ตอนที่ 11-36 หนึ่งต่อล้าน
“ควั่บ!”
ลินลี่ย์เหมือนแสงสายหนึ่งวาบผ่านไปตามอุโมงค์ ความเร็วของเขาสูงจนถึงขีดจำกัด
แต่ในแง่ของความเร็วปีศาจดาบอเวจีเทียบกับเดลี่และบีบีจะมีระดับที่สูงกว่าลินลี่ย์ และพวกมันเริ่มใกล้เข้ามา
ตาของเขาแดงราวโลหิต เหมือนกับมีไฟแผดเผาตัว ลินลี่ย์เริ่มร่ายเวท
“ควั่บ!” ทิศทางการบินของลินลี่ย์เปลี่ยนไปกะทันหัน
ความจริงเขาเลี้ยวและบินเข้าไปในอีกอุโมงค์หนึ่งตรงลงไปข้างหน้า มีปีศาจดาบอเวจีค่อนข้างน้อยที่ไล่ตามหลังเขาจากด้านล่างเช่นกัน ขณะที่ลินลี่ย์เคลื่อนที่ลงไป ในชั่วพริบตาเดียวปีศาจดาบอเวจีข้างล่างก็เคลื่อนสวนขึ้นมาหาลินลี่ย์
“โรววววว!” ปีศาจดาบอเวจีข้างล่างเริ่มคำรามลั่นทันที
ฝูงปีศาจดาบอเวจีที่ยังติดตามลินลี่ย์อยู่แต่แรกเลี้ยวและพุ่งลงไปทันที แต่ลินลี่ย์ยังคงเข้าใกล้ปีศาจดาบอเวจีเป็นร้อยตนที่อยู่ด้านล่าง ปีศาจดาบอเวจีเป็นร้อยเหล่านั้นเตรียมใช้คลื่นพลังงานดาบไวราวสายฟ้า ขณะที่ดวงตาของลินลี่ย์เป็นประกายเยือกเย็น
แก่นธาตุลมนับไม่ถ้วนผสานเข้ากับตัวเขา
“ตาย”
“ฉัวะ” ทันใดนั้นคมมีดมิติขนาดสี่หรือห้าเมตรสีฟ้าปรากฏขึ้นข้างหน้าลินลี่ย์อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยพุ่งตามทางเข้าหาปีศาจดาบอเวจีที่กำลังพุ่งเข้าโจมตีเขา
เมื่อเห็นคมมีดมิติเหล่าปีศาจดาบอเวจีทั้งหมดพยายามหลบหลีกอย่างหวาดผวา
โชคไม่ดีที่คมมีดมิติรวดเร็วเกินไป
“ฉัวะ!” ร่างโลหะของพวกเขาถูกตัดเป็นชิ้น ภายใต้การควบคุมด้วยพลังจิตของลินลี่ย์ คมมีดมิติเคลื่อนเป็นแนวโค้งและฟันปีศาจดาบอเวจีจนขาดอีกหลายสิบตน ขณะที่ปีศาจตนอื่นหลบหนีอย่างหวาดกัว
“วูบบบ”
ลินลี่ย์ฉวยโอกาสบุกลงไปและพุ่งผ่านไปตามระเบียงทางที่คมมีดมิติเพิ่งตัดผ่านไป
คมมีดมิติมีผลต่อปีศาจดาบอเวจีจำนวนน้อย ทันทีที่ปีศาจดาบอเวจีรวมตัวเป็นพันคมมีดมิติจะฆ่าพวกมันได้สักเท่าไหร่? นี่คือเหตุผลที่ลินลี่ย์เลือกที่จะบินลงไปทันที
การเปลี่ยนตำแหน่งบินของเขาโดยทันทีทำให้เขาทิ้งห่างปีศาจดาบอเวจีไว้ด้านหลังเขา
“ข้าแค่หนีมาได้ชั่วขณะ แต่ไม่สามารถหนีได้ตลอดไป” ลินลี่ย์พยายามคิดขณะที่หนีลงไปตามทางเพื่อหาทางเอาตัวรอด “คงจะดีมากเพียงไหนถ้าข้าสามารถร่ายเวทคมมีดมิติในใจได้ ไม่ว่าปีศาจดาบอเวจีจะมีสักกี่ตัว ข้าก็สามารถฆ่าพวกมันได้หมด” ทันใดนั้นลินลี่ย์มีความคิดที่ประหลาดป่าเถื่อน
ร่ายเวทคมมีดมิติในใจหรือ
ไม่มีอะไรมากไปกว่าเพ้อฝัน ลินลี่ย์รู้ว่าทำไม่ได้จริง
“หืม?” ขณะที่ลินลี่ย์กำลังหนีลงไป จู่ๆ ก็มีความคิด ‘คมมีดมิติ?’
ความจริงลินลี่ย์ไม่ทราบข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับคาถาต้องห้าม ‘คมมีดมิติ’ นี้ เขาเพียงแต่รู้วิธีใช้พลังเวทรวบรวมแก่นธาตุ และจากนั้นสร้างเป็นคมมีดมิติ แต่ทันใดนั้นลินลี่ย์นึกย้อนไปถึงฉากที่คมมีดมิติปรากฏออกมา
คมมีดมิตินี้หากจะพูดให้ถูกก็คือเวท‘ดาบสายลม’ ที่มีขีดจำกัดไว้มากที่สุด
เมื่อใช้พลังจิตเล็กน้อยของเขาเพื่อควบคุมตำแหน่งของเวทคมมีดมิติให้เคลื่อนที่ไป เขาสังเกตว่าภายในคมมีดมิติ มีลมกระโชกนับไม่ถ้วนเคลื่อนไหวอยู่จะเร็วหรือช้ากันแน่ อยู่ในจังหวะที่แปลกและสร้างเป็นพลังตัดมิติที่น่ากลัวเช่นนี้
“เร็ว...หรือช้า?”
ลินลี่ย์ไม่ได้ไตร่ตรองเรื่องนี้มาก่อน แต่ตอนนี้เขาค้นพบข้อสงสัยบางอย่างได้ทันที “คมมีดมิติน่าจะยิ่งเร็วก็ยิ่งดี ทำไมดูเหมือนรวมเอาลมกระโชกช้าของอากาศไว้ในภายในด้วย?”
“ไม่ถูกต้อง” ลินลี่ย์คิดหนัก
ลมกระโชกนับไม่ถ้วนที่อยู่ภายในคมมีดมิติความจริงไม่ได้ช้าเลย เพียงแต่,เพียงพวกมันประยุกต์เข้ากับด้าน ‘ช้า’ ดูเหมือนช้าแต่ความจริงเร็ว การจำแนกดาบสายลมจะแตกต่างกันด้านต่างๆ แล้วสร้างเป็นคมมีดมิติ มีเหตุผลอะไรซ่อนอยู่หลังเรื่องนี้?
“ด้านเร็ว? ด้านช้า? คมมีดมิติ...”
ใจของลินลี่ย์อดนึกย้อนไปถึงตอนที่เขาใช้งาน‘จังหวะแห่งสายลม’ ไม่ได้ นี่คือวิชาที่กระบี่เลือดม่วงใช้ความด้าน ‘เร็ว’ และด้าน ‘ช้า’ ของสายลมพร้อมกัน สองด้านที่ตรงกันข้ามเมื่อผสานเข้าด้วยกันทำให้มิติสั่นไหวเป็นผลให้กระบี่เลือดม่วงสามารถสร้างขอบมิติได้
ลินลี่ย์นึกย้อนกลับไปถึงตอนที่เขาใช้‘หมื่นกระบี่พลันบรรจบ’ อีกครั้ง
เมื่อเขาพัฒนาเคล็ดวิชาด้านนี้ ลินลี่ย์ยังงงอยู่ เหตุผลก็คือเมื่อด้าน ‘เร็ว’ ของกระบี่ทั้งสิบล้านรวมกันเป็นหนึ่ง มันจะสร้างผลให้เกิดการ ‘แช่แข็งมิติพื้นที่’? ทำไม ด้านลักษณะ ‘เร็ว’ และ ‘ช้า’ ถึงเปลี่ยนกันภายในได้อย่างเป็นธรรมชาติ? ขณะนั้นลินลี่ย์ไม่เข้าใจเหตุผลที่แฝงอยู่ในเบื้องหลัง แต่เป็นการเลียนแบบการโจมตีของนางพญาแลชเพิล เขาจึงสามารถพัฒนาเคล็ดวิชานี้ขึ้นมา
ความจริงลินลี่ย์ยังไม่เข้าใจความลึกซึ้งลึกลับของเหตุผลที่กระบี่ทั้งสิบล้านที่เขาใช้ด้าน‘เร็ว’สร้างขึ้นสามารถผสานและสร้างพลังโจมตีแช่แข็งมิติ กลายเป็นพลังโจมตี ‘หมื่นกระบี่พลันบรรจบ’
“คมมีดมิติ... จังหวะแห่งสายลม...หมื่นกระบี่พลันบรรจบ...” ใจของลินลี่ย์ร่างฉากภาพฉากแล้วฉากเล่า เมฆหมอกที่คลุมทับความลึกซึ้งลึกลับของกฎธาตุลมในปัจจุบันนี้เริ่มสลายไปจากใจของลินลี่ย์
ลินลี่ย์เริ่มเข้าใจ
เหมือนกับว่าเขาสัมผัสอะไรบางอย่างได้ แต่ยังไม่เข้าใจชัดนัก
ลินลี่ย์ไม่ทันได้สังเกตว่าด้านหลังของเขามีปีศาจดาบอเวจีสองตนใกล้เข้ามาทุกที ลินลี่ย์ยังคงหมกมุ่นอยู่ในสถานะพิเศษนั้น ปีศาจดาบอเวจีทั้งสองรู้สึกงง ปกติ... แม้ว่าก่อนที่จะเข้าไปใกล้ตัวลินลี่ย์ ลินลี่ย์รู้ตัวและหนีไป
แต่ครั้งนี้...
ลินลี่ย์กำลังบินเป็นแนวตรงไม่เปลี่ยนตำแหน่งเลยแม้แต่น้อย ปีศาจดาบอเวจีบินไวมากกว่าลินลี่ย์! ในแนวตรง พวกเขาก็สามารถไล่ทันได้เป็นธรรมดา
“ควั่บ!” เสียงหวีดหวิวดังเสียดหู,สร้างความตกใจกับลินลี่ย์ขณะปีศาจดาบทั้งสองสับลงที่ตัวเขา
หลังของลินลี่ย์หลั่งเหงื่อเยียบเย็นทันทีและเขาใช้กระบี่เลือดม่วงสะบัดฟันทันที ลินลี่ย์ไม่ทันสังเกตว่าพลังโจมตีครั้งนี้ไม่ใช่ ‘จังหวะแห่งสายลม’ ไม่ใช่ทั้ง ‘หมื่นกระบี่พลันบรรจบ’ ดูเหมือนเป็นพลังกระบี่โจมตีที่ธรรมดามาก
“ฉัวะ!”เหมือนกับตัดผ่านเต้าหู้
กระบี่เลือดม่วงของลินลี่ย์ตัดวาบผ่านปีศาจดาบอเวจีทั้งสองราวกับสายฟ้า ทั้งสองถูกตัดขาดสองท่อน
“นี่...?” ลินลี่ย์ตกตะลึง แม้ว่าปีศาจดาบอเวจีทั้งสองนี้จะไม่ใช่พวกฝีมือดีที่สุดในเผ่าพันธุ์ ต่อให้เขาใช้ ‘จังหวะแห่งสายลม’ เขาก็คงต้องใช้พลังฟันเต็มที่ ถ้าจะตัดปีศาจดาบอเวจีให้ขาดสองท่อน แต่ตอนนั้น...เขาฟันปีศาจดาบอเวจีทั้งสองได้อย่างง่ายดาย
“ตอนนั้น..” ลินลี่ย์อดนึกย้อนกลับไปถึงท่ากระบี่ที่เขาใช้ออกตอนนั้นโดยไม่รู้ตัว
“อา!”ตาของลินลี่ย์เบิกโพลง
เมฆหมอกที่ยังคงปกคลุมความคิดของเขาเพื่อป้องกันไม่ให้ได้เห็นความลึกลับของกฎธรรมชาติแห่งธาตุลมกระจายหายไปเหมือนอยู่ภายใต้แสงสุริยาทันที ในที่สุดเขาก็เข้าใจ
“จังหวะแห่งสายลม? หมื่นกระบี่พลันบรรจบ? คมมีดมิติ?” ลินลี่ย์เริ่มหัวเราะลั่น “ด้านเร็ว? ด้านช้า? เร็วและช้าเป็นด้านตรงกันข้าม? ฮ่าฮ่า..ผิดแล้ว ผิดหมดเลย ด้านเร็วและด้านช้าเหมือนกัน มันคือสิ่งที่เหมือนกัน!!!” ลินลี่ย์สั่นไปทั้งตัวด้วยความตื่นเต้น
สายลมกระโชกดูเหมือนจะพัดช้าแต่จากนั้นในพริบตาก็เคลื่อนออกไปพันเมตร
“พับมิติ? ปั่นป่วนมิติ? ชะลอมิติ? แช่แข็งมิติ?” เสียงหัวเราะของลินลี่ย์ดังขึ้นในระดับที่น่ายินดี
“มนุษย์มังกร!” ปีศาจดาบอเวจีจำนวนมากพบตัวลินลี่ย์
“ฆ่า!”เสียงคำรามโกรธเกรี้ยว ปีศาจดาบอเวจีโจมตีพร้อมกันทันทีทั้งหมดใช้พลังงานฟันส่งพลังตรงไปที่ร่างลินลี่ย์ คลื่นพลังเป็นกากบาทตัดพื้นจนแยกจากกัน แม้ว่าแรงฟันหลายเล่มจะไม่ถูกลินลี่ย์ก็ตามแต่ต้องมีสองสามสายถูกร่างลินลี่ย์แน่นอน
“บึ้ม!” ที่ใดก็ตามที่พลังงานดาบฟันผ่านพื้นโลหะและอุโมงค์กลายสภาพเป็นเศษเล็กเศษน้อย
“มันตายแน่!”
“หือ?” ทันใดนั้นปีศาจดาบอเวจีตกใจ
ลินลี่ย์อยู่ห่างออกไปหลายพันเมตรปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาในขณะที่กระพริบวาบสองครา พวกมันเห็นแต่เพียงประกายแสงสีม่วงประหลาดร้ายกาจ จากนั้นศีรษะพวกมันก็ขาดกระเด็น
“ด้านเร็ว, ด้านช้า... ฮ่าฮ่า...วิธีเข้าใจแบบนั้นผิดหมด!” ลินลี่ย์หัวเราะลั่น แต่ละครั้งที่สะบัดกระบี่โจมตีเขาสังหารปีศาจดาบอเวจีได้อย่างง่ายดาย และด้วยการหายตัวอย่างง่ายๆเขาหายตัวเข้าไปอยู่ในกลุ่มปีศาจดาบอเวจีอย่างง่ายดายและหนีออกมา ในเรื่องความเร็วตอนนี้เขาเร็วมากกว่าปีศาจดาบอเวจีถึงสามเท่า!
เขาไวเกินไป
แม้แต่หัวหน้าปีศาจดาบอเวจีสีแดงก็ตามมาสมทบ พวกเขาก็ยังไวไม่ถึงครึ่งหนึ่งของความเร็วลินลี่ย์
“ในอดีตที่ผ่านมา ข้าคิดว่าถ้าข้าเข้าถึงขีดจำกัดของด้าน ‘เร็ว’ ได้ ข้าจะกลายเป็นเทพ ถ้าข้าเข้าถึงจุดสุดยอดของด้าน ‘ช้า’ ข้าก็จะกลายเป็นเทพได้เช่นกัน ใช่แล้ว, ข้าสามารถกลายเป็นเทพได้ เพียงแต่การทำด้วยวิธีนั้นยังถือว่าผิดวิธี” ใจของลินลี่ย์เต็มไปด้วยความยินดี เหมือนกับว่าเขาได้ทำอภิมหาโครงใหญ่ได้สำเร็จ “เมื่อด้าน ‘เร็ว’ และด้าน ‘ช้า’ แต่ละด้านถึงขีดจำกัดสูงสุดพวกมันจะประสานเข้าด้วยกัน....”
“ทั้งด้าน ‘เร็ว’ และ ‘ช้า’ทั้งสองนี้ถือเป็นด้านใหญ่ ทั้งสองด้านเป็นส่วนทั้งหมดของกฎธรรมชาติธาตุลม...”
“สัจธรรมแห่งความเร็ว!”
กระบี่เลือดม่วงกระพริบอยู่ในมือของลินลี่ย์ ตอนแรกดูเหมือนมันจะเคลื่อนไหวช้ามาก แต่พริบตามันเคลื่อนไหวเร็วราวกับสายฟ้า จากมุมมองที่แตกต่างทุกคนจะเห็นผลต่างทั้งสองอย่างสิ้นเชิง นอกจากนี้ ที่ขอบคมของกระบี่เลือดม่วงจะมีขอบมิติน้ำเงินเลือนรางซึ่งดูเหมือนจะคล้ายกับ ‘คมมีดมิติ’
ด้วยการฟันธรรมดามิติเองจะเริ่มเกิดระลอกและเกิดรอยแยกเล็กๆ ในมิติปรากฏขึ้น
แรงฟันธรรมดาจากลินลี่ย์ในตอนนี้ก็แฝงด้วยพลังคมมีดมิติอยู่ส่วนหนึ่ง
ร่างลินลี่ย์ปรากฏอยู่ทั่วพื้นที่อย่างรวดเร็ว และที่ใดก็ตามที่ประกายแสงสีม่วงกระพริบผ่าศีรษะของปีศาจดาบอเวจีจะขาดปลิวกระเด็น
“วิชานี้ควรขนานนามว่า.... สัจธรรมแห่งความเร็ว– มีดมิติบั่นเศียร!”
“ควั่บ!” ร่างของลินลี่ย์พุ่งออกมาจากพื้นทันที
“ฮ่าฮ่า, เขาออกมาแล้ว เด็กๆ ฆ่ามัน!” หัวหน้าปีศาจดาบอเวจีแดงทั้งสองออกคำสั่งอย่างตื่นเต้นทันที เสียงหวีดหวิวนับไม่ถ้วนสามารถได้ยินได้ ขณะที่ปีศาจดาบอเวจีเป็นแสนบุกเข้าใส่เหมือนฝูงตั๊กแตนปล่อยพลังดาบใส่ลินลี่ย์แทบจะในทันที
แต่ร่างของลินลี่ย์มาปรากฏอยู่ในกลางกลุ่มของพวกเขาแล้ว
และเหมือนกับสายลมกระโชก ลินลี่ย์หายตัวไปโผล่ตรงนั้นบ้างตรงนี้บ้างต่อเนื่องที่ใดก็ตามที่เขาปรากฏตัวจะมีศีรษะของปีศาจดาบอเวจีปลิวลอยขึ้นมา อยู่ต่อหน้าลินลี่ย์ ปีศาจดาบอเวจีเหล่านี้ไม่มีความสามารถตอบโต้ได้แม้แต่น้อย
เสียงกรีดร้องสยดสยองหวาดหวั่นดังขึ้นต่อเนื่องและเลือดสีทองเปรอะกระจายไปทุกตำแหน่ง
ในช่วงเวลาสั้นๆปีศาจดาบอเวจีตายไปเกือบแสนตน ปีศาจดาบอเวจีที่ยังเหลือทุกตนตกอยู่ในอาการหวาดหวั่นพรั่นพรึง ตอนแรก พวกมันยังมีกำลังใจดีอยู่ แต่ตอนนี้พวกมันขวัญหนีดีฝ่อกันหมด
“ปะ..เป็นไปไม่ได้” หัวหน้าปีศาจดาบอเวจีแดงร้องอย่างขวัญผวา
และจากนั้นลมกระโชกพัดผ่านมาทางพวกเขา ศีรษะของหนึ่งในหัวหน้าปีศาจดาบอเวจีแดงปลิวขึ้นขณะที่กระบี่เลือดม่วงของลินลี่ย์ปรากฏจ่ออยู่ที่คอของหัวหน้าปีศาจตัวที่สอง ตาสีทองเข้มของเขาจ้องมองหัวหน้าปีศาจดาบอเวจีสีแดงอย่างเย็นชา เสียงเยือกเย็นของลินลี่ย์ดังขึ้น “จะเอายังไง,เจ้ายังต้องการสู้ต่อไหม?”
“เมตตาด้วยเถิด นายท่าน” ปีศาจดาบอเวจีสีแดงคุกเข่าอย่างหวาดผวาทันที
พอผู้นำพวกมันคุกเข่า ปีศาจดาบอเวจีนับไม่ถ้วนที่หวาดกลัวลินลี่ย์จับจิตใจพากันคุกเข่าเช่นกัน
ชั้นที่สิบเอ็ดของสุสานเทพเจ้าตลอดแนวภูมิภาค มีซากศพนับไม่ถ้วนเกลื่อนกล่นกระจัดกระจาย ขณะที่ปีศาจดาบอเวจีที่ยังไม่ตายพากันคุกเข่ากับพื้น พวกมันหวาดกลัวจัดจนไม่กล้าเงยหน้าการประหัตประหารที่เพิ่งเกิดขึ้นทำลายความกล้าของพวกมันหมดสิ้น
ปีศาจดาบอเวจีนับไม่ถ้วนยังคงคุกเข่า แผ่นดินกว้างใหญ่เปรอะไปด้วยเลือดสีทอง มีแต่ลินลี่ย์คนเดียวที่ยืนอยู่
“น่าเสียดาย, ข้ายังเข้าใจเกี่ยวกับด้าน ‘เร็ว’ และด้าน ‘ช้า’ ไม่เพียงพอ” ลินลี่ย์นึกย้อนเคล็ดสัจธรรมที่เขาเพิ่งรู้แจ้ง “แม้ว่าข้าจะผสานด้านใหญ่ทั้งสองเข้าเป็นหนึ่งและพัฒนาเป็น ‘สัจธรรมแห่งความเร็ว’ ของกฎธรรมชาติธาตุลมได้ข้าก็ยังห่างจากระดับเทพไปอีกหนึ่งก้าว”
ตอนนี้ลินลี่ย์รู้สึกว่าเขาอยู่ที่ริมขอบระดับเทพแล้ว
ความจริงทั้งด้าน ‘เร็ว’ และด้าน ‘ช้า’ ทั้งสอง เมื่อฝึกจนถึงระดับสูงสุดสามารถทำให้คนกลายเป็นระดับเทียมเทพหรือเทพชั้นต้นได้ และจากนั้นหลังจากทั้งสองด้านผสานจนเป็นสัจธรรมแห่งความเร็ว ซึ่งจากนั้นฝึกจนถึงขีดจำกัดก็จะกลายเป็นเทพระดับกลางได้
ทั้งสองด้านนี้ดูเหมือนจะเป็นขั้วตรงกันข้าม การหลอมรวมด้านทั้งสองไม่ใช่เป็นสิ่งที่เราสามารถจินตนาการได้ ต้องมาจากประกายจากการรู้แจ้ง
ความเข้าใจของนักสู้ระดับสูงจะอยู่ในทั้งสองด้าน ยากจะหลอมรวมด้านทั้งสองเข้ากันได้ ก็เหมือนกับคนที่ต้องการเดินทางไกลบนถนนสองสายมุ่งหน้าไปในทิศทางที่ต่างกัน ยิ่งเดินทางไกลไปตามเส้นทางแต่ละเส้น ก็ยากจะจะบรรจบรวมกันได้
ความเข้าใจของลินลี่ย์ในด้านทั้งสองยังไม่ถึงในระดับสูงล้ำมาก ดังนั้นจึงเป็นเรื่องค่อนข้างง่ายสำหรับเขาที่จะค้นหาประกายความรู้แจ้งเพื่อหลอมรวมทั้งสองเข้าด้วยกัน
ในอดีตเมื่อพัฒนาเคล็ด‘จังหวะแห่งสายลม’ ลินลี่ย์เริ่มเข้าใจถึงวิธีทำให้ด้านทั้งสองทำงานร่วมกัน เมื่อพัฒนา ‘หมื่นกระบี่พลันบรรจบ’ เขามีความก้าวหน้ามากขึ้นอีกครั้ง หลังจากร่ายเวท ‘คมมีดมิติ’ได้ เขาจึงรู้แจ้งเข้าใจทันทีการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากประสบการณ์ที่สั่งสมมานานทำให้เขาเข้าใจ ‘สัจธรรมแห่งความเร็ว’
ดังนั้นการเคลื่อนที่ได้เร็วของเขาจึงเพิ่มขึ้นสามหรือสี่เท่า และเขาสามารถพัฒนาเป็นวิชากระบี่ที่ทรงพลังนั่นคือ ‘มีดมิติบั่นเศียร!”
“เจ้ารู้ไหมว่าประกายศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่ใด?” ลินลี่ย์ก้มหน้ามองหัวหน้าปีศาจดาบอเวจีสีแดงที่คุกเข่าตัวสั่นอยู่
“ข้าทราบ, ข้าทราบ” หัวหน้าปีศาจดาบอเวจีแดงกลัวว่าลินลี่ย์จะฆ่าเขา
“นำทาง” ลินลี่ย์กล่าว