ตอนที่ 12-2 กลายเป็นเทพ?
หลังจากใช้เวลาสิบปีในสุสานเทพเจ้า เขากลับมาก็ได้หลานคนหนึ่ง
เรื่องนี้ทำให้ลินลี่ย์แปลกใจแต่ขณะที่อุ้มอาร์โนลด์ในอ้อมแขน ลินลี่ย์รู้สึกมีความสุขมาก
ภายในโถงใหญ่ของปราสาท
“เทย์เลอร์, แม่ของเจ้าอยู่ไหน?” ลินลี่ย์ถาม
เทย์เลอร์เริ่มหัวเราะทันที “ท่านพ่อ สองปีหลังจากท่านจากไปท่านแม่ก็เข้าถึงระดับเซียนจอมเวทแล้ว...”
“ว่าไงนะ? สองปี?” ลินลี่ย์ไม่เพียงดีใจเท่านั้น แต่ยังตกใจด้วย
ในสุสานเทพเจ้า เขาบรรลุเป็นระดับเซียนจอมเวทในชั้นที่สิบของสุสานเทพเจ้านั่นคือปีที่เก้าในสุสานเทพเจ้า เมื่อเทียบกับเดเลีย ลินลี่ย์เข้าถึงระดับเซียนจอมเวทช้ามากกว่าจริงๆ
“เดเลียน่าทึ่งจริงๆ” ลินลี่ย์ลอบพูดกับตนเองในใจ
เทย์เลอร์พูดต่อ “หลังจากถึงระดับเซียนจอมเวทแล้วนางเข้าไปฝึกชั้นห้องใต้ดินที่ท่านพ่อใช้อยู่เสมอ ไม่นานมานี้เมื่อตอนที่อาร์โนลด์เกิด ท่านแม่ออกจากการถือสันโดษ แต่หลังจากเขาอายุหนึ่งเดือน ท่านแม่ก็กลับไปฝึกต่อ”
“โอว?” ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย
เขาหันไปมองคนอื่น “ทุกคน รออยู่ที่นี่ก่อนนะ ข้าจะไปพาเดเลียออกมา เราจะร่วมกินอาหารค่ำด้วยกัน”
ลึกลงไปในปราสาทเลือดมังกร ทางเข้ามิติลึกลับเพียงแต่เมื่อเทียบกับทางเข้าใต้ทะเลใต้ ทางเข้านี้เล็กกว่ามาก ร่างของลินลี่ย์เต็มไปด้วยชั้นชีพจรป้องกันแล้ว และเขาเดินเข้าไป
“สิบปี”
ลินลี่ย์ยืนอยู่ในห้องมิติ ด้านนอกที่มีผนังบางกั้นเป็นมิติที่ปั่นป่วน และภายในนั้นเดเลียนั่งขัดสมาธิฝึกพลัง ใบหน้าของนางคลุมไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ มองดูเหมือนเทพธิดา
“หืม?” ทันใดนั้นลินลี่ย์ขมวดคิ้วสับสน
ขณะที่นางกำลังฝึกรัศมีที่เดเลียเปล่งออกมาทำให้ลินลี่ย์หัวใจกระตุก
เดเลียลืมตาหันหน้ามามองอย่ามึนงง แต่เมื่อเห็นเป็นลินลี่ย์ นางลุกขึ้นยืนด้วยความประหลาดใจปนดีใจ “ลินลี่ย์!” ตาของเดเลียแดงทันที ความรู้สึกของการพลัดพรากจากกันสิบปียากจะทนทานจริงๆ
เดเลียโถมตัวเข้าอ้อมอกลินลี่ย์ กอดลินลี่ย์ไว้แน่น
ลินลี่ย์เองก็กอดเดเลียไว้แน่นเช่นกัน กระซิบข้างหูนาง “ยกโทษให้ข้าด้วย เดเลีย”
“ลินลี่ย์! ข้ากลัวมาก ข้ากลัวว่าเจ้าจะกลับมาจากสุสานเทพเจ้าไม่ได้” ขณะที่เดเลียพูดลินลี่ย์รู้สึกทันทีว่าชุดของเขาเปียก เดเลียกำลังร้องไห้
เดเลียเงยหน้ามองลินลี่ย์ หัวเราะทั้งน้ำตาน้ำตานางยังติดอยู่ที่ขนตา “ลินลี่ย์, คราวนี้เจ้าจะไม่จากไปอีกใช่หรือเปล่า?”
“ข้าไม่จากไปแล้ว ไม่ออกไปไหนแล้ว” ลินลี่ย์รับรองกับนาง
ลินลี่ย์กับเดเลียเดินไปที่เตียงหิน และนั่งลงขณะประคองกอดกัน
“จริงสิ, เดเลีย,ทำไมข้ารู้สึกเหมือนกับว่าเจ้าค่อนข้างแตกต่างออกไปเมื่อเทียบกับเมื่อในอดีต?” ลินลี่ย์ถามด้วยความสงสัย
เดเลียมองดูลินลี่ย์ ตั้งใจจะทำให้บรรยากาศลึกลับ “ลินลี่ย์! ลองเดาสิว่า ทำไมข้าถึงแตกต่างจากเมื่อก่อน?”
“เป็นเพราะเจ้าเข้าถึงระดับเซียนจอมเวทใช่ไหม?” ลินลี่ย์ถาม
เดเลียส่ายศีรษะ
“หืม?” ลินลี่ย์ไม่เข้าใจ
เดเลียยิ้ม, จากนั้นพูดอย่างอ่อนโยน “ลินลี่ย์, ข้าจะบอกความลับที่ยิ่งใหญ่กับเจ้า,ข้า...กลายเป็นระดับเทพแล้ว!”
ลินลี่ย์ตกตะลึงพรึงเพริด ราวกับว่าถูกสายฟ้าฟาด เขาพูดไม่ออกอยู่นาน
“เจ้าเพิ่งพูดอะไรไป? เดเลีย,เจ้าบอกว่าเจ้ากลายเป็นเทพ?” ลินลี่ย์มองเดเลียด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ คนเราจะกลายเป็นเทพอย่างง่ายดายแบบนั้นได้ยังไง? เหมือนอย่างเดลี่และเฟนฝึกมาหลายพันปีโดยไม่มีความสำเร็จ แม้แต่ลินลี่ย์เองมีประสบการณ์สู้รบเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมานับไม่ถ้วนโชคดีที่ผ่านชั้นที่สิบเอ็ดสุสานเทพเจ้ามาได้”
แต่ถึงกระนั้นลินลี่ย์ยังต้องใช้เวลาราวๆสิบปีจึงจะกลายเป็นเทพได้
เดเลียกลายเป็นเทพหรือ?
“เป็นความจริง” เดเลียพยักหน้า
“เดเลีย, อย่าล้อเล่นน่า” ลินลี่ย์เริ่มหัวเราะ “ถ้าเจ้าต้องการเป็นเทพจริงๆ นั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่ ตอนนี้ข้าได้ประกายศักดิ์สิทธิ์ในสุสานเทพเจ้ามาแล้วหนึ่งในนั้นเป็นประกายศักดิ์สิทธิ์ธาตุลมของเทพชั้นต้น เจ้าสามารถใช้ได้เพื่อกลายเป็นเทพ”
เดเลียส่ายหน้าอย่างนุ่มนวล
“ลินลี่ย์, ดูให้ดีนะ” เดเลียพูดกับลินลี่ย์อย่างอ่อนโยน
ทันใดนั้น....
เกิดพลังประหลาดเต็มพื้นที่ทันที ลินลี่ย์รู้สึกเหมือนกับว่าเขาอยู่ภายใต้แรงกดมหาศาลที่มองไม่เห็นทันทีแรงกดนั้นพันธนาการเขาไว้จนเขาไม่สามารถขยับได้
“สนามพลังเทพ?” ลินลี่ย์มีประสบการณ์และเข้าใจทันที
แต่ชั้นชีพจรป้องกันรอบตัวลินลี่ย์สั่นและทำลายพันธนาการเป็นอิสระได้ ลินลี่ย์อดรู้สึกประหลาดใจไม่ได้ เป็นไปได้ยังไงที่สนามพลังเทพจะถูกทำลายได้ง่ายอย่างนี้?
ลินลี่ย์จ้องมองเดเลียอย่างเหลือเชื่อ
เดเลียพูดในลักษณะมีความละอาย “ข้าเพียงแต่หลอมรวมกับประกายศักดิ์สิทธิ์ได้แค่แปดปีทั้งข้าเองก็ได้รับการรู้แจ้งเพียงเล็กน้อยจากกฎที่ข้าได้เรียนรู้ในนั้น ข้ายังดูดซับประกายศักดิ์สิทธิ์ไม่จบ ข้าได้แต่ใช้พลังชั้นเทพนี้ไว้ขู่ขวัญผู้คน หลังจากข้าซึมซับประกายศักดิ์สิทธิ์ได้ทั้งหมดพลังระดับเทพของข้าจะกลายเป็นพลังระดับเทพที่แท้จริง”
เมื่อได้ยินเดเลียพูดเช่นนี้ ลินลี่ย์จ้องนางอย่างประหลาดใจ
“เดเลีย! เจ้ากำลังพูดเรื่องอะไร?” ลินลี่ย์กล่าว
ลินลี่ย์ตะลึงจริงๆ
เขากลับมาหลังจากผ่านไปสิบปีและพบเจอหลานยังพอทำเนา แต่ภรรยาของเขากลายเป็นเทพอย่างนั้นหรือ?
“ลินลี่ย์, เจ้ายังจำวันแต่งงานของเราได้ไหม บีบีบอกว่าสหายจ้าวมุสิกม่วงทองมอบหินดำก้อนหนึ่งให้กับเขา? และจากนั้น บีบีมอบหินดำนั้นให้ข้าเป็นของขวัญวันแต่งงานของเรา” เดเลียกล่าว
ลินลี่ย์ใจสั่นทันที
“เดเลีย, เจ้ากำลังบอกว่าหินดำนั่น...” ลินลี่ย์ไม่ใช่คนโง่ ตอนที่เดเลียพูดถึงหิน, เขาก็เข้าใจได้ทันที
“ถูกแล้วหินดำนั่นคือประกายศักดิ์สิทธิ์สายธาตุลมของเทพชั้นต้น!” เดเลียกล่าว
“อย่างก็คงเป็นเช่นนั้นจริงๆ..” ลินลี่ย์รู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องน่าขันเกินไป
มันไร้สาระทั้งนั้น
ไม่มีความจำเป็นต้องอธิบายว่าประกายศักดิ์สิทธิ์สำคัญแค่ไหน เดลี่และคนอื่นๆ ไล่หาไขว่คว้าความเป็นเทพมาหลายพันปี และแม้แต่ลินลี่ย์ก็ได้ประกายเทพทั้งสามนี้โดยผ่านประสบการณ์ในสถานการณ์อันตรายและเฉียดตายนับครั้งไม่ถ้วน แต่ตอนนี้เขาเพิ่งได้รู้ทันทีว่า...ในวันแต่งงานของเขา ของขวัญวันแต่งงานที่เขาได้รับก็คือประกายศักดิ์สิทธิ์จริงๆ!
“ข้าเองก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน แต่หลังจากข้าเริ่มดูดซับประกายศักดิ์สิทธิ์นี้..ข้ารู้ว่ามันไม่ใช่ของปลอม จริงไหม?” เดเลียพูดตามตรง
ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย
“ตอนแรก ระหว่างงานแต่งงานของเรา แม้ว่าข้าจะผูกสัญญาเลือดกับหินดำและดูดซับหินดำเข้าในร่างกายของข้า ข้าไม่สามารถรู้สึกถึงมันได้แม้แต่น้อย...เพียงแต่จากวันนั้นเป็นต้นมาพลังจิตของข้าและพลังเวททั้งสองเพิ่มขึ้นในอัตราที่เหลือเชื่อ” เดเลียกล่าว
ลินลี่ย์หัวเราะ “ด้วยประกายศักดิ์สิทธิ์ในตัวเจ้า จะไม่ฝึกอย่างรวดเร็วได้ยังไง?”
“แต่ข้าไม่เคยสัมผัสถึงความคงอยู่ของประกายศักดิ์สิทธิ์เลยเพียงแต่สองปีหลังจากที่เจ้าจากไป เมื่อข้าเข้าถึงระดับเซียนจอมเวทวิญญาณข้าเปลี่ยนไปข้าจึงเริ่มสัมผัสถึงความคงอยู่ของประกายศักดิ์สิทธิ์ได้ชัดเจน เวลานั้นข้าจึงเข้าใจทั้งหมด”
ลินลี่ย์พยักหน้า “ใช่แล้ว, มีแต่หลังจากเข้าถึงระดับเซียนวิญญาณของผู้ฝึกจึงจะสามารถผสานเข้ากับประกายศักดิ์สิทธิ์ได้”
เหตุผลที่นางสามารถรู้สึกถึงประกายได้ในอดีตและสาเหตุที่นางฝึกฝนได้เร็วชัดเจนกระจ่างขึ้น ตอนนี้ลินลี่ย์เข้าใจเหตุผลของความก้าวหน้าได้เร็วของนางแล้ว
“เดเลีย! ตามที่เจ้าบอกเจ้าใช้เวลาแปดปีกับการหลอมรวมกับประกายศักดิ์สิทธิ์แต่เจ้าเพียงหลอมรวมได้เพียงบางส่วนอย่างนั้นหรือ” ลินลี่ย์ถาม เขาเองรู้ว่าถ้าเขาไม่ฝึกต่อและใช้ประกายศักดิ์สิทธิ์เพื่อกลายเป็นเทพเอง เขาจะต้องใช้ระยะเวลาที่ยาวนานมาก
“ถูกแล้ว” เดเลียพยักหน้า “อาจเป็นเพราะในอดีต ข้าไม่มีการรู้แจ้งในกฎธาตุธรรมชาติเลยแม้แต่น้อย ก็เหมือนกับการอ่านหนังสือ ข้าต้องเริ่มค่อยๆทำความเข้าใจเนื้อหาพื้นฐานก่อน กฎธาตุแต่ละด้านในประกายศักดิ์สิทธิ์นี้ อาจเป็นไปได้ว่าหลังจากที่ข้าเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างที่บรรจุอยู่ในนี้ ข้าคงจะซึมซับประกายศักดิ์สิทธิ์นี้ไว้ได้หมดแล้วและตอนนั้นประกายศักดิ์สิทธิ์ก็จะเป็นของข้า”
ลินลี่ย์พยักหน้า
สำหรับคนธรรมดาการได้เป็นเทพเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องได้รับการทดลองอย่างต่อเนื่องและจะต้องทำไปทีละก้าวทีละขั้นตอน
แต่ด้วยประกายศักดิ์สิทธิ์ เป็นเหมือนกับกฎสัจธรรมทั้งหมดที่วางอยู่ต่อหน้าท่าน ทำให้ท่านได้อ่านสิ่งเหล่านั้นยามว่างผ่อนคลายได้ หลังจากท่านเข้าใจกฎธาตุทั้งหมดนั่นก็เพียงพอแล้ว
“ข้าคาดว่าจะต้องใช้เวลาพยายามอย่างหนักอย่างน้อยสิบหรือยี่สิบปีก่อนที่ข้าจะซึมซับประกายศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างสิ้นเชิงและทำความเข้าใจกฎธาตุที่บรรจุอยู่ภายในนี้” เดเลียพูดพลางถอนหายใจ “อย่างไรก็ตาม แม้ว่าข้าจะเข้าใจกฎสัจธรรมของธาตุลมได้บางส่วนข้าไม่รู้ว่าจะใช้มันได้ยังไง..”
ลินลี่ย์ตะลึง
“เดเลีย, พูดแบบนั้นหมายความว่ายังไง?” ลินลี่ย์ไม่เข้าใจ
“ข้าหมายความว่า ข้ามีความเข้าใจในกฎเหล่านี้ แต่ข้าไม่รู้ว่า จะใช้มันโจมตีได้ยังไง” เดเลียพูดด้วยความละอาย
ลินลี่ย์เข้าใจทันที
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า...” ลินลี่ย์เริ่มหัวเราะลั่น
ตรรกะข้อนี้เป็นเรื่องง่ายจริงๆ ตัวอย่างเช่น ถ้าประกายศักดิ์สิทธิ์บรรจุสัจธรรมของ ‘การเต้นชีพจรโลก’ เซียนผู้หลอมรวมเข้ากับประกายเทพจะเข้าใจกฎสัจธรรมในเรื่อง ‘การเต้นของชีพจรโลก’ แต่.. เขาจะไม่รู้วิธีใช้มัน
ตัวอย่างเช่นการใช้พลังสั่นสะเทือนของ ‘การเต้นชีพจรโลก’ เพื่อโจมตีคือสิ่งที่ลินลี่ย์พัฒนาเป็นการโจมตีรูปแบบพิเศษของตนเอง นามว่าสัจธรรมแห่งธาตุดิน
เมื่อใช้งานวิชานี้เพื่อสร้างพลังป้องกัน ก็จะกลายเป็น ‘ชีพจรป้องกัน’
การเข้าใจพลังสัจธรรมของกฎธาตุไม่มีอะไรมากไปกว่าการเข้าใจทฤษฎี ถ้าท่านต้องการใช้ฆ่าใคร ท่านจะต้องเข้าใจวิธีประยุกต์ทฤษฎีผ่านการฝึก
ตัวอย่างเช่น ถ้าใครสักคนได้รับการรู้แจ้งในด้าน ‘เร็ว’ และจากนั้นท่านจะขอให้พวกเขาใช้พลัง ‘หมื่นกระบี่พลันบรรจบ’พวกเขาจะทำเช่นนั้นได้หรือไม่?
นี่เป็นแค่รูปแบบการขอใช้!
นี่คือปัญหาเกี่ยวกับการที่ซึมซับประกายศักดิ์สิทธิ์ของคนๆหนึ่ง ประกายศักดิ์สิทธิ์เป็นเพียงบรรจุความรู้ในกฎธาตุที่ลึกลับ แต่ไม่รวมถึงเคล็ดพิเศษที่เจ้าของเดิมเคยประยุกต์ใช้และกระตุ้นการทำงานของกฎธรรมชาติเลย
“ข้อสงสัยเกี่ยวกับการใช้เป็นเรื่องยุ่งยากแน่นอน ใช่แล้วเดเลีย ประกายศักดิ์สิทธิ์นี้ของเจ้าจะมีความลึกลับเกี่ยวกฎธาตุลม..เป็นความลึกลับรูปแบบใด?” ลินลี่ย์ถาม “ถ้าต้องเกี่ยวกับความเร็วข้าอาจแนะนำเจ้าได้”
เดเลียส่ายศีรษะ “ข้าไม่รู้จะอธิบายให้ชัดเจนยังไงดี ข้าเพียงเข้าใจส่วนเล็กน้อยเท่านั้น ก็ได้, ข้าจะอธิบายแบบนี้ ความลึกลับที่บรรจุอยู่ภายในประกายศักดิ์สิทธิ์ที่ข้าได้หลอมรวมจะคล้ายๆกับเวทธาตุลม ‘สลายมิติว่าง”
“สลายมิติว่าง?” ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย
“ข้าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนั้นแม้แต่น้อย” ลินลี่ย์ไม่รู้จะช่วยยังไงเหมือนกัน
จากนั้นเขาหัวเราะ “พอก่อนเถอะเดเลีย, สำหรับตอนนี้แค่ขยันฝึกต่อไป หลังจากเจ้าเข้าใจความลึกลับของประกายศักดิ์สิทธิ์ได้เต็มที่แล้ว ค่อยหาวิธีประยุกต์ใช้ความรู้ทีหลัง ความจริงการควบคุมแก่นธาตุลมซึ่งประกายศักดิ์สิทธิ์สนับสนุนเจ้าก็ทำให้เจ้าสร้างสนามพลังเทพได้ และในสนามพลังเทพพวกเซียนจะไม่สามารถขยับได้แม้แต่น้อย”
เดเลียหัวเราะเช่นกัน นี่เป็นความแตกต่างใหญ่ระหวางเทพกับเซียน
ประกายศักดิ์สิทธิ์จะเป็นตัวแทนอำนาจของพลัง
ความจริงมหาเทพและเทพชั้นสูงไม่จำเป็นต้องแตกต่างกันในเรื่องระดับความเข้าใจกฎธรรมชาติของพวกเขา เพียงแต่...แค่คิดมหาเทพก็สามารถฆ่าเทพชั้นสูงได้ นี่เป็นอำนาจไร้เทียมทานซึ่งเป็นการแสดงถึงประกายศักดิ์สิทธิ์มหาเทพ และในพิภพแห่งจักรวาลนับไม่ถ้วนจำนวนมหาเทพถูกจำกัดไว้
“เดเลีย,ถือว่ายอดเยี่ยมแล้วที่เจ้ากลายเป็นเทพ แต่เจ้ายังต้องพยายามหนักต่อไป เป็นไปได้ว่าอีกราวๆ สิบปี ข้าจะฝึกถึงระดับเทพด้วยตัวเองเช่นเดียวกัน” ลินลี่ย์หัวเราะ
“หือ?” เดเลียมองดูลินลี่ย์ “เจ้าจะกลายเป็นเทพด้วยตัวเองหลังจากสิบปีหรือ? เจ้าจะไม่หลอมรวมกับประกายศักดิ์สิทธิ์หรือ?เจ้ามีประกายศักดิ์สิทธิ์แล้วนี่?”
ลินลี่ย์ส่ายศีรษะ “ไม่จำเป็น ต้องใช้เวลาอีกยาวนานเพื่อหลอมรวมกับประกายศักดิ์สิทธิ์และเกี่ยวกับผลกระทบที่ตามมา การหลอมรวมกับประกายศักดิ์สิทธิ์จะทำให้ไม่ได้รับผลการรู้แจ้งที่ดี” ลินลี่ย์ส่ายศีรษะหัวเราะ “ในสุสานเทพเจ้าข้าได้รับประกายศักดิ์สิทธิ์ถึงสามชิ้น หนึ่งในนั้นเป็นประกายศักดิ์สิทธิ์ธาตุลม ข้าตั้งใจว่าจะให้เจ้า แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่จำเป็น”
“มีประกายศักดิ์สิทธิ์ถึงสาม?” เดเลียประหลาดใจ
เดเลียก็เข้าใจเช่นกันว่าประกายศักดิ์สิทธิ์เป็นตัวแทนของสิ่งใด ประกายศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามนี้สามารถสร้างเทพชั้นต้นได้ถึงสาม ในทวีปยูลาน เทพชั้นต้นถือว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลัง
“ประกายศักดิ์สิทธิ์สามชิ้นไม่มากเกินไป” ลินลี่ย์ถอนหายใจ “ครั้งนี้, การเดินทางไปสุสานเทพเจ้าของข้าเป็นหนึ่งในสามสุสานเทพเจ้าที่อันตรายที่สุด ในอดีตไม่มีใครประสบความสำเร็จสักคนสถานที่อันตรายแบบนั้นจึงได้รับรางวัลเป็นประกายศักดิ์สิทธิ์ถึงสามชิ้น”
ถ้ามีประกายศักดิ์สิทธิ์เพียงประกายเดียว ลินลี่ย์คงรู้สึกว่าไม่ยุติธรรม
“อันตราย?” เดเลียรีบกล่าว “ลินลี่ย์ เล่าให้ข้าฟังหน่อย เกิดอะไรขึ้นในสุสานเทพเจ้า”
ลินลี่ย์พยักหน้า จากนั้นเริ่มเล่าเรื่องการเดินทางครั้งนี้ให้นางฟังตั้งแต่ไปยังก้นบึ้งทะเลใต้
เพียงแต่ลินลี่ย์ยังคงทิ้งปริศนาบางเรื่องไว้ ไม่ต้องสงสัยว่าประกายศักดิ์สิทธิ์ที่เขาได้รับในวันแต่งงานของเขาคงเป็นไมตรีที่ลอร์ดเบรุตหยิบยื่นให้เขาผ่านจ้าวมุสิกม่วงทอง ลอร์ดเบรุตมอบประกายศักดิ์สิทธิ์ให้เดเลียเพื่ออะไรกัน? หรือว่าเขาไม่สนใจเรื่องประกายศักดิ์สิทธิ์? แต่ดูเหมือนว่าลูกๆทั้งสามของเขายังเป็นระดับเซียน
ลินลี่ย์ไม่สามารถเข้าใจได้จริงๆ
จ้าวมุสิกม่วงทองสามพี่น้องเป็นเซียนกันทั้งหมด และพวกเขายังไม่เคยเข้าสุสานเทพเจ้าเลย ดูเหมือนว่าพวกเขาไม่สนใจจะกลายเป็นเทพ สำหรับจ้าวแผ่นดินอย่างเบรุต...ลินลี่ย์เริ่มรู้สึกว่าเขาลึกลับมากขึ้นทุกที