ตอนที่ 368 ประกาศสงคราม
ฉีซานยอมจำนน
เรื่องนี้ทำให้ถังเทียนประหลาดใจเขาคิดว่าฉีซานจะสู้ตายเสียอีก และคาดไม่ถึงว่าเขาจะยอมจำนน สิ่งที่ทำให้ทุกคนต้องไตร่ตรองก็คือประโยคสุดท้ายที่เขาพูดก่อนจะถูกมัด
“พวกเจ้าไม่มีหลักฐานพิสูจน์ว่าข้าเป็นคนทำ”
ถังเทียนชื่นชมเขาประโยคนั้นมีพลังมาก ถ้าฉีซานสู้ตายแทนภายใต้อารมณ์ปั่นป่วนและเสียชีวิตระหว่างต่อสู้ จะไม่มีใครสามารถพูดอะไรได้ แต่ตอนนี้เขาพูดเช่นนั้นทุกคนจะต้องไตร่ตรองให้ดี
ฉีซานพูดถูก
ไม่มีหลักฐานเป็นรูปธรรมเพื่อพิสูจน์ว่าการตายของอัสตาและการเกิดระเบิดเป็นฝีมือของฉีซาน แม้ว่าฉีซานจะลอบเข้าคฤหาสน์กุหลาบทำให้ทุกคนในเหตุการณ์เชื่อว่าเป็นฉีซานที่ก่อเหตุก็ตาม
แต่การคาดเดาก็จะเป็นการคาดเดาตลอดไป พวกเขาไม่มีข้อพิสูจน์ว่าฉีซานทำ แม้ว่าฉีซานจะตกเป็นผู้ต้องสงสัยคนแรกเนื่องจากปัญหา แต่ตระกูลของเขาหยั่งรากฝังลึกในสมาพันธ์ชาวยุทธ ตราบใดที่ไม่มีหลักฐานแน่นอน พวกเขาสามารถดึงเขาออกมาช้าๆ ได้
จูหนิงทำท่ากวนชวนโดนด่าขณะปล่อยให้ทหารยามมัดเขา
คำพูดของฉีซานทำให้คนของเขามีการตัดสินใจ
ประโยคที่สองของฉีซานทำให้พวกเขาผ่อนคลายมากขึ้น
“ข้าส่งข้อความไปที่สมาพันธ์ชาวยุทธแล้ว และพวกเขาจะส่งคนมาที่นี่ทันที” สีหน้าของฉีซานมั่นคงและแววตาของเขาเยือกเย็น “ไม่มีใครสามารถทำอันตรายสมาพันธ์ชาวยุทธได้ต่อให้พวกมันต้องการก็ตาม”
จูหนิงพูดอย่างเย็นชา “วิธีการที่พวกเจ้ากำลังมัดคุณชายของข้า คุณชายของข้าก็จะทำให้พวกเจ้าแก้มัดเขาเช่นกัน”
คนทุกคนแสดงความโกรธ แต่ไม่มีใครทำอะไร ความรู้สึกเจ็บปวดจากคำพูดของเขา ถ้าฉีซานถูกใส่ร้ายจริงๆ และการจับกุมเขาโดยไม่มีหลักฐาน พวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้
เขายังฉลาดอยู่บ้าง
ถังเทียนผู้อยู่ในความมืดให้ความสนใจ ตาของเขามีชั้นน้ำแข็งบาง แต่น่าเสียดายเขาไม่ต้องการจะทิ้งศัตรูไว้เบื้องหลัง เขากระซิบเบาๆ สองสามคำต่อแอนเดรียนา ทำให้หน้าของนางซีดขาวทันที นางสูดหายใจลึกยืดอกและเดินมาข้างหน้า
“เราไม่จำเป็นต้องมีหลักฐานอะไร”
ขณะที่ทุกคนรู้สึกอึดอัดร่างแข็งแกร่งร่างหนึ่งเดินออกมาจากความมืด เป็นแอนเดรียนา
ผู้ใหญ่สองสามคนคำนับนางทันที
แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าห่วงนางฟ้ามาอยู่กับแอนเดรียนาได้อย่างไร แต่นางก็คือผู้สืบทอดอันดับที่สามและพวกเขารู้จักนิสัยนาง ดังนั้นพวกเขาเข้าใจชัดว่านางคือใคร ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ไม่มีใครรู้อะไรทั้งนั้น แต่ทุกอย่างที่ออกมาผลที่มีต่อกลุ่มดาวอันโดรเมดายังนับว่ามีโชคดีในโชคร้าย
แอนเดรียนามีอำนาจกลายเป็นหนึ่งในผู้มีคุณสมบัติได้รับห่วงนางฟ้าและบิดาของนาง ทาร์ตันก็มีกองพลทหารราบ และนั่นคือปัจจัยที่สำคัญที่สุด
กลุ่มดาวอันโดรเมดาซึ่งตอนนี้ตกอยู่ในสภาพวุ่นวาย ความมั่นคงคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ขอเพียงมีความมั่นคงทุกคนก็ย่อมได้รับประโยชน์
“ไม่จำเป็นต้องมีหลักฐานหรือ? งั้นพวกเจ้าทุกคนต้องการฆ่าศิษย์สำคัญของสมาพันธ์ชาวยุทธใช่ไหม?” จูหนิงหัวเราะเหมือนกับว่าเขาได้ยินเรื่องที่น่าตลกที่สุดของปี “เรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและจะไม่มีทางเกิดขึ้น”
เมื่อเห็นจูหนิงแววเกลียดฉายผ่านดวงตาของแอนเดรียนา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนั้นปรากฏขึ้นในใจนาง นางเชิดหน้าและเดินตรงไปที่จูหนิง
จูหนิงพูด “อะไร? เว้นแต่เจ้าต้องการ...”
ซวบ!
ก่อนที่จูหนิงจะพูดจบประโยค สีหน้าและร่างของเขาชะงักค้าง ขณะที่เขาจ้องมองแอนเดรียนาอย่างเหลือเชื่อ
แอนเดรียนาปล่อยมีดในมือนางจากนั้นล้วงผ้าเช็ดหน้าสีขาวออกมาเช็ดเลือด เพราะเหตุผลบางอย่างนางไม่ได้รู้สึกเหมือนฆาตกรแม้แต่น้อย เหมือนกับว่านางยิ่งเห็นเขานานก็ยิ่งรู้สึกรังเกียจดังนั้นหัวใจนางจึงขุ่นมัว
นางหัวเราะเองในใจ
ทุกคนจ้องมองแอนเดรียนาอย่างตกใจ แอนเดรียนาที่อยู่ต่อหน้านั้นพวกเขาไม่ค่อยคุ้นเคย
“แพศยา!”ฉีซานโกรธจัดและยืดตัว เขาดิ้นรนสุดกำลัง แต่ชีพจรทั้งหมดของเขาถูกปราณแท้ผนึกไว้และไม่สามารถกระตุ้นพลังได้อีกต่อไป เขาถลึงตามองนาง“ข้าจะย่ำกลุ่มดาวอันโดรเมดาให้ราบแน่นอน ต้องทำอย่างแน่นอน”
“เจ้าจะไม่มีโอกาส”
แอนเดรียนาเดินช้าๆเข้าหาฉีซาน แม้แต่ใบหน้าหล่อเหลาก็ยังทำให้นางรู้สึกรังเกียจ ชีวิตที่มีอิสระของนางถูกเขาทำลายในช่วงไม่กี่วันมานี้ อิสระของนางดูเหมือนถูกพรากไปตลอดชีวิต นางจะสะดุ้งตื่นจากฝันร้ายทุกคืนทั้งหมดนี้เป็นเพราะเขาประทานให้
ถ้าเขาไม่อยู่ที่นี่ นางจะยังใช้ชีวิตอย่างมีอิสระ พี่แรนดีจะกลายเป็นเจ้าปกครองกลุ่มดาวและทุกคนจะอยู่ในอุทยานหลังวังเทพธิดาจิบชาสนทนากัน
แต่ไม่มีความว่าถ้า วังเทพธิดาหายไปแล้ว แรนดีตายแล้ว และอีกหลายคนตายแล้ว
แอนเดรียนาหลั่งน้ำตานองหน้า แต่นางอดกลั้นทุกสิ่งอย่าง หลังจากผ่านไปสองสามวัน นางถึงได้รู้ว่าน้ำตาช่วยอะไรไม่ได้ แม้ว่านางจะไม่สามารถทำตัวเยือกเย็นและไร้ความรู้สึกได้อย่างเขาแต่นางก็ก้าวหน้าได้เช่นกัน
นางจ้องมองฉีซานใจของนางสงบอย่างประหลาด
“จากวันนี้เป็นต้นไป กลุ่มดาวอันโดรเมดาขอประกาศสงครามกับสมาพันธ์ชาวยุทธ!”
ฉีซานตกใจมองดูแอนเดรียนา “เจ้าบ้าไปแล้ว! เจ้าต้องบ้าอย่างแน่นอน! เจ้ารู้ไหมว่าเจ้ากำลังทำอะไร? เจ้าต้องการทำให้กลุ่มดาวอันโดรเมดาพินาศใช่ไหม? เจ้าพวกมดแมลงบังอาจประกาศสงครามกับสมาพันธ์ชาวยุทธเชียวหรือ?”
แอนเดรียนาไม่มองเขา นางหมุนตัวพลางมองคนอื่นทุกคนซึ่งอยู่ในอาการตกใจ
“กลุ่มดาวอันโดรเมดาของเราอ่อนโยนและรักสันติไม่เคยต่อสู้รบพุ่งกับกลุ่มดาวอื่นมาก่อน! กลุ่มดาวอันโดรเมดาของเราปฏิบัติต่อผู้คนอย่างสันติและเป็นกันเองและแม้กับคนหยิ่งจองหองอย่างนั้น เราก็ยังปฏิบัติกับพวกเขาเป็นอย่างดีด้วยหัวใจของเราทั้งหมด! หลักฐานเล่า? เราต้องการหลักฐานจริงๆ หรือ? หลักฐานเรื่องนี้อยู่ที่ไหน? นี่คือกลุ่มดาวอันโดรเมดา! บ้านของเรา! สถานที่บรรพบุรุษของเราอยู่อาศัยและสร้างมันขึ้นมา นี่คือแผ่นดินเกิดของเรา,และมันต้องการให้เราปกป้องมันด้วยชีวิตของพวกเราทุกคน! ศักดิ์ศรีของพวกเราถูกย่ำยี,พวกผู้นำและผู้อาวุโสของเราถูกลอบสังหาร, ไม่มีใครรอดชีวิต พวกเรายังต้องหลักฐานไหม? หลักฐานทำให้คนตายมีชีวิตไหม? หลักฐานทำให้วังเทพธิดากลับมาปรากฏดังเดิมหรือเปล่า?หลักฐานสามารถนำพาชีวิตแบบเก่าของเรากลับมาได้หรือ? ไม่, ไม่มีทาง! เราไม่มีทางถอยได้! เราถูกบีบบังคับที่หน้าประตูของเรา,และทุกพื้นที่นองไปด้วยเลือด ขณะที่เบื้องหลังของเราคือครอบครัวตระกูลของเรา, ญาติพี่น้องเรา, คิดจะถอยหรือ? เรายังจะถอยไปไหนได้, ไม่มีที่ให้ถอยแล้ว, เราถอยไม่ได้แล้ว”
แอนเดรียนาไม่สามารถกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไป
เสียงของนางกังวานกึกก้องไปทั่วท้องฟ้าและดูเหมือนหมู่เมฆยังสั่นเพราะน้ำเสียงของนาง
พลเมืองชาวกลุ่มดาวอันโดรเมดาทุกคนผู้อยู่ในเหตุการณ์ทุกคนเริ่มหลั่งน้ำตา กลุ่มดาวอันโดรเมดาไม่เคยเห็นไฟสงครามมาก่อนความสามารถต่อสู้ของทุกคนมีขีดจำกัดและมีมาตรฐานต่ำมากไม่เคยมีใครมีประสบการณ์เจ็บปวดและทุกข์ทนจากสงครามมาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่สูญเสียญาติ ทุกคนเริ่มสะอื้นอย่างเจ็บปวด
สีหน้าของฉีซานซีดขาว ผู้หญิงคนนี้บ้าไปแล้ว, นางบ้าไปแล้ว!
แอนเดรียนาปาดน้ำตา นางถอดห่วงนางฟ้าจากข้อมือและชูขึ้นเหนือศีรษะนาง ห่วงนางฟ้าเปล่งแสงแพรวพราวเจิดจ้าราวกับดวงอาทิตย์ นครเทพสตรีสว่างจ้า พลังของกลุ่มดาวอันโดรเมดาค่อยๆถูกกระตุ้น ระลอกพลังกระจายออกไปทุกซอกมุมของกลุ่มดาวอันโดรเมดา
ร่างของแอนเดรียนาพร่าเลือนอยู่ในภายแสงมีแต่เสียงที่ยืนยันและแน่วแน่ของนางดังก้องไปทั้งกลุ่มดาวอันโดรเมดา
“ถ้าศักดิ์ศรีของเราจำเป็นต้องกอบกู้คืนมาด้วยเลือดอย่างนั้นเราจะใช้เลือดกอบกู้คืนมา! ถ้าเราจำเป็นต้องปกป้องบ้านเกิดของเราด้วยชีวิต อย่างนั้นพวกเราจะสละชีวิตเพื่อทำเช่นนั้น! ความโกรธเกลียดและหนี้เลือดของเราจะต้องชดใช้ด้วยเลือด! ข้า แอนเดรียนาเจ้าปกครองกลุ่มดาวอันโดรเมดาในนามตัวแทนผู้แค้นเคืองขอประกาศสงครามกับสมาพันธ์ชาวยุทธ!”
ดวงตาที่แพรวพราวของแอนเดรียนาทำให้ทุกคนมีอารมณ์โกรธ “สงคราม!”
“สงคราม!”
เสียงตะโกนดังไปทั่วกลุ่มดาวอันโดรเมดาเหมือนกับพายุ
ฉีซานดูเหมือนจะสูญเสียวิญญาณ สีหน้าของเขาตื่นตระหนก
“ฆ่าเขา!”
แอนเดรียนาตะโกนอย่างเคร่งขรึม
ฉัวะฉัวะ ฉัว!
สารพัดอาวุธต่างแทงฟันใส่ฉีซาน
ถังเทียนกับหมิงเยี่ยเผชิญหน้ากัน ทันทีที่แอนเดรียนาเดินออกมาหลังจากพูดกับถังเทียน เขาสามารถรู้สึกได้ถึงยอดฝีมืออำพรางตัวและสอดแนมดูทุกอย่างเขาคาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นสตรีอาณาจักรกระบี่
“ปฏิบัติการที่ดี! วิธีการที่ยอดเยี่ยม!”เมื่อได้ยินคำพูดของแอนเดรียนา หมิงเยี่ยอดตื่นเต้นไม่ได้ การกระทำและคำพูดของแอนเดรียนาทำให้หมิงเยี่ยรู้สึกชื่นชมนาง แม้ว่าดูเหมือนจะเป็นการตัดสินใจหุนหันพลันแล่นที่ประกาศสงคราม แต่จะไม่มีอันตรายมากนัก
เพราะมีกลุ่มดาวราชสีห์อยู่ด้วย พวกเขาคงไม่ยอมนั่งดูเฉยๆ เป็นแน่
ศัตรูของศัตรูเราก็คือสหายเราไปโดยปริยาย เรื่องง่ายเช่นนี้พระยาราชสีห์เลโอนย่อมรู้แน่นอน
“นั่นไม่ใช่ปฏิบัติการที่ดีนัก” ถังเทียนพูดทันที เขาสามารถได้ยินความเจ็บปวดใจของแอนเดรียนา การประกาศสงครามเป็นความคิดของเขา แต่คำพูดและอารมณ์ของแอนเดรียนาเป็นของจริง
“ฉีซานไม่ควรตายที่นี่” หมิงเยี่ยพูด แต่เมื่อพูดออกมา นางรู้ว่านางพูดเรื่องไม่ควร
ตามคาดเสียงของถังเทียนเต็มไปด้วยความเย้นหยัน เขากล่าว “แต่เขาก็ตายแล้ว”
“ท่านเป็นใครกันแน่?” หมิงเยี่ยมองถังเทียนกล่าว“ซ่างหวั่นถิงไม่เคยมีลูกศิษย์”
“แล้วอาณาจักรกระบี่เล่า?” ถังเทียนพูดเย็นชา “กฎสำหรับศิษย์อาณาจักรกระบี่ไม่อนุญาตให้พวกเขาออกจากที่เว้นแต่บรรลุขั้นเซียน”
ตาของหมิงเยี่ยเป็นประกาย “ท่านคุ้นเคยกับอาณาจักรกระบี่จริงๆ! ท่านมาจากตำหนักไหน? เป็นศิษย์ของใคร?”
ถังเทียนไม่สนใจนาง ทุกคนที่มาจากอาณาจักรกระบี่เป็นพวกบ้า ชายก็บ้าหญิงก็เพี้ยน แม้ว่าพวกเขาจะมีวาสนาอยู่บ้าง แม้เสียงของนางจะสุภาพ แต่แววหยิ่งยโสทำให้ถังเทียนไม่ชอบนาง
“ถ้าเจ้าไม่พูด อย่างนั้นข้าจะค้นหาด้วยตัวเอง!” หมิงเยี่ยแค่นเสียง ร่างของนางไวราวกับสายฟ้ากระบี่ขาวของนางไม่ได้ชักออกจากฝัก
รังสีอำมหิตของถังเทียนกระจายออกแม้ว่าเขาจะกังวลเรื่องฉากหลังของนาง แต่เพราะนางยังคงตอแยต่อไป ทำให้เขารู้สึกอยากฆ่านาง เขารู้สึกแต่เพียงว่าเขายุ่งยากพอแล้ว และไม่ต้องการรุนแรงมากไปกว่านี้ ไม่ใช่เพราะเขาเก็บงำความกลัวต่ออาณาจักรกระบี่แต่อย่างใด
และถังเทียนสงสัยว่าหมิงเยี่ยจะหาเรื่องยุ่งให้กับเขาผ่านแอนเดรียนา เขาหาผู้รับใช้ที่เหมาะสมได้อย่างยากลำบากเขาไม่ต้องการให้นางตายเร็วเกินไป
คงจะดีกว่าถ้าเขาฆ่านาง!
ทันทีที่รังสีอำมหิตทะลักออกมาจากใจของถังเทียน หมิงเยี่ยรู้ได้ และใจนางสั่นสะท้าน แต่สิ่งที่ทำให้นางกลัวก็คือเขารู้ว่านางเป็นศิษย์จากอาณาจักรกระบี่ แต่เขาก็ยังสามารถเปล่งรังสีฆ่าฟันได้ นั่นหมายความว่าเขาไม่กลัวอาณาจักรกระบี่
เขาคือใครกันแน่?
หมิงเยี่ยหมุนตัวกลางท้องฟ้าทันทีและบินไปในท้องฟ้าเหมือนกับนกสีขาว
“เราคงได้พบกันอีก”
เสียงเย็นชาของหมิงเยี่ยดังอยู่ในท้องฟ้า
ถังเทียนรู้สึกปวดศีรษะทันที นางรู้สัมพันธ์ระหว่างเขากับแอนเดรียนาและนั่นอาจเป็นอันตรายแน่นอน
เมื่อหันไปมองตำแหน่งที่หมิงเยี่ยหายไปสีหน้าเขาแสดงอารมณ์อยู่ชั่วขณะ จากนั้นเขาเก็บอารมณ์ทั้งหมดลงสู่ความมืดมิดต่อไป
นั่นคือวันที่เจ็ด
เวลาเหลืออยู่ไม่มาก เขายังมีอยู่สองสามเรื่องที่เหลือต้องเตรียมตัวและเขาไม่มีเวลาจะเสียให้กับสตรีประหลาด เสียงของแอนเดรียนาประกาศสงครามทันทีสร้างความประหลาดใจให้เขา แต่เมื่อคิดดูแล้ว และสาเหตุของเรื่องนั้นก็ไม่ห่างจากที่เขาวางแผนไว้
เวลาสิบห้าวันช่างสั้นเสียจริง