ตอนที่ 361 - เจ้าไม่คู่ควรกับทวนเล่มนี้
บุรุษร่างกายกำยำผู้นั้นยังอยู่ในอาการตกใจ เขาไม่เคยคิดว่าศัตรูผู้อ่อนแอกลับฆ่าสหายของเขาผู้มีพลังพอๆ กับเขาได้ฉับพลัน นักสู้ระดับ 8 ขั้นกลางถูกสังหารทันทีได้ยังไง?
อย่างไรก็ตาม ในฐานะเป็นนักสู้คนหนึ่ง เขามีปฏิกิริยาที่รวดเร็ว
เมื่อเย่ว์หยางปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าเขา เขาไม่คิดอะไรมากและปล่อยพลังหมัดออกไปทันที
หมัดนี้มีพลังพอจะทลายภูผาได้ แม้แต่แมมม็อธทองยักษ์ยังอาจทรุดตัวล้มลงเพราะหมัดนี้ได้
“อ๊าาาาา…”
บุรุษร่างกำยำรู้สึกเจ็บปวดที่หมัดของเขา ทันใดนั้นร่างของเขาอ่อนแอไร้เรี่ยวแรงทรุดลงไปกองกับพื้น เขารู้สึกว่าหมัดของเขาถูกพลังบางอย่างจับเอาไว้และถูกบดกระแทกในขณะเดียวกัน เป็นความเจ็บปวดที่แล่นผ่านเข้ามาในกระดูกของเขา เขาได้ยินเสียงแปลกประหลาดก้องอยู่ในหู เป็นเสียงที่เขาคุ้นเคยมาก ทั้งนี้เพราะเขาจะได้เสียงกร๊อบแกร๊บทุกคนที่เขาบดหักกระดูกเขา เขาชอบที่เสียงหักบดกระดูกนั้นทำให้คนอื่นผมลุกตั้งชัน
เขาได้ยินเสียงขณะหลับตาและพยายามอดทนต่อความเจ็บปวด
ตอนนี้เขาตระหนักว่าแขนของเขาชาไปหมด มันยังคงบิดจนผิดรูป
ในที่สุด แขนทั้งหมดของเขาก็บิดเป็นเกลียวไล่ขึ้นมาจนถึงไหล่… เขาไม่เคยคาดว่าจะมีวันนี้ วันที่คนผู้ตกเป็นฝ่ายถูกทรมานจะเป็นตัวของเขาเอง
เขาไม่สนใจจะตะโกนร้องด้วยความเจ็บปวด ก่อนที่จะหมุนตัวและหลบหนี
ศัตรูแบบนี้ไม่ใช่ผู้ที่เขาจะรับมือได้ ทำได้แต่เพียงหนี เขาต้องกลับไปหาสองนักสู้ปราณก่อกำเนิด จากนั้นชีวิตของเขาจะปลอดภัย! ขณะที่เขาหนีอย่างบ้าคลั่ง เย่ว์หยางสัมผัสใส่ที่หลังศีรษะของเขา
ฉับพลันแรงผลักรุนแรงกดหน้าของบุรุษกำยำลงกับพื้น ศีรษะของเขาจมลงในพื้น แต่พลังที่หนักหน่วงรุนแรงนั้นยังคงไถศีรษะเขาไปข้างหน้า เหมือนกับคันไถที่เทียมด้วยวัวแล้วไถคราดพื้น ศีรษะของเขาถูกไสเป็นทางยาวบนพื้น
ทุกคนรวมทั้งนักสู้ปราณก่อกำเนิดทั้งสอง ตกตะลึงกับภาพที่เห็นข้างหน้า
พวกเขาตกตะลึงจนพูดไม่ออก
ไม่มีผู้ใดเข้าใจว่า ความจริงแล้วเกิดอะไรขึ้น
สหายที่เอาศีรษะไถพื้นเหมือนคันไถยังไม่ตาย เมื่อตอนเย่ว์หยางปล่อยตัวเขา เขายังสามารถกระโดดขึ้นและวิ่งมาหากลุ่มสหายของเขาได้ ด้วยสภาพหน้าตาที่พังยับเยิน
มีแต่เพียงปากของเขาที่ร่ำร้องขอความช่วยเหลืออย่างไม่ชัดเจนนัก ภาพที่ทุกคนเห็นนั้นทำให้หัวใจทุกคนสั่นไหวและผมลุกตั้งชัน
“บึ้ม!”
