ตอนที่ 12-1 กลับบ้าน
ลึกลงไปในก้นทะเลยอดฝีมือนำโดยเบรุตเริ่มบินตรงมาที่ประตูมิติด้านใน
“สุสานเทพเจ้า...” ลินลี่ย์หันไปมองดู
แม้ว่าพวกเขาจะบินมาอยู่ห่างจากสุสานหลายสิบกิโลเมตรก็ตามแต่สิ่งก่อสร้างเป็นสุสานเทพเจ้าสูงถึงสองหมื่นเมตรก็ยังมองเห็นได้ ด้านข้างที่ลินลี่ย์หันหน้าหายังคงเป็นรูปสลักมังกรไร้ปีกขนดตัว เมื่อมองดูรูปสลักมังกรขนาดมหึมานั้น หัวใจของลินลี่ย์รู้สึกเต็มไปด้วยความคุ้นเคย
“ไม่ว่าสิ่งที่อยู่ภายในสุสานเทพเจ้าที่กำลังเรียกข้าจะเป็นอะไร แต่ข้าไม่อาจเอาชีวิตไปทิ้งได้ ที่บ้านข้ายังมีเดเลีย เทย์เลอร์และชาชา” ลินลี่ย์อดคิดถึงลูกและภรรยาไม่ได้ ใจของเขาเต็มไปด้วยความอบอุ่น
ภายในทะเลใต้ไร้ขอบเขต แม้ว่าลมมหาสมุทรจะไม่รุนแรง คลื่นม้วนตัวอย่างนุ่มนวลบนผิวมหาสมุทร ดวงอาทิตย์กำลังแผดเผาในตอนกลางวันฉายแสงลงมาบนพื้นผิวทะเลทำให้สะท้อนแสงระยิบระยับ
“ซ่า... ซ่า....”
คลื่นทะเลแตกแยกกระจายทันทีและเบรุตในชุดดำบินออกมาจากก้นทะเลเป็นคนแรก ด้านหลังเขาเป็นเทพสงครามโอเบรียน, มหาพรต, ไดลิน, ซีซาร์และทารอส ห้าเทพด้านหลังพวกเขาคือเซียนผู้โชคดีรอดชีวิตจากสุสานเทพเจ้าที่ยังเหลืออยู่
“เฮ้ออ!” หลังจากมาถึงผิวทะเลแล้ว ลินลี่ย์สูดหายใจลึกเท่าที่ต้องการ
“นี่คือกลิ่นอากาศของทวีปยูลาน” ลินลี่ย์เงยหน้าจ้องมองพระอาทิตย์ที่กำลังแผดเผา หน้าของเขาอดมีรอยยิ้มไม่ได้
“ความรู้สึกได้กลับมาบ้านช่างยอดเยี่ยม” ลินลี่ย์พึมพำกับตนเอง
ไม่ใช่แค่ลินลี่ย์เท่านั้น แม้แต่บาร์เกอร์ เฟน เดลี่และยอดฝีมืออื่นทุกคนยิ้มเต็มหน้า ทวีปยูลานเป็นพิภพที่ให้กำเนิดและหล่อเลี้ยงพวกเขา ในพิภพแห่งนี้ วิญญาณของพวกเขารู้สึกสะดวกสบายยิ่งนัก
“ลอร์ดเบรุต อย่างนั้นข้าคงส่งพวกท่านไกลเท่านี้ละนะ” ทารอสพูดด้วยความเคารพ
เบรุตมองดูเขาและพยักหน้า “ก็ได้, แต่ทารอส เจ้าควรจะรู้กฎของข้า ข้าเชื่อว่าเจ้าคงจะไม่ละเมิดล่วงเกินพวกเขาอีก” เบรุตมองทารอสอย่างเย็นชา ทารอสหยีตายิ้ม
