ตอนที่ 11-39 คำทำนายของเบรุต
“ปู่เบรุต, ปู่รู้อยู่แล้วใช่ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น?” บีบีวิ่งเข้าหาเขาทันที
เบรุตยิ้มขณะกอดบีบีไว้และพยักหน้า “ข้าดูแลสุสานเทพเจ้าในนามของมหาเทพผู้ทรงฤทธานุภาพ แน่นอนว่าข้าต้องรู้สิ่งที่เกิดขึ้นภายในสุสานเทพเจ้าเป็นธรรมดา” เบรุตขบขันและยิ้มให้ลินลี่ย์อย่างมีความหมาย
ลินลี่ย์เข้าใจทันที
บางที...
เป็นเบรุตที่วางประกายศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามเหล่านั้นไว้ให้เขา ถ้าคนที่ประสบความสำเร็จในการท้าทายที่ชั้นสิบเอ็ดเป็นโอลิเวอร์ บางทีประกายศักดิ์สิทธิ์อาจกลายเป็นรูปแบบธาตุแสง ธาตุมืดและสายทำลายล้างแทนก็เป็นได้
แต่แน่นอนนี่เป็นแค่ข้อสันนิษฐานของลินลี่ย์เท่านั้น
“ลินลี่ย์” เบรุตหัวเราะขณะมองลินลี่ย์อย่างใจเย็น “ข้าเชื่อว่าเจ้ารู้สึกถึงระดับเทพได้อย่างเลือนรางแล้ว เจ้าน่าจะอยู่ปริ่มชายขอบระดับเทพแล้วสินะ?”
ลินลี่ย์พยักหน้าและลอบพูดกับตัวเขาเอง “ดูเหมือนว่าเบรุตจะรู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นภายในสุสานเทพเจ้า เบรุต...เขาน่าจะเป็น ‘พ่อบ้าน’ ของมหาเทพรับดูแลสุสานเทพเจ้า’ ลินลี่ย์เข้าใจ
สุสานเทพเจ้าไม่มีอะไรมากไปกว่าการละเล่นของมหาเทพ ดังนั้นเขาสามารถส่งบริวารของเขาคนไหนก็ได้ลงมาควบคุม
เพียงแต่แค่หนึ่งในบริวารของมหาเทพก็มีระดับสูงกว่าลินลี่ย์มากมายนัก
“ถ้าข้าคาดการณ์ได้ถูกต้อง ภายในสิบปีเจ้าน่าเข้าถึงระดับเทพได้” เบรุตกล่าว
‘สัจธรรมแห่งความเร็ว’ ของลินลี่ย์รวมเอาทั้งด้าน ‘เร็ว’ และด้าน ‘ช้า’ ถ้าลินลี่ย์เป็นผู้เชี่ยวชาญ ‘สัจธรรมแห่งความเร็ว’ เต็มที่ อย่างนั้นเขาจะเชี่ยวชาญเต็มที่และหลอมรวมด้านทั้งสองเหล่านั้นเป็นหนึ่งเดียวและเขาจะยกระดับขึ้นเป็นเทพระดับกลางได้
“สิบปี?” ลินลี่ย์พึมพำกับตนเอง จากนั้นพยักหน้าเล็กน้อย
ความเร็วขนาดนี้ใกล้เคียงกับที่เขาคาดไว้
เดลี่เฟนและยอดฝีมืออื่นที่อยู่ใกล้ๆ ทุกคนมองดูลินลี่ย์อย่างตกใจ พวกเขาทุกคนรู้ว่าเบรุตกำลังพูดอะไร ลินลี่ย์ไม่ได้อาศัยประกายศักดิ์สิทธิ์ อาศัยแต่เพียงการรู้แจ้งของตนก็สามารถเข้าถึงระดังเทพได้และอาจเป็นภายในเวลาสิบปี
ต่อให้ลินลี่ย์จะฝึกมาตั้งแต่เกิด เขาก็ฝึกมาราวๆ ครึ่งศตวรรษ
อีกสิบปีกว่าจะมีอายุเพียงหกสิบกว่าปี ในช่วงหกสิบปีเขาจะกลายเป็นเทพด้วยความสามารถตนเอง
“แต่ลินลี่ย์, เจ้าอย่าประมาทเสียเล่า ศักยภาพของสหายหนุ่มโอลิเวอร์อาจจะสูงล้ำกว่าเจ้าเล็กน้อย” เบรุตหัวเราะอย่างใจเย็น และหันไปมองโอลิเวอร์
คำพูดเหล่านี้ทำให้เดลี่ถูลี่และยอดฝีมืออื่นตะลึงทันที ถ้าลินลี่ย์ทรงพลังก็นับว่าดี ที่สำคัญคือเกี่ยวกับผลงานของเขาในสุสานเทพเจ้า...ลินลี่ย์ทรงพลังมากกว่าพวกเขาอย่างเห็นได้ชัด และเขาได้รับประกายศักดิ์สิทธิ์ในชั้นสิบเอ็ดด้วยฝีมือตนเอง พวกเขายอมรับว่าด้อยกว่าเขา
แต่โอลิเวอร์...
ลินลี่ย์เองก็ค่อนข้างประหลาดใจเช่นกัน
“ท่านลอร์ดเบรุต” โอลิเวอร์แสดงความเคารพ
โอลิเวอร์ยิ้มและพยักหน้า “โชคของเจ้าไม่เลว เจ้าสามารถหลอมรวมธาตุแสงกับธาตุมืดได้โดยวิญญาณเจ้าไม่ถูกทำลาย... ข้าเดินทางผ่านแดนดินมามากมาย แต่สถานการณ์อย่างเจ้าเกิดขึ้นได้ยากมันยากเหลือเชื่อ! แม้แต่ข้ายังอิจฉากับสิ่งที่เจ้าเป็น”
สีหน้าของโอลิเวอร์เปลี่ยนเล็กน้อย แม้ว่าเบรุตจะไม่เฉลยออกมา แต่โอลิเวอร์บอกได้ว่าเบรุตผู้นี้รู้ความลับของเขา!
“เป็นไปได้ไหมว่าเบรุตผู้นี้สามารถตรวจสอบจิตวิญญาณของข้าได้?” โอลิเวอร์ค่อนข้างประหลาดใจ เขาไม่รู้...ว่าเบรุตทรงพลังมากจนเขาสามารถอ่านความทรงจำผู้คนได้โดยที่พวกเขาไม่รู้เรื่อง เทียบดูแล้ว จะเป็นเรื่องสำคัญอะไรที่เขาจะตรวจสอบวิญญาณของโอลิเวอร์ได้?
ลินลี่ย์มองดูโอลิเวอร์เช่นกัน
“โอลิเวอร์นี้.. ตอนเราเผชิญหน้ากับราชันย์เนตรมายาและถูกพลังโจมตีของราชันย์เนตรมายา ข้าช่วยตัวเองไม่ได้ แต่โอลิเวอร์สามารถทำลายวิชาของราชันย์เนตรมายาได้” ต่อมาบีบีถึงได้เล่าให้ลินลี่ย์ฟังเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น
ขณะนั้นราชันย์เนตรมายาก็ประหลาดใจกับวิญญาณของโอลิเวอร์เช่นกัน
“เกี่ยวกับระดับความก้าวหน้าของเจ้า ถ้าข้าคาดการณ์ไม่ผิดภายในสิบปีเป็นอย่างเร็วห้าสิบปีเป็นอย่างช้า เจ้าน่าจะเข้าถึงระดับเทพด้วยเช่นกัน” เบรุตพูดไปหัวเราะไป
“มิน่าเล่าโอลิเวอร์ถึงได้มั่นใจนักถึงกับพูดว่าหลังจากฝึกแล้วสองสามปี เขาจะมาท้าทายข้า” ลินลี่ย์มีความคาดหมายไว้ในใจเช่นกัน ก่อนนี้ เขาไม่ให้ความสนใจคำพูดของโอลิเวอร์มากนักเนื่องจากตอนนี้เขามีพลัง ‘สัจธรรมแห่งความเร็ว’ เขาแค่ตอบไปตามมารยาทเท่านั้น
แต่ตอนนี้ลินลี่ย์มองไปข้างหน้า
เดลี่เฟน โรซารี่และยอดฝีมือที่เหลือรู้สึกตึงเครียดในใจ
ช่างแตกต่าง!
พวกเขาฝึกฝนมาเป็นพันๆปี แต่เทียบกับลินลี่ย์และโอลิเวอร์แล้วความแตกต่างระหว่างพวกเขาช่างมากมายเหลือเกิน
“ลอร์ดเบรุต ท่านพอจะบอกเราบ้างได้ไหม อีกนานเท่าใดเราจะเข้าถึงระดับเทพ?” เดลี่พูดด้วยความเคารพ โรซารี่ ถูลี่...แม้แต่ราชสีห์ทองหกตาสองพี่น้องและจ้าวแมงป่องเกล็ดดำต่างมองเบรุตด้วยความคาดหวัง พวกเขาต้องการได้ยินคำตัดสินของเบรุต
เนื่องจากพลังของเบรุตเขาย่อมตัดสินระดับความเข้าใจของเซียนคนหนึ่งๆ ได้ง่าย
“พวกเจ้าน่ะหรือ?” เบรุตชำเลืองมองพวกเขา “พวกเจ้าจะเข้าถึงระดับเทพได้เมื่อใด, ฮืมม..อย่างเร็ว ก็แค่วันหรือสองวัน...”
ถูลี่เดลี่ และยอดฝีมือคนอื่นตาเป็นประกายกันทุกคน
“แต่อย่างช้าพวกเจ้าอาจต้องใช้เวลาเป็นพันล้านปี” เบรุตสรุปดื้อๆ ทำให้ถูลี่และยอดฝีมืออื่นตะลึงกันไปหมด ยอดฝีมือเหล่านี้ปรารถนาลึกๆจะกลายเป็นระดับเทพ นี่เป็นเหตุผลที่พวกเขายังมีชีวิตอยู่ เป้าหมายที่พวกเขาไล่ตามมาเป็นพันๆ ปี ซึ่งพวกเขายังไปไม่ถึง
เบรุตส่ายหัวและหัวเราะ “พวกเจ้าเหล่าผู้เยาว์.. มีสิ่งที่เรียกว่า ‘อัจฉริยภาพ’และลินลี่ย์กับโอลิเวอร์ทั้งสองคนถือได้ว่าเป็นอัจฉริยะ นอกจากนี้ ‘สัจธรรม’ ซึ่งพวกเขาฝึกฝนอยู่มีพลังมากกว่าพวกเจ้า” เบรุตกำลังบรรยายปากเปล่า
เดลี่เฟน และยอดฝีมืออื่นผู้ฝึกฝนมาหลายพันปีล้วนตั้งใจฟังอย่างว่าง่าย เหมือนกับว่าพวกเขาเป็นเด็กนักเรียกกำลังฟังครูสอน
“วิสัยทัศน์ของพวกเจ้าคับแคบและจำกัดเกินไป พวกเจ้าต้องเข้าใจนะว่า...ในมิตินับไม่ถ้วนเหล่านี้มีพิภพอยู่นับไม่ถ้วน แต่สายตาของพวกเจ้าจำกัดอยู่แค่เพียงทวีปยูลาน อัจฉริยะน่ะหรือ? ในบรรดาอัจฉริยะทั้งหมดที่ข้าเคยเห็นหนึ่งในนั้นถึงระดับเทพเมื่อตอนเกิดมาได้อายุสิบปี แต่ข้าก็ยังพบพวกที่ฝึกมานานสิบล้านปีโดยยังติดอยู่ที่ระดับเซียน”
ลินลี่ย์กับโอลิเวอร์ตะลึงทั้งคู่
ถึงระดับเทพตอนอายุตั้งแต่สิบปีตั้งแต่เกิดมาน่ะหรือ? นี่เป็นตัวประหลาดเกินไปแล้วหรือว่าเป็นเผ่าพันธุ์ของอสูรเทพ? แต่อสูรเทพอย่างบีบีก็ยังใช้เวลาเติบโตเกือบร้อยปีจึงจะโตตามกำหนด
“ลินลี่ย์, โอลิเวอร์” เบรุตมองดูทั้งสองคน “ทวีปยูลานมีอายุมานับปีไม่ถ้วนแล้ว และยอดฝีมือที่ทวีปนี้สร้างขึ้นมาก็มีมากมายเกินกว่าจะนับไหว แต่แน่นอน ในช่วงแสนปีที่ผ่านมาเจ้าสองคนนับได้ว่ามีพรสวรรค์มากที่สุด”
ลินลี่ย์กับโอลิเวอร์ไม่ได้แสดงถือดีในใจตนเองออกมา
“แต่ถ้าเรามองไปที่พิภพอื่นในจักรวาลก็ยังมีอยู่อีกหลายคนมากที่มีอัจฉริยภาพมากกว่าพวกเจ้าทั้งสองคน” เบรุตถอนหายใจ “มีอัจฉริยะบางคนที่ข้าได้แต่จ้องดูอย่างหวาดกลัวและตะลึง”
ลินลี่ย์และโอลิเวอร์พยักหน้าเล็กน้อย ที่ระดับปัจจุบันของเขา พวกเขามีวิสัยทัศน์มากกว่าแต่ก่อน
“นอกจากนี้, ยังมีบางเผ่าพันธุ์ที่มีพลังมากเหมือนกับเผ่าพันธุ์ที่พวกเจ้าเผชิญหน้าด้วยในสุสานเทพเจ้า เผ่าพันธุ์ตาปีศาจ,เผ่าพันธุ์มนุษย์พฤกษา... และอื่นๆ เผ่าพันธุ์เหล่านี้ทรงพลังตามธรรมชาติ ไม่มีอะไรแน่นอนในจักรวาลที่ไร้ขีดจำกัดนี้” เบรุตหันไปมองเดลี่และยอดฝีมืออื่น
เดลี่และยอดฝีมืออื่นค่อนข้างจะรู้สึกอึดอัดไม่สบายใจ
“หลังจากทรงพลังแล้ว อย่านิ่งนอนใจสำหรับเฟนและพวกเจ้าที่เหลือก็อย่าดูแคลนตัวเอง ที่สำคัญในทวีปยูลาน พวกเจ้าอยู่ในยอดบนปิรามิดนักสู้กันแล้ว ในพิภพนับไม่ถ้วนยังมีคนหลายคนที่ฝึกฝนกันมาเป็นสิบล้านปีทั้งที่เข้าถึงระดับเทพไม่ได้ ยังมีคนมากมายที่ด้อยกว่าพวกเจ้า”
เดลี่เฟนและยอดฝีมืออื่นได้แต่ฝืนหัวเราะในใจ
มีคนหลายคนที่เหนือกว่าพวกเขา แต่ก็มีอีกหลายคนที่ด้อยกว่า
“สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือมีความมั่นใจในตนเอง” เบรุตพูดอย่างจริงจัง “ความจริง, ข้าพบว่าในใจพวกเจ้า พวกเจ้าทุกคนเริ่มกังขาตัวเองกันบ้างแล้วพวกเจ้ากังวลกับการเป็นสุดยอดเซียนมายาวนาน ดังนั้นพวกเจ้าจึงฝากความหวังของตนเองไว้กับประกายศักดิ์สิทธิ์ใช่ไหม?”
“ผิดแล้ว!”
เบรุตส่ายศีรษะ “ถ้าแม้แต่ตัวเจ้าเองยังกังขาสงสัยตัวเองและไม่มีศรัทธาในตัวเองกล้าแข็งพอ แล้วพวกเจ้าจะบรรลุระดับเทพไปได้ยังไง?”
เดลี่เฟน และยอดฝีมืออื่นรู้สึกใจสั่นสะท้านทุกคน
ความจริงพวกเขาทุกคนฝากความหวังไว้กับการหาประกายศักดิ์สิทธิ์ และลึกๆ ในใจพวกเขา พวกเขาเริ่มสงสัยความสามารถของตัวพวกเขาเอง
“แต่ลินลี่ย์กับโอลิเวอร์นั้นแตกต่างออกไป พวกเขาเชื่อมั่นในตัวเอง เชื่อมั่นว่าพวกเขาจะสามารถฝึกในระดับสูงสุดได้ ดังนั้นพวกเขาจึงก้าวหน้าต่อเนื่องอย่างแท้จริงทำให้บรรลุระดับใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า” เบรุตถอนหายใจชื่นชม
นี่คือความจริงแน่นอน หัวใจของลินลี่ย์มักจะเพ่งไปที่การไปให้ถึงขีดจำกัดของการฝึกฝน ไม่เคยสงสัยความสามารถของตนเอง ขณะที่โอลิเวอร์เมื่อแรกที่เขาออกจากจักรวรรดิโอเบรียนและมาถึงดินแดนน้ำแข็งขั้วโลก แม้ว่าจะยังอ่อนแอมาก เขากล้าพูดได้ว่าเขาจะต้องท้าทายลูเธอร์ฟอร์ด
แม้แต่ตอนนี้หลังจากที่ลินลี่ย์กลับมาจากชั้นที่สิบเอ็ดพร้อมกับประกายศักดิ์สิทธิ์ เขายังกล้าพูดว่าในอนาคต เขาจะยังท้าทายลินลี่ย์ได้
มั่นใจในตนเอง!
ลินลี่ย์กับโอลิเวอร์เป็นสองคนที่เต็มไปด้วยความมั่นใจในตนเอง และพวกเขาก็ยังฝึกฝนหนักมากเช่นกัน
ถ้าคนผู้หนึ่งยังกังขากับตนเองก็เป็นเรื่องยากที่จะก้าวหน้าได้
“ขอบคุณ, ท่านลอร์ดเบรุต” เดลี่และยอดฝีมือที่เหลือดูเหมือนจะเข้าใจขึ้นมาบ้าง
เบรุตพูดอย่างสงบ “หลังจากพบประสบการณ์เสี่ยงเป็นและตายมาในสุสานเทพเจ้านับครั้งไม่ถ้วน พวกเจ้ายังจะไม่ได้รับความเข้าใจรู้แจ้งอีกหรือ? สถานที่อย่างนี้เป็นดินแดนก้ำกึ่งระหว่างความเป็นและความตายช่วยให้ศักยภาพของผู้คนได้รับการปลดปล่อย โชคไม่ดีที่ไม่มีพวกเจ้าคนไหนเลยที่เชื่อมั่นในตนเอง”
“พอได้แล้ว,ทุกคน..ออกไปจากสุสานเทพเจ้ากันเถอะ” เบรุตกล่าว
ลินลี่ย์และยอดฝีมืออื่นติดตามเบรุตออกไปตามทางออกที่เขาสร้างไว้เป็นทางออกจากชั้นที่สิบ
ข้างนอกสุสานเทพเจ้ายังเป็นที่ก้นทะเล
ทันทีที่ลินลี่ย์และคนอื่นออกมา พวกเขาพบว่ามีประตูทางออกสีดำนำออกมาจากชั้นที่สองชั้นที่ห้าของสุสานเทพเจ้า เห็นได้ชัดว่า.. ประตูทั้งสามระดับนี้มีเซียนปรากฏอยู่
“หืม?.. เทพสงคราม, มหาพรต, ไดลิน,ซีซาร์..” ลินลี่ย์สังเกตเห็นสี่เทพกำลังยืนอยู่ในที่ห่างออกไป
ขณะนี้เองมียอดฝีมือกลุ่มใหญ่อยู่ภายนอกสุสานเทพเจ้าแล้ว เช่นฮิกกินสันและคนอื่นๆ นอกจากลินลี่ย์และยอดฝีมืออื่นอีกเก้าที่อยู่ในชั้นที่สุด มียอดฝีมืออื่นเกือบยี่สิบคนที่ยังอยู่ในชั้นที่สองและห้า หนึ่งในนั้นเป็นร่างที่คุ้นเคย...
“บาร์เกอร์!” ตาลินลี่ย์เบิกกว้างทันทีและท่าทีดีใจปรากฏอยู่บนสีหน้าของเขา
“ท่านลอร์ดลินลี่ย์!” บาร์เกอร์ก็เห็นลินลี่ย์เช่นกัน และบินเข้ามาหาด้วยความประหลาดใจปนดีใจ
ลินลี่ย์กอดบาร์เกอร์อย่างตื่นเต้นเช่นกัน ถ้าบาร์เกอร์ตายจริงๆอย่างนั้นการเดินทางกลับบ้าน ลินลี่ย์คงรู้สึกยากจะเผชิญหน้ากับเกตส์และคนอื่นๆรวมทั้งลูกและภรรยาของบาร์เกอร์เช่นกัน
“บาร์เกอร์, เจ้ายังไม่ตาย!” บีบีเหาะเข้าไปหาบาร์เกอร์และร้องดีใจเช่นกัน
บาร์เกอร์เริ่มหัวเราะร่วน
ด้านนอกสุสานเทพเจ้ายอดฝีมือที่รู้จักกันเริ่มสนทนากัน อย่างเช่นศิษย์ส่วนตัวของเทพสงครามที่ซ่อนตัวอยู่ที่ชั้นสองหรือชั้นห้าทั้งหมดโชคดีที่รอดมาถึงที่นี่ได้
“บาร์เกอร์,เจ้าหนีมาจากชั้นที่สามได้ยังไง?” ลินลี่ย์ถามทันที
บาร์เกอร์ส่ายหัว “ข้าเองก็งงอยู่เหมือนกัน เมื่อนาคราชตื่นขึ้น เขาฆ่าเซียนไปหลายคนและข้าไม่รู้ว่าท่านลอร์ดลินลี่ย์หนีได้หรือไม่ ข้าเห็นอะไรไม่ชัดเลย”
ลินลี่ย์พยักหน้าถอนหายใจ
“เพียงแต่หลังจากการสังหารหมู่เซียนในชั้นที่สามนาคราชใช้หางของเขาหวดใส่ข้า
ลินลี่ย์ใจสั่นสะท้าน แม้ว่าบาร์เกอร์จะรอดชีวิตเป็นปกติสุขแต่ฉากภาพนั้นน่ากลัวมากกว่าที่คิด บาร์เกอร์ไม่ตายหลังจากถูกหางนาคราชอสูรชั้นเทพฟาดใส่ได้ยังไง?
“สิ่งที่แปลกก็คือ เมื่อหางของนาคราชฟาดใส่ข้ามันทำให้ข้าปลิวกระเด็นไปไกลมากและข้าเป็นอัมพาตไปหมดเหมือนกับโดนเชือกที่มองไม่เห็นมัดไว้รอบตัว เมื่อข้าลงกระแทกพื้น..ข้าพบว่าข้าร่วงลงไปที่ทางออกชั้นสองพอดี” บาร์เกอร์แม้แต่ตอนที่เล่าเรื่องราวดูเหมือนว่าจะไม่อยากเชื่อเช่นกัน
ลินลี่ย์และบีบีจ้องมองปากอ้าค้างทันที
“เฮ้, เจ้าพวกนั้น” น้ำเสียงร่าเริงดังขึ้น บุรุษหนุ่มหน้าตาอำมหิตผมสีเขียวปรากฏตัวข้างลินลี่ย์และยอดฝีมืออื่นทันที
ลินลี่ย์บาร์เกอร์และบีบีมองดูบุรุษหนุ่มผมเขียวที่อยู่ใกล้ๆ ด้วยความประหลาดใจทันที ทั้งสามสังเกตการปรากฏตัวของเขาหลังจากที่เขาพูด
“ลินลี่ย์ใช่ไหม?” บุรุษที่มีแววอำมหิตผมเขียวหัวเราะ “ไม่เลว, เจ้าทำได้สำเร็จจริงๆสามารถได้รับประกายศักดิ์สิทธิ์จากชั้นที่สิบเอ็ด แข็งแกร่งมาก เด็กน้อย” ขณะที่เขาพูด เขาลูบศีรษะลินลี่ย์ ลินลี่ย์ต้องการหลบ แต่เขาพบว่าร่างกายของเขาไม่สามารถขยับได้แม้แต่น้อย”
“ระดับเทพ!” ลินลี่ย์ตกใจ
นอกจากเทพสงครามและอีกสี่เทพที่เหลือยังมียอดฝีมือระดับเทพอีกคนหนึ่งหรือนี่?
“ทารอส!มาตรงนี้เลย” เบรุตเรียกเขาแต่ไกล
เด็กหนุ่มผมเขียวมีแววอำมหิตเข้าไปหาทันทีอย่างว่าง่ายเขาหัวเราะ “ลอร์ดเบรุต, จะกลับไปทวีปยูลานอยู่แล้วเดี๋ยวข้ากลับไปแล้วจะไม่ได้เจอกันอีกนาน ข้าคิดถึงบ้านจริงๆ”
ยอดฝีมือทุกคนมองดูบุรุษหนุ่มผมเขียวอย่างมึนงง เขาเป็นใคร?
เบรุตมองดูยอดฝีมือรอบๆ และพูดอย่างสงบ “ข้าขอแนะนำพวกเจ้า คนผู้นี้ชื่อว่าทารอสพวกเจ้าบางคนได้พบเขามาก่อนแล้ว เขาคือผู้พิทักษ์สุสานเทพเจ้าสิบเอ็ดชั้นแรก เทพอสูรขี้เซา ‘นาคราช’”
“นาคราช?” ยอดฝีมือหลายคนตกใจและเมื่อพวกเขามองดูทารอส ตาของพวกเขาตอนนี้เต็มไปด้วยความนับถือและเกรงกลัว ขณะที่ลึกในใจของพวกเขาก็รู้สึกเกลียดเช่นกัน
ที่สำคัญยอดฝีมือหลายคนถูกทารอสฆ่าตาย
“ข้ารู้จักพวกเจ้าทั้งสี่ ข้ารู้จักแคทเธอรีนที่อยู่ด้านหลัง เราเป็นสหายเก่ากัน โอว..สหายผู้นี้คือโอเบรียน และนี้คือซีซาร์,ใช่ไหม?” ทารอสหัวเราะ
โอเบรียนและซีซาร์ไม่กล้าพูดอะไรมาก ที่สำคัญทารอสเป็นเทพระดับกลางแล้ว
ลินลี่ย์สามารถบอกได้เลยว่าทารอสผู้นี้คงเพิ่งจะได้พบกับโอเบรียนและซีซาร์เป็นครั้งแรก แต่คงเคยพบกับแคทเธอรีนมาก่อนในอดีต
“โวววว, ไดลิน, เพื่อนรัก! โชคของเจ้าช่างน่าตื่นเต้น เจ้าหลบหนีออกมาจากคุกเกบาโดสได้จริง ที่ดีใจที่สุดก็คือเจ้าออกมาจากที่นั่นได้ทำให้ข้ามีโอกาสได้พบเจ้า ดีจริงที่ได้เจอกันอีก” ขณะที่เขาพูด ‘ทารอส’เดินมากอดไดลินด้วย
ไดลินมีอารมณ์หงุดหงิดเดินเลี่ยงมาอยู่ข้างเบรุต
ตอนนี้ไดลินอารมณ์ไม่ดี เพราะบุตรคนรองของเขาตาย ระดับสิบเอ็ดชั้นล่างนี้อยู่ภายใต้การรับผิดชอบของทารอส อย่างไรก็ตามเขารู้ว่าทารอสไม่สามารถฝืนกฎได้ เขาสามารถทำเป็นมองไม่เห็นได้ในบางเรื่อง แต่ถ้าเขาตั้งใจช่วยใครสักคนในบางชั้นนั่นไม่ได้รับอนุญาตให้ทำ ต่อให้เป็นเทพระดับสูงก็อาจพบจุดจบได้ ถ้าฝ่าฝืนกฎของมหาเทพ
“ทารอส, พอเถอะ” เบรุตพูดอย่างสงบ และทารอสไม่กล้าส่งเสียงต่อไปทันทีได้แต่ยืนอย่างเชื่องเชื่ออยู่ด้านหลังเบรุต เพียงแต่เขาหันหน้าไปหลิ่วตาให้บาร์เกอร์ บาร์เกอร์ในตอนนี้เข้าใจแล้วว่า ...ทารอสที่อยู่ต่อหน้าเขาก็คือนาคราช
นาคราชผู้ไว้ชีวิตเขา!
“ทุกคน, เตรียมตัวเดินทางกลับทวีปยูลานกันได้แล้ว” เบรุตพูดอย่างสงบ
“ขอรับ, ท่านลอร์ดเบรุต” ยอดฝีมือทุกคนพูดพร้อมกัน
ภายใต้การนำของเบรุตทารอสและยอดฝีมือชั้นเทพที่เหลือพร้อมทั้งเซียนอีกสามสิบคนเดินทางกลับไปทวีปยูลานพร้อมกัน
วันนี้คือวันที่4 มีนาคม ศักราชยูลานที่ 10034 ผ่านไปสิบปีแล้วนับตั้งแต่ลินลี่ย์และยอดฝีมืออื่นเดินทางมาถึงที่นี่!