ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 28 ถวายตัวเป็นผักปลา
ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 28 ถวายตัวเป็นผักปลา
การกระทำของฉู่อวิ๋นย่อมปกปิดฉู่เซวียนไม่ได้
หลังจากเห็นท่าทางระมัดระวังของฉู่อวิ๋น ฉู่เซวียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกมึนงง เหตุใดนางถึงทำเป็นมีลับลมคมในเช่นนี้?
หลังจากครุ่นคิดครู่หนึ่ง ชายหนุ่มเข้าใจเหตุผลได้ทันที ทำเอาเขารู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก
วิถิปรุงโอสถคือศาสตร์พิเศษในแผ่นดินหนานโจว นางต้องคิดว่าหากฉู่ชิวหลัวทิ้งเอาไว้ เหตุใดจึงไม่ส่งมอบให้ตระกูลฉู่?
ต้องมีความไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับที่มาของวิถีแห่งการปรุงโอสถนี้
ฉู่เซวียนไม่ได้กล่าวอะไร การที่นางระวังตัวเอาไว้ถือเป็นเรื่องดีเช่นกัน
หากข่าวเรื่องวิถีแห่งการปรุงโอสถหลุดออกไป ขุมอำนาจใหญ่ในแผ่นดินหนานโจวคงจะรุมทึ้งตระกูลฉู่
เวลานี้ฉู่เซวียนอยู่ในขอบเขตว่างเปล่าขั้นที่หนึ่งเท่านั้น
หากยอดฝีมือบุกเข้ามา พลังยุทธ์ของเขาคงจะถูกเปิดเผย ฉู่เซวียนจะทำตัวค้อมต่ำอยู่บ้านอย่างสงบสุขได้อย่างไร
หลายวันที่ผ่านมา ฉู่อวิ๋นได้เรียนรู้วิถีแห่งการปรุงโอสถอย่างขะมักเขม้น
หลังจากเชี่ยวชาญทั้งสูตรโอสถและวิธีการปรุงโอสถแล้ว นางก็ตัดสินใจฝึกฝนวิถีแห่งการปรุงโอสถ
เพื่อความรอบคอบมิให้ใครพบเห็น นางมิได้เลือกปรุงโอสถภายในเรือน
หากแต่วางแผนออกไปนอกอาณาเขตตระกูลฉู่เพื่อเสาะหาสถานที่เงียบสงบและฝึกฝนการปรุงโอสถอย่างลับ ๆ
ก่อนจากไป ฉู่อวิ๋นบอกฉู่เซวียนเกี่ยวกับวิถีแห่งการปรุงโอสถ ขอให้เขาเก็บซ่อนเอาไว้เป็นความลับ
ฉู่เซวียนทั้งหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกเมื่อเห็นว่านางระวังตัวเพียงใด ชายหนุ่มได้แต่โกหกว่ารู้เรื่องวิถีแห่งการปรุงโอสถมานานแล้ว บิดาของเขาเคยให้เขาเรียนรู้มาก่อน แต่เพราะเขาขี้เกียจจึงไม่ตั้งใจเรียน ในตอนท้ายเขาก็บอกว่าไม่มีปัญหาเกี่ยวกับที่มาของวิถีปรุงโอสถนี้
ถึงแม้ฉู่เซวียนจะอ้างว่าไม่มีปัญหาเกี่ยวกับที่มาของวิถีแห่งการปรุงโอสถ แต่ฉู่อวิ๋นก็ระมัดระวังเช่นเดิม หากข่าวเรื่องวิถีแห่งการปรุงโอสถรั่วไหลออกไป ขุมอำนาจในโลกภายนอกคงหมายตากันเป็นมัน ตระกูลฉู่คงจะตกอยู่ในหายนะ
