานะสูงส่ง แต่เมื่อซีน่ามาที่ปราสาทเลือดมังกรเขาไม่กล้าวางมาดจักรพรรดิแม้แต่น้อย เพราะยอดฝีมือหลายคนที่อยู่ในปราสาทเลือดมังกรล้วนเป็นเสาหลักสำคัญของจักรวรรดิบาลุค
โดยเฉพาะลุงของเขา!
ลินลี่ย์สำคัญต่อจักรวรรดิบาลุคก็เทียบเท่ากับเทพสงครามกับจักรวรรดิโอเบรียน หรือมหาพรตกับจักรวรรดิยูลาน
จักรวรรดิอาจขาดแคลนจักรพรรดิได้ แต่ไม่สามารถขาดแคลนยอดฝีมือทั้งสาม
“ก๊อกๆๆ” ซีน่ากระวนกระวายใจขณะเคาะประตูห้องหนังสือ แม้ตั้งแต่เด็กซีน่าก็ได้พบกับลินลี่ย์ไม่กี่ครั้ง สำหรับลินลี่ย์ ซีน่ามีแต่เกรงกลัวและเทิดทูน
“เข้ามา”
ซีน่าสูดหายใจลึกผลักเปิดประตู เขาเห็นลินลี่ย์นั่งพลิกอ่านหนังสืออยู่ต่อหน้า
“โอว ซีน่า, เข้ามาสิ นั่งก่อน” ลินลี่ย์ยิ้มให้อย่างเป็นกันเองและชี้เก้าอี้ใกล้ๆ
“ขอรับ, ท่านลุง” ซีน่าปิดประตูทันที จากนั้นเข้ามานั่ง
ลินลี่ย์มองดูซีน่า เขาอดหัวเราะไม่ได้ “ซีน่า,ตอนนี้พอข้าคิดดูแล้วค่อนข้างแปลก บิดาเจ้า เมื่อเขายังเยาว์วัย เป็นจอมซนและสร้างเรื่องยุ่งยาก แต่เจ้าฉลาดและเรียบร้อยอยู่เสมอ ในความเห็นของข้าเจ้าค่อนข้างคล้ายไปทางนีน่ามารดาเจ้ามากกว่า” ลินลี่ย์ค่อนข้างชอบซีน่า
“เด็กผู้ชายมักจะติดมารดาเสมอ” ซีน่ายิ้มเช่นกัน
“ก็เป็นเรื่องที่ดีเหมือนกัน เทย์เลอร์ก็ค่อนข้างซนเหมือนกันและเดเลียเองก็ค่อนข้างดุเมื่อนางยังอายุน้อย” ลินลี่ย์ชะงักเล็กน้อยจากนั้นจึงตรงเข้าประเด็นหลัก “ซีน่า, สาเหตุที่ข้าขอให้เจ้าเข้ามาเป็นเพราะข้าต้องการบอกอะไรบางอย่างกับเจ้า เจ้าตั้งใจฟังให้ดี” ลินลี่ย์พูดพลางหัวเราะ
ซีน่าตั้งใจฟังทันที
“มหาพรตแห่งจักรวรรดิยูลานและเทพสงครามโอเบรียนได้พูดคุยกับข้า สองจักรวรรดิของพวกเขาและจักรวรรดิบาลุคของพวกเราจะรวมพลังกันยึดทวีปยูลานทั้งหมด สามจักรวรรดิเราจะแบ่งโลกกันปกครอง!” ลินลี่ย์พูดอย่างเป็นงานเป็นการ
แต่ซีน่าที่กำลังฟังอยู่ถึงกับตกตะลึง
ในฐานะจักรพรรดิของจักรวรรดิหนึ่งข่าวเช่นนี้ทำให้เขาตกตะลึงเช่นกัน
“ท่านลุง, นี่..นี่คือการแบ่งโลก...” ซีน่าไม่อยากเชื่อ “หมายความว่าเรากำลังจะทำลายจักรวรรดิโรฮอลท์,จักรวรรดิไรน์, ทุ่งราบใหญ่ตะวันออกไกล, พันธมิตรมืด, สหภาพศักดิ์สิทธิ์...นี่ต้องใช้เวลาเป็นสิบๆ ปี หรือไม่ก็ร้อยปี”
ลินลี่ย์ส่ายศีรษะ
“ซีน่า, ระหว่างงานเลี้ยง เจ้าควรจะได้รู้แล้ว,เราเพิ่งไปทำลายเกาะศักดิ์สิทธิ์ของศาสนจักรเจิดจรัส” ลินลี่ย์กล่าว
“ถูกแล้ว” ซีน่าพยักหน้า แต่จากนั้นตาเขาเป็นประกาย “ท่านลุง, ท่านกำลังบอกว่า...” ซีน่าเข้าใจทันที
“ไม่ใช่แค่ฐานกำลังใหญ่ของศาสนจักรเจิดจรัสเท่านั้น ฐานทัพใหญ่ของลัทธิเงาก็น่าจะถูกทำลายไปในอีกวันหรือสองวันนี้แน่นอน เมื่อสงครามเริ่มจริงๆ..คิดดูสิ..ถ้าศัตรูไม่มีเซียน แต่เราส่งเซียนออกไปรบ... สงครามจะใช้เวลานานมากไหม?”
ซีนาร์รู้สึกคอแห้งผาก และหลังชุ่มด้วยเหงื่อ หัวใจของเขาสั่น “ท่านลุงและยอดฝีมืออื่นน่ากลัวมากจริงๆ พวกเขาฆ่าเซียนฝ่ายศัตรูโดยตรง ตอนนี้ไม่มีทางที่พวกเขาจะสู้ตอบโต้ในระหว่างรบได้เลย”
แม้แต่จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ก็ยังต้องตาย
นี่หมายความว่าสหภาพศักดิ์สิทธิ์ไม่มีผู้นำแล้ว เมื่อพวกเขาเกิดสงครามก็มีแนวโน้มว่าราชอาณาจักรและแว่นแคว้นสังกัดสหภาพศักดิ์สิทธิ์จะต้องยอมแพ้โดยทันที
“ข้าแค่ต้องการให้เจ้าเป็นผู้นำ” ลินลี่ย์ไม่สนใจการสู้รบครั้งนี้เท่าใด
ที่สำคัญ ขนาดพื้นที่และประชากรในปกครองมีความหมายน้อย ที่สำคัญที่สุดสำหรับเขาคือเดินตามเส้นทางฝึกฝนและกลายเป็นเทพให้เร็วเท่าที่เป็นไปได้
เป็นเทพ!
การกลายเป็นเทพแสดงถึงความเปลี่ยนแปลงพื้นฐานของระดับที่คงอยู่หมายถึงครอบครองประกายศักดิ์สิทธิ์ สนามพลังเทพ และสามารถดึงพลังศรัทธาเป็นระดับคงอยู่ที่เหนือมนุษย์ธรรมดาไปมาก
“ท่านลุง, ทั้งสามฝ่ายตกลงแบ่งโลกกัน แต่ว่าอย่างไรเล่า?” ซีน่าถาม เขาค่อนข้างใส่ใจเรื่องนี้
“โอว, ข้าเกือบลืมไป” ลินลี่ย์หัวเราะ “นี่คืองานที่เป็นไป,ดินแดนของสหภาพศักดิ์สิทธิ์และสิบแปดแคว้นอิสระเหนือจะตกเป็นของจักรวรรดิโอเบรียน จักรวรรดิไรน์และพันธมิตรมืดจะตกเป็นของจักรวรรดิยูลาน สำหรับจักรวรรดิโรฮอลท์และทุ่งราบใหญ่ตะวันออกจะตกเป็นของจักรวรรดิบาลุคเรา”
ตาของซีน่าเป็นประกาย
ขนาดของจักรวรรดิโรฮอลท์ความจริงเทียบเท่ากับจักรวรรดิบาลุค แต่ที่สำคัญมากกว่า.. ทุ่งราบใหญ่ตะวันออกไกล
อาณาเขตทุ่งราบตะวันออกไกลกว้างขวางสุดสายตาจนถึงจักรวรรดิโอเบรียนที่กว้างใหญ่ไพศาล แต่เพราะพื้นที่ทั้งหมดเป็นทุ่งหญ้าจึงมีประชากรน้อยแม้ว่าจะมีขนาดใหญ่ก็ตาม ทำให้มีเพียงสามอาณาจักรที่คงอยู่ อย่างไรก็ตามสามอาณาจักรสามารถต่อสู้ได้กระทั่งกับจักรวรรดิโรฮอลท์และจักรวรรดิไรน์มาหลายปี ทุกคนสามารถบอกได้จากตรงนี้ว่าพวกเขาแข็งแกร่งเพียงไหน
ที่สำคัญคนเหล่านี้ใช้ชีวิตอยู่บนหลังม้าและใช้การต่อสู้แบบนี้จนเป็นธรรมเนียม
“เอาล่ะซีน่า, นี่ก็ดึกแล้ว เจ้าควรกลับไปพักได้แล้ว” ลินลี่ย์กล่าว
“ขอรับท่านลุง” ซีน่าถอยออกมาด้วยความเคารพ
หลังจากซีน่าออกมา ลินลี่ย์หันไปมองเก้าอี้ที่อยู่ใกล้ๆในที่นั่งที่ซีน่าเพิ่งลุกไป ในตอนนี้มีบุรุษวัยกลางคนนั่งอยู่ที่นั่น เขาสวมชุดยาวหลวมและยิ้มเกียจคร้านเป็นยอดฝีมือระดับเทพ ราชันย์มือสังหาร...ซีซาร์
“ท่านซีซาร์,กลุ่มของท่านจะไปสุสานเทพเจ้าในวันพรุ่งนี้แล้วทำไมคืนนี้ท่านถึงมาที่นี่ได้?” ลินลี่ย์อดหัวเราะถามด้วยความสงสัยไม่ได้
เมื่อได้ยินลินลี่ย์พูดเช่นนี้ ซีซาร์อดสะดุ้งไม่ได้แต่จากนั้นเม้มริมฝีปากอย่างช่วยไม่ได้ “ใช่แล้ว, พรุ่งนี้เราจะมุ่งหน้าไปสุสานเทพเจ้า ความจริงข้าไม่ต้องการไปสุสานเทพเจ้าในเวลานี้เลย แต่พวกเขาบังคับให้ข้าไปโธ่เอ๊ย..”
“คนสามารถถูกบังคับให้เข้าสุสานเทพเจ้าได้หรือ? นั่นเฉพาะกับคนที่ยินดีเข้าไปไม่ใช่หรือ?” ลินลี่ย์ขมวดคิ้วสับสน
“เรื่องนั้นช่างมันเถอะ ข้าหงุดหงิดเมื่อคิดถึงมัน”
ซีซาร์ยืนขึ้น เดินเข้ายืนหน้าโต๊ะของลินลี่ย์จ้องมองลินลี่ย์โดยตรง “ลินลี่ย์ วันนี้ข้ามาเพื่อฝากความไว้วางใจให้กับเจ้า”