“ลอร์ดเบรุต ไม่ต้องห่วงทารอสคนปัจจุบันไม่ใช่ทารอสเมื่อหมื่นปีที่แล้ว” ทารอสพูดด้วยความเคารพ
“อืมม.. งั้นไปกันเถอะ” เบรุตสั่งอย่างสงบ
ยอดฝีมืออื่นติดตามเบรุตและบินตรงไปทิศเหนือด้วยความเร็วสูง มีแต่ทารอสที่ยังรั้งอยู่จ้องมองดูทะเลไร้ขอบเขต เขาพึมพำ“ในที่สุดข้าก็กลับมา...” จากนั้นทารอสดำลงไปในทะเล
ลินลี่ย์และยอดฝีมืออื่นยังคงบินขึ้นทิศเหนือในอากาศเหนือทะเล
“ลอร์ดลินลี่ย์ เมื่อเรากลับจากสุสานเทพเจ้าสู่ทวีปยูลานทารอสเป็นคนเปิดประตูมิติภายในได้ ดูเหมือนว่าผู้ที่เป็นระดับเทพชั้นกลางก็มีพลังทำได้นะ” บาร์เกอร์และลินลี่ย์สนทนาด้วยกันอย่างเงียบๆ
ลินลี่ย์พยักหน้า
“ก็ควรจะเป็นเช่นนั้น แต่ทารอสผู้นั้นไว้ชีวิตเจ้า...เราเป็นหนี้เขา”
“ใช่แล้ว” บาร์เกอร์พยักหน้า “แต่ข้าไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเขาทำแบบนั้น”
ลินลี่ย์หัวเราะ “พอเถอะ อย่ากังวลเรื่องนี้ไปเลย เจ้าควรจะยินดีที่รอดชีวิตมากกว่า แต่ก็เป็นเรื่องแปลกจริงๆ ข้าไม่คิดเลยว่าเทพอสูรอย่างนาคราชจะเป็นชาวแผ่นดินยูลานเหมือนเรา และยังเป็นอสูรวิเศษของทะเลใต้
“ลินลี่ย์” ซีซาร์ที่กำลังบินอยู่ข้างหน้าจู่ๆ ก็ชะลอความเร็วในการบิน เขาบินเคียงคู่ลินลี่ย์พลางหัวเราะและกระซิบ “เจ้าคุยเรื่องทารอสกันหรือ? ทารอสผู้นี้.. หมื่นปีที่แล้วเขามีชื่อเสียงมาก แต่ตอนนั้นเขาเป็นที่รู้จักกันดีในชื่อว่า ‘ราชันย์ทะเลใต้’ และมีแต่ไดลินที่พอจะทาบรัศมีเขาได้ แต่แน่นอนว่า ลอร์ดเบรุตไม่นับ”
“โอว?” ลินลี่ย์ลอบประหลาดใจ
นาคราชผู้นี้ไม่ธรรมดาจริงๆ
“ลินลี่ย์! ข้าต้องขอบคุณเจ้า” ซีซาร์พูดต่อ
“ท่านซีซาร์,หมายความว่ายังไง?” ลินลี่ย์ตกใจ ซีซาร์ลดเสียงกระซิบ “ขอบคุณที่ช่วยชีวิตโรซารี่ไว้ อนิจจา โรซารี่.. สตรีนางนั้น ถือทิฐิเกินไป นางตั้งใจจะไปสุสานเทพเจ้าด้วยตัวนางเอง ยังดีที่เจ้าอยู่ที่นั่นด้วย มิฉะนั้น ครั้งนี้...”