โดยเฉพาะจักรวรรดิต้าเซี่ย หากจักรวรรดิต้าเซี่ยล่วงรู้ ตระกูลฉู่คงอยู่ไม่ไกลจากการล่มสลาย
เมื่อฉู่อวิ๋นออกไปฝึกฝนยังโลกภายนอก นางย่อมต้องมียอดฝีมือของตระกูลฉู่ลอบปกป้องในเงามืด หากนางต้องการปรุงโอสถอย่างลับ ๆ นางต้องรอดพ้นสายตายอดฝีมือของตระกูลฉู่ที่ลอบปกป้องในเงามืดซะก่อน
ฉู่เซวียนได้มอบยันต์หยกให้แก่นาง
ข้อแก้ตัวของเขาก็ยังเป็นเช่นเดิมคือบิดาของเขาทิ้งเอาไว้ และเพราะเขาไม่จำเป็นต้องออกไปฝึกฝนยังโลกภายนอก เขาจึงไม่จำเป็นต้องใช้
นอกจากนี้แล้ว ฉู่เซวียนยังส่งเจตจำนงวิญญาณผ่านตราประทับเมล็ดวิญญาณไปหาจางขุยเพื่อให้เขาคอยปกป้องฉู่อวิ๋นในเงามืดด้วยเช่นกัน
พลังยุทธ์ของจางขุยอยู่ในขอบเขตว่างเปล่าขั้นที่เก้า ภายใต้การควบคุมของตราประทับเมล็ดวิญญาณ เขามีความภักดีเป็นอย่างยิ่ง เพื่อที่จะทำภารกิจปกป้องความปลอดภัยของฉู่อวิ๋นให้ลุล่วง จางขุยอาจจะถึงขั้นสละชีวิตของตนเองได้โดยไม่ลังเล
ทว่าจางขุยเป็นรองเจ้าลัทธิมารลำดับหนึ่งแห่งแคว้นฉิน เขาย่อมต้องมีเรื่องมากมายของลัทธิมารให้ดูแลอยู่ตลอดเวลา ซึ่งไม่อาจปกป้องความปลอดภัยของฉู่อวิ๋นได้ทุกเมื่อ
พลังยุทธ์ของต่งเฉียนเองก็ไม่ได้อ่อนแอ เขาจึงได้รับมอบหมายให้คอยปกป้องฉู่อวิ๋นร่วมกับจางขุย
เมื่อมีทั้งคู่ร่วมกันปกป้องก็มั่นใจได้ว่าไม่ความผิดพลาด
ในแคว้นฉินนอกจากลัทธิมารแล้ว ไม่มีขุมอำนาจใดที่กล้าโจมตีสายเลือดหลักของสามตระกูลขุนนางใหญ่
ฉู่อวิ๋นได้ออกไปฝึกฝนขณะที่ฉู่เซวียนเก็บตัวอยู่ในเรือนสี่ประสาน
นอกจากฉู่เซวียนแล้ว สายเลือดหลักของตระกูลฉู่ในรุ่นนี้ไม่มีใครอยู่ในเขตของตระกูลเลยแม้แต่น้อย
พี่เจ็ดไปที่ตระกูลเหอ
ฉู่ชิงก็ไล่ตามลัทธิมารพร้อมกับจัดการกิจการของแคว้นฉู่เช่นเดิม
..
ภายในตำหนักใต้ดินในแคว้นจื่อเย่วยอดฝีมือลัทธิมารหลายสิบคนมารวมตัวกัน
หยวนฉ่งรองเจ้าลัทธิมารแห่งแคว้นจื่อเย่วกล่าวด้วยใบหน้ามืดมนว่า “ผู้คุมกฎได้ตายอยู่ในแคว้นฉู่แคว้นฉิน เรื่องนี้ย่อมเกี่ยวข้องกับตระกูลฉู่ ผู้ใดจะไปล้างแค้นให้แก่ลัทธิมารแห่งแคว้นจื่อเย่วของข้า”
“ไม่ใช่ว่าผู้คุมกฎได้ตายเพราะความขัดแย้งภายในของลัทธิมารแห่งแคว้นฉินหรือ?” ยอดฝีมือลัทธิมารถามด้วยความสงสัย
“ถึงกระนั้น ผู้ใดจะรู้ว่าสถานการณ์แท้จริงเป็นเช่นไร? นอกจากนี้แล้ว หากมิใช่เพราะการกวาดล้างของตระกูลฉู่ ลัทธิมารของเราจะลงเอยเป็นเช่นนี้หรือ?”
