ตอนที่แล้วตอนที่ 368 ประกาศสงคราม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 370 ความเข้าใจระหว่างปะทะฝีมือ

ตอนที่ 369 หวนกลับ


สงครามระหว่างสมาพันธ์ชาวยุทธและกลุ่มดาวราชสีห์เริ่มขึ้นแล้ว ทั่วสวรรค์วิถีเต็มไปด้วยบรรยากาศของสงคราม  แต่ความเปลี่ยนแปลงของกลุ่มดาวอันโดรเมดาดึงดูดสายตาชาวสวรรค์วิถี  และคำประกาศต่อหน้าสาธารณชนของแอนเดรียนาเจ้าปกครองกลุ่มดาวอันโดรเมดาคนใหม่ที่ประกาศสงครามกับสมาพันธ์ชาวยุทธ สั่นสะเทือนทั่วสวรรค์วิถี

สมาพันธ์ชาวยุทธโกรธเรื่องนี้และชี้ตรงมาที่กลุ่มดาวอันโดรเมดาว่ากล่าวหาใส่ร้ายสมาพันธ์และเพราะตระกูลของฉีซานพูดออกมาว่าพวกเขาต้องจะถล่มกลุ่มดาวอันโดรเมดาให้ราบ ยอดฝีมือของตระกูลฉีเริ่มออกเดินทางทั้งวันทั้งคืนมุ่งสู่กลุ่มดาวอันโดรเมดาเพื่อแก้แค้นให้ฉีซาน

แต่เมื่อเหตุการณ์ภายในถูกเปิดเผยออกมาสวรรค์วิถีเกิดโกลาหลทันที

ฉีซานเดินทางไปกลุ่มดาวอันโดรเมดาเพื่อภารกิจทางการทูต อัสตาเจ้าปกครองกลุ่มดาวปฏิเสธไม่ร่วมเป็นพันธมิตรกับสมาพันธ์ฯ  ฉีซานโกรธ ตามมาด้วยเกิดการระเบิดในวังเทพธิดาอัสตาถูกฆ่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงตายหมด ฉีซานลอบเข้าคฤหาสน์กุหลาบเพื่อลอบสังหารนาง...

ในเรื่องราวทั้งหมดมือของฉีซานมีส่วนร่วมอย่างเลือนลาง แม้ว่าบางคนจะสงสัยแอนเดรียนา แต่คนส่วนใหญ่รู้สึกว่าสมาพันธ์ชาวยุทธอยู่เบื้องหลังแผนการที่เกิดขึ้น  สมาพันธ์ชาวยุทธโต้แย้งว่ากลุ่มดาวอันโดรเมดาไม่มีหลักฐานใดๆ  แต่ข้อโต้แย้งของเขาฟังไม่ขึ้น

อันโดรเมดาเป็นกลุ่มดาวกลุ่มหนึ่งของสิบเก้ากลุ่มดาวฟากฟ้าเหนือ  พลังของพวกเขาไม่นับว่าทรงพลังและยิ่งผู้บริหารระดับสูงของพวกเขาตายกันหมด ทำให้พวกเขาอ่อนแอมากขึ้น  แต่พวกเขามีประวัติศาสตร์ยาวนานและความสัมพันธ์ของพวกเขากับกลุ่มดาวอื่นเป็นไปอย่างสันติ เจ้าปกครองกลุ่มดาวทุกคนในประวัติศาสตร์ล้วนใจดีและสร้างความดีมานับไม่ถ้วน เคราะห์ร้ายของกลุ่มดาวอันโดรเมดาทำให้ได้รับความเห็นใจจากกลุ่มดาวอื่นและพวกเขาร่วมกับฝ่ายตรงข้ามสมาพันธ์ชาวยุทธ

สำหรับกลุ่มดาวใดๆ ก็ตามคนอย่างฉีซานผู้ใช้เล่ห์เหลี่ยมวิธีการเพื่อโค่นล้มและทำลายกลุ่มดาวอื่นย่อมเป็นที่เกลียดชังมาก  เวลานั้นทุกคนรู้สึกได้ถึงอันตรายโดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มดาวที่เล็กกว่า ที่ยังให้ความเคารพสมาพันธ์ชาวยุทธอยู่ห่างๆ

