ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 135 เม็ดยารวบรวมพลังปราณหนึ่งพันเม็ด
ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 135 เม็ดยารวบรวมพลังปราณหนึ่งพันเม็ด
แปลโดย iPAT
หากจ้าวจื่อป๋อวางแผนที่จะฆ่าเขาและส่งเขาไปยังสถานที่อันตราย เขาคงไม่แปลกใจนัก
อย่างไรก็ตามมันถูกเขียนไว้อย่างชัดเจนด้วยหมึกสีแดงว่าเป็นตระกูลเฉียนแห่งเมืองวายุบรรพกาล
เตียวเฟยและหลี่ฉิงซานมองเฉียนหรงจื่อ ในเวลาเดียวกันเฉียนหรงจื่อกลับไม่แปลกใจ นางยังยิ้มเหมือนเดิม
จ้าวจื่อป๋อกล่าว “พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องสงสัย หรงจื่อให้ความสำคัญกับครอบครัวของนางเป็นอย่างมาก นางรายงานความประพฤติมิชอบและอาชญากรรมต่างๆของตระกูลเฉียนด้วยตนเอง ตระกูลเฉียนทำเรื่องผิดกฎหมายของจักรวรรดิต้าเซี่ย ทั้งหมดเขียนไว้อย่างชัดเจน”
เตียวเฟยมองเอกสารที่อยู่ในมือของหลี่ฉิงซานที่ระบุอาชญากรรมมากมายของตระกูลเฉียน ตัวอย่างเช่นชาวนาที่ประท้วงเรื่องค่าเช่าที่นาถูกสังหารทั้งครอบครัวในชั่วข้ามคืน เฉียนเยี่ยนเหนิงสังหารสามีและลักพาตัวภรรยาของผู้อื่นไปเป็นนางบำเรอของเขาอย่างเปิดเผย กระทั่งเจ้าเมืองยังถูกสังหารเพราะเขาปฏิเสธที่จะเป็นหุ่นเชิดของตระกูลเฉียน ยังมีอาชญากรรมอีกมากมายที่พวกเขากระทำและมีโทษถึงชีวิต
เตียวเฟยมาจากนิกาย แม้นิกายของเขาจะอยู่ห่างไกลและมีกฎของตนเองแต่พวกเขาก็ไม่เคยกระทำการที่น่ารังเกียจ ด้วยเหตุนี้เขาจึงอดไม่ได้ที่จะเปิดปากถาม “นี่เป็นเรื่องจริงงั้นหรือ?”
อย่างไรก็ตามหลี่ฉิงซานไม่สงสัยเกี่ยวกับความจริงของเรื่องนี้ ตระกูลเฉียนครอบครองเมืองวายุบรรพกาลอย่างเบ็ดเสร็จ ไม่มีผู้ใดสามารถท้าทายอำนาจของพวกเขา มันไม่แปลกที่พวกเขาจะกระทำการดังกล่าว แต่เขาพบว่ามันแปลกที่เฉียนหรงจื่อทำเช่นนี้
เขาพึมพำ “ให้ความสำคัญกับครอบครัวเป็นอย่างมาก?” เฉียนหรงจื่อพยายามล่อลวงเขาไปยังอาณาเขตของนาง นี่เป็นความพยายามที่จะฆ่าเขาหรือไม่ อย่างไรก็ตามการกระทำเช่นนี้จะทำให้ครอบครัวของนางมีปัญหา เฉียนหรงจื่อวางแผนใดอยู่ จะมีชะตากรรมใดนอกเหนือจากการทำลายล้างที่รอตระกูลเฉียนอยู่หลังจากชื่อของพวกเขาเข้าไปอยู่ในบัญชีดำของหน่วยผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์?
หลี่ฉิงซานอ่านเอกสารต่อไป ด้านล่างแสดงระดับการบ่มเพาะของสมาชิกตระกูลเฉียน คนแรกในรายชื่อคือเฉียนเยี่ยนเหนิง เขาเป็นจอมยุทธ์ขั้นห้า ไม่มีจอมยุทธ์ขั้นสี่ในตระกูลแต่มีจอมยุทธ์ขั้นสามจำนวนสองคน จอมยุทธ์ขั้นสองจำนวนห้าคน และจอมยุทธ์ขั้นหนึ่งจำนวนสิบสามคน
หลี่ฉิงซานเงยหน้าขึ้น “ผู้บัญชาการจ้าว นี่ไม่ยากเกินไปสำหรับภารกิจทดสอบแรกของพวกเรางั้นหรือ?” อย่างน้อยที่สุดเขาก็สามารถบอกได้ว่าพวกเขาทั้งสามไม่มีพลังพอที่จะสั่นคลอนตระกูลเฉียน
“งั้นหรือ?” จ้าวจื่อป๋อมองหลี่ฉิงซานราวกับต้องการเห็นร่องรอยที่เกี่ยวข้องกับการตายของจ้าวเหลียงฉิง แต่ผลลัพธ์กลับทำให้เขาผิดหวัง “เราไม่สามารถฟังเพียงสิ่งที่เราได้ยิน ภารกิจนี้ไม่ใช่การฆ่าแต่เป็นการสืบสวน หากหรงจื่อกล่าวถูก ให้พวกเจ้ากลับมารายงาน จากนั้นข้าจะจัดการพวกเขาเอง อีกไม่กี่วันจะเป็นวันเกิดของเฉียนเยี่ยนเหนิง เจ้าจะไปร่วมงานวันเกิดของเขา หรงจื่อจะประสานงานกับเจ้าจากภายนอก ไม่มีสิ่งใดง่ายไปกว่านี้อีกแล้ว”
หลี่ฉิงซานกล่าว “ข้าเกรงว่ามันจะไม่ง่ายเช่นนั้น”
จ้าวจื่อป๋อหัวเราะเบาๆ “ภารกิจของผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ล้วนมีความเสี่ยงและความเสี่ยงที่มากขึ้นก็หมายถึงสิ่งตอบแทนที่มากขึ้น เหตุใดเจ้าไม่ดูหน้าที่สอง?”
หลี่ฉิงซานอ่านหน้าที่สอง มันเป็นการประเมินทรัพย์สินของตระกูลเฉียนและระบุจำนวนเม็ดยาที่คาดว่าจะได้รับรวมถึงสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณและผลประโยชน์อื่นๆอีกมากมาย มันยังระบุว่าผลประโยชน์อาจมากขึ้นหลังจากวันเกิดของเฉียนเยี่ยนเหนิง
จ้าวจื่อป๋ออธิบาย “หากเจ้าพบว่ามันเป็นเรื่องจริงทั้งหมด ข้าหวังว่าเจ้าจะสามารถยุติเรื่องนี้ได้โดยตรง นั่นจะช่วยข้าได้มาก แม้เฉียนเยี่ยนเหนิงจะเป็นจอมยุทธ์ขั้นห้า แต่เขาอายุมากแล้ว ตอนนี้ความแข็งแกร่งของเขาไม่ได้ใกล้เคียงกับจุดสูงสุดของเขาเลย ตามกฎ ทุกสิ่งที่เจ้าได้รับจากภารกิจจะเป็นของเจ้า เดิมทีภารกิจทดสอบจะไม่ได้รับสิ่งใด แต่หากเจ้าทำสำเร็จในครั้งนี้ ข้าจะมอบแต้มผลงานให้เจ้าห้าร้อยแต้ม”
หลี่ฉิงซานกล่าว “ดูเหมือนข้าจะไม่สามารถปฏิเสธ ตกลง ข้าจะรับภารกิจ เราจะออกเดินทางเมื่อใด?” การปฏิเสธไม่มีประโยชน์ ไม่ว่าจ้าวจื่อป๋อจะมีแผนการมากมายเพียงใด เขาก็จะเผชิญหน้ากับพวกมันและทำลายล้างทุกสิ่งที่ขวางหน้าด้วยกำลังของเขา เขาอยากรู้ว่ากับดักใดที่จะสามารถจัดการปีศาจเช่นเขา
“ตอนนี้!”
…..
บนผืนน้ำอันเชี่ยวกราก เรือใบสองชั้นลำหนึ่งแล่นผ่านเกลียวคลื่น นี่คือเรือของหน่วยผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ มันได้รับการตกแต่งอย่างหรูหรา ประสิทธิภาพของมันยิ่งยอดเยี่ยมกว่า มันสามารถแล่นทวนกระแสน้ำและเคลื่อนที่ได้เร็วกว่าเรือทั่วไป ขณะที่มันแล่นผ่านแม่น้ำ เรือลำอื่นๆจะหลีกทางให้มัน แม้แต่เรือลำใหญ่ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
เด็กหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่บนกาบเรือเพื่อชมทิวทัศน์ ละอองน้ำทำให้เสื้อผ้าของเขาเปียก เขาเล่นหินวิญญาณสองสามก้อนที่อยู่ในมือและดูเหมือนกำลังครุ่นคิดบางสิ่ง
หลี่ฉิงซานกำลังคิดแผนสำหรับภารกิจนี้ แต่เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ใช่คนฉลาด เขาไม่สามารถวางแผนที่แยบยลและทำได้เพียงตอบสนองไปตามสถานการณ์เท่านั้น อย่างไรก็ตามมีสิ่งหนึ่งที่เขามั่นใจ นั่นคือเขาไม่สามารถใช้ร่างปีศาจ แม้เขาจะสามารถซ่อนมันจากสาธารณะ เขาก็ยังจะถูกสงสัย แต่เขาก็เชื่อว่าความแข็งแกร่งในร่างมนุษย์ของเขาเพียงพอที่จะรับมือกับสถานการณ์ส่วนใหญ่
“นายท่าน นายท่านอีกสองคนเชิญท่านไปที่ห้องโดยสาร” ลูกเรือเข้ามารายงานอย่างสุภาพ
หลี่ฉิงซานกลับไปที่ห้องโดยสาร เตียวเฟยกล่าว “ฉิงซาน มาหารือเกี่ยวกับแผนการของเรากันเถอะ”
หลี่ฉิงซานกล่าว “เจ้าควรถามนาง เฉียนหรงจื่อ เจ้ากำลังวางแผนใดอยู่? เจ้าต้องการล่อข้าไปที่นั่นเพื่อฆ่าข้า? เพื่อล้างแค้นให้พี่ชายผู้โชคร้ายของเจ้างั้นหรือ?”
เฉียนหรงจื่อเผยรอยยิ้มมีเลศนัย “เจ้าจะถูกฆ่าง่ายเช่นนั้นเลยหรือ? ในที่สุดเจ้าก็ยอมรับว่าเจ้าฆ่าเฉียนหรงหมิง! เดิมทีข้าคิดว่าเป็นเตียวเฟย แต่มันกลับเป็นเจ้า อย่างไรก็ตามเขาไม่ใช่พี่ชายของข้า”
หลี่ฉิงซานกล่าว “หากเป็นข้าแล้วอย่างไร? หากเขาไม่ใช่พี่ชายของเจ้า เขาเป็นน้องชายของเจ้างั้นหรือ?”
เฉียนหรงจื่อตอบ “เราไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือด เพียงเพราะข้ามีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะพลังปราณ เฉียนเยี่ยนเหนิงจึงรับเลี้ยงข้า ข้าไม่มีแผนการที่จะล้างแค้นให้เฉียนหรงหมิง เจ้าไม่จำเป็นต้องระวังข้า เราสามคนลงเรือลำเดียวกันแล้ว นี่ถือเป็นพรหมลิขิต มีเหตุผลมากมายที่เราต้องระวังหลังให้กันและกันมากกว่า”
หลี่ฉิงซานรู้สึกประหลาดใจ “เจ้าไม่ใช่พี่น้องที่แท้จริงกับเขาแต่เจ้ายังเรียกพวกเขาว่าครอบครัวงั้นหรือ?”
เฉียนหรงจื่อหัวเราะ “ครอบครัวอันใด? อย่างมากที่สุดพวกมันก็เป็นได้เพียงคนที่เคยพบหน้า ข้าได้ยินมาว่าพวกเขาสามารถหลอมยาที่ทำให้เด็กไร้พรสวรรค์สามารถบ่มเพาะพลังปราณ ตระกูลเฉียนไม่สามารถปกป้องสายเลือดของตนเอง พวกเขาเป็นเพียงตัวปลอมที่ต่ำกว่ามาตรฐาน”
หลังจากได้ยินสิ่งที่เฉียนหรงจื่อกล่าว หลี่ฉิงซานก็เปิดปากถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “คราวนี้เจ้าวางแผนที่จะต่อต้านตระกูลเฉียนจริงๆงั้นหรือ? ไม่ใช่ว่าตระกูลเฉียนมีบุญคุณกับเจ้างั้นหรือ?” การทำให้คนธรรมดาสามารถบ่มเพาะพลังปราณถือเป็นการเปลี่ยนชีวิตของผู้คน แต่ทัศนคติของเฉียนหรงจื่อเกี่ยวกับเรื่องนี้แปลกมาก
เฉียนหรงจื่อลูบแก้มของนางและหัวเราะเบาๆ “ถูกต้อง พวกเขามีบุญคุณและตอนนี้ข้ากำลังจะตอบแทนบุญคุณพวกเขามิใช่หรือ?”
การแสดงออกของนางน่ากลัวมาก แม้แต่หลี่ฉิงซานและเตียวเฟยที่เผชิญหน้ากับความตายบ่อยๆก็ยังรู้สึกสั่วไหวอยู่ภายใน
เฉียนหรงจื่อกล่าว “อย่ามองข้าเช่นนั้น ข้าอดทนมานานแล้ว ตราบเท่าที่เจ้าช่วยข้าในครั้งนี้ ข้าไม่สนว่าเจ้าจะทำสิ่งใดกับข้า”
ไม่เพียงหลี่ฉิงซานที่ไม่สนใจข้อเสนอนี้ แม้แต่เตียวเฟยก็รู้สึกเช่นเดียวกัน ตราบเท่าที่คนผู้หนึ่งมีสติปัญญามากพอ พวกเขาจะไม่ถูกตัณหาบังตาจนถึงจุดที่ไม่สนใจชีวิตของตนเอง เว้นเพียงพวกเขาจะพบกับคู่ต่อสู้ที่มีทักษะล่อลวงเช่นฟู่หรง
เตียวเฟยกล่าวอย่างระมัดระวัง “ข้าไม่ต้องการเป็นศัตรูกับจอมยุทธ์ขั้นห้า ภารกิจของเราคือตรวจสอบเท่านัน เจ้ามาจากตระกูลเฉียน เจ้าต้องรู้ว่าห้องยาอยู่ที่ใด เราไม่จำเป็นต้องเผชิญหน้ากับเฉียนเยี่ยนเหนิง”
เฉียนหรงจื่อสาปแช่ง “ขี้ขลาด! ทันทีที่เม็ดยาถูกหลอม พวกมันจะถูกส่งมอบให้เฉียนเยี่ยนเหนิงและเก็บไว้ในกระเป๋าร้อยสมบัติของเขาทันที เจ้ายังไม่เคยเห็นเขาแต่กลับหวาดกลัวตัวตนของเขาในฐานะจอมยุทธ์ขั้นห้าไปแล้ว”
“เจ้า!” เตียวเฟยยืนขึ้นด้วยความโกรธแต่หลี่ฉิงซานยื่นแขนออกไปหยุดเขา เขากล่าวกับเฉียนหรงจื่อ “ข้าไม่ต้องการต่อสู้กับจอมยุทธ์ขั้นห้าที่แข็งแกร่งกว่าข้าถึงสามระดับเช่นกัน หากนั่นเป็นแผนการของเจ้า เจ้าควรลืมมันไปซะ เราจะออกมาทันทีหลังจากตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว เฉียนเยี่ยนเหนิงจะกล้าลงมือกับผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์งั้นหรือ?”