ตอนนี้ลินลี่ย์เข้าใจแล้วว่าซีซาร์หมายถึงอะไร
ซีซาร์พูดอย่างโล่งใจ “เป็นเรื่องโชคร้าย ถ้าเราเหล่าเทพเข้าสุสานเทพเจ้า เราจะต้องเริ่มจากชั้นที่สิบสองเป็นเรื่องยากมากที่ข้าจะได้รับประกายศักดิ์สิทธิ์ของเทพชั้นต้นไปให้โรซารี่”
“เริ่มจากชั้นที่สิบสอง?” ลินลี่ย์ประหลาดใจ
“ถูกแล้ว ที่สำคัญอสูรระดับเซียนเหล่านั้นจะไม่มีท่าทีคุกคามเราแม้แต่น้อย” ซีซาร์หัวเราะอย่างเยือกเย็น “โอว.. เราถึงทะเลทรายเผาผลาญแล้ว เรากลับมาถึงทวีปยูลานแล้ว”
ลินลี่ย์มองเห็นทะเลทรายเผาผลาญที่กว้างไกลสุดสายตา
“ตอนนี้เราอยู่ในทวีปยูลานแล้ว ทุกคนกลับไปที่สถานที่ของตนเองได้เลย”เบรุตกล่าว
“ขอรับ,ลอร์ดเบรุต” ยอดฝีมือทั้งหมดรับคำด้วยความเคารพ จากนั้นพวกเขาแยกย้ายกันไปหมด อสูรเวทต่างบินกลับไปที่ไพรทมิฬ,เทือกเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์ ขณะที่ฝ่ายมนุษย์แยกย้ายกันไปทั่วทิศ สำหรับเบรุตยืนอยู่ในอากาศตามลำพัง เขาหายลับตาไปจากสายตาของทุกคน
“ความเร็วเหลือเชื่อจริงๆ” ลินลี่ย์สะท้านใจ
แม้ว่าพลังของเขาจะเพิ่มขึ้นมาก แต่เทียบกับเบรุตแล้วยังแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน
“เฮ้อ, กลับบ้านกันเถอะ” ตอนนี้บีบีอยู่บนไหล่ลินลี่ย์ เขาตื่นเต้นมากลินลี่ย์และบาร์เกอร์ทั้งสองคนยิ้มให้กัน เห็นได้ชัดว่าทั้งสองคนก็คิดถึงบ้านเช่นกัน
บินผ่านทะเลทรายเผาผลาญข้ามผ่านจักรวรรดิไรน์และจักรวรรดิโรฮอลท์ ในฐานะที่เป็นจักรวรรดิที่ตั้งอยู่ใจกลางทวีปยูลาน อากาศเหนือจักรวรรดิไรน์และโรฮอลท์ตอนนี้ค่อนข้างอบอุ่นและใบไม้สีเขียวและผักพืชงอกงามอยู่ทั่วทุกแห่ง
หลังจากผ่านดินแดนสองจักรวรรดิเหล่านี้ กลุ่มของลินลี่ย์ก็มาถึงอาณาเขตของจักรวรรดิบาลุค
จักรวรรดิบาลุคตั้งอยู่ทางตอนเหนือของทวีป แม้ว่าจะไม่เหมือนกับแปดแคว้นอิสระเหนือแต่ก็หนาวเหน็บตลอดปี และยังหนาวมากกว่าแดนใต้ในตอนนี้ แม้ว่าจะเป็นเดือนมีนาคมแล้วก็ตาม ต้นไม้ข้างล่างยังคงเหลือแต่กิ่งเปล่าบางพื้นที่ยังมีหิมะปกคลุม
หลังจากกลุ่มของเดลี่จากไปแล้วเหลืออยู่เพียงไม่กี่คนที่ยังคงบินขึ้นเหนือร่วมกับพวกเขา
“สิบปีแล้ว แดนอนารยชนเปลี่ยนแปลงไปมาก” ขณะบินด้วยความเร็วสูงและเพ่งมองดูเมืองต่างๆบนพื้นข้างล่าง ลินลี่ย์มีความภาคภูมิใจ
สิบปีที่แล้วจักรวรรดิบาลุคเพิ่งก่อตั้งได้สิบสองปีหลังจากรวบรวมแผ่นดินทำให้ดินแดนนี้ดำรงชีวิตอยู่ได้หลังจากผ่านสงครามมานับปีไม่ถ้วน แต่ตอนนี้พลเมืองจักรวรรดิบาลุคเพิ่มขึ้นอย่างมาก และเมืองทั้งหลายก็มีความสง่างามมากขึ้นเมื่อเทียบกับสหภาพศักดิ์สิทธิ์ก่อนหน้านั้น
เบื้องล่างดินแดนโบราณและปราสาทเรียบง่ายปรากฏอยู่ในดินแดนทุรกันดาร
ชายคาปราสาทปกคลุมไปด้วยชั้นหิมะบางและมีทหารองครักษ์หลายนายยืนรักษาการณ์ นี่คือปราสาทเลือดมังกรในตำนานของจักรวรรดิบาลุค ถูกสร้างขึ้นหลังจากเหมืองอัญมณีเก่าถูกขุดไปหมดแล้ว และสถานที่นั่นเป็นที่อยู่ของครอบครัวลินลี่ย์
“ลินลี่ย์, เราแยกกันตรงนี้เถอะ ถ้าเจ้าต้องการพบข้าในอนาคต เจ้าไปหาได้ที่ดินแดนน้ำแข็งขั้วโลก” โอลิเวอร์พูดด้วยมารยาทอันดี
“แน่นอน” ลินลี่ย์หัวเราะและพยักหน้าให้
โอลิเวอร์แยกจากมาทันที พร้อมกับยอดฝีมือผู้โชคดีจากดินแดนน้ำแข็งขั้วโลกบินขึ้นเหนือด้วยความเร็วสูง สำหรับลินลี่ย์ บาร์เกอร์และบีบี พวกเขาบินลงไปที่ปราสาทเลือดมังกร
ปราสาทเลือดมังกรสถานที่เป็นเสาหลักจิตวิญญาณของจักรวรรดิบาลุค ที่ซึ่งลินลี่ย์พำนักอาศัยอยู่ ตามตำนานปราสาทเลือดมังกรนี้มักจะมีมังกรขนาดมหึมาลาดตระเวนอยู่เสมอ นอกจากนี้องครักษ์ดูแลปราสาทเลือดมังกรยังเป็นนักรบผู้มีพรสวรรค์ของจักรวรรดิบาลุค ไม่มีใครกล้าบุกรุกสถานที่แห่งนี้
แนวแสงสามสายพุ่งลงมายังปราสาทจากท้องฟ้าขณะที่รัศมีฉายกวาดไปทั่วปราสาทเลือดมังกร
“ลอร์ดลินลี่ย์?” รัศมีที่คุ้นเคยนั้น..ยอดฝีมือหลายคนจากปราสาทเลือดมังกรรู้สึกได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นซาสเลอร์ เกทส์ และพี่ๆ ของเขา หรือลูกๆ ของลินลี่ย์ทุกคนวิ่งตรงมาที่อุทยานหลังปราสาทเลือดมังกร
เป็นเพราะลินลี่ย์และคนอื่นมาลงที่อุทยานด้านหลังปราสาท
หิมะในวันก่อนยังละลายไม่หมด และยังมีกระจุกหิมะค้างให้เห็นตามดอกไม้ต่างๆ
“ลินลี่ย์กลับมาแล้ว?” พ่อบ้านแอชลี่ย์และฮิลแมนกำลังอาบแดดอยู่กลางสวนด้านหลังหันไปมองที่ไกลออกไป ลินลี่ย์สวมชุดยาวสีฟ้าและบาร์เกอร์สวมชุดยาวสีน้ำตาลเดินเคียงบ่าเคียงไหล่เข้ามาขณะที่บีบีผู้น่ารักยังคงยืนอยู่บนไหล่ของลินลี่ย์
“ลุงฮิลแมน ปู่แอชลี่ย์” ลินลี่ย์ทักทายเขาทันที
“เยี่ยมมาก ยอดเยี่ยมมาก” พ่อบ้านแอชลี่ย์ตื่นเต้นมาก “กว่าสิบปีแล้ว สิบปีเต็มๆ เลยนะลินลี่ย์ ข้าตาเฒ่าคิดว่าจะไม่มีโอกาสได้เห็นเจ้ากลับมาเสียแล้ว” พ่อบ้านแอชลี่ย์อยู่ประจำตระกูลมาหลายชั่วคนแล้ว ตอนนี้เขามีอายุเกินกว่าร้อยปี
ที่สำคัญในเรื่องของอายุ ลินลี่ย์อายุห้าสิบกว่าปีแล้ว
อย่างไรก็ตาม ในบรรดาเซียนเทียบกับยอดฝีมือเหล่านั้นผู้ฝึกกันมาเป็นพันๆปี ลินลี่ย์ถือว่าอายุเยาว์
“ลอร์ดลินลี่ย์, โอว! พี่ใหญ่!” เกทส์กับอังเก้ คนตัวโตทั้งสองพรวดพราดเข้ามาทันทีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“ท่านพ่อ!” เสียงทุ้มเสียงหนึ่งดังขึ้น
เด็กหนุ่มที่ตัวยังโชกด้วยเหงื่อสวมชุดคลุมง่ายๆร่างใหญ่โตล่ำสันวิ่งมาข้างหน้า เด็กหนุ่มผู้นี้สูงเกินสองเมตร และขณะที่เขาวิ่งเข้ามาหาเขาดูตื่นเต้นก่อนจะกวาดตามองไปหยุดอยู่ที่ลินลี่ย์
“ท่านพ่อ” เด็กหนุ่มร่างใหญ่วิ่งเข้าหาลินลี่ย์ทันที
ลักษณะของเด็กหนุ่มร่างใหญ่นี้คล้ายกับลินลี่ย์ถึงเจ็ดส่วน เพียงแต่..ร่างของเขาจะสูงใหญ่กว่าลินลี่ย์อยู่บ้าง ลินลี่ย์จำเขาได้ทันที ประหลาดใจระคนดีใจ “เทย์เลอร์?”
“ท่านพ่อ, ตั้งสิบปีแล้วนะ” เทย์เลอร์กอดลินลี่ย์ทันที
เมื่อลินลี่ย์ออกจากบ้าน เทย์เลอร์อายุเพียงสิบสองปีและยังเป็นเด็กอยู่ แต่สิบปีต่อมาเทย์เลอร์อายุยี่สิบสองปีแล้ว ถ้าเขามายืนเทียบเคียงกับลินลี่ย์บางคนอาจเข้าใจว่าลินลี่ย์กับเทย์เลอร์เป็นพี่น้องกัน และหลายคนอาจเชื่อเช่นนั้น
ที่สำคัญคือลักษณะของลินลี่ย์แทบจะไม่เปลี่ยนแปลง
“ท่านพ่อ ท่านยังดูเหมือนกับเมื่อสิบปีที่แล้วอยู่เลย” เทย์เลอร์ตื่นเต้นจัดจนตาแดง ที่สำคัญคือเทย์เลอร์ยี่สิบสองปีแล้วเวลาผ่านนานถึงสิบปี
ลินลี่ย์ลูบศีรษะเทย์เลอร์และยิ้มให้ ลินลี่ย์มักจะรู้สึกผิดต่อเทย์เลอร์เสมอวัยเด็กของคนๆ หนึ่ง ช่วงที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาสำหรับพัฒนาการ แต่เขาลินลี่ย์ไม่เคยใช้เวลากับลูกชายมากพอ
“ชาชาพี่สาวลูกอยู่ที่ไหนเล่า?” ลินลี่ย์ถาม
เทย์เลอร์ส่ายศีรษะ “พี่ไม่อยู่บ้าน นางไปเมืองหลวงเป็นไปได้ว่านางจะกลับมาไม่เวลาใดก็เวลาหนึ่ง”
“แม่เจ้าเล่า?” ลินลี่ย์สังเกตว่าเดเลียไม่ได้ออกมา
ขณะนั้นเอง หญิงสาวหน้าตางดงามอุ้มเด็กทารกเดินออกมา สตรีสาวงดงามนั้นเมื่อเห็นลินลี่ย์ก็มีแววเทิดทูนบูชาอยู่ในสายตาของนาง ลินลี่ย์มองดูหญิงสาวอย่างงุนงง “เทย์เลอร์, แม่หญิงนี่เป็นใครกัน?”
“เจนนี่ มาตรงนี้เร็ว” เทย์เลอร์ เรียกนางทันที
หญิงสาวผู้งดงามเดินเข้ามาหาจากนั้นกล่าวทักทายอย่างกังวล“ท่านพ่อ!”
“ท่านพ่อ?” ลินลี่ย์ค่อนข้างประหลาดใจ
เทเลอร์หัวเราะทันที “ท่านพ่อ, มาเถอะ,นี่คือหลานชายหัวแก้วหัวแหวนของท่าน เขาถือกำเนิดเมื่อสามเดือนที่แล้ว” เทย์เลอร์รับทารกมาจากอ้อมแขนของหญิงสาว จากนั้นอุ้มเขามาอยู่ต่อหน้าลินลี่ย์ “ท่านพ่อดูสิ, เขาน่ารักขนาดไหน”
“หลาน?” ลินลี่ย์ค่อนข้างงุนงง
เขาไม่ได้กลับมาสิบปีไม่เพียงแต่บุตรของเขาเติบใหญ่ขึ้น แต่บุตรของเขาในตอนนี้
“ฮะฮ้า..พี่ใหญ่ ดูหน้าท่านสิ ตลกเป็นบ้า” ตอนนี้บีบีหัวเราะลั่น ทำให้คนอื่นพลอยหัวเราะไปด้วย เพียงแต่พวกเขาไม่กล้าหัวเราะอย่างบีบี
ลินลี่ย์อดเขกศีรษะเทย์เลอร์ไม่ได้ “เทย์เลอร์, เจ้าเด็กร้ายกาจ,แต่งงานมีลูกโดยไม่รอให้พ่อกลับมาก่อนเชียวนะ” ลินลี่ย์ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เขาเพียงแต่มองดูหลานชายข้างหน้าเขา ทารกน้อยผิวเนียนละเอียด ดวงตาดำขลับบริสุทธิ์น่ารักจ้องมองลินลี่ย์ด้วยความสงสัย
ทันทีที่ลินลี่ย์เห็นหลานชาย เขาอุ้มเด็กน้อยผู้น่ารักทันที
ลินลี่ย์เอื้อมมือรับทารกน้อยทันที เขาระมัดระวังเป็นอย่างดี แม้เมื่อตอนเก็บประกายศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามในสุสานเทพเจ้าเขาก็ยังไม่ระมัดระวังขนาดนี้
“โอว.. พ่อหนูเด็กดี..” ลินลี่ย์อุ้มหลานและยิ้มเต็มหน้า
เทย์เลอร์และเจนนี่ภรรยาของเขามองหน้ากันเองและพลอยยิ้มไปด้วย เจนนี่กระซิบข้างหูเทย์เลอร์ “เทย์เลอร์ท่านบอกว่าท่านพ่อสามารถฉีกฟีนิกซ์ไฟนรกจนขาดด้วยมือเปล่าไม่ใช่หรือ? แต่ท่านพ่อดูเหมือนไม่ใช่คนที่น่ากลัวเหมือนอย่างที่ตำนานเล่าขานเลย”
เทเลย์มองดูบิดาของเขา ลินลี่ย์ในตอนนี้ดูเหมือนเขากำลังถือสมบัติที่หายากที่สุดไว้ในอ้อมแขน
“เทย์เลอร์ เจ้าตั้งชื่อให้ลูกหรือยัง?” ลินลี่ย์เงยหน้าขึ้นมองเทย์เลอร์
“เลือกไว้แล้ว เขาชื่ออาร์โนลด์” เทย์เลอร์กล่าว
“อาร์โนลด์?” ลินลี่ย์ก้มหน้าลง มองดูดวงตาดำขลับและไร้เดียงสาของอาร์โนลด์ เขาพูดเบาๆ “อาร์โนลด์, อาร์โนลด์...” นี่คือหลานชายคนแรกของเขาและความรู้สึกที่ได้อุ้มหลานทำให้ลินลี่ย์รู้สึกอิ่มเอมพอใจ