หยวนฉ่งกล่าวอย่างเย็นชา
ลัทธิมารแห่งแคว้นจื่อเย่วได้รับความสูญเสียอย่างหนัก ผู้อาวุโสหลายสิบคนตกตายอยู่ในสนามรบ
แม้แต่เจ้าลัทธิมารก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนเกือบเสียชีวิต
ต้นตอของหายนะล้วนมาจากตระกูลฉู่ที่เริ่มทำลายแผนการหลายปีของลัทธิมาร
แน่นอนว่าพวกเขาย่อมต้องวางบัญชีแค้นนี้เอาไว้บนไหล่ของตระกูลฉู่
“ถึงความแข็งแกร่งโดยรวมของตระกูลฉู่จะด้อยกว่าแคว้นจื่อเย่ว แต่ใช่ว่าจะอ่อนด้อยกว่า นอกจากนี้แคว้นฉินไม่ใช่เขตของเรา หากเราผลีผลามเข้าไป ข้าเกรงว่าเราอาจจะเผชิญกับความสูญเสีย”
ผู้อาวุโสคนหนึ่งกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ถูกแล้ว เป้าหมายหลักของเรายังเป็นแคว้นจื่อเย่ว”
ผู้อาวุโสหลายคนของลัทธิมารเห็นด้วย
“ฮึ่ม เรื่องของตระกูลฉู่จะหยุดได้อย่างไร? อย่าลืมว่าตระกูลฉู่ทำลายแผนการที่วางมาหลายปีของเรา เมื่อจักรวรรดิต้าเซี่ยสบโอกาสลงมือ จักรวรรดิต้าเซี่ยย่อมไม่ปล่อยตระกูลฉู่ไปเช่นกัน เราต้องรอคำสั่งจากจักรวรรดิต้าเซี่ยก่อนจะลงมือ”
หยวนฉ่งตะคอกอย่างไม่พอใจและกล่าวต่อ “นอกจากนี้แล้ว เราไม่จำเป็นต้องสู้กับตระกูลฉู่ในทางตรง”
“ข้าได้ยินมาว่าบุตรชายของฉู่ชิวหลัวถูกขับไล่ออกจากจวนบรรพชน ในเมื่อเราทำอะไรตระกูลฉู่ไม่ได้ เราก็ระบายความโกรธได้ด้วยการจับตัวบุตรชายของฉู่ชิวหลัว”
ผู้อาวุโสคนหนึ่งถามว่า “บุตรชายของฉู่ชิวหลัวถูกขับไล่ออกจากจวนบรรพชน แล้วจับตัวเขาจะมีประโยชน์อะไร”
“เจ้าโง่!”
หยวนฉ่งตำหนิผู้อาวุโสคนนั้นด้วยความโกรธ “เขาเป็นบุตรชายของฉู่ชิวหลัว ไม่ใช่ลูกของหมาหรือแมว ถึงเขาจะเป็นขยะ ตราบใดที่เขาเป็นบุตรชายของฉู่ชิวหลัว ตัวตนของเขาก็มีค่า!”
“ถูกแล้ว ฉู่ชิวหลัวอาจยังไม่ตาย หากวันหนึ่งฉู่ชิวหลัวกลับมา เราจะส่งบุตรชายของเขาไปยังจักรวรรดิต้าเซี่ยด้วยฐานะตัวประกัน เราสามารถหยุดยั้งฉู่ชิวหลัวไม่ให้ลงมือกับเราได้”
ผู้อาวุโสต่างพากันเห็นด้วย
“เช่นนั้น ข้าจะเดินทางไปเอง”
ผู้อาวุโสร่างผอมลุกขึ้นกล่าว
หยวนฉ่งและผู้อาวุโสคนอื่นไม่ได้โต้แย้งแต่อย่างใด ถึงผู้อาวุโสผู้อาสาคนนี้จะไม่ใช่คนที่แข็งแกร่งที่สุด แต่ก็เป็นคนที่หลบหนีและซ่อนตัวเก่งที่สุด
ฉู่เซวียนเก็บตัวอยู่ในเรือนสี่ประสาน อดทนรอให้ถึงหนึ่งปี
ระหว่างนี้ลัทธิมารไม่ได้ทำการเคลื่อนไหว ไม่ได้ส่งยอดฝีมือลอบเข้ามาในอาณาเขตตระกูลฉู่เพื่อเข่นฆ่าหรือทำลายแต่อย่างใด
หลังจากบรรลุขอบเขตจริงแท้ ฉู่เซวียนมีความมั่นใจมากขึ้น ตราบใดที่เขาไม่เผชิญหน้ากับยอดฝีมือผู้แข็งแกร่งของจักรวรรดิต้าเซี่ย เขาก็ไม่เกรงกลัวแต่อย่างใด
ด้วยความแข็งแกร่งโดยรวมของแคว้นฉิน ต่อให้จักรวรรดิต้าเซี่ยส่งยอดฝีมือผู้แข็งแกร่งมา แต่ก็ไม่น่าเกินขอบเขตรวมศูนย์
ด้วยเหตุนี้ ฉู่เซวียนจึงไม่เกรงกลัวอะไรทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตาม เขายังต้องทำตัวค้อมต่ำต่อไป
ในตอนที่ชายหนุ่มคิดว่าสามารถเก็บตัวอย่างสงบสุขได้จนถึงหนึ่งปี คนผู้หนึ่งก็ลอบเข้ามาในอาณาเขตตระกูลฉู่
ยอดฝีมือลัทธิมารอีกหนึ่ง
พลังยุทธ์ของอีกฝ่ายอยู่ในขอบเขตว่างเปล่าขั้นที่สาม ซึ่งน่าจะเป็นระดับผู้อาวุโสของลัทธิมาร
ฉู่เซวียนขมวดคิ้ว เหตุใดจางขุยถึงไม่แจ้งเขา?
