Chapter 10 : เสริมแกร่งกายา (ขั้น1) – ติดกับ
เนื่องจากบริเวณรอบๆซอมบี้ร่างยักษ์มีซอมบี้ทั่วๆไปตัวอื่นอยู่ด้วยจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่โจวเฉินจะต้องเผชิญหน้ากับพวกมัน
กับซอมบี้ทั่วๆไปพวกนี้โจวเฉินสามารถใช้ขวานเล็กในมือตัดพวกมันเป็นชิ้นๆได้อย่างไม่ยากเย็น เพียงแค่สเต็ปเท้าที่ได้มาจากสกิลศาสตร์การต่อสู้และความว่องไวของเขาก็มากพอจะใช้หลบการโจมตีของพวกมันได้แล้ว
หลังจากสังหารซอมบี้ทั่วๆไปไปสี่ตัวด้วยขวานเล็กในมือซอมบี้ร่างยักษ์ที่อยู่ห่างออกไปก็สังเกตุเห็นเขาเข้า
มันย่ำฝีเท้าอันหนักหน่วงพุ่งเข้าใส่เขาแทบจะทันที
เมื่อเห็นร่างกายของมันที่มีน้ำหนักอย่างน้อย200กิโลกรัม โจวเฉินก็ทราบดีว่าไม่อาจปะทะกับมันซึ่งๆหน้า เขาทำการแทงหอกที่ฉาบพิษซากศพเอาไว้สวนเข้าใส่ร่างของมันเพื่อทำให้มันติดสถานะอ่อนแอจากพิษซากศพ จากนั้นก็ใช้สเต็ปเท้าวนไปวนมาอยู่รอบตัวของมันและหาจังหวะแทงเข้าใส่หัวของมันเป็นบางคราว
หลังจากพัวพันกับมันอยู่ซักพักโจวเฉินก็สามารถจัดการมันลงได้ก่อนที่จะถูกซอมบี้ตัวอื่นๆล้อมกรอบและทำการดูดกลืนสกิลติดตัวของมันมาได้สำเร็จ – เสริมแกร่งกายา (ขั้น1)!
สกิลติดตัวนี้ทำให้ค่าสถานะร่างกายของเขาเพิ่มขึ้นมา0.3หน่วย ทำให้ตัวเขารู้สึกว่าร่างกายของเขาคงทนขึ้นมาระดับหนึ่ง ความแข็งแกร่งเองก็เพิ่มขึ้นมาช่วงใหญ่
หลังจากบรรลุเป้าหมายโจวเฉินก็ฝ่าวงล้อมของซอมบี้ออกไปและหลบหนีไปหามุมสงบๆเพื่อพักผ่อน
“ไม่คิดเลยว่าจะรวบรวมสกิลติดตัวประเภทเสริมแกร่งได้ทั้ง3อย่างในเวลาสั้นๆแค่นี้ ดันเจี้ยนนี่ดูเหมือนไม่น่าจะยากแล้วล่ะ”
หลังจากได้สกิลเสริมแกร่งกายามาความมั่นใจของโจวเฉินก็พุ่งทะยานขึ้นไปอีกขั้น
“ออกหาซอมบี้ชนิดพิเศษต่อดีกว่า อยากรู้เหมือนกันว่าสกิลติดตัวแบบเดียวกันมันจะซ้อนทับกันได้ไหม?”
หลังจากเห็นความคืบหน้าของตัวเองโจวเฉินก็อยากจะพัฒนาต่อไปอีก ถ้าสกิลติดตัวแบบเดียวกันสามารถซ้อนทับกันได้เขาก็จะพยายามให้หนักขึ้นไปอีกเพื่อยกระดับค่าสถานะให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ยังไงก็ตามความฝันนั้นแม้จะดีแต่ก็เป็นเพียงฝันเพราะครึ่งวันถัดมาเขากลับหาซอมบี้ประเภทพิเศษไม่พบเลยซักตัวเดียว กลับกันด้วยซ้ำเพราะเขาต้องเผชิญหน้ากับซอมบี้ทั่วๆไปมากมายและกว่าจะจัดการพวกมันลงได้ก็ใช้แรงไปอย่างมหาศาล
ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาจึงทำให้เขารู้สึกหิวเล็กน้อยและแรงกายก็ลดลงไประดับหนึ่ง ดังนั้นแล้วเขาคิดจะชะลอการล่าและโฟกัสไปที่การออกหาอาหารเสียก่อน
พอเข้าสู่ช่วงเย็นโจวเฉินพบเพียงขนมปังแห้งชิ้นเล็กๆเท่านั้นและเตรียมตัวจะกลับไปยังที่ซ่อนตัวด้วยความเหนื่อยล้าและหิวโหยเต็มแก่
ระหว่างทางกลับเขาพบกับเซอร์ไวเวอร์สามคนที่ถูกซอมบี้ล้อมเอาไว้และกำลังสู้อยู่กับพวกมันด้วยท่อนไม้และอาวุธชนิดอื่นๆอยู่
ความจริงแล้วถ้าเป็นซอมบี้หนึ่งหรือสองตัวคนพวกนี้คงสามารถจัดการได้ไม่ยากแต่จำนวนของซอมบี้ที่ล้อมกรอบพวกเขาเอาไว้มีเยอะจนเกินไป ซอมบี้จำนวนมากมายตีวงล้อมล้อมคนกลุ่มนี้เอาไว้จนไร้ทางหนีและสถานการณ์ของพวกเขาเองก็ไม่สู้ดีอย่างยิ่ง พวกเขาทำได้เพียงพิงหลังชนหลังและใช้อาวุธที่มีในมือฟาดใส่ซอมบี้ที่ล้อมกรอบพวกเขาเอาไว้เท่านั้น แต่ยิ่งเวลาผ่านไปนานมากเท่าไหร่แรงกายแรงใจก็ยิ่งถูกทอนไปมากเท่านั้น
“ช่วยด้วยๆ!”
หนึ่งในเซอร์ไวเวอร์สังเกตุเห็นเงาร่างของโจวเฉินที่อยู่ไม่ห่างมากนักจึงตะโกนขอความช่วยเหลือเสียงดังสนั่น
จากนั้นเขากลับพบว่าโจวเฉินเลือกที่จะหมุนกายและจากไปแทน
เหตุผลที่เขาทำเช่นนี้หาใช่เพราะเขาเป็นคนเลือดเย็นแต่เป็นเพราะว่าจำนวนของซอมบี้ที่ล้อมคนทั้งสามเอาไว้มีเยอะเกินไป ถ้าเขาพุ่งเข้าไปนอกจากอาจจะไม่สามารถช่วยคนพวกนั้นเอาไว้ได้แล้วก็อาจจะได้รับบาดเจ็บหรือถึงตายเองก็เป็นได้
ถ้าเขาแข็งแกร่งกว่านี้และอยู่ในสภาพที่พร้อมสู้เขาก็ไม่ใส่ใจที่จะช่วยคนเหล่านี้หรอก
หลังออกจากจุดที่พบกับผู้โชคร้ายทั้งสามคนโจวเฉินก็ใช้เวลาอีกซักพักกว่าจะมาถึงที่ซ่อน หลังจากตรวจสอบจนแน่ใจแล้วเขาก็ใช้เฟอร์นิเจอร์มาขวางประตูและหน้าต่างเอาไว้ก่อนจะทิ้งกายลงบนเตียง
ครานี้เขาตกลงสู่ห้วงนิทราอย่างรวดเร็วจนกระทั่งต้องสะดุ้งตื่นเนื่องจากเสียงดังสนั่นหวั่นไหวที่ดังขึ้นมา
ปัง....ปัง....ปัง
“เกิดอะไรขึ้น?”
โจวเฉินลุกขึ้นจากเตียงและสัมผัสได้ว่าห้องทั้งห้องที่เขาอยู่กำลังสั่นไหว เขาจึงรีบลุกขึ้นและทำการตรวจสอบทันที
เนื่องจากตอนนี้เป็นช่วงกลางคืนประตูและหน้าต่างภายในห้องของเขาจึงถูกปิดเอาไว้และถูกเฟอร์นิเจอร์ขวางเอาไว้อีกชั้น มีเพียงรูเล็กๆที่มากพอจะให้แสงจันทร์ส่องผ่านมาได้เท่านั้นที่เหลือรอดจึงทำให้ภายในห้องค่อนข้างมืดสนิท
โจวเฉินตรวจสอบภายในห้องอันมืดมิดอยู่ซักพักและพบว่าที่มาของเสียงมาจากการที่ใครบางคนหรืออะไรบางอย่างกำลังกระหน่ำทุบประตูห้องของเขาอย่างแรง!
“เล่นใหญ่ขนาดนี้เป็นซอมบี้แน่นอนแต่...มันรู้ได้ไงว่าเราอยู่ที่นี่?”
โจวเฉินรู้สึกสับสนเล็กน้อย ก่อนหน้านี้ตราบใดที่เขาสามารถจัดการกับซอมบี้ที่ขวางอยู่นอกห้องหรือในอาณาบริเวณได้จนเกลี้ยงได้เขาก็ไม่เคยถูกซอมบี้ตัวอื่นเจอตัวมาก่อนเลย
ขณะที่คิดอยู่นั้นเขาก็ทำการเลื่อนเฟอร์นิเจอร์ที่ขวางหน้าต่างเอาไว้มาที่ประตูเพื่อเสริมแกร่งอีกชั้นหนึ่ง
หลังจากจัดการเสร็จสรรพเสียงเคาะประตูดังสนั่นกลับยังคงอยู่แต่แรงสั่นสะเทือนนั้นเบาลงมากแล้ว
“ไม่รู้ด้วยสิว่ามันจะเคาะอยู่แบบนี้อีกนานแค่ไหน...ปล่อยไปเรื่อยๆก็คงไม่ดีแน่”
แรงกดดันอันหนักหน่วงกดทับลงมาในใจของเขาทำให้เขารู้สึกและได้สัมผัสแล้วว่าโลกนี้มันเลวร้ายกว่าที่คิด
ในตอนที่เขากำลังคิดว่าจะพังหน้าต่างหนีออกไปดีไหมอยู่นั้นสถานการณ์ที่เลวร้ายอยู่แล้วก็เลวร้ายลงยิ่งกว่าเดิม เงาร่างอวบอ้วนร่างหนึ่งปรากฏตัวอยู่ข้างๆหน้าต่าง แสงจันทร์ที่มีเผยให้เห็นศรีษะเน่าหนอนน่าและขยะแขยงของมัน
ไม่เพียงแต่ซอมบี้ร่างยักษ์ตัวนี้จะดูน่าขยะแขยงเพียงเท่านั้นแต่ยังดูเหมือนว่าจะมีสติปัญญาในระดับหนึ่งอีกด้วย ดวงตาปูดโปนของมันจับจ้องมองมาที่โจวเฉินเขม็งและริมฝีปากที่เน่าเปื่อยเองก็แสยะยิ้มราวกับเยาะเย้ยออกมา
“ซอมบี้ชนิดพิเศษ!”
โจวเฉินตกตะลึงกับภาพของซอมบี้ร่างยักษ์ที่จู่ๆก็ปรากฏตัวออกมาด้านนอกหน้าต่างยิ่งนักแต่ในเวลาเดียวกันเขาก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อย ในช่วงกลางวันเขาเสาะหาตั้งนานกลับมาเจอเอาตอนนี้
“เอานี่ไปแดก!”
ในเมื่อถูกเผยตำแหน่งแล้วโจวเฉินจึงเลือกที่จะเปิดฉากโจมตี เขาหยิบหอกที่ฉาบพิษซากศพเตรียมเอาไว้ก่อนแล้วขึ้นมากระชับไว้ในมือแน่นจากนั้นก็แทงหอกทะลุหน้าต่างออกไปเข้าใส่บริเวณดวงตาของซอมบี้ร่างยักษ์เข้าอย่างจังจนทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของมันเหือดหาย
คราวนี้เขามั่นใจมากว่าเขาใช้แรงแทงหอกไปมหาศาลแต่เนื่องจากซอมบี้ตัวนี้มีขนาดตัวที่ใหญ่โตยิ่งนักและมีหน้าต่างขวางเอาไว้จึงสร้างความเสียหายร้ายแรงให้กับมันไม่ได้ เขาทำได้เพียงแค่ทำให้มันเจ็บและหลบหนีไปเท่านั้น
“ซอมบี้ห่านี่กระทั่งเรื่องหนีก็ยังทำเป็น....”
โจวเฉินประหลาดใจขึ้นมาเล็กน้อย ซอมบี้ที่เขาเจอในช่วงสองวันที่ผ่านมาล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งมีชีวิต(?)ที่คิดได้แค่ด้านเดียวกันทั้งนั้น นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาพบกับตัวที่รู้จักหลบหนีด้วย
หลังจากซอมบี้ร่างยักษ์ออกห่างจากหน้าต่างไปบริเวณด้านนอกหน้าต่างก็พลันถูกซอมบี้ทั่วๆไปกรูกันเข้ามา ซอมบี้พวกนี้พยายามแหวกฝ่าราวหน้าต่างและเหยียดยื่นกงเล็บเข้ามาราวกับต้องการจะฉีกกระชากเขาเป็นชิ้นๆแต่กลับจบลงที่ถูกขวานเล็กในมือของโจวเฉินแยกแขนแยกหัวออกจากร่างกายไปเสียชิบ
โจวเฉินเหวี่ยงขวานในมืออยู่ซักพักก่อนจะตัดสินใจยอมแพ้เพราะเขารู้ดีว่าที่ทำอยู่นั้นมันไร้ประโยชน์สิ้นดี ซอมบี้ที่กรูกันอยู่ตรงหน้าต่างมีจำนวนมหาศาลเกินไปและฆ่าไปเท่าไหร่ก็มีแต่จะเพิ่มจำนวนศพที่ทำให้เกิดปัญหาเรื่องการระบายอากาศภายในห้องมากเท่านั้น
“ดูเหมือนจะติดอยู่ในห้องนี้ซะแล้วสิแต่นี่ก็อาจจะเอาตัวรอดง่ายกว่าด้านนอกล่ะนะ...”
หลังจากยอมรับชะตากรรมที่ถูกซอมบี้จำนวนมหาศาลโอบล้อมโจวเฉินก็จัดแจงเอาเฟอร์นิเจอร์มาขวางหน้าต่างไว้อีกครั้งก่อนจะกลับไปทิ้งตัวลงบนเตียง
เขาหนีไม่ได้แล้วก็หลับไม่ได้ด้วยเช่นกันจึงทำได้เพียงเอนกายเพื่อพักเอาแรงเท่านั้น ขณะเดียวกันก็ปล่อยให้พวกซอมบี้มันทุบมันคำรามกันไป
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว จวบจนรุ่งสางโจวเฉินกลับยังไม่ได้หลับตาเลยซักครั้ง เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นสู่ฟ้าซอมบี้ด้านนอกกลับยังไม่จากไป พวกมันยังคงเคาะประตูเคาะหน้าต่างห้องของเขาอย่างต่อเนื่องจนทำให้ห้องทั้งห้องสั่นสะเทือน