เขาวิ่งออกมาได้ไม่ถึงสิบก้าว ก่อนที่ศีรษะของเขาจะเบิดกระจายเป็นเสี่ยงๆ จากพลังปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ที่เย่ว์หยางจู่โจมใส่
มันสมองและเศษกะโหลกของเขากระจายเรี่ยราดอยู่ทั่วพื้น
ขณะที่นักสู้ระดับ 8 สองคนตายภายใต้เงื้อมมือของเย่ว์หยาง อสูรของพวกเขาก็ยังระเบิดตายไปพร้อมกับเจ้านายของพวกมันด้วย พวกมันไม่ยอมหักหลังเจ้านายของพวกมันและตายในที่นั้นนั่นเอง
“เราไม่ตั้งใจจะล่วงเกินคณะของพวกเจ้า…” หนึ่งในนักสู้ปราณก่อกำเนิดผู้มีปฏิกิริยาไวที่สุดพูด เขาสวมชุดดำและมีจมูกงองุ้มเหมือนเหยี่ยว สายตาของเขาคมกว่าดาบและในมือของเขาถือ “บอลต้องสาป” เขาน่าจะเป็นมันสมองของกลุ่ม เขาได้เพิ่งจะได้ยินเสียงสนทนาเล็กน้อย และรู้ว่านักสู้ระดับ 8 ทั้งสองคนนั้นเลวทรามน่ารังเกียจ ตอนนี้พวกเขาโกรธฝ่ายตรงข้าม เป็นธรรมดาที่ฝ่ายตรงข้ามจะฆ่าพวกเขาหลังจากนั้น สิ่งเดียวที่เขารู้สึกแปลกเกี่ยวกับความจริงที่ว่ามีนักสู้ปราณก่อกำเนิดที่แข็งแกร่งขนาดนั้นอยู่ในกลุ่มฝ่ายตรงข้าม
ทำไมถึงได้มีนักสู้ปราณก่อกำเนิดจากกลุ่มนั้นและร่วมภารกิจกับนักสู้ระดับ 6 และระดับ 7? นี่ช่างน่าสับสนเสียจริง
นักสู้ปราณก่อกำเนิดอีกคนหนึ่งผู้มีทวนทองฆ่ามังกรสวมชุดยาวสีแดงและมีผมแดง
เขากำลังจ้องเย่ว์หยางเขม็ง
ถ้าเขาสามารถประเมินระดับและความสามารถของเย่ว์หยางได้ เขาคงจู่โจมเย่ว์หยางไปแล้ว
สำหรับนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 3 ต่อให้เขามีพลังที่พิเศษ เขารู้ว่ามักจะมีคนที่แข็งแกร่งกว่าเขาอยู่เสมอ แม้ว่านักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 3 จะถูกมองว่ามีความแข็งแกร่งในหอทงเทียนชั้นที่หก แต่ก็ยังมีนักรบที่แข็งแกร่งมากกว่าเขาอยู่อีกหลายคน นักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 3 ใช่ว่าจะยอดเยี่ยมที่สุด
ถ้าเขาเผชิญหน้ากับนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 6 เขาอาจถูกฆ่าทันที ตอนนี้ เขาแค่กลัวว่าเด็กหนุ่มผู้นี้จะเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 6
ตัดสินจากวัยของเขา ดูแล้วเขาไม่น่าจะเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดได้เลยแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตาม ถ้าเขาไม่ใช่นักสู้ปราณก่อกำเนิด เขาคงไม่อาจฆ่านักสู้ระดับ 8 ถึงสองคนได้ในทันที
“มาคุยกันก่อน!” บรรดากลุ่มนักล่ามังกร คนผอมที่ดูเหมือนจะเป็นคนถนัดเจรจาพยายามถามเย่ว์หยาง
“….” คำตอบที่เย่ว์หยางมีให้พวกเขาก็คือท่าดาบทลายปฐพี ด้วยการระเบิดพลังปราณของเขา ดาบฮุยจินระเบิดพลังเปลวเพลิงออกและเขาฟันบุรุษที่เตรียมเจรจาต่อรองเขาจนขาดครึ่ง
ทวนทองฆ่ามังกรแทงใส่อากาศในชั่ววับตา
นักสู้ปราณก่อกำเนิดผมแดงชุดแดงคำรามด้วยความเดือดดาล เขาทิ้งการต่อสู้กับมังกรเขียวที่บาดเจ็บหนัก แม้ว่าเขาจะฆ่ามันได้ด้วยการกระหน่ำแทงอีกไม่กี่ครั้งก็ตาม แต่สถานการณ์วิกฤติเกิดขึ้นฉับพลัน เพราะเย่ว์หยางฆ่าสหายของเขาบีบบังคับให้เขาเปลี่ยนใจจู่โจมใส่เย่ว์หยางแทน นักสู้ปราณก่อกำเนิดมีข้อผูกมัดตามกฎของพันธมิตรปราณก่อกำเนิด ดังนั้นโดยปกติ นักสู้ปราณก่อกำเนิดจะหลีกเลี่ยงการต่อสู้กันเองให้มากเท่าที่เป็นไปได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักสู้ปราณก่อกำเนิดที่มาจากเผ่าพันธุ์เดียวกัน เพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียพลังของเผ่าพันธุ์โดยรวม เว้นแต่การเจรจาต่อรองล้มเหลว การฆ่ากันเองระหว่างนักสู้ปราณก่อกำเนิดในสถานการณ์ปกติจะไม่เกิดขึ้น
หลังจากเจ้านายจู่โจมแล้ว ราชสีห์ตาแดง อสูรชั้นทองระดับ 8 คำรามลั่นและกระโจนเข้าหาเย่ว์หยาง
ในท้องฟ้า อินทรียักษ์กินวัว อสูรทองระดับ 7 โฉบลงมาจากอากาศพร้อมกับกางกรงเล็กที่แหลมคมของมัน
เผชิญกับการโจมตีรอบด้าน ถ้าเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 2 อื่นๆ หรือที่ต่ำกว่า คาดว่าพวกเขาคงได้แต่หนีไปรอบๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาถูกโจมตีด้วยทวนทองฆ่ามังกร อาวุธชั้นทองที่แหลมคม ทรงพลังน่ากลัว ความสามารถแต่ละอย่างอาจทำให้ตายได้
เย่ว์หยางคอยหลบหลีกจุดที่แหลมคมได้อย่างง่ายดาย
พลังความสามารถของเขาระเบิดออกมาทันที
ภายใต้การควบคุมของเย่ว์หยาง ดาบฮุยจินมีเสียงคำรามลั่นปล่อยเปลวเพลิงม่วงลุกโหม เปลวเพลิงพุ่งไปบนท้องฟ้าเหมือนกับหงส์เพลิงโจมตีใส่อินทรียักษ์กินวัวทั้งสองตัว
อินทรีทั้งสองตัวร้องโหยหวน และกลายเป็นนกย่างในที่สุด
ขณะที่ราชสีห์ตาแดงโจมตีจากด้านหลัง เย่ว์หยางถือมีดเงินทำลายดวงตารออยู่แล้วและกรีดใส่ดวงตาของราชสีห์ตาแดง ไม่รอให้ราชสีห์ตาแดงได้ตอบโต้ เย่ว์หยางใช้มีดทองฆ่ามังกรแทงใส่กะโหลกของมัน ปราณกระบี่ไร้ลักษณ์เจาะเข้ากะโหลกและปราณกระบี่ไร้ลักษณ์แทงเข้าไปถึงผลึกเวทในกะโหลกของมัน
ราชสีห์ตามแดงกระโจนขึ้นในอากาศทันที แต่ทันใดนั้นมันก็ร่วงลงกับพื้นเสียงดังสนั่น
ไม่ต้องรอให้มันร่วงลงพื้น มันก็ถูกเย่ว์หยางสังหารตายไปแล้ว นักสู้ปราณก่อกำเนิดอีกคนหนึ่งมองดูขณะที่หน้าของเขาซีดทันที จากนั้นก็นึกถึง “งูพิษต้องสาป” เขาปล่อยมันออกมาจากบอลต้องสาปและมันใช้ไม่ได้กับศัตรูของเขา เทพเจ้าย่อมรู้สิ่งที่นักสู้ระดับ 8 ทั้งสองคนทำเพื่อต่อต้านศัตรูผู้นี้ ซึ่งมีฝีมือป้องกันอาวุธระดับทองได้ไม่เหมือนใครและยังปลอดภัยอยู่ได้หลังจากถูกนักสู้ปราณก่อกำเนิดสองคนและอสูรอีกสองตัวรุกไล่โจมตีเขา และเขายังโจมตีตอบโต้ได้จนถึงตาย
“ไม่นะ, สิงโตของข้า!” นักสู้ปราณก่อกำเนิดผมแดงชุดแดงร้องลั่นเสียใจ ไล่ตามเย่ว์หยางสุดกำลัง
เย่ว์หยางไม่ได้กังวลใจเกี่ยวกับเขาเลย ขณะที่เขาเงื้อดาบจันทร์เสี้ยวและดาบฮุยจินพร้อมกัน
นักสู้ระดับ 7 วิ่งเข้ามารับมือไม่อาจต้านทานแรงฟันของเย่ว์หยางได้ก่อนที่ศีรษะของพวกเขาจะถูกฟันขาดปลิวกระเด็นอยู่บนท้องฟ้า
กลุ่มนักล่ามังกรในปัจจุบันที่มักจะเป็นฝ่ายข่มเหงรังแกกลุ่มอื่น ตอนนี้กลายเป็นผู้เคราะห์ร้ายที่ถูกย่ำยี เมื่ออยู่ต่อหน้าเย่ว์หยางที่เป็นเหมือนเครื่องจักรสังหาร พวกเขาไม่อาจอยู่รวมเป็นกลุ่มได้อีกต่อไป ผู้รอดชีวิตต่างหนีกระเจิงกันหมด ยกเว้นนักสู้ระดับ 8 สองคนที่หนีไปทางหัวหน้ากลุ่มผู้ถือบอลต้องสาป พวกเขารู้ว่าพวกเขาจะปลอดภัยที่สุดเมื่อพวกเขาอยู่ใกล้ผู้นำของพวกเขา
หนี?
ใครเล่าจะหนีได้ไวกว่านักสู้ปราณก่อกำเนิด?