สมาพันธ์ชาวยุทธที่พยายามผูกมัดพันธมิตรต้องพบกับอุปสรรค

เมื่อเผชิญหน้ากับสมาพันธ์ยุทธที่ก้าวร้าวพวกเจ้าปกครองกลุ่มดาวอาจจะกล้าโกรธแต่ไม่พูดอะไรและเหลือไว้แต่ความเมินเฉยต่อข้อขอร้องให้เป็นพันธมิตร  นั่นเป็นวิธีประท้วงของพวกเขา

ขณะที่ทุกคนรู้สึกห่วงใยกลุ่มดาวอันโดรเมดา กลุ่มดาวนายพรานแห่งสิบตำหนักระนาบกลางส่งสาส์นทันทีถ้าสมาพันธ์ชาวยุทธโจมตีกลุ่มดาวอันโดรเมดา อย่างนั้นกลุ่มดาวนายพรานจะสนับสนุนกลุ่มดาวอันโดรเมดาประกาศสงครามกับสมาพันธ์ชาวยุทธ

ข่าวนี้สร้างความประหลาดให้กับเจ้าปกครองกลุ่มดาวทุกคน

กลุ่มดาวนายพรานเป็นหนึ่งในกลุ่มดาวที่มีอิทธิพลของสิบตำหนักระนาบกลางและสมาพันธ์ชาวยุทธไม่กล้าดูแคลนพลังของพวกเขาเป็นแน่

สมาพันธ์ชาวยุทธไม่คาดเลยว่ากลุ่มดาวนายพรานจะเข้ามาแทรกแซงในช่วงเวลาสำคัญ  แต่ถ้าสงครามเริ่มอย่างนั้นอาจทำให้ทุกคนยืนหยัดต่อต้านเพิ่มขึ้นอีก

สมาพันธ์ชาวยุทธ  ตระกูลฉี

ตระกูลฉีเป็นตระกูลใหญ่ในสมาพันธ์ชาวยุทธ  และมีชื่อเสียงมากกว่าตระกูลเย่ของเย่เฉาเกอ  ฉีอวี้อิงคือประมุขตระกูลฉีคนปัจจุบันและเป็นผู้อาวุโสลำดับสิบสามในสมาพันธ์ชาวยุทธ  สถานะของผู้อาวุโสสมาพันธ์จะได้รับความเคารพเป็นอย่างมาก  แต่ฉีอวี้อิงไม่หลงระเริงและเขาเดินทางไปทั่วสวรรค์วิถีตามลำพัง ไม่ได้กลับมาเป็นเวลานานแล้ว

คนที่ทำหน้าที่ประมุขแทนเขาในตระกูลฉีก็คือศิษย์ของเขาฉีหวินไท่  ฉีหวินไท่เป็นคนจริงจังที่สุดยิ่งกว่าพี่น้องทั้งสามในตระกูลฉี  เขาอ่อนแอที่สุด แต่ในเรื่องสายสัมพันธ์และเรื่องตระกูลเขาโดดเด่นมากและเขาจะเป็นคนจัดการกิจการของตระกูลฉี

“กลุ่มดาวนายพรานต้องการตายสินะ!”  ฉีเหมิ่งรูปร่างใหญ่แข็งแรงผิวสีแทนตลอดทั้งร่างแข็งแกร่งเหมือนเหล็ก เสียงของเขาดังสนั่น ใบหน้าที่โกรธทำให้ดูน่ากลัวศิษย์ของตระกูลฉีหลายคนเป็นบุรุษหนุ่มหน้าตาดีและสตรีก็งดงาม  ฉีเหมิ่งเป็นคนอัปลักษณ์ตรงไปตรงมาซึ่งหาได้ยาก เมื่อตอนเด็กเขามักถูกรังแกเสมอ บุคลิกของเขารุนแรงและขวางโลก คนเดียวที่ควบคุมเขาได้ก็คือฉีอวี้อิง

หน้าของฉีหวินไท่ซีดขาว ฉีซานเป็นศิษย์ที่โดดเด่นที่สุดของรุ่นผู้เยาว์ตระกูลฉีและเขาถูกตั้งความหวังไว้สูงคาดไม่ถึงเลยว่าเขาจะพบกับโชคร้ายเมื่อไปกลุ่มดาวอันโดรเมดา  พวกเขาไม่สนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับกลุ่มดาวอันโดรเมดาต่อให้สิบกลุ่มดาวก็ยังเทียบกับฉีซานไม่ได้

“ข้าจะรายงานได้ยังไงเมื่อพี่ใหญ่กลับมา..”  ฉีหวินไท่ถอนหายใจ หัวใจของเขารู้สึกขมขื่น

ฉีเหมิ่งตอบอย่างกระวนกระวาย “พี่รองมาถึงตอนนี้ เจ้ายังคิดเรื่องนั้นอีกหรือ? พวกดาวอันโดรเมดานี่บังอาจประกาศสงครามกับเราเจ้าสุนัขกลุ่มดาวนายพรานบังอาจวิจารณ์เรา ถ้าเราไม่โต้ตอบ เราจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”

ฉีหวินไท่สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง  “ตอบโต้ เราต้องทำด้วยหรือ?”

ฉีเหมิ่งต้องการตอบ  แต่ฉีหวินไท่พูดอย่างเฉยเมย “คงไม่เป็นไรถ้ากลุ่มดาวนายพรานไม่พูดออกมา  เพราะทันทีที่พวกเขาพูด  เราก็ไม่สามารถถอยได้ต่อไป  สงครามเพิ่งเริ่ม  ถ้าทางสมาพันธ์ยังประสบความพ่ายแพ้ต่อไป  อย่างนั้นเราไม่จำเป็นต้องตอบโต้  ไม่เพียงแต่ระดับสูงสามารถสู้ได้  พวกเขายังต้องชนะอย่างสวยงาม”

ฉีเหมิ่งอาจดูหยาบกร้าน  แต่เขามีปัญญา หลังจากได้ยินเช่นนั้น เขาคิด“แล้วเราจะเอายังไง?  จะดูเฉยๆ โดยไม่ทำอะไรอย่างนั้นหรือ?”

“แน่นอนเราทำได้แค่ดู”  ฉีหวินไท่กล่าว“ในสายตาคนอื่น กลุ่มดาวอันโดรเมดาเป็นผู้เคราะห์ร้าย  แต่ในสมาพันธ์ ตระกูลฉีของเราเป็นผู้เคราะห์ร้าย ไม่ว่ากลุ่มดาวอันโดรเมดาจะเป็นเช่นไร ซานเอ๋อตายไปแล้ว และไม่มีคนอื่นสูญเสียครั้งนี้ ซานเอ๋อกำลังช่วยสมาพันธ์และเนื่องจากระดับสูงต้องการสู้ นั่นหมายความว่าซานเอ๋อทำถูก  และพวกเขาจะต้องชดเชยให้ตระกูลเราแน่นอน”

“แต่เรายังไม่มีโอกาสล้างแค้นด้วยตัวเราเอง”  ฉีเหมิ่งบ่นพึมพำ

ฉีหวินไท่นัยน์ตาเบิกกว้าง  “เจ้ากังวลเรื่องอะไร?  สงครามเพิ่งจะเริ่ม”

ในคฤหาสน์กุหลาบถังเทียนกับแอนเดรียนายังคงคุยกัน

“สงครามเพิ่งจะเริ่ม”

เสียงเย็นชาดังขึ้นในห้อง  ขณะที่แอนเดรียนานั่งที่เดิมตั้งใจฟัง  นางรู้ว่าไม่ว่านางจะมีฝีมือเพียงไรเข้าใจสถานการณ์ลึกซึ้งเพียงไหน นางไม่มีทางเทียบได้กับเขา วิธีการที่ลึกลับและน่ากลัวของถังเทียนสร้างความเชื่อมั่นให้กับนาง  ฉีซานว่าหยั่งไม่ถึงแล้ว  แต่เขาก็ยังถูกถังเทียนฆ่าง่ายดายเหมือนกับเป่าฝุ่น

และฉีซานก็ยังไม่มีโอกาสเห็นหน้าเขาด้วยซ้ำ

นางรู้ เขาต้องจากไปช่วงเวลาหนึ่ง และคงจะเป็นเวลาค่อนข้างนานนั่นทำให้นางกระวนกระวาย แต่คำพูดของเขาไม่น่าสงสัย ดังนั้นนางจึงไม่พูด

ภายในช่วงเวลาที่เขาจากไปนางต้องเผชิญหน้าโดยตรงกับการโต้ตอบของสมาพันธ์ชาวยุทธ  แรงกดดันที่น่ากลัวนั้นเหมือนกับการวิ่งปะทะเข้ากับภูเขา

นางฟังอย่างตั้งใจและทำอย่างดีที่สุดเพื่อจดจำคำของเขาไว้ในใจนางสายตาของเขาและความเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันของเขาไม่ใช่สิ่งที่นางสามารถรับมือได้