เขาสามารถถ่ายทอดเจตจำนงวิญญาณผ่านตราประทับเมล็ดวิญญาณไปยังจางขุยได้ ในทำนองเดียวกัน จางขุยก็สามารถถ่ายทอดเจตจำนงวิญญาณเพื่อแจ้งเขาได้
แค่เพียงคำเตือนง่าย ๆ นั้นทำได้อย่างแน่นอน
ทว่าฉู่เซวียนประหลาดใจมากกว่านั้นคือผู้อาวุโสลัทธิมารผู้นี้เหมือนจะลอบมาหาเขาโดยเฉพาะ
อีกฝ่ายไม่ได้มีความคิดที่จะแอบเข้าไปในใจกลางของตระกูลฉู่ หลังจากที่เขาสังเกตสภาพแวดล้อมแล้ว เขาก็มุ่งตรงไปยังเรือนสี่ประสานของฉู่เซวียน
พุ่งตรงเข้ามาในเรือนสี่ประสาน
มาเพื่อมอบหัวให้ถึงเขียง?
เมื่อเขาเห็นฉู่เสวียน เขาก็เอ่ยว่า “เจ้าคือบุตรชายของฉู่ชิวหลัวหรือไม่?”
ฉู่เซวียนสีหน้าทำอะไรไม่ถูก เกิดอะไรขึ้นกับบิดาผู้นั้นของเขา?
เหตุใดทุกคนถึงต้องการจับตัวเขาเพียงเพราะเขาเป็นบุตรชายของฉู่ชิวหลัว?
“ใช่!”
ฉู่เซวียนยอมรับอย่างเปิดเผย
“อย่างนั้นข้าก็หาถูกคนแล้ว”
โหลวหยวนไม่ได้กล่าวอะไรเพิ่ม เขายกมือขึ้นคว้าฉู่เซวียน
เขามิใช่คนช่างกล่าว เมื่อยืนยันเป้าหมายแล้ว เขาจะเคลื่อนไหวทันทีเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุอันคาดฝันขึ้น
ผู้ฝึกยุทธ์ในขอบเขตมนุษย์ใช้มือเพียงข้างเดียวก็พอแล้ว ก่อนที่ตระกูลฉู่จะรู้ตัว เขาก็หลบหนีออกจากแคว้นฉู่และอยู่ระหว่างกลับไปยังแคว้นจื่อเย่วไปนานแล้ว
ตราบใดที่เขากลับไปยังแคว้นจื่อเย่วอย่างปลอดภัย ตระกูลฉู่ก็ไม่สามารถช่วยเหลือฉู่เซวียนได้
อย่างไรก็ตาม เมื่อโหลวหยวนเคลื่อนไหว เขารู้สึกว่าไหล่ของเขาหนักอึ้ง
เขาถูกอุ้งเท้าตบเข้าที่ใบหน้าก่อนจะล้มลงกับพื้น
แย่แล้ว!
โหลวหยวนตกตะลึง ความคิดแรกของเขาคือบุตรชายของฉู่ชิวหลัวเป็นเหยื่อล่อ!
ขณะที่โหลวหยวนกำลังดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอด อสรพิษยักษ์ก็ปรากฏตัวขึ้นมาพันรอบตัวเขา
เขาไม่รู้ว่าอสรพิษยักษ์ปรากฏตัวขึ้นได้อย่างไร
ราวกับมันโผล่ออกมาจากความว่างเปล่า
ตระกูลฉู่ครอบครองสัตว์อสูรขอบเขตว่างเปล่าได้อย่างไร?
หัวใจของโหลวหยวนจมลงสู่ก้นบึ้ง เขาเต็มไปด้วยความเสียใจ เขาไม่ควรอาสาทำงานนี้เลย