ตอนที่ 362 วิธีการของฉีซาน
หมิงเยี่ยยืนอยู่ที่หัวเรือลมราตรีโบกพัดทำให้นางต้องหรี่ตาลง รู้สึกปลอดโปร่งสบายใจ เมื่อเห็นว่านางมีความเพลิดเพลิน ฉีซานยืนอยู่ด้านข้างนางมองดูอยู่เงียบๆ
ทะเลสาบนางฟ้ากว้าง อยู่ในช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วง สาหร่ายเรืองแสงสีฟ้าเบ่งบานงดงาม แต่จะมีช่วงชีวิตสั้นๆ เพียงยี่สิบห้าวัน เท่าที่สายตามองเห็น ทั่วพื้นผิวทะเลสาบเหมือนปกคลุมไปด้วยดวงดาวสีฟ้า กระจายไปทั่วทุกมุม ทะเลสาบนางฟ้าดูงดงามมาก
ถ้ามองลงมาจากท้องฟ้าทะเลสาบนางฟ้าเป็นเหมือนท้องฟ้ายามราตรีเต็มไปด้วยหมู่ดาว
เรือสำราญล่องเอื่อยอย่างสงบ แสงสีฟ้าลอยพริ้วตามระลอกคลื่นน้ำ ระลอกคลื่นที่เกิดขึ้นเหมือนกับถูกกรรไกรตัดผิวทะเลสาบ
ที่หัวเรือหมิงเยี่ยทอดตามองดูจุดที่ผิวทะเลสาบกับท้องฟ้าบรรจบกันเกิดอารมณ์และความรู้สึกดื่มด่ำในใจนาง
“งดงามจริงๆ” หมิงเยี่ยรำพึงเบาๆ ขณะที่ลมราตรีพัดผ่าน
ฉีซานได้ยินมานานแล้วว่าทะเลสาบนางฟ้าจะมีช่วงเวลาที่งดงาม24 วัน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นกับตัวเองและตกตะลึงต่อความงามพอกัน เขาค่อยๆผ่อนลมหายใจจากนั้นเรียกความรู้สึกกลับมาและกล่าวอย่างนุ่มนวล “นี่ยังแค่เริ่มต้น ในอีก 24 วันสาหร่ายเรืองแสงน้ำเงินจะเติบโตเต็มที่แล้วค่อยเหี่ยวเฉาลง สาหร่ายที่เติบโตเต็มที่จะเต็มไปทั่วผิวทะเลสาบทำให้ผิวทะเลสาบเป็นสีน้ำเงินสว่างสดใส หลังจากนั้นสองสามวัน สาหร่ายที่มีแสงน้ำเงินที่โตเต็มที่จะเริ่มมีแสงอับเฉาลงและหายไปถึงตอนนั้นก็จะระเบิดกระจายปลดปล่อยเมล็ดจำนวนมหาศาลอย่างน่าประหลาด เมล็ดเหล่านั้นจะละเอียดพอๆ กับฝุ่น เกิดเป็นแสงสีน้ำเงินเข้มฉีดพุ่งกระจายขึ้นท้องฟ้าสูงถึงสิบเมตร ถึงเวลานั้นภาพเหนือทะเลสาบนางฟ้าก็งดงามเช่นกัน”
ฉีซานพูดตรงไปตรงมาและใช้เวลาอย่างชัดเจน
“ข้าต้องรบกวนพี่ฉีเสียแล้ว” หมิงเยี่ยพยักหน้าขอบคุณเขา
ฉีซานพูดอย่างมีความสุข “ถ้าข้าไม่พบกับน้องหมิงข้าเกรงว่าคงพลาดฉากที่งดงามตระการนี้ ดังนั้นข้าต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายขอบคุณน้องหมิง”
หมิงเยี่ยหัวเราะและหันกายเดินตรงไปที่เรือเพื่อทักทายทุกคน “ขออภัยที่ข้าทำให้ทุกท่านต้องรอ!”
ทุกคนที่อยู่ในกลุ่มรีบตอบ “นับว่าคู่ควร คู่ควรจริงๆ”
แม้ว่าไม่มีใครรู้ว่าหมิงเยี่ยมาจากไหน แต่ท่าทีที่ฉีซานพยายามทำตัวให้นางชอบย่อมไม่อาจปกปิดจากสายตาคนอื่นได้เป็นธรรมดา ในสายตาของพวกเขาสถานะของฉีซานมาจากตระกูลที่สูงส่งมากอยู่แล้ว ทำไมเขาต้องลดตัวทำให้หมิงเยี่ยโปรดปรานด้วย? นั่นหมายความว่าสถานะของนางก็คือคนที่พวกเขาไม่อาจดูแคลนได้เลย
จากนั้นหัวหน้าผู้อาวุโสหัวเราะลั่น “ทุกคน, เข้ามาในงานเลี้ยงเถอะ, อย่าปล่อยให้อาหารเย็นชืดเลย”
เรือสำราญกว้างขวางมากและเตรียมไว้เพื่องานเลี้ยง เมื่อได้ยินเช่นนั้นทุกคนเข้าไปทันที ฉีซานคือแขกผู้มีเกียรติตัวแทนของสมาพันธ์ชาวยุทธที่ไม่อาจละเลยได้เป็นธรรมดา ขณะที่สถานะของหัวหน้าผู้อาวุโสในนครเทพสตรีก็เป็นที่ยอมรับนับถือ การต้อนรับอาคันตุกะถือว่าเป็นธรรมเนียมเก่าซึ่งไม่มีผู้ใดเห็นว่าแปลก ช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ทุกคนได้ยินข่าวมาบ้างว่าฉีซานมาเจรจาธุรกิจในวังกับจ้าวปกครองกลุ่มดาว เห็นชัดว่าทั้งสองนั้นโต้เถียงกันไม่น้อย
มีข่าวลือในเมืองเมื่อเร็วๆนี้ และไม่มีใครสามารถแยกออกว่าจริงหรือเท็จ
ตัวอย่างเช่นข่าวลือว่าเจ้าปกครองกลุ่มดาวให้แอนเดรียนาแต่งงานกับจูหนิงมือขวาของฉีซาน ทำให้ผู้คนสับสน แต่ยังทำให้ผู้คนรู้สึกว่าเป็นข่าวลือที่ไม่มีมูลความจริง และมีการลือว่าเจ้าปกครองดวงดาวไม่ชอบที่สมาพันธ์ชาวยุทธแผ่อิทธิพลไปกว้างไกล
ไม่มีใครพบว่าเป็นเรื่องแปลกที่ฉีซานถูกส่งมายังกลุ่มดาวอันโดรเมดาในฐานะทูต สมาพันธ์ชาวยุทธและกลุ่มดาวราชสีห์เปิดฉากความขัดแย้งกันและทหารของกลุ่มดาวราชสีห์เริ่มมีการเสริมกำลังกันแล้วสถานการณ์อาจระเบิดกลายเป็นสงครามได้ทุกเมื่อ
เมื่อความขัดแย้งระหว่างสองมหาอำนาจเกิดขึ้น ก็หมายความว่าทั่วทั้งสวรรค์วิถีจะตกอยู่ในภาวะสงคราม ในสงครามเช่นนั้น ไม่มีกลุ่มดาวไหนหลีกหนีได้
และสำหรับสมาพันธ์ชาวยุทธต้องพยายามเอื้อมมือไขว่คว้าหาพันธมิตรย่อมเป็นเรื่องธรรมดา ไม่เพียงแต่กลุ่มดาวอันโดรเมดาเท่านั้น สมาพันธ์ชาวยุทธยังส่งทูตไปยังกลุ่มดาวอื่นอีกด้วย
ในอีกด้านหนึ่งกลุ่มดาวราชสีห์เป็นกลุ่มดาวหนึ่งที่เกิดมาจากการทำสงคราม วิธีการของสมาพันธ์ชาวยุทธนั้นมีประสบการณ์มาก
สำหรับผู้ปกครองของกลุ่มดาวอันโดรเมดาเมื่อไม่สามารถหลีกเลี่ยงสงครามได้ ก็หมายความว่าพวกเขาจำเป็นต้องเลือกข้าง สมาพันธ์ชาวยุทธคือองค์กรมีอำนาจอันดับหนึ่งและครอบครองสวรรค์วิถีมายาวนานได้รับความนิยมมากกว่ากลุ่มดาวราชสีห์ แน่นอนว่ามีหลายคนที่ไม่เห็นด้วยและคิดว่าการเลือกข้างก่อนสงครามเริ่มไม่ใช่ความคิดที่มีเหตุผล
จ้าวปกครองกลุ่มดาวไม่เคยประกาศจุดยืนของพวกเขา และนั่นคือหนึ่งในเหตุผลที่ข่าวลือแพร่สะพัดไปเร็วเหมือนไฟป่า
ฉีซานยืนขึ้นพร้อมกับแก้วเหล้าและกล่าว“ข้าได้รับประโยชน์มากมาย เมื่อเดินทางมายังกลุ่มดาวอันโดรเมดาแห่งนี้ กลุ่มดาวอันโดรเมดาคือกลุ่มดาวที่สำคัญที่สุดในฟากฟ้าเหนือและข้ามักจะคิดว่าด้วยตำแหน่งและอำนาจของกลุ่มดาวอันโดรเมดาไม่เพียงแต่สำคัญในขอบฟ้าเหนือเท่านั้น แต่สวรรค์วิถีด้วยเหมือนกัน มีทั้งงานและวัตถุประสงค์ที่ใหญ่กว่า สมาพันธ์ชาวยุทธของเรามักจะมองหาสันติภาพและขยายสัมพันธ์เข้าไปในสวรรค์วิถี และเพื่อการนั้นเราเลือกกลุ่มดาวอันโดรเมดาเป็นพันธมิตรที่มีศักยภาพของเรา ฝ่าบาทอัสตาอาจจะมีความกังวลอยู่บ้าง แต่นั่นข้าเข้าใจได้ เรายังมีเวลาอีกนานและข้าเชื่อว่าเราทุกคนจะมีโอกาสร่วมงานกัน ตั้งแต่แรกเริ่มข้าเป็นหนี้การต้อนรับจากทุกคนดังนั้นขออาศัยบารมีของหัวหน้าผู้อาวุโส ข้าขอดื่มให้กับทุกท่าน”
หลายตระกูลที่ตื่นเต้นได้เข้าร่วมกับสมาพันธ์ชาวยุทธทั้งหมดมีท่าทีกลัว สีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความสงสัย หรือว่าเจ้าปกครองกลุ่มดาวของพวกเขาเปลี่ยนใจเสียแล้ว?
ขณะที่ฝ่ายวางตัวเป็นกลางพากันดีใจกันหมด
เมื่อเห็นสีหน้าของทุกคน หน้าของฉีซานไม่หวั่นไหว “ข้าขอดื่มคารวะพวกท่านทุกคน”
เขายกแก้วเหล้าดื่มและคว่ำถ้วย
คนที่เหลือทุกคนเริ่มยืนและชูจอกเหล้าและคว่ำจอกกันทุกคน ไม่ว่าตัดสินใจเช่นไรสถานะของฉีซานก็ไม่ควรละเลยอยู่ดี
หมิงเยี่ยเม้มริมฝีปากเบาๆสายตาของนางแสดงท่าทางครุ่นคิด
เมื่อทุกคนนั่งลงอีกครั้ง หัวหน้าผู้อาวุโสอธิบาย “โปรดอย่าตำหนิเราเลยคุณชายฉี เจ้าดวงดาวของเรามองทุกอย่างผิดๆ แอนเดรียนา เด็กผู้หญิงโง่นั่น ข้าสงสัยว่านางไปได้ยินข่าวมาจากไหน และคิดว่าท่านเจ้าดวงดาวต้องการให้นางแต่งงานกับคุณชายจูสร้างความเข้าใจผิด และทำให้คุณชายฉีต้องหัวเราะเยาะแล้ว”
ฉีซานหัวเราะลั่น “แอนเดรียนายังไร้เดียงสาไม่อาจตำหนินางได้ ย่อมไม่มีอันตรายใดๆตราบเท่าที่แม่ทัพทาร์ตันไม่เกิดความเข้าใจผิดใดๆ อย่างนั้นนั่นก็เป็นเรื่องดี”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นความคิดของทุกคนก็เข้าใจกระจ่าง ท่านเจ้าดวงดาวคงปฏิเสธสมาพันธ์ชาวยุทธอย่างแน่นอน การให้ชื่อแม่ทัพทาร์ตันถูกนำมาใช้อ้าง เมื่อคิดดูแล้วแม้ว่าแม่ทัพทาร์ตันจะไม่มีอำนาจเท่ากับหัวหน้าผู้อาวุโสในกลุ่มดาวอันโดรเมดา แต่ในแง่ของคนผู้ถือครองอำนาจที่แท้จริง เขาจะยอมปล่อยให้ธิดาตนเองต้องทนทุกข์ได้อย่างไร
หัวหน้าผู้อาวุโสหัวเราะ “ทัศนียภาพที่งดงามอย่างนี้มาพูดเรื่องอย่างนี้เสียบรรยากาศหมด เรามาชมสายลมและแสงจันทร์กันเถอะ! คุยกันแต่เรื่องสายลมและแสงจันทร์ก็พอ”
ทุกคนเริ่มส่งเสียงอึกทึก ทุกคนยืนขึ้นดื่มฉลองให้ฉีซาน เขาไม่ปฏิเสธและยอมรับการฉลองทั้งหมด
หมิงเยี่ยซึ่งนั่งอยู่ด้านข้างมองดูฉีซานอย่างสงบ หน้าของเขาไม่มีแววพ่ายแพ้แม้แต่น้อย ตาของเขาฉายแววเหมือนนักล่า
งานเลี้ยงเต็มไปด้วยกิจกรรมที่คึกคัก
ทันใดนั้นนักสู้ผู้คุ้มกันคนหนึ่งวิ่งเลิ่กลั่กเข้ามาในห้อง
ทุกคนหยุดการเคลื่อนไหวพร้อมกันทันที งานเลี้ยงที่อึกทึกพลันตกอยู่ในความเงียบสงัด
“เกิดเรื่องอะไร?” หัวหน้าผู้อาวุโสถาม
ทหารยามผู้นั้นมองดูรอบๆและมีความลังเลใจ
หัวหน้าผู้อาวุโสขมวดคิ้ว “พูดไป”
ทหารยามได้แต่แข็งใจตอบ“มีคนบุกรุกเข้าวัง!”
ทุกคนตกอยู่ในความโกลาหล
หัวหน้าผู้อาวุโสโกรธจัด“บังอาจนัก! พวกมันเบื่อหน่ายชีวิตแล้วใช่ไหม!กล้าดียังไงถึงได้บุกรุกวัง! ปาฟุ! คนของเจ้าไม่มีประโยชน์หรือ?”
ปาฟุวิ่งเข้ามาทันที “เรียนหัวหน้าผู้อาวุโสองครักษ์ทุกคนประจำที่แล้ว บริวารจะรีบเร่งตรวจสอบดูก่อน”
ใครบางคนจากฝูงชนพูดเสียงเยือกเย็น “ขุนพลปาฟุ, ท่านมีกระจกภูตไม่ใช่หรือ? เปิดดูว่ามันคือใคร! บางคนเมื่อเห็นว่าท่านเจ้ากลุ่มดาวขัดขวางแผนการของพวกเขาก็เลยฉวยโอกาสจากสถานการณ์และวางแผนทำร้ายกลุ่มดาวอันโดรเมดา!”
จูหนิงที่อยู่ด้านข้างฉีซานตะโกนลั่น “ใครพูดเหลวไหล?”
คนผู้นั้นไม่มีความกลัวก้าวออกมาจากกลุ่มและยังคงพูดต่อ “ไม่ต้องกลัวผีเคาะประตูถ้าพวกเจ้าไม่ได้ทำเรื่องน่าละอาย! หัวหน้าผู้อาวุโส, วันนี้มีผู้คนมากมายทำไมไม่ให้ทุกคนได้ดูกัน ใครกล้าบุกรุกวังเทพธิดาของข้า!”
คนที่ออกมายืนข้างนอกก็คือผู้อาวุโสที่สี่ เขาเป็นคนที่ไม่กลัวอำนาจและมีศักดิ์ศรีน่าเชื่อถือ
“ใช่แล้ว! ผู้อาวุโสสี่พูดถูก!”
หลายๆคนในที่นั้นเริ่มมองฉีซานอย่างไม่พอใจ
จูหนิงโกรธแต่ฉีซานห้ามเขาไว้เขายืนขึ้นกล่าว “ความบริสุทธิ์ก็คือความบริสุทธิ์ คนทำผิดต้องถูกจัดการ ท่านหัวหน้าผู้อาวุโส โปรดล้างมลทินให้ข้าด้วย”
หัวหน้าผู้อาวุโสตกตะลึง เขากัดฟันกล่าว “ปาฟุ, เปิดกระจกภูตดู”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นปาฟุไม่ลังเลต่อไป เขาหยิบกระจกบานเล็กออกมา นั่นคือสมบัติชั้นเงินของกลุ่มดาวอันโดรเมดาสามารถสื่อสารกับภายในวังได้ สามารถใช้ดูสถานที่ส่วนใหญ่ภายในวังได้
กระจกฉายแสงออกมาเป็นภาพการต่อสู้ที่ดุเดือดรุนแรงอยู่ต่อหน้าทุกคน
องครักษ์ประจำวังและผู้บุรุกกำลังต่อสู้กันอย่างรุนแรง มีหลายศพนอนกระจายอยู่ทั่วพื้นที่ มีทั้งศัตรูและราชองครักษ์ที่ล้มอยู่
“พระเจ้า! เป็นโนเอล! โนเอลแห่งกองพลทหารราบ!”
“ทาร์ตันบ้าไปแล้วหรือนี่?”
…..
ทุกคนตกตะลึงใบหน้าของทุกคนแสดงอาการเหลือเชื่อ พวกเขาไม่เคยคิดว่าศัตรูที่บุกรุกวังความจริงก็คือคนของแม่ทัพทาร์ตัน!
สีหน้าของหัวหน้าผู้อาวุโสเปลี่ยน “ไม่ดีแน่! ทาร์ตันต้องการก่อกบฏ! ทุกคนไปที่วังไปช่วยท่านเจ้าปกครองกลุ่มดาวกัน!”
ไม่มีใครสนใจฉีซานอีกต่อไป ทุกคนกระจายออกไปในพริบตาเหลือคนอยู่ในเรือสำราญเพียงสามคน
ฉีซานดื่มเหล้าจากแก้วเขาอย่างสบายอารมณ์
หมิงเยี่ยปรบมือชมเชย “วิธีการพลิกโต๊ะของพี่ฉี น่านับถือ”
ฉีซานยิ้มเขาชูมือยกแก้วเหล้ามาทางหมิงเยี่ย “น้องหมิง เชิญ”
เมื่อพูดจบเขาคว่ำจอก
จากนั้นเขายืนขึ้น “ข้ามีบางเรื่องต้องจัดการและต้องการจะออกไป น้องหมิงสนใจจะไปกับข้าไหม?”
คาดไม่ถึงว่าหมิงเยี่ยส่ายศีรษะ “ข้ายังต้องการชมทะเลสาบเทพธิดา คงไม่รีบจากไปเร็วนัก”
ฉีซานมีสีหน้าเสียใจ “งั้นเราคงต้องกล่าวอำลากันตรงนี้ ด้วยพลังกระบี่ในมือของเจ้าน้องหมิงไปได้ทุกที่อยู่แล้ว ผู้พี่มีเรื่องเล็กน้อยต้องไปจัดการ ขอถือโอกาสลาในตอนนี้เลย”
แม้ว่าน้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเสียใจ แต่สีหน้าของเขาไม่ลังเล หลังจากกล่าวคำอำลาก็ออกไปพร้อมกับจูหนิง
ตาของหมิงเยี่ยฉายประกายท่าทีนับถือ
ช่างเข้มแข็งทรงพลังจริงๆ
วังเทพธิดามีประวัติศาสตร์การสร้างผ่านเจ้าปกครองกลุ่มดาวอันโดรเมดาและไม่หรูหราฟุ่มเฟือย แต่เพราะกลุ่มดาวอันโดรเมดาไม่มีประวัติศาสตร์สงครามเจ้ากลุ่มดาวในทุกรุ่นจะค่อยๆ สร้างอาคารขยายพื้นที่ออกไป และขนาดปัจจุบันนี้กลายเป็นโครงสร้างที่ซับซ้อนอย่างน่าทึ่ง
ในเงาด้านนอกวง แอนเดรียนาตกตะลึงเมื่อเห็นผู้คนเป่าหวีดและคนที่นำหน้าพวกเขามาก็คือหัวหน้าผู้อาวุโส
เพิ่งจะเป็นเวลา 9.20
นั่นเป็นไปได้ยังไง...
ในช่วงเวลาสั้นๆ แค่นั้นเว้นแต่ศัตรูจะเตรียมการไว้ก่อนแล้ว...
“อัสตาตายแล้ว”
เสียงของถังเทียนยังคงเย็นชา แต่ทำให้แอนเดรียนารู้สึกเหมือนกับว่านั่นคือฟางเส้นสุดท้ายสำหรับช่วยชีวิตนาง หน้าของนางไร้สีเลือด “เราติดกับแล้ว... ตอนนี้เราจะทำยังไงดี?”
“ไปชิงสมบัติเซียน” ถังเทียนพูดอย่างเย็นชา จากนั้นพาแอนเดรียนาพุ่งออกไปดุจลูกธนูเข้าสู่วังชั้นใน