บทที่ 856 เดจาวู(ตอนฟรี)
บทที่ 856 เดจาวู
เมื่อเห็นว่าสมาชิกของแก๊งพยัคฆ์มังกรถูกปราบมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังไม่เห็นซูหลงและลูกชายของเขา หัวใจของซูยาหยุนก็จมดิ่งลงอย่างต่อเนื่อง ความไม่สบายใจในใจของเธอก็รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ไม่จริง! ผลลัพธ์มันคงไม่ออกมาในแบบที่เลวร้ายที่สุดหรอกใช่มั้ย?!
“ฉันจะไปดู!” ซูยาหยุนตะคอก เธอถอดผ้าพันคอออกแล้วโยนเข้าไปในรถก่อนจะเดินเข้าไปในกลุ่มสมาชิกของแก๊งพยัคฆ์มังกร เธอมองซ้ายมองขวาด้วยความโมโห ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความเกลียดชัง เธอก้าวไปข้างหน้าพร้อมๆกับม้วนแขนเสื้อของเธอขึ้น การเคลื่อนไหวง่ายๆไม่กี่อย่างเหล่านี้ทำให้ท่าทางของเธอเปลี่ยนไป จากผู้หญิงที่สง่าและมีเสน่ห์กลายเป็นสาวเก่งที่มีความคล่องแคล่วได้ในพริบตา
“เจ๊ใหญ่!”
หลิวฉีชางและจ้าวหยาฟ่านที่อยู่ข้างๆเธอร้องอุทานออกมา แต่ก่อนที่เขาจะห้ามได้ทัน ซูยาหยุนก็วิ่งไปด้านหน้าแล้ว
“มัวงงอะไรอยู่เล่า! รีบไปเอาตัวเจ๊ใหญ่กลับมาเร็วเข้าสิ!” จ้าวหยาฟ่านคำรามเสียงต่ำแล้ววิ่งก้าวยาวๆไปอย่างรวดเร็วพยายามดึงตัวซูยาหยุนกลับมา แต่ก็ตามไม่ทันสักที
หลิวฉีชางที่กำลังตกตะลึงนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ก็รีบวิ่งตามไปทันที “เจ๊ใหญ่ อย่าเพิ่งเข้าไป! ข้างหน้ามันอันตราย รอทุกอย่างเรียบร้อยก่อนค่อยเข้าไปก็ได้!”
ซูยาหยุนทำเป็นไม่ได้ยิน ในเวลานี้เธอคงอยู่เฉยๆไม่ได้ ตราบใดที่ยังไม่เห็นซูหลงด้วยตาของเธอเอง
“ฟึ่บ—!”
ในตอนนั้นเอง สมาชิกของแก๊งพยัคฆ์มังกรคนหนึ่งพุ่งเข้ามาพร้อมกับไม้ในมือและกำลังจะฟาดมันลงบนหัวของซูยาหยุน
“ระวัง!” หลิวฉีชางและจ้าวหยาฟ่านตะโกนออกไปพร้อมกัน และแม้ว่าพวกเขาต้องการจะเข้าไปช่วย พวกเขาก็ยังอยู่ห่างจากซูยาหยุนออกไปหลายก้าว และมันก็สายเกินไปที่จะช่วยเหลือ ดังนั้นพวกเขาจึงได้แต่มองดูอย่างหมดหนทางในขณะที่อันธพาลจากแก๊งพยัคฆ์มังกรใช้ไม้ฟาดหัวซูยาหยุน เจ๊ใหญ่ของพวกเขา
แต่ทันใดนั้น แสงที่เย็นชาฉายวาบออกมาจากดวงตาของซูยาหยุน เธอหันกลับมาอย่างกะทันหัน ท่อนไม้พลาดจากศีรษะแล้วเฉียดไหล่ของเธอไป วินาทีต่อมาซูยาหยุนยกขาขึ้นสูงเตะไปที่ปลายคางของอันธพาล
“เปรี้ยง—!”
อันธพาลถูกเตะเข้าเต็มๆคางและหน้าหงายล้มลงไปกับพื้นทันที ร่างกายของเขากระตุกสองสามครั้งแล้วสลบไป
ทั้งหลิวฉีชางและจ้าวหยาฟ่านถึงกับตกตะลึง ในดวงตาของเขาอดไม่ได้ที่จะแสดงความประหลาดใจและหันมองหน้ากันโดยไม่รู้ตัวก่อนจะพูดออกมาพร้อมกันว่า “เจ๊ใหญ่เก่งขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
ในเวลานี้ซูยาหยุนได้ก้มลงไปหยิบท่อนไม้ที่อันธพาลทำหล่นขึ้นมาจากพื้นแล้วก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับตะโกนอย่างท้าทาย “ซูหลง ไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้!”
แต่นอกจากเสียงเอะอะจากการต่อสู้ที่ยังคงมีอยู่เล็กน้อยก็ไม่มีใครตอบโต้เธออีกเลย
ใบหน้าของซูยาหยุนน่าเกลียดมาก เธอกัดริมฝีปากแน่น แสงเย็นฉายออกมาจากดวงตาที่สวยงามของเธอ ดวงตาคู่นั้นกวาดมองทุกคนที่อยู่เบื้องหน้าอีกครั้ง แต่เธอก็ยังไม่พบร่างของซูหลง
ภายใต้แสงไฟสลัวๆของโคมไฟจากถนน ใบหน้าของซูยาหยุนแทบจะเป็นสีขาวซีด
แต่ในเวลานี้ ซูหยวนซึ่งกำลังนั่งอยู่ในรถในป่าอีกฟากของถนน เห็นซูยาหยุนผู้สง่างาม ใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปทันที
“....เล็ก” ซูหยวนพึมพำเบาๆ แต่ไม่สามารถพูดประโยคที่สมบูรณ์ได้
“ซูหยวน คุณโอเครึเปล่า?” โจวเฟยเฟยที่นั่งอยู่ข้างๆเธอถามเสียงเบา เธอรู้โดยธรรมชาติว่าทำไมซูหยวนถึงประหม่า เธอเคยได้ยินเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างซูหยวนและซูยาหยุนมาก่อนแล้ว แต่ในสถานการณ์แบบนี้เธอไม่รู้จะพูดอะไรดี อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเรื่องในครอบครัวของซูหยวน และเธอก็ไม่รู้ด้วยว่าความสัมพันธ์ระหว่างซูหยวนและซูยาหยุนนั้นดีหรือไม่ดี
“ฉันโอเค” ซูหยวนฝืนยิ้ม
“ฉันไม่คาดคิดเลยว่าเธอจะต่อสู้เก่งขนาดนี้!” โจวเฟยเฟยพยายามเปลี่ยนบรรยากาศ แต่ความจริงแล้วสิ่งที่ซูยาหยุนทำในตอนนี้ก็ทำให้เธอรู้สึกทึ่งจริงๆ ผู้หญิงที่มีทักษะการต่อสู้ที่เก่งกาจเช่นนี้ได้ มันทำให้โจวเฟยเฟยอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉา
“เมื่อก่อนเธอไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนี้..” ดวงตาของซูหยวนแสดงให้รู้ว่าเธอกำลังนึกถึงความทรงจำในอดีต
ในขณะเดียวกัน จี้ยูเหวินที่นั่งอยู่บนรถอีกคันก็อดไม่ได้ที่ชื่นชมอยู่ในใจ ‘ท่าสวย! แข็งแกร่งไม่เบา!’
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเธอจะได้รับความชื่นชมมากเพียงใด แต่อารมณ์ของซูยาหยุนในเวลานี้ก็คุกรุ่นไปด้วยความโกรธ ดวงตาที่สวยงามของเธอเต็มไปด้วยความเย็นชาและเกลียดชัง เธอยังคงกวาดสายตามองไปยังสมาชิกของแก๊งพยัคฆ์มังกร ในเวลานี้คนเหล่านั้นถูกจัดการจนหมอบราบคาบแล้ว เธอจึงเพ่งมองหาอย่างละเอียดอีกครั้ง
แต่สุดท้าย ซูยาหยุนก็คงไม่พบอะไร เธอไม่เห็นแม้แต่เงาของซูหลงกับลูกชายรวมถึงผู้ติดตามคนอื่นๆของเขา
“จับพวกมันมัดเอาไว้ คนอื่นๆที่เหลือไปตามหาซูหลงและลูกของมันทุกซอกทุกมุม ไม่ว่าจะใช้วิธีไหน จะต้องหามันให้เจอแล้วลากตัวมันออกมาให้ได้!” ซูยาหยุนกัดฟันของเธอและพูดด้วยความโกรธ
“ครับ!”
ทุกคนขานรับเสียงดัง
“ทุกคน! แบ่งออกเป็นห้าทีม ค้นหาตลอดสองข้างทางของถนน เร็วหน่อย ถนนมืดๆแบบนี้ พวกมันคงยังหนีไปได้ไม่ไกลแน่!” หลิวฉีชางตะโกน
“ครับ!”
หลิวฉีชางโบกมือ “ตามฉันมา!”
เมื่อเห็นหลิวฉีชางนำคนหลายสิบคนเริ่มการออกค้นหาตัวซูหลงและคนอื่นๆ ซูยาหยุนก็อดไม่ได้ที่จะพูดด้วยความโกรธ “แม้ว่าพวกนายจะเอาชนะคนของแก๊งพยัคฆ์มังกรได้ทั้งหมด แต่ถ้าไม่สามารถจับไอ้หมาแก่ซูหลงกับลูกชายของมันได้ ก็เท่ากับความพยายามก่อนหน้านี้ทั้งหมดมันสูญเปล่า!”
จ้าวหยาฟ่านที่อยู่ด้านข้างเอ่ยด้วยเสียงต่ำเพื่อพยายามทำให้ซูยาหยุนใจเย็นลง “เจ๊ใหญ่ ไม่ต้องกังวล หลิวฉีชางนำคนไปค้นหาด้วยตัวเองแบบนี้ ฉันเชื่อว่าคงใช้เวลาไม่นาน คนอย่างซูหลงก่อเวรสร้างกรรมไว้มากมาย นี่คือคราวเคราะห์ของเขา สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่สามารถหลีกหนีชะตากรรมของเขาพ้น ดังนั้นเจ๊ใหญ่อย่าเพิ่งวิตกกังวล พระเจ้าจะลงโทษมันอย่างแน่นอน!”
“เวรกรรมจะช่วยอะไรได้!”
ซูยาหยุนอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและถอนหายใจ “หากเวรกรรมหรือพระเจ้ามีจริง คนอย่างมันก็ต้องถูกลงโทษไปตั้งแต่เมื่อสิบปีก่อนแล้ว! แต่ไอ้หมาแก่ซูหลงมันก็ยังใช้ชีวิตได้ดิบได้ดีมาโดยตลอด แม้ว่าเราจะวางแผนและบุกเข้าโจมตีมันหลายครั้ง แต่มันก็ยังลอยหน้าลอยตาอยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้ เหมือนกับว่าฉันไม่สามารถทำอะไรมันได้เลย...”
“แล้วเวลานี้เขาไม่ได้กำลังถูกลงโทษอยู่หรือ?” จ้าวหยาฟ่านกล่าว “เจ๊ใหญ่ ซูหลงเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานสูงมาก ในตอนที่เขาอยู่แก๊งตงไห่ เขาอยากขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊ง สุดท้ายก็ถูกเจ๊ใหญ่แย่งชิงอำนาจคืนมาไปสร้างแก๊งของตัวเอง ถึงแม้เขาจะเคยยิ่งใหญ่ แต่ตอนนี้เขาก็ได้สูญเสียมันไปแล้ว การครอบครองสิ่งที่เป็นของคนอื่นแล้วถูกยึดสิ่งที่ตัวเองสร้างมา มันก็เหมือนกับเป็นเวรกรรมแล้วไม่ใช่หรือ? ซูหลงในเวลานี้จะต้องรู้สึกเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส และทรมานเสียยิ่งกว่าที่จะต้องตายเสียอีก!”
“ฮึ!”
ซูยาหยุนแค่นเสียงอย่างเย้ยหยัน “ฉันไม่ยอมให้มันได้รับเวรรับกรรมไปเพียงแค่นี้แน่! พ่อของฉันถูกมันฆ่าตาย น้องสาวของฉันก็ถูกบีบบังคับจนสุดท้ายก็หายตัวไป ฉันสงสัยว่าเธอเองก็... คนสองคนจากตระกูลซูของฉันต้องมาตายด้วยน้ำมือของไอ้สารเลวซูหลง เลือดของพี่น้องในแก๊งตงไห่ของเราที่เสียไปก็มีสาเหตุมาจากมันทั้งสิ้น แล้วจะปล่อยให้เวรกรรมทำงานโดยที่ฉันยืนอยู่เฉยๆได้ยังไง!”
จ้าวหยาฟ่านพยักหน้าและพูดว่า “เจ๊ใหญ่ไม่ต้องเป็นห่วง เมื่อไหร่ที่หลิวฉีชางจับตัวซูหลงมาได้ ฉันจะทำทุกอย่างที่เจ๊ใหญ่ต้องการ! นอกจากนี้ยังมีซูจุนไช่ ลูกชายคนเล็กของซูหลง ซึ่งยังคงอยู่ในมือของตระกูลโจวกับคุณชายจี้อีก... แล้วเมื่อไหร่ที่แก๊งพยัคฆ์มังกรล่มสลายลงอย่างสมบูรณ์ ซูจุนไช่ก็จะไม่มีประโยชน์กับพวกเขา และควรจะส่งมอบให้เราในเวลานั้น!”
“อืม!” ซูยาหยุนพยักหน้าและพูดอย่างดุร้าย “ไอ้หมาแก่ซูหลงมันเป็นเหมือนกับสัตว์ร้าย และลูกชายของมันก็ได้เลือดพ่อมันมาเต็มๆ ตลอดหลายปีที่ผ่านมาลูกชายของมันทั้งสองคนก็ทำสิ่งเลวร้ายไว้มากมายไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าพ่อของพวกมันเลย! ถ้าหากเราฆ่าพวกมัน ไม่เพียงแต่ฟ้าดินจะไม่ลงโทษแล้ว แต่ยังจะยินดีกับพวกเราเสียด้วยซ้ำ!”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ ซูยาหยุนก็หยุดชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เอ่ยถามว่า “ว่าแต่ทำไมฉันถึงยังไม่เห็นคนแซ่จี้กับคนของตระกูลโจวเลยล่ะ?”
“เจ๊ใหญ่ครับ!”
ในเวลานี้ มีคนตะโกนมาจากฝั่งตะวันตกของถนน ซูยาหยุนและจ้าวหยาฟ่านจึงหันศีรษะไปมองทันที และเห็นลูกน้องในแก๊งของพวกเขาสองสามคนกำลังตั้งท่าต่อสู้ด้วยความระแวดระวัง ในขณะที่โจวเฟยเฟยและคนอื่นๆ กำลังเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“พวกเดียวกัน ให้พวกเขาเข้ามา!” จ้าวหยาฟ่านพูดทันที และลูกน้องเหล่านั้นก็ปล่อยให้โจวเฟยเฟยและคนอื่นๆเดินเข้ามา
“พี่ยาหยุน เมื่อครู่นี้ฉันเห็นแล้ว เตะได้สวยมากเลย!” โจวเฟยเฟยที่เดินเข้ามาเอ่ยชมด้วยรอยยิ้มทันทีที่มาถึง จากนั้นเธอก็ทำหน้ารู้สึกผิดเล็กน้อยและกล่าวว่า “แล้วช่วงชุลมุนก่อนหน้านี้ มันมืดเกินไป ฉันกลัวว่าจะเกิดความผิดพลาดระหว่างเราทั้งสองฝ่าย ดังนั้นฉันจึงไม่ได้ให้คนของฉันเข้าไปแทรกแซง โปรดยกโทษให้ฉันด้วย!”
แม้ว่าซูยาหยุนจะไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะพูดคุยตามมารยาท เพราะเธอยังหาตัวซูหลงไม่เจอ แต่เธอก็ไม่ได้แสดงความหงุดหงิดออกไป เธอยังคงยิ้มและพูดว่า “เฟยเฟย คุณกำลังพูดถึงอะไร แค่คุณมาได้ คุณก็ช่วยฉันได้มากแล้ว... ว่าแต่คุณชายจี้ไม่อยู่เหรอ? ทำไมฉันไม่เห็นเขาเลย”
“คุณชายจี้?”
โจวเฟยเฟยตกใจและพูดว่า “ก่อนหน้านี้เราอยู่รถคนละคัน เขาน่าจะอยู่ในรถของเขา แต่...”
“ฉันคิดว่าเขาอาจจะไล่ตามคนที่หลบหนีไป” จู่ๆซูหยวนก็พูดขัดจังหวะโจวเฟยเฟยที่กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง
ซูยาหยุนขมวดคิ้วทันที “คุณคือ...”
“อ่า... ฉันแซ่ซู” ซูหยวนลังเลเล็กน้อยแต่แล้วก็พูดนามสกุลของเธอออกไป
“อ้อค่ะ คุณซู เมื่อครู่คุณเพิ่งบอกว่าคุณชายจี้อาจจะกำลังไล่ตามคนที่หนีไปงั้นเหรอคะ? คุณพอจะรู้ไหมว่าเขาตามใครไป?” ซูยาหยุนแอบสังเกตรูปร่างหน้าตาของซูหยวนอย่างลับๆ และรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก แต่นึกอย่างคร่าวๆแล้วก็นึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหน เธอจึงไม่ได้สนใจ เพราะเธอยังมีสิ่งที่กังวลมากอยู่ในเวลานี้ นั่นก็คือซูหลง หมาแก่ตัวนั้นไปมุดหัวอยู่ที่ไหน!
“ฉันไม่รู้ว่าคนที่เขาไล่ตามไปเป็นใคร แต่คนที่เจ้านายของเราถึงกับไล่ล่าด้วยตัวเองแบบนี้ เขาคงไม่ใช่พวกลูกกระจ๊อกตัวเล็กๆแน่” ซูหยวนกล่าว “ถ้าให้ฉันเดา ฉันคิดว่าน่าจะเป็นไอ้ซูหลง ไอ้สารเลวนั่น!”
“คุณซูก็เกลียดซูหลงงั้นหรือ?” ซูยาหยุนตกใจ จากนั้นเธอก็ขมวดคิ้วและพูดว่า “แล้วเจ้านายที่คุณพูดถึงก็คือ... คุณชายจี้? เขาไล่ตามไปคนเดียวหรือเปล่า? ถ้าเป็นแบบนั้น... ลำพังตัวซูหลงเอง มันเป็นคนที่มีฝีมือด้านการต่อสู้ที่ไม่ธรรมดาเลย แต่บอดี้การ์ดสามคนที่อยู่รอบตัวมันเรียกได้ว่าระดับปรมาจารย์ หนึ่งในนั้นได้รับเชิญจากเวทีประลองใต้ดิน ดังนั้นต่อให้คุณชายจี้ไล่ตามพวกมันได้ทัน... แต่มันจะมีประโยชน์อะไร ทำไมเขาถึงไม่เอาบอดี้การ์ดของเขาไปด้วย”
“คุณซู.. ประธานซูไม่ต้องเป็นกังวล ยังไงซูหลงและบอดี้การ์ดของมันก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้านายของเราอย่างแน่นอน!” ซูหยวนพูดด้วยความมั่นใจ แต่ในใจของเธอก็อดเป็นกังวลไม่ได้ คนเหล่านั้นมีปืนอยู่ในมือ เมื่อครู่นี้ที่เธอได้ยินเสียงปืนก็ตกใจแล้ว แล้วจี้เฟิงตามไปเพียงลำพังแบบนั้น...
ซูยาหยุนได้ยินแบบนั้นก็ไม่ได้ช่วยให้เธอรู้สึกสบายใจขึ้นเท่าไหร่นัก กับผู้ชายขี้เก๊กชอบอวดเก่งคนนั้น เขาจะสามารถจัดการกับไอ้สารเลวซูหลงที่มีบอดี้การ์ดรอบตัวได้จริงๆน่ะหรือ?
นี่ไม่ใช่เวลามาทำตัวเป็นฮีโร่เลย... น่าจะหัดดูสถานการณ์บ้าง ถ้าซูหลงหนีไปได้เพราะเขาละก็...
ซูยาหยุนต้องการจะส่งคนไล่ตามไปเสียเดี๋ยวนี้ แต่เธอก็ไม่รู้อยู่ดีว่าจี้เฟิงนั้นไปทางไหน ดังนั้นเธอจึงทำได้แค่เพียงอดทนรอ!
ในช่วงเวลาหนึ่ง นอกจากเสียงร้องโอดโอยและเสียงคร่ำครวญของสมาชิกแก๊งพยัคฆ์มังกรแล้ว บนถนนก็ไม่มีเสียงอื่นใดอีก
ซูหยวนไม่มีอารมณ์ที่จะพูดคุยใดๆอีก เพราะเธอกังวลเกี่ยวกับจี้เฟิง ส่วนซูยาหยุนเองก็ไม่มีอารมณ์คุยเหมือนกัน เพราะเธอกังวลเรื่องการหลบหนีของซูหลง ส่วนโจวเฟยเฟยและจี้ยูเหวินก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก พวกเธอรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างซูยาหยุนและซูหยวน แต่พวกเธอไม่รู้ว่าทั้งสองมีความรักใคร่ต่อกันหรือเกลียดชังมากกว่ากัน
การหลุดปากพูดเรื่องแบบนี้ออกไป....
ทั้งโจวเฟยเฟยและจี้ยูเหวินต่างก็เป็นผู้หญิงที่ฉลาดมาก ดังนั้นพวกเธอจึงรู้โดยธรรมชาติว่าอะไรควรทำและอะไรไม่ควรทำในเวลานี้!
แต่ในเวลานี้ จู่ๆซูยาหยุนก็ถามว่า “คุณซู เราเคยพบกันมาก่อนไหม?!”
ทุกครั้งที่เธอมองไปที่ซูหยวน เธอก็รู้สึกเหมือนเดจาวูอยู่เสมอ!
....จบบทที่ 856 ~