ในที่สุดเฉียนหรงจื่อก็แสดงท่าทางจริงจังมากขึ้น “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดตระกูลเฉียนจึงไม่มีจอมยุทธ์ขั้นสี่? มันเป็นเพราะไอ้แก่นั่น เขาแก่จนไม่เหลือความมั่นใจที่จะกำหราบจอมยุทธ์ขั้นสี่ เขากลัวบางคนจะเข้าแทนที่เขา ดังนั้นเขาจึงหยุดการแจกจ่ายเม็ดยาให้กับทุกคนที่กำลังจะทะลวงเข้าสู่ขั้นสี่”
หลี่ฉิงซานและเตียวเฟยรู้สึกประหลาดใจ เฉียนเยี่ยนเหนิงเต็มใจที่จะเสียสละการพัฒนาของตระกูลเพื่อรักษาอำนาจของตน คนผู้นี้ช่างเห็นแก่ตัวและน่ารังเกียจนัก
เฉียนหรงจื่อกล่าว “เมื่อถึงเวลา ข้าจะลงมือก่อนอย่างลับๆ จากนั้นเราจะสามารถฆ่าเขาได้ในจังหวะเดียว ส่วนที่เหลือยังไม่พอให้เจ้าเอาจริงถูกต้องหรือไม่?”
หลี่ฉิงซานและเตียวเฟยมองหน้ากัน ไม่เพียงหลี่ฉิงซานที่ดูแคลนจอมยุทธ์ที่เหนือกว่าสามระดับ กระทั่งเตียวเฟยก็มั่นใจว่าประสบการณ์การต่อสู้จริงของเขาเหนือกว่าขยะที่ไม่เคยผ่านการต่อสู้แห่งชีวิตและความตาย
ในที่สุดเฉียนหรงจื่อก็ทิ้งไพ่ตาย “มีเม็ดยารวบรวมพลังปราณสามร้อยเม็ดอยู่ในกระเป๋าร้อยสมบัติของเฉียนเยี่ยนเหนิง มีเม็ดยาล้ำค่าอีกสองสามเม็ดที่ไม่ด้อยกว่าไข่มุกน้ำค้าง แม้สิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณของเขาจะไม่ยอดเยี่ยมเท่าหน่อยผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์แต่เขาก็ควรมีสองสามชิ้นที่ล้ำค่ายิ่งกว่าเม็ดยารวบรวมพลังปราณสามร้อยเม็ด หากรวมสมบัติของจอมยุทธ์คนอื่นๆ มันอาจมีเม็ดยารวบรวมพลังปราณถึงหนึ่งพันเม็ด”
ตัวเลขนี้ทำให้หลี่ฉิงซานและเตียวเฟยตกตะลึง ตระกูลเฉียนร่ำรวยจริงๆ
เฉียนหรงจื่อยื่นมือของนางออกมา เตียวเฟยลังเลเล็กน้อยก่อนจะวางมือทับลงไป สุดท้ายหลี่ฉิงซานก็ยื่นมือออกไปเช่นกัน
เพื่อเป้าหมาย แม้คนทั้งสามจะไม่ชอบหน้ากันหรือแม้แต่เป็นศัตรูกัน พวกเขาก็ต้องสงบศึกชั่วคราว
หลังจากเรือเทียบท่า พวกเขาก็เปลี่ยนไปใช้ม้า พวกเขาเดินทางในเวลากลางวันและพักผ่อนในเวลากลางคืน ห้าวันต่อมา พวกเขาก็ไปถึงเมืองวายุบรรพกาล
บางคนจำเฉียนหรงจื่อได้ทันที “คุณหนูกลับมาแล้ว! รายงานนายท่านเร็ว!”
หลี่ฉิงซานค้นพบว่าการแสดงออกของเฉียนหรงจื่อเปลี่ยนไปเล็กน้อย มันเหมือนตอนที่เขาพบนางครั้งแรก นางดูทะนงตนราวกับนางภูมิใจในตัวตนและตระกูลของนางตลอดเวลา แต่สิ่งที่ผู้คนไม่รู้ก็คือมีความเกลียดชังที่น่ากลัวซ่อนอยู่ในนั่น