เย่ว์หยางผลักเสาเจ็ดดาวของจักรพรรดิอวี้ลงบนพื้นและไล่ตามนักสู้ระดับ 7
ใช้ทั้งดาบฟัน, มีดแทง, และระเบิดดวงดาว… เย่ว์หยางยกธนูเพลิงศรน้ำแข็งเล็งไปทางคนที่หนีไปไกลที่สุด ศรน้ำแข็งของเขาแทงทะลุหัวใจของเจ้าคนที่นึกว่าหนีได้พ้นแล้ว
ต่อให้เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดก็อาจถูกศรน้ำแข็งของเย่ว์หยางสังหารได้ทันที ก่อนนั้น เหยากวงแห่งกลุ่มนักสู้เจ็ดดาวก็ตายภายใต้ศรน้ำแข็งสามดอกของเขา
ขณะที่เจ้าคนที่หนีไปเป็นแค่เพียงนักสู้ระดับ 7 เขาไม่มีโอกาสร้อง ก่อนที่จะถูกแช่กลายเป็นตุ๊กตาน้ำแข็ง
“โพละ”
เย่ว์หยางกำหมัดขณะที่ตุ๊กตาน้ำแข็งแตกกระจายเป็นล้านเสี่ยง
นอกจากนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 3 สองคนแล้วและนักสู้ระดับ 8 อีกสองคน กลุ่มนักล่ามังกรทั้งหมด มีเพียงนักสู้ระดับ 7 คนเดียวที่ยังรอดอยู่ ความจริงระดับพลังของเขาสามารถต่อสู้ในระดับเดียวกับเอลฟ์หนุ่มลีนกับทอเรนหัวหน้ากลุ่มนามเลโอได้อย่างสบาย อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขาปรากฏเหมือนกับว่าเป็นลูกไก่ที่อ่อนแอเมื่ออยู่ต่อหน้าเย่ว์หยาง เขาไม่มีความกล้าจะตอบโต้กลับ
ขณะที่เย่ว์หยางมาถึงตัวเขา เขาล้วงหินเทเลพอร์ตออกมาด้วยมือสั่นเทา
ต่อมาหินเทเลพอร์ตถูกทำลายทันที
อย่างไรก็ตาม ลำแสงเทเลพอร์ตไม่ปรากฏขึ้น… ไม่มีใครมองดูเย่ว์หยางขณะที่พวกเขาให้ความสนใจเสาเจ็ดดาวที่ผลักลงกับพื้นก่อนหน้านั้น เสามหึมาบรรจุปณิธานที่กล้าแข็งสามารถทำลายพลังเทเลพอร์ตได้
“ได้โปรดไว้ชีวิตข้าด้วยเถิด!” เขาร้องขอชีวิตและตัวสั่นด้วยความกลัว
“สหายของเจ้าสอนข้าถึงวิธีที่เหมาะเอาตัวรอดที่สุด เสียใจด้วยนะที่เจ้าแข็งแกร่งไม่พอ” จากนั้นเย่ว์หยางชี้ไปที่หน้าผากของเขา
ปรากฏเป็นรูเลือดอยู่บนหน้าผากของเขา ทะลุผ่านจนถึงหลังศีรษะของเขา
ปราณกระบี่ไร้ลักษณ์เป็นพลังไร้สภาพที่มองไม่เห็น เป็นพลังที่ยอดเยี่ยมไร้เทียมทาน อย่าว่าแต่นักสู้ระดับ 7 เลย แม้แต่นักสู้ผู้ทรงพลังอย่างซุ่นเทียนจักรพรรดิแห่งจื่อเว่ย, ประมุขนิกายพันปีศาจและราชาจ้าวปีศาจบารุธก็ยังไม่กล้าปะทะพลังโดยตรง
บางทีเพราะพวกเขาได้เห็นพลังที่น่ากลัวของเย่ว์หยางและเข้าใจว่าพวกเขาไม่สามารถหลบหนีได้ นักสู้ปราณก่อกำเนิดทั้งสองคน และนักรบระดับ 8 อีกสองคนจึงพุ่งเข้าจู่โจมใส่เย่ว์หยางราวกับคนเสียสติ พวกเขาโจมตีใส่จากทุกด้าน ถ้าพวกเขาไม่ทุ่มเททุกอย่างเพื่อฆ่าเย่ว์หยางให้ได้ พวกเขาจะไม่มีโอกาสรอดชีวิต ตอนนี้ พวกเขาเข้าใจแล้วว่าคู่ต่อสู้ของเขาโกรธแค้นกับทัศนคติที่หยิ่งผยองของสหายพวกเขาจึงตัดสินใจสังหารกลุ่มพวกเขาทั้งหมด ไม่มีโอกาสสำหรับการเจรจาต่อรองอีกต่อไป
นักสู้ปราณก่อกำเนิดที่ถือทวนทองฆ่ามังกรกลายเป็นกำลังหลักในการโจมตีของกลุ่ม
นักสู้ปราณก่อกำเนิดคนที่ถือบอลต้องสาปในมือใช้ไม้เท้าที่เป็นอาวุธระดับทองโจมตีเย่ว์หยางจากด้านบน เขายังคงเรียกอสูรเพลิงโกลาหล อสูรระดับทองของเขาออกมาช่วย และร่วมมือกันโจมตีใส่เย่ว์หยาง
นักสู้ระดับ 8 ขั้นกลางสองคนรุกกระหนาบทั้งซ้ายและขวา คนทางซ้ายมือถือขวานสายฟ้า ขณะที่อีกคนใช้เคียวโลหิต
เย่ว์หยางหัวเราะเยือกเย็น
พอทำท่ารอรับพลังโจมตีจากศัตรูทั้งสี่ ร่างของเขาก็หายวับไป
เมื่อเย่ว์หยางปรากฏตัวอีกครั้ง ท่ามกลางการรุกโจมตีของศัตรูทั้งสี่ นักสู้ระดับ 8 สองคนที่กำลังจู่โจมใส่เย่ว์หยางในอากาศก็ร่วงหล่นลงพื้น
หัวของนักรบผู้ถือขวานสายฟ้าแยกขาดจากตัว
เอวของนักรบที่ถือเคียวโลหิตบิดเป็นเกลียว
หัวหน้ากลุ่มที่เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดถือบอลต้องสาปร้องออกมาด้วยความไม่แน่ใจ “เป็นไปไม่ได้, เป็นไปไม่ได้แน่นอน! เจ้ามีอาวุธเทพชนิดใดกันแน่? เจ้าฆ่าพวกเขาได้ง่ายๆ อย่างไรกัน?”
“ข้าไม่เชื่อเรื่องนี้” นักสู้ปราณก่อกำเนิดชุดแดงผมแดงใช้ทวนทองฆ่ามังกรพุ่งเข้าโจมตี เหมือนกับว่าชีวิตของเขาขึ้นอยู่กับมัน และเชื่อมั่นว่าทวนทองของเขาจะปักเข้าหัวใจของเย่ว์หยาง
ก่อนที่ทวนจะพุ่งถึงตัวเย่ว์หยาง กระแสลมใบมีดที่แหลมคมซึ่งเกิดจากคมทวนก็ฉีกตัดอากาศมาถึงก่อน
แม้แต่ผาที่สูงหลายสิบเมตรที่ด้านหลังเย่ว์หยางยังถูกพลังโจมตีที่รุนแรงนี้บดกระแทกแตกเป็นเสี่ยงๆ
เย่ว์หยางถูกทวนแทงใส่
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ศัตรูจะยิ้มออก ภาพเย่ว์หยางก็หายไปทันที ร่างจริงเย่ว์หยางปรากฏอยู่ด้านหลังศัตรู ตาของเขาแฝงแววเหยียดหยาม ว่ากันถึงเรื่องความเร็ว เจ้าพวกนี้จะเทียบได้กับผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์อย่างซิวคงได้อย่างไร? ถ้าเทียบกับเขาแล้ว เจ้าพวกนี้ก็เหมือนกับเต่า เย่ว์หยางผู้เคยไล่ตามทันความเร็วของซิวคงมาแล้ว จะถูกทวนนี้แทงใส่ได้อย่างไรกัน?
เขาหยุดอยู่ใกล้หลังของศัตรู
เพลิงอมฤตสว่างวาบและเปลี่ยนรูปเป็นทวนเพลิง
ด้วยแรงพุ่งที่ทรงพลัง ทวนเพลิงอมฤตเสียบเข้าที่หลังของนักสู้ปราณก่อกำเนิดผู้ใช้ทวนทองฆ่ามังกรและทะลุออกที่หน้าอกของเขา…
“เจ้าไม่คู่ควรใช้ทวนเล่มนี้!” เย่ว์หยางชิงทวนทองฆ่ามังกรไว้ด้วยความเร็วปานสายฟ้า เขาแทงใส่ศัตรูที่กำลังถูกเพลิงเผาไหม้และเหวี่ยงศัตรูลงพื้น จากนั้นย่ำศีรษะศัตรูจนยุบลงไปในพื้นและคาอยู่อย่างนั้น ศัตรูของเขายังคงพยายามดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตให้รอดจากประตูแห่งความตาย
“ปล่อยข้าไปเถอะ จะให้ข้าสัญญาอะไรก็ได้ทั้งนั้น!” นักสู้ปราณก่อกำเนิดที่เป็นหัวหน้ากลุ่มมือถือบอลต้องสาปรู้ว่า เขาไม่สามารถเอาชนะศัตรูได้แน่นอน ดังนั้นเขาจึงอ้อนวอนขอชีวิต
“พวกเจ้าอ้อนวอนขอชีวิตช้าเกินไปแล้ว…”
เย่ว์หยางหมุนตัวกลับ พร้อมกับขว้างวงจักรล้างโลกออกไปตัดนักสู้ปราณก่อกำเนิดที่เหลือคนสุดท้ายขาดเป็นสองท่อน
เขาเก็บวงจักรล้างโลกและทวนเพลิงอมฤต และคว้าเอาทวนทองฆ่ามังกรและบอลต้องสาป จากหันมามองสมาชิกเพื่อนร่วมกลุ่มใหม่ ลีน, แอนนา, ฟ่านหลุนเถี่ยและคนอื่นๆ ยังคงยืนจ้องปากอ้าค้าง ไม่อาจทำใจรับเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นต่อหน้าพวกเขา จากนั้นเย่ว์หยางหันกลับไปเก็บเสาเจ็ดดาวของจักรพรรดิอวี้กลับคืน ขณะเดียวกัน ก็ทุบศิลาเทเลพอร์ตที่นักรบวัยกลางคนจากสมาคมนักรบให้เขา
ได้เวลาที่เขาต้องแยกกลุ่มจากไปเสียแล้ว…
แม้ว่าพวกเขาจะมีความคิดที่แตกต่างกัน แต่เย่ว์หยางก็ได้เรียนรู้หลายเรื่องจากจากพวกทอเรน, คิวบัวร์และเอลฟ์ทอง ตัวอย่างเช่น เขาได้เห็นความตั้งใจต่อสู้เพื่ออุดมการณ์ของพวกเขาเอง ความกล้าหาญมุ่งมั่นของพวกเขาและจิตวิญญาณที่ไม่ยอมแพ้ของพวกเขา
แม้ว่าเขาจะไม่เห็นด้วยกับมุมมองของพวกนั้น แต่เขาก็มิอาจไม่เห็นกับหลักการชีวิตของพวกเขาเลย
“เดี๋ยว…” ในทันทีก่อนที่เย่ว์หยางจะเทเลพอร์ตจากไป ลีน, เลโอและคนอื่นๆ ตะโกนออกมา เหมือนกับว่าเพิ่งตื่นจากฝัน
ก่อนที่เย่ว์หยางจะจากไป เขารู้สึกว่าอสูรศักดิ์สิทธิ์ประหลาดที่ติดตามเขาตั้งแต่ตอนแรกยังตามสังเกตดูเขา มันมาตั้งแต่เมื่อไหร่? แม้ว่าเย่ว์หยางจะมีประสาทรับรู้ที่แหลมคม แต่เขาก็ไม่สามารถรู้ถึงการปรากฏตัวของมันได้เลย
ถ้าเขาไม่ได้อยู่ในระหว่างการเทเลอร์ต เย่ว์หยางคงจะตามหาอสูรศักดิ์สิทธิ์เพื่อดูว่ามันมีลักษณะที่แท้จริงเช่นไร
ถ้ามีชะตาต้องกัน พวกเขาจะได้พบกันอีกแน่นอน ทันใดนั้นในใจเย่ว์หยางก็รู้สึกถึงวิถีเช่นนี้
เขาเพิ่งมาถึงหอทงเทียนชั้นที่หก การยกระดับการเดินทางในอนาคคตยังคงอยู่อีกไกล…
**************