“สมาพันธ์ชาวยุทธจะไม่ยอมเปล่อยผ่านเรื่องนี้  เพราะพวกเขาต้องการแสดงความแข็งแกร่งของพวกเขาและเตรียมพร้อมอยู่ในแนวทางและเจ้าก็เป็นเป้าหมายของพวกเขา นักสู้กลุ่มดาวนายพรานและกลุ่มดาวราชสีห์ก็ประจำเส้นทางของพวกเขาเองด้วย  พวกเขาจะเสี่ยงชีวิตของพวกเขาเพื่อปกป้องเจ้า กลุ่มดาวอันโดรเมดาจะกลายเป็นสนามรบของพวกเขา  และเจ้าต้องฉวยโอกาสจากสถานการณ์”

“ข้าจะฉวยโอกาสได้ยังไง?”

“พวกเขาจะไม่ส่งคนมามาก และความเข้มแข็งของพวกเขาก็ไม่ได้แข็งแกร่งมาก สิ่งที่เจ้าจำเป็นต้องทำก็คือติดต่อกับกลุ่มพลังทั้งหมดที่เจ้าสามารถร่วมมือป้องกันกับพวกเขานี่จะเป็นกระบวนการที่ยากลำบากมาก และกลุ่มดาวอันโดรเมดาอาจถูกต้อนยับ แต่เจ้าต้องทนให้ได้ ไม่ว่ายังไงก็ตาม”

“แล้วข้าจะทนรับมือได้ยังไง?”  เมื่อได้ยินคำพูดเขา  แอนเดรียนาหนาวเหน็บไปทั้งตัว  แม้ว่าเขาพูดว่าจะยากลำบาก  อย่างนั้นมันจะยากลำบากขนาดไหน?

“สำหรับวิธีอดทนต้านรับนั้นเจ้าจะต้องค้นหาด้วยตัวเจ้าเอง ข้าไม่คุ้นเคยกับกลุ่มดาวอันโดรเมดา แต่เนื้อแท้ของสงครามเจ้าต้องใช้จุดแข็งที่สุดของเจ้าโจมตีจุดอ่อนที่สุดของศัตรู  ถ้าเจ้าตายจริง งั้นก็ดี”

ถังเทียนพูดคลุมเครือมากทำให้จิตใจของแอนเดรียนาเครียดอีกครั้ง

“ข้าไปล่ะ”

หลังจากพูดจบถังเทียนก็หายไปโดยไม่เหลือร่องรอย เดิมทีเขาต้องการจะพบกับทาร์ตันก่อนและดูว่ากองพลทหารราบเป็นยังไงบ้าง แต่เขาไม่มีเวลาพอ

แม้ว่าแอนเดรียนาจะเป็นเจ้าปกครองกลุ่มดาว  แต่นครเทพสตรียังคงยุ่งเหยิง  ตระกูลระดับสูง,ธุรกิจยังคงเป็นเหมือนมังกรไร้หัว และสำหรับถังเทียน นั่นคือโอกาสที่ดีอย่างยิ่ง

ถ้าตระกูลชั้นสูงและธุรกิจการค้าสามารถสร้างด้วยกัน  พวกเขาจะเป็นกลุ่มพลังที่ทรงอำนาจแน่นอนความคิดเช่นนี้มักจะไม่ค่อยประสบความสำเร็จ แต่ในบางสถานการณ์เมื่ออำนาจมั่นคงและทุกคนถูกโจมตี มันก็อาจเป็นไปได้ทุกคนจำเป็นต้องรวมตัวกันไว้สร้างความอบอุ่น ถ้าไม่อย่างนั้น พวกเขาจะไม่สามารถรอดผ่านฤดูหนาวไปได้

ถังเทียนใช้เวลาสัปดาห์หนึ่งเพื่อช่วยแอนเดรียนาอยู่หลังฉากมืดและสร้างสมาคมหอการค้าเทพธิดา เขาจับธุรกิจที่เข้มแข็งทั้งหมด แม้ด้วยปัญญาของเขา เขาก็ยังพบว่าควบคุมได้ยาก

ถังเทียนถอนหายใจ  เวลาผ่านไปรวดเร็วมาก

เขากลับไปยังทางน้ำจี้ชิวอย่างเงียบงัน

หลิงซิ่วและอาเฮ่อยังคงนั่งอยู่ในที่เดิม  แต่ปราณของพวกเขาสงบลง ถังเทียนนั่งและมองพวกเขาทั้งสองพลันรู้สึกอิจฉา  เขาไม่เคยมีสหายและไม่เคยรู้ว่าสหายคืออะไร แต่เมื่อเห็นเจ้าโง่นี่ (ถังเทียน) มีสหายที่ดีขนาดนั้น  เขายิ่งไม่แน่ใจกว่าเดิมว่าสหายคืออะไร

เขาส่ายศีรษะและสงบจิตใจลง

ความมืดและความเดียวดายเป็นของเขา

เวลาคืบคลานไปช้าๆ

ถังเทียน (คนเดิม) ลืมตาขึ้นอย่างงุนงงรู้สึกว่าทั่วทั้งร่างของเขาเหนื่อยล้าจัด เหลือเรี่ยวแรงอยู่ในตัวไม่มาก เหมือนกับว่าเขาเพิ่งเสร็จการฝึกฝนแล้วรู้สึกปวดเมื่อย

“ในที่สุดเจ้าก็ตื่นขึ้น”เสียงดีใจของอาเฮ่อดังอยู่ข้างหูเขา

“อา”  ถังเทียนสับสน

ซี่ ซี่ ซี่!

เสียงตัดอาการดังมาจากที่ใกล้ ถังเทียน  ถังเทียนได้สติหันไปมองเห็นร่างๆหนึ่งมีภาพเงาหอกล้อมรอบตัว

ถังเทียนมีปฏิกิริยาหลังจากนั้นชั่วขณะตาของเขาเบิกกว้างแทบปะทุ  เขากระโดดผาง“หวา, เสี่ยวซิ่วซิ่ว  เจ้าแข็งแกร่งขึ้น”

ท้องฟ้าเต็มไปด้วยเงาภาพหอกหายไปทันทีปรากฏร่างของหลิงซิ่ว หน้าของหลิงซิ่วมีแววยินดีจนไม่อาจปกปิดไว้ได้  “พลังของข้าอยู่ในระดับแปดแล้ว”

“ข้าด้วย”  หน้าของอาเฮ่อดีใจ หัวเราะมั่นใจในตนเอง

“ระดับแปด...”ถังเทียนยังคงมึนงง จากนั้นจึงตระหนักในที่สุด “โอว..ใช่ ข้าเพิ่งจำได้  เรากินเม็ดผลึกกระเรียน”

“งี่เง่าเอ๊ย”หลิงซิ่วเหลือกตา

อาเฮ่อมีสีหน้าจนใจ   ทำไมคำตอบของเขาต้องแดกดันกันด้วย?  จากนั้นเขาเตือน “เร็วเข้าขอดูซิว่าเจ้าก้าวหน้ามากแค่ไหน?”

ถังเทียนตรวจดูปราณแท้ในตัวเขาทันทีหลังจากนั้นเขาทำสีหน้าแปลกประหลาด

อาเฮ่อมีสีหน้ากระวนกระวายทันที  “เป็นอะไรไป?”

เขาเป็นคนสร้างเม็ดผลึกกระเรียน  ถ้ามีปัญหาอะไร เขาคงรู้สึกผิดมาก

“อย่าบอกข้านะว่าเจ้าไปถึงระดับเก้าแล้ว”  หน้าของหลิงซิ่วงงงวย  แต่เขากลัวการคาดเดาของเขาเองจริงๆ

สีหน้าอาเฮ่อสงบลง  จริงสิ ข้าลืมไปได้ยังไงเจ้าบ้าถังนี่เป็นตัวประหลาดโดยแท้?  ความเร็วในการฝึกฝนและความก้าวหน้าของเขามักผิดปกติอยู่เสมอ  เดี๋ยวก่อน เจ้าไปที่ระดับเก้าจริงๆ หรือ...

ทั้งสองคนมองดูถังเทียนด้วยความกลัว

ถังเทียนส่ายศีรษะ  “ข้ายังคงอยู่ที่ระดับเจ็ด”

“เป็นไปไม่ได้!”  อาเฮ่อตกใจ

“โกหก!”  หลิงซิ่วด่าเขา

“จริงๆข้ายังอยู่ที่ระดับเจ็ด” ถังเทียนส่ายศีรษะ หน้าของเขางงงวย “เพียงแต่ระดับเจ็ดของข้าแตกต่างจากที่เคยเป็นครั้งก่อน”

“แตกต่างออกไปหรือ?”  อาเฮ่อและหลิงซิ่วสะดุ้ง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด