ตอนที่แล้วตอนที่ 354 – ตอนที่ 335 ทุ่มพลังสู้จนถึงที่สุด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 355 – ตอนที่ 336 ระเบิดพลีชีพและวิญญาณ

ตอนที่ 355 - จบภารกิจโหด เลื่อนชั้นถ้วนหน้า


ร่างอมตะของเทวทูตสายฟ้าแข็งแกร่งกว่าร่างทรายของหวงซา ถ้าเขาไม่เสียสละร่างของเขา อย่างนั้นด้วยพลังของเย่ว์หยางในปัจจุบันคงต้องลำบากกว่าจะฆ่าเขาที่มีพลังนักรบปราณก่อกำเนิดระดับ 10 ได้

นอกจากทำลานแกนชีวิตของเขา เขาก็จะอยู่ยงคงกระพัน

หลังจากสูญเสียร่างหลักของตนเอง เหลือแต่เพียงร่างวิญญาณ ทำให้เขาไม่สามารถใช้พลังสายฟ้าได้ ผลก็คือ เขาอยู่ในสภาพที่อ่อนแอที่สุด ถ้าไม่ใช่เพราะจิ่วเซียวประทานอาวุธแสงดำและให้พลังเขา เย่ว์หยางคงเมินเฉยกับการคงอยู่ของเทวทูตสายฟ้าไปแล้ว เมื่อสาวกิเลนช่วยนางเซียนหงส์ฟ้า เสวี่ยอู๋เสียและหญิงสาวอื่นๆ เร่งตามมาสมทบ นี่ทำให้ภาระหนักอึ้งในหัวใจของเย่ว์หยางหมดไป เขาตัดสินใจโอบล้อมเพื่อกำจัดเทวทูตสายฟ้า เย่ว์หยางจะไม่ยอมให้ศัตรูทรงพลังมีโอกาสฟื้นตัว เขาจะต้องใช้ประโยชน์ที่ศัตรูอยู่ในสภาพอ่อนแอที่สุดผนึกเอาไว้ในวังเทพจักรพรรดิอวี้ตลอดไป

“อ๊าาาา!”

เทวทูตสายฟ้าไม่อาจทนรับความเจ็บปวดได้ ไม่ว่าจะเป็นเพลิงอมฤต, วงจักรล้างโลกหรือปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ แต่ละอย่างล้วนสร้างความเสียหายให้วิญญาณเขาได้

ผนึกเทพจักรพรรดิอวี้ยังคงเหลือปณิธานขององค์จักรพรรดิอยู่ ได้กดประทับลงที่หน้าผากทำให้เขาจำได้ถึงเงามรณะเมื่อหกพันปีที่แล้ว

หกพันปีที่แล้ว สามผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์และสหายของเขาร่วมมือกันใช้พลังต้านทานผนึกด้วยกัน

วันนี้ เขาเหลือตัวคนเดียวไม่มีแรงหนุน เป็นไปได้ไหมว่าเขากำลังจะตาย?

“ตายพร้อมกับข้าเสียเถอะ!” เทวทูตสายฟ้าหันไปพุ่งเข้าใส่เย่ว์หยาง เขาเตรียมตัวใช้ทักษะต้องห้ามของแดนสวรรค์ “ระเบิดสลายร่างและวิญญาณ” เพื่อฉุดเย่ว์หยางให้ตายตามเขาไปด้วย

แม้ว่าเขาจะสูญเสียพลังหนุนเสริมของร่างหยาบจนเป็นเหตุให้พลังของระเบิดสลายร่างและวิญญาณอ่อนกำลังลง แต่ก็ยังมีความสามารถในการทำลายล้างศัตรูของเขาอยู่ดี

เสี่ยวเหวินหลีจ้องมองเขาและใช้ทักษะแฝงเร้น โซ่ล่องหนมากกว่าหนึ่งครั้ง

เย่ว์หยางไม่ได้ถอย แต่กลับเดินหน้าแทน ในมือของเขา เขาสร้างหงส์เพลิงที่มีเพลิงอมฤตลุกโหมขนาดมหึมาและยิงเข้าหาร่างของเทวทูตสายฟ้า ตามมาด้วยวงจักรล้างโลก ตัดอักษรรูนสวรรค์ที่ปกป้องวิญญาณของเขา จากนั้นเย่ว์หยางใช้ปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ยิงเข้าที่แก่นวิญญาณของเทวทูตสายฟ้า

แก่นวิญญาณของเทวทูตสายฟ้าแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ และเขาสั่นไปทั้งร่าง พลังวิญญาณของเขาแตกกระจัดกระจาย จากนั้นก็ถูกสนามพลังดูดกลืนของเย่ว์หยางดูดกลืนลงไป

อย่างไรก็ตาม เทวทูตสายฟ้ายังไม่ตาย

เมื่อเขารู้ว่าเขาไม่มีโอกาสฆ่าเย่ว์หยาง ทันใดนั้นเขายกเลิกความคิดที่จะตกตายตามกัน เขากลับพุ่งเข้าหาเสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนแทน ผมของเย่ว์หยางตั้งชันด้วยความโกรธ เขารีบไล่ตามและยื่นมือคว้าร่างวิญญาณของเทวทูตสายฟ้า เขาใช้พลังดึงเอาแก่นวิญญาณที่ยังเหลือของเขาออกมา เทวทูตสายฟ้าหัวเราะทันที “สายไปแล้ว จุดอ่อนของมนุษย์ก็คือผู้หญิง จงพังทลายและบ้าไปซะ!”

เขาพุ่งเข้าหาเสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน อาวุธแสงดำในมือของเขาเตรียมใช้ในการโจมตีครั้งสุดท้าย

ก่อนที่เพลิงอมฤตจะสลายแก่นวิญญาณของเขา เขายังพอมีเวลาอีกเล็กน้อย

“ตาย!” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนตวาดอย่างเรียบเฉย ภาพของพยัคฆ์ขาวฉายขึ้นในอากาศ ด้วยพลังพยัคฆ์ขาวและด้วยความช่วยเหลือของปราณกระบี่จักรพรรดิ นางใช้ดาบเทพจักรพรรดิอวี้ตัดร่างวิญญาณของเทวทูตสายฟ้าขาดเป็นสองท่อน

ขณะเดียวกันเทวทูตสายฟ้ายังคงยื่นมือของตนเองออกมา

เดิมทีเขาไม่ได้ป้องกันตัวอยู่แล้ว เขาเพียงแต่เงื้ออาวุธแสงดำและฟันใส่เสวี่ยอู๋เสีย

ไม่ว่าเจ้าเมืองโล่วฮัว, เย่ว์หวี่, เมดูซ่าศิลา, เงือกวายุ, นาคาสายฟ้าและปีศาจอสรพิษน้ำแข็งจะโจมตีเช่นไรก็ตาม เขาไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย ความตั้งใจแน่วแน่ของเขาก็คือฆ่าเสวี่ยอู๋เสียให้ได้ อาวุธแสงดำฟันลงโดยไม่มีทีท่าว่าผู้ใดจะยับยั้งได้… ผู้เฒ่าเต่ามังกรรีบตามมาทัน แต่เขาส่งร่างของเทวทูตสายฟ้าครึ่งหนึ่งกระเด็นออกไปเท่านั้น เขาไม่สามารถป้องกันแรงฟันของอาวุธแสงดำได้

“ไม่!” อู๋เหินเตรียมสร้างโล่แก้วไว้พร้อมแล้ว แต่ความเร็วของนางยังเร็วไม่พอ นางยังช้าเกินไปไม่สามารถไปอยู่ข้างๆ เสวี่ยอู๋เสียได้จึงได้แต่ร้องอย่างใจไม่ดี

“พี่อู๋เสีย!” อี้หนานยังคงควบคุมภูตกระจกให้บินเข้าหา แต่ระยะของนางอยู่ไกลเกินไป

“….” เสวี่ยอู๋เสียรู้สึกว่านางอยู่ในระยะสังหารของอาวุธแสงดำแล้ว ถ้านางหนี นางคงตายเร็วขึ้น นางไม่ตื่นเต้นแต่มองเย่ว์หยางอย่างลึกซึ้ง นางได้แต่ยิ้ม ถ้านี่จะเป็นการแยกจากกันชั่วนิรันดร์ อย่างนั้นนางจะจากเขาไปทั้งรอยยิ้ม เขาชอบยิ้มของนางและมักต้องการให้นางยิ้ม แต่โดยปกตินางมักจะทำเฉยเมยกับเขา

นางยกมือขาว เตรียมรับการโจมตี นางหวังว่าแขนข้างเดียวก็เพียงพอกับการแลกชีวิตนาง

แม้ว่านางไม่รู้ว่านี่จะทำได้สำเร็จหรือไม่ แต่นางยังคงต้องการลองดู

ก็แค่แขนข้างเดียวไม่ใช่หรือ?

ตราบใดที่เทวทูตสายฟ้าไม่หันไปโจมตีใส่เย่ว์หวี่หรือโล่วฮัว เสียแขนข้างเดียวจะเป็นไรไป

นางไม่ได้ขยับเลยแม้แต่น้อย ภูตพายุหิมะ อสูรพิทักษ์ของนางก็ยังเลียนแบบการกระทำของนาง เตรียมยกแขนต้านรับการโจมตี ขณะที่แขนอีกข้างของนางเกร็งพลังน้ำแข็งรอโอกาสโจมตีตอบโต้ เจ้าเมืองโล่วฮัวโจมตีจนหมดเรี่ยวแรงไปแล้วแต่ก็ยังช่วยไม่ได้ นางหวาดกลัวมากจนแทบสิ้นสติ เย่ว์หวี่ที่ปกติอ่อนแอกว่าผู้ใดมีน้ำตาอาบแก้ม นางเตรียมใช้ร่างนางปกป้องเสวี่ยอู๋เสีย แต่นางก็ต้องหยุด เพราะนางคงเสียสละชีวิตอย่างไร้ประโยชน์

“เลวบัดซบ!” เย่ว์หยางใช้ความเร็วสูงสุดไล่ตามเทวทูตสายฟ้า เขาขว้างแสงเทพห้าสีเข้าไปขวางอาวุธแสงดำไว้

“กรี๊ดดดด…” นางพญากระหายเลือดที่บินอยู่ในท้องฟ้ากรีดร้องยาวและบินพุ่งลงมา นางใช้ร่างทั้งร่างโอบแสงดำนั้นไว้ นางรู้ว่านางเป็นอสูรพิทักษ์และไม่มีทางตายอย่างแท้จริง นางเตรียมตัวใช้ร่างตนเองขวางการโจมตีครั้งนี้ไว้

อีกด้านหนึ่ง นางพญาดอกหนามมงกุฏทองเร่งตามมาสมทบ

ช่วงเวลาที่ผ่านมา นางจัดการเก็บกวาดพื้นที่สนามรบในโถงวิหารที่สอง นางจึงมาสายไปก้าวหนึ่ง และคิดไม่ถึงว่าเทวทูตสายฟ้าจะใช้วิธีฆ่าตัวตาย

เทวทูตสายฟ้าไม่เพียงแต่เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 10 เท่านั้น เขายังคงรู้จักความเร็วของตนเองดีอีกด้ว้ย แม้ว่าเขาจะเสียสละร่างหยาบไปแล้ว แต่เมื่อเขาโจมตี กลับไม่มีผู้ใดสามารถยับยั้งเขาได้ง่ายๆ

อาวุธแสงดำฉายวาบขึ้น

มันตัดแขนข้างหนึ่ง ขณะเดียวกันร่างที่อยู่ด้านหลังแขนยังถูกตัดขาดครึ่ง..

เลือดฉีดพุ่งขึ้นไปในอากาศ

แก่นวิญญาณที่เย่ว์หยางถือไว้ถูกเพลิงอมฤตกลั่น มันกลายเป็นมุกพลังวิญญาณที่มีธาตุสายฟ้า ร่างวิญญาณของเทวทูตสายฟ้าสูญเสียจิตสำนึกไปทันที สีหน้าของเขาถูกแช่แข็ง วิญญาณของเขาที่ถูกเพลิงอมฤตชำระค่อยๆ จางหาย อาวุธแสงดำที่เขาเคยใช้จู่โจมหลุดจากการครอบครองของเขาและแทงลงไปที่พื้น เย่ว์หวี่กลัวจนแทบไม่เหลือความรู้สึก นางวิ่งเขามากอดเสวี่ยอู๋เสียที่นอนกับพื้นตัวเต็มไปด้วยเลือด นางร้องลั่น “ไม่นะ ไม่นะ, อู๋เสีย! อย่าทำให้ข้ากลัว!”

“ข้าไม่เป็นไรแล้ว, อาหมัน, อาหมันช่วยกันท่าสังหารแทนข้า” เสวี่ยอู๋เสียคิดว่านางคงไม่รอดแล้ว อย่างไรก็ตาม นางคาดไม่ถึงว่าอาหมันที่ร่างสูงใหญ่กว่าจะออกมาอย่างฉับพลันและโดดขวางรับการจู่โจมที่ร้ายแรงนั้นไว้

โคเงาป่าอาหมัน ถูกตัดแขนขวา

อาวุธแสงดำตัดเข้าร่างนางไปถึงครึ่งตัว ร่างของนางแทบจะขาดครึ่ง นางใกล้จะกลายเป็นร่างมนุษย์อยู่แล้ว ดังนั้นเลือดนางจึงฉีดพุ่งออกมาเป็นละอองเหมือนฝน

เมื่อหยางรีบเข้ามาถึง นางไม่พูดอะไร นัยน์ตานางไม่มีอาการบ่งบอกถึงความเจ็บปวด มีแต่เพียงความปลื้ม

เพราะนางเห็นดวงตาของเจ้านายนางเป็นกังวลและเจ็บปวด

วิญญาณของเทวทูตสายฟ้าจางหายไปแล้ว อย่างไรก็ตามร่างวิญญาณของเขาถูกภูตสตรีที่อยู่คัมภีร์โบราณฉุดลากออกไป นางกลับเข้าไปในคัมภีร์โบราณ ทว่าไม่มีใครให้ความสนใจการกระทำของนาง ทุกคนพากันล้อมโคเงาไว้ เย่ว์หยางกอดนางและทุ่มพลังทั้งหมดใช้เพลิงอมฤตรักษาอาการบาดเจ็บให้อาหมัน เย่ว์หวี่กลัวจนมือสั่น นางแทบจะลืมวิธีเรียกบอลวารีบำบัดของนาง

ทุกคนช่วยกันรักษาอาหมันโดยไม่รู้ตัว เหมือนกับว่านางเป็นมนุษย์ ไม่ใช่อสูรพิทักษ์

อาหมันยื่นมือซ้ายที่เหลือออกมาลูบหน้าของเย่ว์หยาง

นางส่ายหน้าเหมือนกับต้องการจะยิ้มและบอกทุกคนว่านางปลอดภัยแล้ว อย่างไรก็ตาม อย่างไรก็ตามก่อนรอยยิ้มของนางจะหายไป นางก็กลายเป็นเป็นมวลแสง ร่างของนางกลายสภาพเป็นพลังงานและกลับเข้าไปในโลกคัมภีร์

“ข้าจะจำวันนี้ไว้เป็นบทเรียน ข้าจะต้องแข็งแกร่งที่สุดในโลกให้ได้แน่นอน! ข้าขอสาบานว่าในอนาคต ไม่ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับศัตรูในถิ่นมนุษย์หรือแดนสวรรค์ เรื่องแบบนี้จะไม่มีทางเกิดขึ้นอีก!” เย่ว์หยางกำหมัดแน่น ในช่วงเวลานี้ เขาโกรธมาก เขาเกลียดตัวเองที่แข็งแกร่งไม่พอ ถ้าเขาฆ่าเทวทูตสายฟ้าได้ฉับพลัน ถ้าเขามีความแข็งแกร่งพอที่จะทนต่อพลังของสองผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ได้ เรื่องอย่างนี้ยังจะเกิดขึ้นอีกหรือ?

กระทั่งถึงตอนนี้ เย่ว์หยางคิดว่าตัวเขาแข็งแกร่งแล้ว

แม้ว่าเขาจะไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งที่สุด แต่เย่ว์หยางก็ยังรู้สึกว่าเขาสามารถรับมือความยากลำบากได้

อย่างไรก็ตาม ศึกครั้งนี้ให้บทเรียนกับเขาอย่างหนึ่ง และนั่นก็คือ ไม่มีขีดจำกัดของพลังต่อหน้าเขา ยอดฝีมือที่แท้จริงแข็งแกร่งจนคาดไม่ถึง สถานการณ์ไม่เป็นไปตามแผนและความคาดหวังของเขา โลกนี้ ยังมีสิ่งที่เขาไม่รู้อยู่อีก

อยู่เบื้องหน้าผู้แข็งแกร่งทรงพลัง ความรู้และทักษะของเขาแทบไม่มีอะไรเลย

ความปรารถนาจะใช้ความรู้และทักษะเพื่อให้ได้ชัยชนะ ตนเองจะต้องมีความแข็งแกร่งที่เพียงพอเสียก่อน

บทสรุปเพียงประโยคเดียวก็คือ เมื่อท่านแข็งแกร่งเพียงพอก็จะทำให้ท่านมีคุณสมบัติพอจะเล่นกับคนอื่นๆ ได้

สามผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์แสดงให้เย่ว์หยางเห็นเป้าหมายที่สูงล้ำ… แม้ว่าพวกเขาจะหลับใหลมานานหกพันปีและภายใต้สภาพที่อ่อนแอที่สุดของพวกเขา สามผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ก็ยังมีพลังพอจะฆ่าเย่ว์หยางได้ ความแข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นเป้าหมายให้เย่ว์หยางฝึกฝนตนเองยิ่งขึ้นไป

เป็นมนุษย์นักรบที่แข็งแกร่งที่สุดยังไม่เพียงพอ

เย่ว์หยางต้องการแข็งแกร่งยิ่งกว่าสามผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ แข็งแกร่งยิ่งกว่าจักรพรรดิอวี้ซึ่งเป็นผู้ผนึกผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ทั้งสามไว้

ขณะที่เย่ว์ปิง, เย่ว์หวี่, เสวี่ยอู๋เสีย, องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเจ้าเมืองโล่วฮัวต่างก็เข้ามากอดเย่ว์หยาง ทันใดนั้นคัมภีร์อัญเชิญของทุกคนก็ปราณกฎขึ้นและและพลิกเปิดหน้าเอง ลำแสงทองขนาดมหึมาที่ไม่เคยเกิดมาก่อนในประวัติศาสตร์ฉายออกมาจากคัมภีร์ทุกคนพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า อสูรทุกตัวต่างก็อาบลำแสงสีทองนี้ ทั้งวิวัฒนาการ ทั้งยกระดับพร้อมกัน

ในท่ามกลางลำแสงส่องสว่าง ระดับของเย่ว์หยางและเสวี่ยอู๋เสียเพิ่มอย่างน่าตกใจมากที่สุด

หลังจากภูตหญิงในคัมภีร์โบราณของเสวี่ยอู๋เสียดูดกลืนพลังวิญญาณของเทวทูตสายฟ้าและอาบลำแสงทอง คัมภีร์โบราณมีการเปลี่ยนแปลงพื้นฐานทั้งหมด มันยกระดับขึ้นกลายเป็นสมบัติระดับทอง

คัมภีร์อัญเชิญของเย่ว์หยางแต่เดิมทีเป็นคัมภีร์ทองระดับกลาง ยกระดับกลายเป็นคัมภีร์แพลตตินัมระดับเริ่มต้น

เสวี่ยอู๋เสียผู้ยื้อระดับอยู่ในขั้นเตรียมปราณก่อกำเนิด ก็ไม่สามารถยื้อพลังของนางให้อยู่ในระดับนี้ต่อไปได้ เสียงระเบิดสนั่นหวั่นไหว ร่างของนางพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้าอาบลำแสงทองที่จะปรากฏต่อเมื่อมีคนยกระดับเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด ลำแสงนั้นสูงมากประดุจจะเชื่อมผืนดินแผ่นฟ้าเข้าด้วยกัน ความสูงมากกว่าร้อยเมตรจนเกือบถึงสองร้อยเมตร ยังสูงยิ่งกว่าลำแสงที่ปรากฏเมื่อตอนองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเจ้าเมืองโล่วฮัวยกระดับเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด อย่างไรก็ตาม ทุกคนต่างก็ยุ่งกับการยกระดับ ดังนั้นไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นการยกระดับของเสวี่ยอู๋เสีย

ภูตหิมะสาว อสูรพิทักษ์นางเปลี่ยนร่างไปโดยสิ้นเชิงและรวมร่างกับภูตสาวในคัมภีร์โบราณ

น้ำแข็งและสายฟ้าหลอมรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

พวกนางกลายเป็นร่างขนาดมหึมาสูงสามสิบกว่าเมตรปรากฏอยู่ในท่ามกลางลำแสงทอง

นางสลัดขนนกของนางอย่างไม่คาดฝันและกลายเป็นอสูรระดับเพชร แม้ว่านางจะเป็นเพียงอสูรเพชรระดับ 1 แต่ก็ยังพิสูจน์ได้ว่าศักยภาพของนางจะยิ่งใหญ่มากกว่าแต่ก่อน ลักษณะของนางจะมีเกล็ดหิมะลอยอยู่ในอากาศรอบๆ ตัวนาง นางค่อยๆ กลายสภาพเป็นร่างวิญญาณและเข้าไปในร่างของเสวี่ยอู๋เสีย เป็นวิธีเดียวกับที่เสี่ยวเหวินหลีลอยเข้าไปในร่างของเย่ว์หยาง จากนั้นหิมะที่ล่องลอยในอากาศก็ค่อยๆ หายไป

“อาหมัน!” เย่ว์หยางไม่ทันสังเกตเรื่องนี้ ในใจของเขายังคงห่วงอาหมัน ขณะที่เขาเชื่อมโยงจิต อาหมันกำลังจำศีลอยู่ เขาก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าความจริง อาหมันไม่ได้ตาย นางเพียงแต่จำศีลเนื่องจากอาการบาดเจ็บรุนแรงของนาง นางจะต่างจากอสูรพิทักษ์อื่นที่จะสูญเสียความทรงจำทันทีที่ตาย

นางยังคงเป็นอาหมันเหมือนเดิม

นางยังคงเป็นอาหมันคนเดิมของเขา

เสี่ยวเหวินหลี, อาหงนางพญากระหายเลือด, นางพญาดอกหนามมงกุฎทอง, เมดูซ่าศิล, เงือกวายุ, นาคาสายฟ้าและปีศาจอสรพิษน้ำแข็งต่างก็ล้อมเย่ว์หยางไว้ พวกนางอาบเพลิงอมฤตที่ปรากฏขึ้นระหว่างที่เย่ว์หยางยกระดับ แล้วก็ยกระดับไปพร้อมกัน พวกนางยังคงวิวัฒนาการต่อเนื่องสลัดคราบของพวกนาง แม้แต่ภูตควันไฟที่ล่าหนอนทรายปีศาจก็ปล่อยเพลิงและเพลิดเพลินยินดีกับการเพิ่มระดับ

ผู้เฒ่าเต่ามังกรผู้ไม่ได้ยกระดับไปพร้อมกับเย่ว์หยางและคนอื่นๆ ถือคทาเทพจักรพรรดิอวี้ที่ยังเหลือปณิธานของจักรพรรดิอวี้อยู่ น้ำตาของเขาอาบแก้ม ขณะที่เขาคุกเข่าแสดงความอาลัยต่อเนื่อง

นอกจากเขาแล้ว จักรพรรดิอวี้ทรงทิ้งประวัติศาสตร์ที่คนลืมเลือนไว้เบื้องหลัง

หกพันปีผ่านไปและผนึกไปแล้ว ผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ก็ยังไม่ตายและหลบหนีไปได้ ใครเล่าจะจำจักรพรรดิของมนุษย์ผู้เขย่าดินแดนสวรรค์ได้?

ผู้ใดยังจำจักรพรรดิอวี้ผู้เสียสละชีวิตของพระองค์เพื่อผนึกสามผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ไว้?

สิ่งเดียวที่สร้างความมั่นใจให้เต่ามังกรเฒ่าก็คือ อัจฉริยะในหมู่มนุษย์ได้ถือกำเนิดขึ้นอีกครั้ง

เขายังคงอายุเยาว์มาก และไม่อาจเทียบได้กับจักรพรรดิอวี้ก่อนนั้นได้ อย่างไรก็ตาม ด้วยศักยภาพที่เติบโตของเจ้าเด็กนี้และเขาฝึนฝนตัวเองเพิ่มขึ้นกว่านี้ ก็จะเป็นยุคของยอดนักสู้รุ่นใหม่ เขาจะกลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าจักรพรรดิอวี้

เขายังคงอายุเยาว์

ด้วยการท้าทายและประสบการณ์ที่เขาได้รับในวันนี้ พลังในอนาคตของเขาจะไม่มีขีดจำกัด

เขาจะเป็นผู้ประสบความสำเร็จ เป็นจักรพรรดิอวี้รุ่นใหม่แน่!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด